เลือกเครื่องดื่มกันตามใจชอบแล้วก็มารองท้องอีกนิดด้วย Lemon Pepper Calamari& Chips (280 บาท) ปลาหมึกหั่นเป็นแว่นนำไปทอดได้ความกรอบนอกนุ่มใน เติมรสชาติด้วยเลมอน รับรองทานเพลินเลยครับ
หรือจะเลือกเมนูเบาๆ อย่าง Pomegranate, Quinoa & Date Salad (280 บาท) สลัดผักที่มาพร้อมกับคีนัวราดด้วยน้ำสลัดอิตาเลี่ยน เติมสีสันด้วยเม็ดทับทิมสีแดง ซึ่งถือว่าเป็นเมนูสลัดที่นอกจากจะน่าทานแล้วยังดีต่อสุขภาพสุดๆ ด้วยนะครับ แถมรสชาติก็อร่อยถูกปากอีกต่างหาก
แต่ถ้าใครไม่ชอบสลัดผักสีเขียวก็ลองเลือกเป็น Watermelon Salad (280 บาท) สลัดแตงโมสีแดงสดใสน่าทาน ที่มาพร้อมกับกุ้ง ราดด้วยน้ำสลัดที่มีรสชาติเผ็ดนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ รับรองใครไม่ชอบทานสลัดผักจะต้องเปลี่ยนใจมาลองเมนูนี้ซะแล้วครับ
จากนั้นมาเริ่มด้วยเมนูหลักกันบ้างดีกว่าขอเริ่มที่เมนูใหม่ของทางร้าน Ocean Crab AOP (315 บาท) สปาเก็ตตี้ผัดกับพริกและน้ำมันมะกอกที่มาพร้อมกับเนื้อปูแบบเต็มคำ เติมรสชาติเปรี้ยวนิดๆ ด้วยเลมอน ถือว่าเป็นสปาเก็ตตี้ที่ได้รสชาติ ไม่เลี่ยน อร่อยทานง่ายครับ
ต่อด้วย Mamas Nasi Goreng (280 บาท) เมนูข้าวสไตล์อินโดนีเซีย ที่เป็นข้าวผัดคลุกเคล้าเครื่องเทศจนได้รสชาติเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมกับ ไก่สะเต๊ะ ไก่ทอด ไข่ดาว และข้าวเกรียบกุ้ง จัดเต็มเครื่องเคียงกันเลยทีเดียว
ส่วนใครที่ชอบอาหารแนวบรั้นซ์ ก็ขอแนะนำ Bacon, Avocado, Tomato (280 บาท) ขนมปังชิ้นใหญ่ที่ท็อปด้วย poached egg เบคอนกรอบ อะโวคาโดและมะเขือเทศ โรยหน้าด้วย feta cheese ใครที่ชอบรสเปรี้ยวก็สามารถบีบเลมอนเพิ่มเติมได้นะครับ รับรองเป็นเมนูที่อร่อยถูกปากไม่เบา
จากนั้นก็มาเอาใจคนที่ชอบทานเนื้อวัวกับเมนู Classic Pepper Steak (540 บาท) สเต็กเนื้อวัวพริกไทยดำชิ้นโต เนื้อนุ่มอร่อยแบบเต็มปากเต็มคำ ที่วางบนมันฝรั่งบด เสิร์ฟพร้อม broccolini
ส่วนใครที่ชอบเมนูข้าวแกงกะหรี่ไม่ควรพลาด Beef Massaman Curry (590 บาท) มัสมั่นเนื้อชิ้นโตรสชาติเข้มข้นถึงเครื่องแกง ยิ่งทานกับข้าวสวยร้อนๆ รับรองอร่อยเต็มอิ่ม
หรือจะเป็น The Fat Boy Angus Burger (400 บาท) เบอร์เกอร์ที่มาพร้อมเนื้อวัวชิ้นโต พร้อมด้วย Cheddar cheese เบคอนกรอบ และ mustard mayonnaise เสิร์ฟคู่กับเฟร้นส์ฟราย อร่อยแบบจัดเต็มเช่นกัน ใครชอบทานเนื้อวัวรับรองว่าถูกใจแน่นอนจ้า ซึ่งเนื้อวัวของที่นี่เป็นเนื้อคุณภาพดีที่นำเข้าจากออสเตรเลียเชียวครับ
แต่ถ้าใครไม่ทานเนื้อวัวก็ลองเลือกเมนู Roasted Barramundi (410 บาท) ปลากะพงขาวชิ้นใหญ่ย่างให้หนังพอกรอบ ส่วนเนื้อปลานั้นนุ่ม เสิร์ฟพร้อมกับ asparagus, baby potatoes และ ginger oil ราดด้วยซอส hollandaise ถือว่าเป็นเมนูที่อร่อย ทานง่ายด้วยครับ
จัดหนักของคาวแบบนี้ ลองมาดูของหวานกันบ้างดีกว่าครับ รับรองจัดเต็มไม่แพ้กัน ขอเริ่มที่เมนูสำหรับคนที่ชอบช็อกโกแลตกับเมนู Mocha Assiette (230 บาท) ช็อกโกแลตชีสเค้ก ที่มาพร้อมกับ choc espresso brulee, mocha crème และ ไอศกรีมดาร์คช็อกโกแลต รับรองว่าหอมหวาน เข้ม สะใจคอช็อกโกแลตเลิฟเว่อร์แน่นอน
หรือจะเป็น The Red Velvet (230 บาท) เค้ก red velvet ตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยมพอดีคำ เสิร์ฟพร้อมกับ strawberry yoghurt parfait และไอศกรีมราสเบอร์รี่และลิ้นจี่ อร่อยไม่แพ้กัน
แต่ที่ผมชอบที่สุดเห็นจะเป็นเมนู The Passion (230 บาท) ทาร์ต mango passionfruit ที่หวานซ่อนเปรี้ยว เสิร์ฟคู่กับ coconut panna cotta และไอศกรีม mango passion sherbet เติมสีสันด้วยเบอร์รี่ต่างๆ เป็นเมนูที่อร่อย รสชาติไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป ถูกปากผมมากครับ
นอกจากนี้ยังมี Pancake Stack (240 บาท) แพนเค้กหนานุ่มละมุนมาพร้อมกับซอสบลูเบอร์รี่ เติมความหวานนิดๆ ด้วยเมเปิ้ลไซรัป เสิร์ฟคู่กับไอศครีมวนิลาและวิปปิ้งครีม เป็นอีกเมนูของหวานที่ปลื้มมากครับ
เท่านั้นยังไม่พอขอปิดท้ายความสดชื่นด้วยเมนู Super Shakes (195 บาท) มิลค์เชคที่จัดเต็มท็อปปิ้งแบบล้นแก้ว ที่สำคัญมีให้เลือกถึง 4 รสชาติไม่ว่าจะเป็น Green Tea, Chocolate, Caramel และ Raspberry ชอบแบบไหนเลือกแบบนั้นเลยครับ
ใครที่ชอบทานอาหารแนว All day brunch ก็ลองแวะไปจัดเต็มความอร่อยได้ที่ The Coffee Club ดูนะครับ เพราะที่นี่เค้ามีอาหารให้เลือกหลากหลาย ไม่ใช่แค่คาเฟ่สำหรับคอกาแฟเท่านั้น โดยเฉพาะใครที่สะดวกแถวย่านสาทร ก็ลองแวะไปที่สาขาใหม่ล่าสุดซึ่งอยู่ที่โรงแรม Chatrium Sathorn หากมาจากสาทรหรือทางคลองเตยก็ขับรถเข้าไปในซอยนราธิวาส 24 ซึ่งเข้าไปไม่ไกลก็จะเจอกับร้านอยู่ทางขวามือ หรือจะเข้าทางซอยสาธุประดิษฐ์ 19 หรือซอยวัดโพธิ์แมนก็ได้นะครับ สามารถจอดรถด้านในโรงแรมเพียงแค่ทานอาหารหรือของว่างแล้วประทับตราก็จอดรถฟรีได้แล้วครับ รับรอง อิ่ม อร่อย สะดวกสบายสุดๆ จ้า
โหวต Food ให้นะคะ น่ากินๆ