กันยายน 2559

 
 
 
 
1
3
 
 
All Blog
ลูกจะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง


ลูกจะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง

ในยุคสมัยนี้ที่มีการแข่งขันสูงมากๆมีให้เลือกเรียนสองภาษา หรือสามภาษาเลยก็มี คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักจะวางแผนให้ลูกเรียนหนังสือเก่งๆเพื่อที่จะมีความได้เปรียบกว่าเด็กในรุ่นราวคราวเดียวกัน เพียงเพราะมีความคิดที่ว่ายิ่งลูกเรียนเก่งมากเท่าไหร่ ลูกจะมีหน้าที่การงานดีกว่า มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตมากว่าเด็กเรียนไม่เก่งมากเท่านั้นดูเหมือนจะเป็นค่านิยมมาตั้งแต่โบราณกาลมาแล้ว จะเห็นว่าสมัยนี้ มีสถาบันกวดวิชา สอนพิเศษสอนภาษา สอนดนตรี สอนบัลเล่ต์ ศิลปะ หรือการร้องเพลง เต็มไปหมด ซึ่งบางครอบครัวให้ลูกเรียนเยอะแยะมากมายบางทีลูกใช้ชีวิตอยู่บนห้างสรรพสินค้า ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เพราะสถาบันเหล่านี้มีครบวงจรเลยทีเดียวในห้าง กลายเป็นค่านิยมและต้องแข่งขันที่ลูกต้องเก่งและเพียบพร้อมในทุกๆด้าน

แน่นอนไม่ว่าครอบครัวไหน ก็อยากให้ลูกเป็นเด็กเรียนเก่ง เป็นที่เชิดหน้าชูตาและภูมิใจของคุณพ่อคุณแม่ การที่เด็กเกิดมาจะเรียนเก่งหรือไม่เก่งนั้นส่วนหนึ่งมาจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคงไม่สามารถไปกะเกณฑ์ได้ ถ้าเด็กคนไหนเรียนหนังสือเก่งตั้งแต่เด็กก็อาจจะถือได้ว่ามีต้นทุนมาจากทางพันธุกรรมส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่แน่เสมอไป บางครอบครัวคุณพ่อคุณแม่เรียนหนังสือเก่งทั้งคู่ บางครอบครัวเป็นแพทย์แต่ลูกอ่านหนังสือไม่ออก เรียนหนังสือไม่เก่งก็มีในวัยประถมกลับกันในขณะที่บางครอบครัวคุณพ่อคุณแม่เรียนหนังสือไม่เก่งทั้งคู่ หรือมีฐานะยากจนอาจจะมีการศึกษาน้อย แต่ลูกกลับเรียนหนังสือเก่งก็มีเยอะแยะ ซึ่งอาจจะเกิดจากสภาพแวดล้อมของครอบครัวเป็นแรงผลักดันให้เด็กมีความมุมานะพยายาม

แล้วถ้าลูกเป็นเด็กเรียนไม่เก่ง จะเป็นที่ผิดหวังของคุณพ่อคุณแม่ทำให้เป็นที่หนักใจ หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่ด้วยเช่นกันแล้วคุณพ่อคุณแม่มีวิธีรับมืออย่างไร เราลองมาเปลี่ยนมุมมองในกรณีของเด็กเรียนไม่เก่งกันดูบ้าง ถ้าเกิดในกรณีที่ลูกของคุณเรียนไม่เก่งในวัยเด็กก่อนอื่นคงต้องเริ่มจากการที่คุณพ่อคุณแม่ลองเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองให้ได้ก่อน และควรลดความคาดหวังกับลูกลงก็จะไม่เป็นทุกข์ เพราะไม่เช่นนั้นมันจะเกิดแรงผลักดันไปที่ตัวของลูก พอเห็นลูกเรียนไม่เก่งก็ดุด่าว่าลูกให้ลูกเรียนพิเศษหนักขึ้น ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเสมอไปการกระทำดังกล่าวอาจจะไปสร้างแรงกดดันให้ลูกเพิ่มมากขึ้นไปอีก ลูกอาจจะกลายเป็นเด็กขาดความมั่นใจไปเลยหรือกลัวพ่อแม่ไม่รัก ถ้าเรียนหนังสือไม่เก่งอาจจะมีปฏิกิริยาต่อต้านหรือเดินทางผิดไปเลย

พอเปลี่ยนทัศนคติได้แล้วก็ลองเริ่มที่วิธีคิดบวกดูบ้างการที่ลูกเรียนไม่เก่งในวัยเด็ก ซึ่งอาจจะยังไม่มีความพร้อมหรือช้ากว่าเด็กวัยเดียวกันแต่ก็ไม่ได้ผิดปกติอะไร ลูกอาจจะเรียนเก่งในตอนโตในวัยมัธยมก็ได้ วัยที่ความสามารถในการเรียนรู้ของลูกพร้อมและใช่ว่าอนาคตของลูกจะไม่ดี ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต มันไม่มีอะไรเป็นตัวชี้วัด แน่นอนหลายคนคงบอกว่า ก็ผลการเรียนของลูกนี่แหล่ะเป็นตัวชี้วัดความเก่งแต่นั่นเป็นเพียงแค่วิชาการที่ลูกมีความสามารถในตำราเรียนเท่านั้น เด็กที่พร้อมในการเรียนรู้ก็อาจจะทำคะแนนได้ดี แต่ในการดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคตเด็กที่เรียนเก่งแต่ในห้องเรียนก็อาจจะไม่สามารถดัดแปลงไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ บางคนเรียนเก่งมาตลอดได้ใบเกียรตินิยมเป็นที่ภาคภูมิใจ แต่พอไปสมัครงานกลับไม่มีที่ไหนรับก็มี เป็นเพราะอะไรแสดงให้เห็นว่า หน่วยงานนั้นๆอาจจะไม่ได้มองที่ความสามารถในการเรียนเป็นหลัก แต่อาจจะมีเหตุผลอื่นๆประกอบในการตัดสินใจรับเข้าทำงานให้เหมาะกับงานในตำแหน่งนั้นๆอาจดูที่ EQ หรือ Ego หรือปัจจัยอื่นๆประกอบการพิจารณาตัดสินใจแต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กเรียนเก่ง IQ ดี จะไม่มี EQ ทางด้านอารมณ์เสมอไป

เมื่อคิดบวกได้แล้ว เราลองเลี้ยงลูกให้เป็นไปตามกลไกตามธรรมชาติ ไม่กดดันลูกแม้ลูกเรียนไม่เก่งก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเคร่งเครียดกังวลว่าลูกจะเรียนไม่ทันเพื่อนสู้เพื่อนไม่ได้ พ่อแม่ควรให้ความรักความอบอุ่นโอบกอดสัมผัสลูก ให้กำลังใจลูก ใช้วิกฤตนี้เป็นโอกาสได้พาลูกทำกิจกรรมต่างๆกับลูกมากขึ้นถ้าลูกเก่ง ลูกอาจจะต้องไปเรียนอะไรเยอะแยะมากมายไปหมดไม่ได้ใกล้ชิดคุณพ่อคุณแม่ก็ได้ จากนั้นแค่คอยดูแลให้ลูกทำการบ้านหรืองานที่ได้รับมอบหมายมาให้เสร็จคอยให้คำแนะนำลูกอย่างใกล้ชิด ถ้าจะให้ลูกเรียนพิเศษก็ทำได้ แต่ต้องไม่คาดหวังว่าลูกเรียนพิเศษแล้วจะต้องเรียนดีขึ้น ถ้าไม่ดีขึ้นจะเครียดอีก

ควรเสริมสร้าง EQ ให้ลูก สอนการมีวินัยให้ลูกทั้งต่อตนเองและผู้อื่นเช่น เก็บของเล่นให้เรียบร้อยเมื่อเล่นเสร็จแล้ว ให้ลูกนอนแต่หัวค่ำตื่นแต่เช้าจนติดเป็นนิสัย สอนให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตนเองและผู้อื่น รู้จักการประหยัดอดออม การเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ไม่เอาแต่ใจตัว สอนให้ลูกมีความเชื่อมั่นในตนเอง และเห็นคุณค่าของตัวเอง เพื่อสร้างภูมิให้ลูกติดตัวเป็นนิสัยเมื่อเติบโตขึ้น

ต่อมาลองเปลี่ยนจากด้านวิชาการ ไปส่งเสริมให้ลูกมีกิจกรรมที่ลูกอยากจะทำอาจจะลองพาลูกไปเรียนด้านอื่นๆบ้าง เช่น ศิลปะ ดนตรี กีฬาอาจจะทำให้ลูกมีสมาธิในการเรียนมากขึ้นทางอ้อม และคอยสังเกตดูว่าลูกชอบอะไรเราอาจค้นพบความสามารถพิเศษของลูกก็ได้ หรือถ้าลูกเกิดชอบในด้านนั้นๆขึ้นมาก็ควรส่งเสริมลูกให้เต็มที่ อาจจะทำให้ลูกใช้ความสามารถพิเศษในด้านที่ลูกชอบต่อยอดไปเป็นระดับอาชีพและประสบความสำเร็จในด้านนั้นต่อไปในอนาคตไปเลยก็ได้ แต่ถ้าในกรณีที่บางครอบครัวไม่มีกำลังพอที่จะส่งเสริมลูกไปเรียนในด้านอื่นๆ ก็ไม่ควรกังวลใจอะไรมาก แค่คอยดูแลเอาใจใส่ลูกอย่างใกล้ชิดและเป็นกำลังใจให้ลูกหรืออาจจะช่วยลูกด้วยการให้ทำแบบฝึกหัดบ่อยๆ ให้ทำซ้ำๆเพื่อให้เกิดการเรียนรู้จดจำและมีความเข้าใจในวิชานั้นๆเพิ่มมากขึ้น

จะเห็นได้ว่า การที่ลูกจะประสบความสำเร็จในชีวิตไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งเสมอไป ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่สามารถเสริมให้ลูกได้ แค่เปลี่ยนวิธีคิดชีวิตก็เปลี่ยนได้ ในยุคสมัยที่มีการแข่งขันสูงมาก ถ้าเราไม่เอาตัวไปเปรียบเทียบลงแข่งขันด้วยก็จะไม่ทุกข์ แต่เราสามารถที่จะเลือกสิ่งอื่นที่จะมาเสริมเติมเต็มให้กับลูกของคุณได้อย่าลืมว่าคนเราทุกคนเกิดมาไม่มีใครที่เพียบพร้อมไปทุกสิ่งทุกด้าน วันหนึ่งเราอาจจะค้นพบความสามารถพิเศษในด้านต่างๆได้ด้วยตัวเอง เมื่อโอกาสและเวลามาถึง 





คอนโดแมว , พัดลมมือถือ , หมอนผ้าห่ม , หมอนหัวทุย  , เก้าอี้หัดนั่ง




Create Date : 13 กันยายน 2559
Last Update : 13 กันยายน 2559 23:34:59 น.
Counter : 764 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3067369
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments