เรื่องกิน เรื่องเที่ยว คือเรื่องเดียวกัน และเป็นเรื่องราวของเราสองคน :)

ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]




ปลาหมึกน้อย กับ นายโอเลี้ยง รายงานตัวครับ
เนื่องด้วยเราสองคนเป็นคนชอบเที่ยว ชอบกิน ดังนั้นก็เลยจัดการหาที่เก็บสถานที่หรือร้านอาหารที่เคยแวะเยี่ยมมาแล้ว

และเสมือนเป็น ไดอารี่ส่วนตัว ที่ทุกคนเข้าดูได้ อาจจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่ผ่านเข้ามาแล้วต้องการหาข้อมูลสำหรับสถานที่นั้นๆ

ขอให้สนุกกับ Blog นี้นะ

ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^

Click ข้างล่างได้เลยจ้า

click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary
New Comments
Group Blog
 
<<
กันยายน 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
18 กันยายน 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง's blog to your web]
Links
 

 
Umenohana

ชื่อร้าน : Umenohana
รายการอาหาร : อาหารญี่ปุ่น
เวลาเปิดบริการ : 11.00 – 15.00 น. และ 18.00 – 23.00 น.
ที่ตั้งร้าน : ชั้น 2 Nihonmura Mall ซอยทองหล่อ 13 แขวงคลองตันเหนือ, กรุงเทพมหานคร วัฒนา Thailand
พิกัด GPS : 13° 44' 3.42" N 100° 34' 47.01" E





Umenohana -Authentic Kaiseki Cuisine



Umenohana (อุเมะโนะฮานะ) ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “ดอกบ๊วย” อย่าเพิ่งแปลกใจว่าวันนี้ไม่ได้มาฝึกภาษาญี่ปุ่นครับ แต่จะพาไปทานอาหารญี่ปุ่นที่ร้าน Umenohana ต่างหากครับ แน่นอนว่าร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่จากที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่น ที่เริ่มต้นในเมืองคุรุเมะ จังหวัดฟุกุโอกะ ดังนั้นรับรองว่าบรรยากาศร้านนี้จะต้องอบอวลไปด้วยกลิ่นไอความเป็นญี่ปุ่นแบบดังเดิม โดยเฉพาะรูปแบบการเสิร์ฟอาหารของที่นี่จะเป็นแบบ Kaiseki ซึ่งเป็นวิธีการเสิร์ฟแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยจะเสิร์ฟอาหารทีละจานจนจบคอร์ส เพื่อให้เราได้ลิ้มรสความสดใหม่ของอาหารในทุกๆ จานเสมอ



ก่อนอื่นพาไปเดินชมบรรยากาศของร้านก่อนนะครับ ซึ่งแน่นอนว่าแค่ก้าวเข้ามาในร้านก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศการความเป็นญี่ปุ่นตั้งแต่หน้าประตู ไปจนถึงห้องอาหาร ด้วยการตกแต่งที่เน้นสีอบอุ่นโดยใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ในสไตล์ญี่ปุ่น โดยมีการจัดสรรที่นั่งสองส่วน คือห้องที่เป็นส่วนตัว และห้องที่ทานรวมทั่วไป โดยมื้อนี้เรามาทานกันสองคนในห้องที่เป็นส่วนตัว ซึ่งมีการตกแต่งโดยนั่งพื้นตามแบบฉบับของคนญี่ปุ่น แต่ไม่ต้องกลัวจะเมื่อยนะครับ เพราะในห้องมีการเจาะพื้นสำหรับเหยียดขาได้เต็มที่ ดังนั้นรับรองว่านั่งสบาย แถมบรรยากาศก็ชวนให้นึกว่านั่งทานกันอยู่ที่ญี่ปุ่นจริงๆ

















มาถึงเมนูอาหารกันบ้างดีกว่าครับ สำหรับที่นี่ถือว่าเป็น Authentic Kaiseki Cuisine ซึ่งเมนูเด่นของที่นี่จะเป็นเมนูเต้าหู้ ที่ใช้เมล็ดถั่วเหลืองออร์แกนิก และเมนูปูที่หลากหลาย อย่างที่บอกว่าที่นี่จะมีการเสิร์ฟแบบไคเซกิ (Kaiseki) ซึ่งจะมีให้เลือกหลายคอร์ส แต่วันนี้ผมขอนำเสนอเมนูชุด Umenohana Zen (1,250++) เมนูนี้ถือว่าเป็นเมนูซิกเนเจอร์เต้าหู้ทั้งหมดของ Umenohana เอาไว้ ซึ่งถูกใจคนที่ชอบทานเต้าหู้แถมยังได้ประโยชน์เต็มๆ ด้วยนะครับ อย่างที่บอกไว้ว่าที่นี่จะเสิร์ฟอาหารแบบไคเซกิ ซึ่งจะทยอยเสิร์ฟที่ละจาน แต่ก่อนที่จะเริ่มมื้ออาหาร พนักงานร้านจะมาชงชาตามธรรมเนียมญี่ปุ่นให้เราดื่มก่อนจะเสิร์ฟอาหารพร้อมทั้งแนะนำตัวเองให้เราได้รู้จัก เพราะเค้าจะเป็นคนที่เสิร์ฟให้เราตลอดมื้อนี้ครับ มาเริ่มต้นเมนู Umenohana Zen ด้วย Assorted Appetizers เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยโดยจะเสิร์ฟ 3 อย่างใน เริ่มที่เต้าหู้มิเนโอกะ ท็อปปิ้งด้วยซอสรสหวานอมเปรี้ยวช่วยตัดรสชาติของเต้าหู้ได้ลงตัว ส่วนตัวเต้าหู้เนื้อเนียนนุ่มลิ้นสุดๆ ครับ และก็มีเยลลี่ปูทาราบะ เนื้อเยลลี่ใสเด้งด้านในแทรกด้วยเนื้อปูทาระรสชาติหวานอมเปรี้ยวด้วยตัวซอสยูสุ อย่างสุดท้ายคือฟองเต้าหู้ทรงเครื่องในซอสงา ทั้งสามอย่างเสิร์ฟในขนาดพอดีคำ ซึ่งถือว่าเรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียวครับ









จากนั้นก็ตามมาด้วยเมนูอาหารประเภทนึ่ง ในเซ็ทนี้จะเสิร์ฟ Steamed Egg Custard ไข่ตุ๋นเนื้อเนียนนุ่มตามสไตล์ญี่ปุ่น ขอบอกเลยว่าเนื้อไข่ตุ่นเนียนนุ่มลิ้นจริงๆ ครับ





แล้วก็ตามมาด้วยเมนู Sashimi หรือปลาดิบนั่นเองครับ โดยวันนี้เป็นปลาคัมปาจิ เสิร์ฟ 3 ชิ้น เนื้อปลาสด สะอาด รสชาติหวานนุ่มลิ้นมากครับ





ต่อด้วยเมนู Tofu Shunmai หรือขนมจีบเต้าหู้ ซึ่งเป็นขนมจีบที่มาจากหอมใหญ่กุ้ง ไก่และเต้าหู้บดรวมกัน โดยเติมรสเปรี้ยวเล็กน้อยด้วยซอสพนสึ ถือว่าเนื้อแน่นเคี้ยวเพลินเชียว



ตามมาติดๆ ด้วย Renkon Manju มันจูรากบัว ถือว่าเป็นขนมจีบอีกแบบที่ทำมาจากรากบัว ที่ราดด้วยน้ำซอสที่มาพร้อมฟองเต้าหู้



แล้วก็มาถึง Fuku Fuku Tofu หรือเต้าหู้สด ที่ตั้งหม้อต้มจากน้ำเต้าหู้ให้เป็นเต้าหู้สด เนื้อเนียน นุ่ม สามารถเสิร์ฟพร้อมด้วยซอสผักรวมที่มากับฟองเต้าหู้ รสชาติเบาๆ เนื้อเต้าหู้นุ่มลื่นคอ หรือจะเป็นซอสมาโบรสเค็มจัดจ้านขึ้นเล็กน้อย ซึ่งถือว่าตัดรสชาติของเต้าหู้สดได้ดีเลยครับ









จากนั้นก็มาถึง Namafu Dengaku แป้งนามาฟุ เป็นแป้งโมจิหนึบๆ เสิร์ฟมาสองชิ้น ทางร้านแนะนำให้ทานสีเหลืองซึ่งเป็นซอสส้ม รสชาติจะเบากว่าสีเขียวเข้ม ซึ่งมีส่วนผสมของสมุนไพร ซึ่งจะช่วยเพิ่มให้รสชาติเข้มข้นขึ้น ถือว่าเป็นเมนูที่เคี้ยวหนึบๆ เพลินเลยครับ



จากนั้นก็มาถึงอาหารทอด Yuba Age ยูบะอาเกะ เป็นฟองเต้าหู้ผสมกับเนื้อปลา รสชาติคล้ายลูกชิ้นปลา เคี้ยวกรุบๆ อร่อยดีครับ สามารถเพิ่มรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อยการบีบเลม่อนฝาน ช่วยตัดรสชาติได้เช่นกันครับ





ยังไม่หมดแค่นี้นะครับ ยังมี Yuba Gratin กาแตงฟองเต้าหู้ผสมชีส เหนียวหนึบรสชาติหวานๆ เค็มๆ กลมกล่อม เบิร์นหน้าด้วยเกล็ดขนมปัง อร่อยถูกปากผมมากครับเมนูนี้





จากนั้นก็มาถึง Yuba Miso Soup น้ำซุปมิโสะรสชาติเข้มข้นที่มาพร้อมฟองเต้าหู้ มาพร้อมกับ Japanese Steamed Rice ข้าวญี่ปุ่นรสชาติหวานนิดๆ จากนั้นก็ตัดด้วยรสชาติเปรี้ยวนิดๆ ของ Pickles ผักดอง ที่เสิร์ฟพร้อมกันทั้งสามอย่าง ซึ่งเมนูนี้ทำให้อิ่มสบายๆ เลยครับ



แล้วก็ปิดท้ายด้วยเมนู Dessert ซึ่งสามารถเลือกได้ระหว่าง Mineoka Fruits หรือเต้าหู้ฟรุ๊ตสลัด เมนูโปรดของยิ้มเค้าเลยครับ อร่อย สดชื่น หวานกำลังดี หรือว่าจะเป็น Tofu Pudding พุดดิ้งเต้าหู้รสชาติหวานนิดๆ แต่อร่อยลื่นคอดีครับ ถือว่าปิดท้าย Umenohana Zen ได้อย่างลงตัว ซึ่งแต่ละเมนูแม้จะเสิร์ฟในปริมาณพอดีคำ แต่รับรองว่าอิ่ม อร่อย แน่นท้องแน่นอนครับ





นอกจากเมนูไคเซกิแล้ว สามารถเลือกอร่อยกับเมนู A-la-cart ได้นะครับ ซึ่งตอนนี้ที่ Umenohana มีเทศกาล Matsutake Mushroom ซึ่งเป็นสุดยอดวัตถุดิบในฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น ซึ่งเห็ดมัตสึทาเกะ เป็นเห็ดที่มีคุณค่าทางอาหารมาก มีกลิ่นหอมและหายาก ซึ่งคนญี่ปุ่นยกให้เทียบเท่าไข่ปลาคาเวียร์หรือเห็ดทรัฟเฟิลเลยทีเดียว แต่ที่นี่ไม่ได้เสิร์ฟเฉพาะเห็ดมัตสึทาเกะอย่างเดียว เพราะจะเสิร์ฟคู่กับปูทาราบะ ซึ่งจะเป็นเมนู Taraba Kani & Matsutake mushroom Sumibiyaki (3,250++) เนื้อปูทาราบะและเห็ดมัตสึทาเกะย่างถ่าน ถือว่าเป็นสุดยอดเมนูของชาวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ด้วยปูทาราบะชิ้นโต เนื้อแน่นย่างบนเตาถ่านร้อนๆ จิ้มกับน้ำมะนาวญี่ปุ่น ช่วยตัดความหวานของเนื้อปูได้ดีทีเดียวครับ แถมเนื้อปูก็แน่น สะใจดีด้วยครับ











ซึ่งนอกจากปูทาราบะแล้วยังมีสามารถทานคู่กับเนื้อวัววากิว หรือปลาไทในซุปกา ได้ด้วยนะครับ และอีกเมนูที่ผมชื่นชอบก็คือ Umenohana’s 3-Drawer Treasure Box (3,450++) เป็นเมนูที่เสิร์ฟมาในรูปแบบลิ้นชักเก๋ไก๋ น่ารักจริงๆ โดยชั้นบนเป็นอูนิและอิกุระ ชั้นกลางโทโร่อิกุระ และชั้นล่างคือเนื้อปูทาราบะแบบซาชิมิและแบบปรุงสุกเพื่อไม่ให้เลี่ยนจนเกินไป ขอบอกว่ารสชาติฟินสุดๆ เนื้อปลาและปูทาราบะสด สะอาด ถือว่าเป็นลิ้นชักแห่งความสุขจริงๆ ครับ











และอีกเมนูที่ชื่นชอบจะเป็น Grilled Sesame Tofu with Fresh Uni (250++) เป็นเต้าหู้ที่นำไปย่าง แล้วท็อปปิ้งด้วยอูนิสด กับวาซาบิ ตัวเนื้อเต้าหู้เหนียวหนึบ เสิร์ฟมาในชามร้อน แนะนำให้ทานตอนร้อนๆ จะได้รสชาติที่อร่อยจริงๆ ครับ



และปิดท้ายได้ของหวานน่ารัก น่าทาน Matcha Monaka with Red Beans (150++) ไอศกรีมชาเขียวกับถั่วแดง พร้อมแป้งโมจิ ที่เสิร์ฟไปเวเฟอร์ที่ทำรูปทรงคล้ายแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งทำให้เป็นเมนูที่น่าทานมากๆ แถมรสชาติก็หวานกำลังดี อร่อยชื่นใจปิดท้ายมื้อนี้ได้ดีเลยครับ และที่สำคัญเลยคือการบริการของที่นี่ถือว่าพนักงานบริการได้อบอุ่น น่ารักทุกคนด้วยนะครับ



สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น คุณภาพดี โดยเฉพาะบรรยากาศที่เหมือนว่าอยู่ในญี่ปุ่นจริงๆ แวะไปเช็คอินความอร่อยได้ที่ร้าน Umenohana ชั้น 2 Nihonmura Mall ในซอยทองหล่อ 13 สามารถจอดรถใต้อาคารได้นะครับ รับรองว่าจะติดใจทั้งรสชาติอาหาร การบริการและบรรยากาศของที่นี่อย่างแน่นอนครับ และแนะนำว่าให้โทรจองโต๊ะล่วงหน้าก่อนนะครับ โดยเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ ลูกค้าค่อนข้างแน่นร้านจองไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องรอคิวครับ







ฝากติดตาม Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง ใน Facebook fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^
Click ข้างล่างได้เลยจ้า

ส่วนใครที่เล่น Instagram ก็ เข้าไป Follow ได้ที่ @eatandtraveldiary จ้า


click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary



Create Date : 18 กันยายน 2558
Last Update : 18 กันยายน 2558 21:21:18 น. 0 comments
Counter : 3221 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.