°o.O อ้อมกอดจันทร์ O.o° ตอนที่ ๑

รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่บรรทุกปุ๋ยมาเต็มคันรถ เลี้ยวผ่านประตูที่มีป้ายบอกชื้อร้านว่า “แมกไม้” ซึ่งมีดอกหิรัญญิการ์สีขาว ช่อใหญ่คล้ายถ้วย เลื้อยพันต้นไม้ใหญ่ที่ทำเป็นซุ้มประตูโค้งรูปตัวยูส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตามสายลมที่โชยมา รถกระบะวิ่งไปตามถนนที่ทอดยาวไปจนถึงเรือนเพาะชำหลังย่อมมีเพียงหลังคาที่มุงด้วยตาข่ายสแลนเท่านั้นที่ช่วยป้องกันแสงแดด อยู่สองฝั่งของถนนซึ่งอยู่ไม่ห่างจากซุ้มประตูเท่าไหร่ ถัดเข้าเป็นเรือนเพาะชำกั้นด้วยตาข่ายสแล่นทั้งสี่ด้านปิดมิดชิดป้องกันทั้งแสงพร้อมกับแมลงต่าง ๆ เพื่อลดการใช้สารเคมี หลังเรือนเพาะชำเป็นไม้ยืนต้นที่ถูกเตรียมไว้พร้อมสำหรับที่นำไปปลูกได้เลย ในส่วนของออฟฟิศเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ โดยออกแบบให้เป็นกระจกทั้งสี่ด้านเพื่อจะได้มองเห็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกไว้ได้โดยง่าย แม้จะไม่เดินออกไปดูก็เห็นต้นไม้ที่ปลูกไว้เกือบทั้งหมด

เรือนพักคนงานที่ถูกแบ่งไว้เป็นสัดส่วน โดยปลูกชิดริมรั้วด้านหลังสุด โดยที่เรือนหลังใหญ่แยกอยู่อีกฝั่งของสวนไม้กระถางนา แยกเรือนทั้งสองออกจากกันอย่างชัดเจน ต้นชงโคหรือเสี้ยวดอกแดงปลูกชิดกับเรือนหลังใหญ่ ออกดอกเป็นช่อตามส่วนยอดหรือปลายกิ่ง มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ดอกเป็นระยะๆ เกือบทั้งปี สูงมิดหลังคาบ้าน ตัวบ้านใต้ถุนสูง ออกแบบเป็นไม้เกือบทั้งหลังกึ่งรีสอร์ท เล่นระดับของระนาบหลังคาแบนหลายชั้น เน้นความเรียบง่าย ประกอบด้วยหน้าต่างกระจกเป็นส่วนใหญ่ เพื่อความโปร่งสบาย

รถกระบะมาจอดสนิทหน้าโรงเก็บของที่อยู่ด้านหลังเรือนเพราะชำ เสียงโหวกเหวกของคนงานงานจึงดังขึ้น

“คุณต่ายมาแล้วมาช่วยกันหน่อยเร็ว” เสียงตะโกนจากหัวหน้าคนงานวัยฉกรรจ์ ใบหน้าเกรียมแดดถูกบังไว้ด้วยหมวกสักหลาดเก่า ๆ ไม่บ่งบอกอารมณ์ วิ่งเหยาะ ๆมาหยุดอยู่ท้ายรถ

ประตูรถเปิดออกพร้อมกับร่างบางเพรียวระหงส์ซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่ถูกดึงขึ้นมาถึงข้อศอกอย่างรวก ๆ กับกางเกงยีนส์สีซีด ก้าวรถลงจากรถด้านคนขับ บนศีรษะครอบด้วยหมวกแค็ปปิดใบน้าไว้ครึ่ง ๆ หันไปยิ้มให้กับคนงาน2-3คน ที่มาช่วยกันขนกระสอบปุ๋ยลงจากรถ โดยมีหญิงสาวคุมงานอยู่ใกล้ ๆ

“วันนี้พ่อมีแขกด้วยเหรอนายสิน” หล่อนถามอย่างแปลกใจที่เห็นรถยนต์จอดอยู่หน้าบ้าน ซึ่งโดยปกติถ้าเป็นลูกค้าจะจอดที่หน้าออฟฟิศเพื่อความสะดวก

คนถูกถามไม่ต้องหันไปมองก็เข้าใจว่าหล่อนหมายถึงรถคันไหน

“ครับคุณต่าย” แล้วจึงเลี่ยงไปช่วยคนงานเหล่านั้นขนปุ๋ยลงจากท้ายรถ

ชงโคยืนมองคนงานเหล่านั้นช่วยกันขนกระสอบปุ๋ยลงจากรถอย่างขะมักเขม้น ซึ่งส่วนใหญ่ปุ๋ยคอกที่ชาวบ้านขายให้ แต่ต้องเอารถไปขนมาเอง หล่อนเห็นว่าไม่นักหนาอะไรจึงยินดีรับข้อเสนอ

แสงแดดแรงกล้าขึ้นเป็นลำดับ จนเหงื่อผุดขึ้นตามไรผมไหลเป็นทาง แต่ด้วยความเคยชิน หล่อนจึงไม่ได้สนใจมากนัก สายตาแลกวาดไปที่รถยนต์บ่อยครั้งอย่างกับจะให้รู้ว่ารถคันนั้นใครเป็นเจ้าของ

บนเรือนใหญ่ภายในห้องรับแขกประกอบด้วยชายสองคน คนหนึ่งดูลักษณะท่าทางเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ร่าเริง มีรอยยิ้มประดับอยู่ที่ริมฝีปากตลอดเวลา สายตาพราวระยับมองความวุ่นวายเหล่านั้นผ่านกระจกใสด้วยใบหน้าระรื่น ส่วนอีกคนคือชายชราเจ้าของบ้านนั่งจิบน้ำชาอย่างสบาย ๆ อยู่บนเก้าอี้หวายซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่ชายหนุ่มยืน

“นั้นล่ะครับเจ้าต่าย คนที่จะไปจัดสวนให้คุณแทนผม ตามที่ผมบอกไว้” ชายชราเจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นเบา ๆ โดยไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นไปดูก็รู้ว่าด้านล่างกำลังวุ่นวายแค่ไหน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ

“ลูกสาวของคุณพฤกษ์ ดูอายุจะยังไม่มากเท่าไหร่เลยนะครับหน้ายังเด๊กเด็ก ตัวก็ออกจะผอมบาง ไม่น่าเชื่อว่าดูแลกิจการแทนคุณพกฤษ์ได้แล้ว” ชายหนุ่มเปรย เจ้าของบ้านได้ยินจนถึงกับอดหัวเราะไม่ได้

“คุณวิชญ์อย่าไปพูดอย่างนี้ให้เจ้าต่ายได้ยินเชียวนะครับ” เจ้าของบ้านพูดปนหัวเราะ

“ทำไมล่ะครับ” ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจ

“เขาถือว่านี่คือคำปรามาสอย่างรุนแรงโดยเฉพาะประโยคที่บอกว่าหน้ายังเด็กหรือหน้าอ่อนอะไรเทือกนี้น่ะ” ปากยังตอบคำถาม พร้อมกับยกหูโทรศัพท์ขึ้น สั่งความอยู่สองสามประโยคแล้วจึงวางสายลง แล้วจึงหันมาอธิบายให้ชายหนุ่มฟัง

“คือ..เคยมีคนสบประมาทเจ้าต่ายไว้นะครับ ทำนองว่าหน้าอ่อนอย่างนี่นะเหรอจะทำงานแบกหามกลางแดดร้อน ๆ จนทำให้เจ้าต่ายโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ได้ยินใครพูดคำนี้เป็นไม่ได้เป็นเรื่องทุกที” เจ้าของบ้านพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ดูก็รู้ว่าทั้งเอ็นดูและระอาลูกสาวคนนี้มาก

“ผมนึกว่าผู้หญิงจะชอบให้ใคร ๆชมว่าหน้าเด็กซะอีก” รวิชญ์เปรยขึ้นขำๆ อดไม่ได้ที่จะเบือนหน้าไปมองหญิงสาวอีกครั้ง แต่..หล่อนได้หายไปเสียแล้ว

“งั้นคงยกเว้นเจ้าต่ายครับ ใครพูดให้ได้ยินทีไรเป็นโมโหทุกที..”

การพูดคุยหยุดลงชั่วขณะเมื่อได้ยินเคาะพร้อมกับเสียงประตูเลื่อนออก สายตาของรวิชญ์สบกับชงโคเข้าพอดี เนื่องจากประตูทางเข้าอยู่ตรงกันข้ามกับชายหนุ่มยืนอยู่ เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปชะงักเล็กน้อย เมื่อสายตาไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง แต่งกายเรียบร้อยในชุดสูทสีเข้ม ขลับให้วงหน้าขาวขึ้นไปอีก ดูสำอางพร้อมกันนั้นก็ทำให้บุคลิกดูดีน่าเชื่อถือ ใบหน้ายิ้มละไมอยู่ตลอดเวลา ท่าทางเป็นคนอารมณ์ดี ขยับตัวเมื่อเห็นชงโคเดินเข้ามา

“เข้ามาซิเจ้าต่าย” เสียงชายชราเอ่ยขึ้น หญิงสาวจึงได้เปลี่ยนสายตาไปจากชายหนุ่ม เดินไปนั่งข้างผู้เป็นพ่อ

“สวัสดีค่ะ คุณ..” หญิงสาวยกมือไหว้ด้วยเห็นว่าอายุคงจะห่างกันพอสมควร

“รวิชญ์ครับ หรือจะเรียกวิชญ์เฉยๆก็ได้” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินมานั่งตรงข้าม

“คุณวิชญ์จะมาจ้างเราไปช่วยจัดสวนให้ แกไหวไหมเจ้าต่าย” ชายชราวัยปลดเกษียนหยั่งเสียงลูกสาวที่นั่งลงด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ที่ไหนเหรอคะ” ชงโคถามโดยไม่ระบุว่าถามใคร จึงเป็นหน้าที่ของรวิชญ์ที่ต้องอธิบายให้หญิงสาวฟัง

“รีสอร์ทที่เพชรบูรณ์นะครับ กำลังจะปรับปรุงใหม่” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังนิ่งเฉยจึงกล่าวต่อ ”ผมหวังว่าคุณต่ายคงจะรับงานนี้ ส่วนเรื่องค่าตอบแทนเราคุยกันได้นะครับ หากว่าคุณชงโคสนใจที่จะร่วมงานกับเรา” รวิชญ์เจรจาอย่างนักธุรกิจที่จะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปง่ายๆ

“ทำไมถึงเลือกเราล่ะคะ” หล่อนอดสงสัยไม่ได้ ในเมื่อยังมีบริษัทใหญ่ ๆที่เป็นมืออาชีพและมีบุคลากรพร้อมทุกด้านมากกว่า แทนที่จะเป็นร้านขายต้นไม้เล็ก ๆ ที่มีคนงานเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

“ทางเราเคยร่วมงานกับคุณพฤกษ์มาแล้วครั้งหนึ่ง ผมหมายถึงคุณลุงของเจ้าธน เออ! ผมหมายถึงเจ้าของรีสอร์ทนะครับ ตอนที่เปิดรีสอร์ทใหม่ ๆ ราวสักเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา ทางเราก็เลยเห็นว่า น่าจะให้คนเดิมไปจัดอีกครั้ง” พูดจบรวิชญ์รู้สึกได้ว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า ช่างเยือกเย็นจนคนอึดอัด

ชงโคเบือนไปมองพ่อเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม จึงได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบ

“คุณคงรู้กันแล้วซินะคะ ว่าพ่อของฉันไม่สามารถทำงานหนักแบบนั้นได้อีก จึงมีแต่ฉันเท่านั้นที่เป็นคนเป็นคนรับทำงานให้ในครั้งนี้” หล่อนย้ำเพื่อให้รวิชญ์เข้าใจไห้ถูกต้อง

“ผมทราบแล้วครับคุณชงโค” เขาบอกอย่างอดทน

“คุณจะมั่นใจฝีมือฉันได้ยังไงคะ ว่าฉันจะรับงานใหญ่ขนาดนั้นได้ ในเมื่อคุณยังไม่เห็นฝีมือฉันเลย” น้ำเสียงคนถาม ๆเรื่อย ๆก็จริง แต่มีความไม่แน่ใจปนระแวงแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้นด้วย

เป็นความจริงที่ว่าลูกค้าบ้างราย พอรู้ว่าเจ้าของร้านไม่สามารถรับจัดสวนอีกแล้ว มีแต่เพียงลูกสาวเท่านั้นที่รับหน้าที่แทน ทั้งๆที่ยังไม่ทันได้เห็นความสามารถก็ตัดสินเธอ เพียงเพราะว่าหน้าตาเท่านั้นก็ปฏิเสธ จึงทำให้เธอพลาดลูกค้าหลายราย ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ราวกับเด็กพึ่งจบมหาวิทยาหาลัย กลายมาปมด้อยของเธอจนถึงบัดนี้

“ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือคุณไม่ใช่เหรอครับ” พร้อมกับบุ้ยปากไปทางด้านหลังของเขา “ดูจากการจัดสวนแล้วไม่น่าใช่สไตล์การจัดสวนของคุณพฤกษ์ ซึ่งคุณพฤกษ์เองก็บอกอย่างนั้น” ชายที่นั่งตรงข้ามกับเธอตอบอย่างเชื่อมั่น พร้อมมองตรงมาอย่างเปิดเผย

ชงโคเองก็เลิกคิ้วขึ้นมองอย่างทึ่ง ๆ พลางระบายยิ้ม ที่รวิชญ์สามารถแยกออกว่าการจัดสวนนี้ไม่ใช่ฝีมือพ่อ แต่ไม่วายจะพูดจายวนต่อไป โดยมีเจ้าของบ้านนั่งฟังเงียบ ๆ ปล่อยให้ลูกสาวเป็นฝ่ายเจรจาเอง

“คุณรู้ได้ไงคะ พ่อฉันอาจจะแกล้งบอกก็ได้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือฉัน”

“ผมว่าคุณพฤกษ์คงไม่แกล้งพูดเพื่อยกย่องคุณจนเกินกว่าเหตุหรอกครับ” เขาหยุดเว้นระยะสบตาคนถาม เห็นเพียงแต่รอยยิ้มมุมปาก เลิกคิ้วรอฟังเขาพูดอย่างตั้งใจ “แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผลงานที่ออกมาย่อมบอกได้ว่าทั้งหมดนั้นคุณพฤกษ์พูดจริงหรือไม่ คุณพร้อมหรือเปล่าล่ะครับที่ไปพิสูจน์ความจริง

”รวิชญ์สวนกลับจนคนฟังตั้งตัวไม่ติด ไม่คิดว่าจะโดนย้อนศรเข้าให้ กลายเป็นว่ายังไงเธอก็ยังไปพิสูจน์ว่าพ่อเธอพูดจริงหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าพ่อพูดโกหกไป

เสียงหัวเราะอย่างถูกใจดังขึ้นอย่างจนแต้ม พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแจ่มใสเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีการเจรจาเกิดขึ้น

“เอาเป็นว่าถ้าคุณมั่นใจฝีมือฉัน..ตกลงว่าฉันรับงานนี้ค่ะ”

รอยยิ้มที่กระจ่างสดใสที่ประดับอยู่บนริมฝีปากรูปกระจับ จนเห็นฟันที่เรียงเป็นระเบียบทั้งสองแถว สร้างความตะลึงให้กับรวิชญ์ ที่เขาเองก็เพิ่งมีโอกาสได้พิศหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าหลังจากที่ได้เห็นแต่เพียงไกล ๆ ดวงตาที่แจ่มใส แวววาวคล้ายกับมีหยาดน้ำหล่อเลียง ขนตาสีน้ำตาลเข้มยาวงอน สีเดียวกับผมที่ซอยสั้นอย่างเอาสะดวกเข้าว่า มากกว่าจะให้มองว่าสวย แต่ก็เก๋ไก๋ไปอีกแบบ รับกับใบหน้าเรียวรูปไข่ ซึ่งมีรอยบุ๋มอยู่ตรงแก้มด้านซ้าย ซึ่งยากที่เดาอายุได้ว่าอายุเท่าไรกันแน่ ผิวที่พ้นแขนเสื้อออกมาก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นคนทำงานกลางแจ้งมากว่าอยู่ในห้องแอร์ เป็นความงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างให้อยู่ในคนๆเดียว เป็นเรื่องที่ยากอยู่หรอก ที่จะไม่ทำให้ทุกคนคลางแคลงใจในความสามารถที่มี

“เอาล่ะ ในเมื่อตกลงกันได้แล้ว ทางคุณก็นัดวันมาก็แล้วกันว่าจะให้ทางนี้ไปเริ่มงานได้เมื่อไหร่” เจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งเงียบมาตลอด

“แล้วผมจะโทรมานัดอีกครั้งครับคุณพฤกษ์ หวังว่าทางนี้คงพร้อมตลอดเวลานะครับ”

“แน่นอนค่ะคุณวิชญ์” เสียงแจ่มใสยืนยันหนักแน่น

“ผมดีใจมากที่จะได้ร่วมงานกับคุณชงโค” เขาบอกอย่างยินดี สายตายังจับอยู่ที่วงหน้าแจ่มใสนั้นไม่วางตา จนกระทั่งได้ยินหญิงถามตอบกลับมา

“ขอบคุณนะคะ ที่ไว้วางใจเรา” โคชงกล่าวอย่างยินดีเช่นกัน แทบอยากจะกระโดดไปกอดคนตรงข้ามเลยทีเดียว ถ้าทำได้ เพราะรอโอกาสงาม ๆอย่างนี้มานานหนักหนา จะได้ลบคำสบประมาทของทุกคนที่เคยพูดไว้ และถ้าทำสำเร็จเธอจะได้ไม่ต้องอาศัยบารมีของพ่อในการประกอบอาชีพอีกต่อไป

“ผมคงต้องไปแล้วครับ ลาตรงนี้เลยนะครับคุณพฤกษ์” รวิชญ์ยกมือไหว้ผู้อาวุโส ก่อนลงจากบ้าน โดยมีชงโคเดินไปส่งถึงรถยนต์ ตามหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีพึงปฏิบัติ

งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี นี่ถ้าไม่ถูกกำชับมาให้เจรจาให้สำเร็จ ไม่ว่าเจ้าของร้านขายต้นไม้จะไปจัดสวนเอง หรือว่าจะส่งใครไปก็ตาม ยังไงก็ต้องให้มีการจ้างเกิดขึ้น นี่ถ้าไม่ติดว่าเจ้านายเฮงซวยนั่นย้ำนักย้ำหนาละก็ นายรวิชญ์ก็คงจะเผ่นลงจากบ้านตั้งแต่ได้ยินคำถามที่ดูไม่ยินดียินร้ายกับลูกค้าอย่างเขาเลย ซึ่งตัวเขาเองไม่เห็นจะต้องง้อคนประเภทนี้ให้เสียเวลา แต่ดีหน่อยที่เห็นหล่อนแสดงความดีใจจนออกหน้าออกตาเมื่อได้พูดคุยกันสักครู่ เจอแบบนี้บ่อยๆเห็นจะไม่ไหว รวิชญ์ได้แต่รำพึงกับตนเอง




หลังจากวันที่ชงโคตกลงรับปากรวิชญ์ไว้ว่าจะไปจัดสวนรีสอร์ทภูฟ้าที่เพชรบูรณ์ได้เพียงไม่กี่วัน โทรศัพท์จากนายจ้างรายใหญ่ก็นัดให้ไปเริ่มงานทันทีที่พร้อม ซึ่งก่อนวันออกเดินทางเจ้าของร้านขายต้นไม้วัยชรา เรียกให้ลูกสาวจอมเรื่องมาก กับนายสินหัวหน้าคนงานที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนเข้าไปพบ

“อะไรนะ พ่อจะให้นายสินไปทำงานกับชั้นด้วยเหรอ” เสียงแทบจะเป็นตะโกน

“ก็ทำนองนั้นแหละ แกมีอะไรขัดข้อง” น้ำเสียงระอาปนเบื่อหน่าย

“พ่อก็รู้นี่” น้ำเสียงสะบัด หน้างอ

“เจ้าต่าย..แกจะไปดูแลงานใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไงคนเดียว แล้วก็หัวหน้าคนงานที่นายสินได้รับ ไม่ใช่เป็นแค่ความพอใจส่วนตัวของพ่อนะ แต่มันเป็นความมารถที่นายสินมี ซึ่งพ่อก็เห็นว่านายสินเหมาะสมกับงานนี้ที่สุดแล้ว” เหตุผลที่พ่อกล่าว ทำให้หล่อนได้แต่อึ้งพูดไม่ออกไม่รู้จะค้านอย่างไร

“พ่อถามความสมัครใจของนายสินแล้วเหรอจ๊ะ ว่าเขาต้องการทำงานร่วมกับชั้นหรือเปล่า” ชงโคอิดออดพร้อมกับโยนความผิดให้อีกฝ่าย ที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน มีเพียงความตระหนกในแววตาเท่านั้นฉายผ่านดวงตาสีเข้มไป โดยที่หล่อนเองก็ไม่แน่ใจว่าตาฝาดหรือเปล่า

“ทำไมต้องถาม” ชายชราสบตากับคนที่นั่งเงียบมาตลอด ราวกับจะอ่านให้ถึงแก่นแท้ของหัวใจอีกฝ่าย ก่อนหันกลับมาเผชิญหน้าลูกสาว“ในเมื่อนายสินเป็นลูกจ้าง เขามีหน้าที่ทำตามคำสั่ง ไม่ใช่จะมาเลือกงาน หรือเกี่ยงว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมงานกับใคร”

ชงโคสะอึกพูดไม่ออก ที่ถูกพ่อถูกตำหนิกลาย ๆ หาว่าเกี่ยงหรือเลือกงาน พร้อมกับปรายตาไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง เห็นแต่ใบหน้าที่เรียบเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เมินหน้ามองไปทางอื่น

“พ่อพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะ” ชงโคยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

“ไม่ถูกยังไง ไหนลองอธิบายมาซิ” ชายชรายกน้ำชาขึ้นจิบ พร้อมกับเอนหลังผิงพนัก สายตาจับอยู่ที่ใบหน้าเรียวอย่างหนักใจ ซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาที่ฝ่าฟาง

“ก็อย่างที่พ่อบอก เขาเป็นคนมีความสามารถ” น้ำเสียงไม่วายประชด ก่อนพูดต่อไป “ถ้าใครมาขอคำปรึกษาหรือจ้างให้เราไปทำงานที่อื่นอีกล่ะ”

“แกนึกว่าพ่อนี่หมดสภาพถึงขนาดจะให้คำปรึกษาแก่ใครไม่ได้เชียวเหรอเจ้าต่าย หรือถ้าใครมาจ้างให้เราไปทำงานที่อื่น ก็ยังมีอีกหลายคนที่พอจะรับมือไหว แกไม่ต้องห่วงให้มากนักหรอก” ชายชราบอกเรียบ ๆ ปนระอาหน่อย ๆ

“ตามใจพ่อก็แล้วกัน ชั้นอุตส่าห์จะทิ้งมือดีไว้ให้พ่อก็เห็นว่าชั้นเรื่องมาก” หญิงสาวหน้าง้ำ ตัดบทดื้อๆ หันมาพูดกับหัวหน้าคนสวนห้วน ๆ

“เห็นทีนายสินเห็นจะเลี่ยงชั้นไม่พ้นแล้วซินะ”

“ผมก็ไม่ได้เลี่ยงอะไรคุณต่ายนี่ครับ” สินขยับตัว เมื่อถูกนายจ้างสาวเขม่นมองจริงจัง

“อย่างนั้นเหรอ” เสียงลากยาวอย่างเหน็บแหนม

“งั้นก็เตรียมตัวไว้ได้เลย อย่างช้ามะรืนนี้ออกเดินทาง” หญิงสาวสำทับ แล้วจึงเดินกระฟัดกระเฟียดลงจากเรือนไป

“ดู๊ดู ดูมันทำซิ เดี๋ยวใคร ๆก็หาว่าพอแม่ไม่สั่งสอน” เสียงดังไล่หลังหญิงสาวๆไป

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพ่อ เดี๋ยวชั้นบอกพวกนั้นให้เอง ว่าพ่อแม่สั่งสอนแล้ว แต่ชั้นไม่จำเอง” เสียงลอยมาจากใต้ถุนบ้าน ก่อนที่จะเห็นแต่เพียงด้านหลังผ่านหน้าคนทั้งคู่ไป

“เจ้าต่ายนี่เถียงคำไม่ตกฟากจริง ๆ” เจ้าของบ้านบ่นอย่างเอือมระอาเต็มที “ต้องขอโทษนายสินด้วยนะ ที่เจ้าต่ายมันไม่มีมารยาท” เจ้าของบ้านได้แต่ส่ายหัวในความกระโดกกระเดกของลูกสาว

“ไม่เป็นไรครับคุณพฤกษ์ ผมชินเสียแล้ว” ชายหนุ่มพูดปนหัวเราะ แววตาเต็มไปด้วยความซึ้งใจในบุญคุณ ที่ชายชราทำให้เขามีที่ซุกหัวนอน

“เห็นที่ฉันคงต้องพึ่งนายสินแล้วล่ะ เจ้าต่ายมันยังไม่เคยจัดสวนที่ใหญ่เกินสวนตามบ้านเลย นี่เป็นการจัดสวนรีสอร์ทครั้งแรกในชีวิติของมันเลยก็ว่าได้ ฝากนายสินให้คำปรึกษามันด้วยนะ” เขาพูดอย่างที่รู้จักนิสัยลูกสาวของตัวเองดี

“ผมจะพยายามครับ” ใบหน้ากร้านเกรียม เต็มไปด้วยความหนักใจ

“ฉันรู้ว่านายสินอึดอัดในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี กับคนอื่นฉันไม่มั่นใจว่าจะไปช่วยอะไรเจ้าต่ายได้หรือเปล่า นายสินก็เห็นๆอยู่ ทุกคนเกรงใจมัน จนไม่เห็นมีใครกล้าเอ่ยปากค้านอะไรมันสักคน”

“คุณพฤกษ์ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกครับ อะไรมันจะเกิดก็ถือซะว่าโชคชะตากำหนดให้เป็นเช่นนั้น” น้ำเสียงทอดอาลัย จนเจ้าของร้านขายต้นไม้อดตั้งข้อสังเกตไม่ได้

“ดูพ่อหนุ่มจะทอดอาลัยกับชีวิตเหลือเกินนะ”

“บางครั้งเรื่องที่เราพูดออกไปแล้วทำให้เรื่องเลวร้ายลงกว่าเดิม เราก็ไม่ควรพูดออกไปใช่ไหมครับ” เสียงแผ่วเบารำพึ่งกับตนเองมากกว่าที่จะพูดกับคุณพฤกษ์

“แต่ถ้าเราไม่พูดอะไรเลย คนที่ควรเข้าใจเราก็อาจจะไม่เข้าใจเราเลยก็ได้นะ” ชายชรามองชายหนุ่มตรงหน้าราวกับรู้ตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างดี แววตาจึงเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ผมจะจำไว้ครับ” สินรับคำเบา ๆก่อนจะขอตัวออกไป “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ตามสบายเถอะ”

เจ้าของบ้านมองตามแผ่นหลังแกร่ง อย่างหนักใจ คอที่ตั้งเชิดขึ้นราวกับจะไม่ยอมก้มหัวให้กับใคร เหมาะที่จะเป็นผู้นำคนอย่างแท้จริง ต้องมาอยู่อย่างแร้นแค้นขาดความสะดวกไปเสียงทุกสิ่ง ถึงแม้ดวงตาจะฝ่าฟางด้วยความชรา ก็ไม่ทำให้เขาขาดความเฉียบคมในการมองคน ความที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึง60ปีเศษ เขายังจำวันที่ไปเจอชายหนุ่มได้ดี ใบหน้าที่หม่นหมอง แววตาเต็มไปด้วยความกดดัดบางอย่าง เขาจึงชวนให้ชายหนุ่มมาอยู่ด้วย ซึ่งต้องแลกกับแรงงาน โดยที่ไม่ถามถึงคุณสมบัติเรื่องวุฒิการศึกษา หรือที่มาที่ไปให้เสียเวลา เพียงแต่มีแรงงานมาแลกเขาก็รับไว้ ซึ่งก็ดูเหมาะกับสภาพร้านขายต้นไม้อย่างร้าน”แมกไม้” เป็นอย่างดี ที่ไม่ต้องมีวุฒิการศึกษามายื่นให้เสียเวลา










Published on: 4 พฤษภาคม 2552 21:29:55 น.
-แก้ไขคำผิด
-แก้ไขบีจี





Create Date : 04 พฤษภาคม 2552
Last Update : 25 สิงหาคม 2552 23:21:45 น.
Counter : 836 Pageviews.

37 comments
  
สองตอนรวดเลยหรือค่ะเนี่ย
เดี๋ยวตามอ่านตอนแรกก่อน

ดีใจจังคุณฝนมาลงนิยายให้อ่านอีกแล้ว
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:52:25 น.
  

คุณนาห์..
มาจ้องแถวก่อนเพื่อนเลยนะคะ
อ่านแล้วเป็นไงมั่ง ก็บอกกันบ้างเน้อ
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:50:06 น.
  
คราวนี้ไม่หลงผิดหน้าแล้วค่ะ
แล้วนางจะตามมาอ่านละเอียดอีกทีนะคะ

ตอนนี้ขอไปตามเป็ด ตามไก่...กลับเข้าเล้าก่อนค่ะ อิอิ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 7 พฤษภาคม 2552 เวลา:5:30:00 น.
  
วันนี้เข้ามาอ่านอย่างละเอียดค่ะคุณฝน
อ่านจบทั้ง 2 ตอนแล้ว...ต้องบอกว่า
เริ่มต้นได้ดีจริงๆ ค่ะ...นางอ่านจนเพลิน
ตอนแรกคิดว่า...คุณฝนเปิดฉากแรกมาก็เจอพระเอกเสียแล้ว
แต่พออ่านไป...ชักไม่แน่ใจ...หรือจะเป็นนายสิน
แต่เอ...หรือคุณฝนจะซ่อนพระเอกไว้...ยังไม่เผยตัวออกมา

เขียนต่อนะคะคุณฝน...นางจะรออ่านตอนต่อไป


ตอนอ่านเจอบางคำผิดไป...เลยกระมากระซิบบอกค่ะ

“คือ..เคยมีคนสบประมาทเจ้าต่ายไว้นะครับ ประมาณว่าหน้าอ่อนอย่างนี่นะเหรอจะทำงานแบกหามกลางแดดร้อน ๆ จนทำให้เจ้าต่ายโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ได้ยินใครพูดคำนี้เป็นไม่ได้เป็นเรื่องทุกที” เจ้าของบ้านพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ดูก็รู้ว่าทั้งเอ็นดูและระอาลูกสาวคนนี้มาก

-------------> ถ้าเปลี่ยนเป็น “ทำนองว่า” คุณฝนเห็นว่าไงคะ





ชงโคเองก็เลิกคิ้วขึ้นมองอย่างทึ้ง ๆ พลางระบายยิ้ม ที่เขาสามารถแยกออกว่าการจัดสวนนี้ไม่ใช่ฝีมือพ่อ แต่ไม่วายจะพูดจายวนต่อไป โดยมีเจ้าของบ้านนั่งฟังเงียบ ๆ ปล่อยให้ลูกสาวเป็นฝ่ายเจรจาเอง




“ไม่เป็นไรครับคุณพฤกษ์ ผมไม่ชินเสียแล้ว” ชายหนุ่มพูดปนหัวเราะ แววตาเต็มไปด้วยความซึ่งใจในบุญคุณ ที่ชายชราทำให้เขามีที่ซุกหัวนอน



....เดี๋ยวไปต่อที่ตอน 2 นะคะ...
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 16 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:21:06 น.
  
เย้ๆๆๆ
คุณนางมาอ่านแล้ว แถมตรวจทานคำผิดให้ด้วย
อย่างนี่ต้องยึดตัวให้คอยเป็นผู้ช่วยอีกคนซะแล้ว
บางทีฝนก็อ่านข้ามไปข้ามมา แก้แล้วแก้อีก ก็ยังผิด
มีคนคอยช่วยอย่างนี้ฝนก็สบายเลย

ยินดีที่คุณนางให้คำแนะนำนะคะ อย่าง"ทำนอง"
ฝนนึกไม่ถึงคำนี้เลยคะ เรียกว่ามองข้ามไปเลยก็ได้
พอคุณนางชี้แนะ ฝนก็เลยเอามาใช้แทน "ประมาณ"ดีกว่า

ส่วนพระเอกของเรื่องก็ลองเดาดูนะคะ
เพราะยังมีอีกคนที่ยังไม่โผล่มา
แต่..คนอ่านคงเดาได้แล้วมั้งว่าคือใคร..หุหุ


โดย: ไลเดเลีย วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:18:03 น.
  


ฝนจ๋า..

เดี๋ยวเย็นๆ นกมาอ่านนะคะ
คิดถึงทุกคนจังเลย
ทั้ง ฝน อัล และคุณนาง


โดย: Nok_Noah วันที่: 18 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:04:01 น.
  
ว๊าว...มีชื่อเค้าเป็น1ในตัวละครโด้ย
โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 18 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:08:04 น.
  
ช่วงนี้นางกลับดึก...เลยตื่นสายบ่อย
เพลียหน่อย...แต่ยังสบายดีอยู่ค่ะ

วันนี้ขึ้นบล็อกใหม่...เป็นภาพสุโขทัยยามค่ำ
แล้วคงถือโอกาสพักรอคุณอัล...ไปพร้อมๆ กับคุณฝนด้วยค่ะ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 22 พฤษภาคม 2552 เวลา:4:58:40 น.
  


ฝนจ๋า

อาทิตย์นึง เข้าบล็อคครั้งนึง
ต้องเข้าทักทายฝนนะคะ
นก print เอาไปอ่านค่ะ
อ่านที่หน้าคอมพ์ไม่ไหว ปวดตาน่ะ

คิดถึงนะคะ

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:50:04 น.
  
โย่ว... ฝน เค้ากลับมาแล้ว เร็วกว่ากำหนดด้วย

พอดีไม่เข้าญี่ปุ่น... เสี่ยงเกินไป
อดไปเหยียบบ้านป๋ามาซาเลย
เอิ๊ก ๆ ๆ

ระหว่างเดินทาง เค้าได้กลอน
บทใหม่มาด้วยล่ะ

ส่วนรูปถ่ายสถานที่ ๆ ไป ไม่มีนะจ๊ะ
ไม่เวลาเวลาถ่ายรูปเลย แต่แอบถ่าย
เมฆจากหน้าต่างเครื่องบินมาด้วย

เอาไว้จะเอาภาพเมฆขึ้นทีหลัง วันนี้เอา
กลอนใหม่ขึ้นก่อน ..ยิ้มใหญ่..

ว่าแต่... ขอเว้นคำว่า แม่นางคนงาม เหอะ
..ขนลุก..

คิดถึงฝนมาก ๆ เลยอะ
ขอหยิกแก้มหน่อยนึง
..ยิ้มกว้าง..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:08:05 น.
  
ได้สิ ไว้หายเหนื่อยค่อยเม้าส์กัน
เอาแบบข้ามวันข้ามคืนเลยดีไหมเอ่ย
..หัวเราะลั่น..

ฝันดีนะจ๊ะเพื่อนเลิฟ
emo
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:52:04 น.
  
ฝน...

เค้าเพิ่งไปแถวลาดพร้าวมาล่ะ
แถว ๆ เซ็นทรัลลาดพร้าว
ยังคิดถึงฝนอยู่เลย...

ช่วงนี้เค้าบินไปกลับ กรุงเทพ เชียงใหม่
อย่างกับไปแค่ต่างอำเภอ
..ยิ้มเหนื่อย ๆ..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:5:35:43 น.
  
ก๊อก ๆ ๆ
ตื่นรึยังยะ เค้าไปนินทาตัวเอง
ที่บล็อกคุณนางว่า ในฝันตัวหม่ำ
มักนารีผลด้วย 555+



เรื่องที่ตัวแจ้งในเมล์ เค้ารู้แล้วล่ะ
มีตอนต่อไปรึเปล่า (ทำยังกะเป็น
ละครเนอะ)

ฝนคิดว่าไงมั่งล่ะ คุยกันหลังไมค์
ก็ได้ เค้าไม่ค่อยได้เข้าเช็คเมล์

ถ้าตัวเริ่มเม้าท์ก่อน เค้าจะเม้าท์อะไร
ให้ตัวช่วยคิดด้วย เวลามันบอกได้
จริง ๆ ว่าใครเป็นยังไง เค้าไม่อยาก
มองโลกในแง่ร้ายนะ แต่มันแปลก ๆ
เลยอยากให้ตัวช่วยดูหน่อย

..ยิ้มยะเยือก..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:38:42 น.
  
เอ้อ... แบบว่า คนละเรื่องเดียวกันนะ
เดี๋ยวตัวเข้าใจผิด จินตนาการ
แหวกแนว 555+
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:40:30 น.
  
อีกเม้นต์นึง... เห็นเป็นบล็อกเพื่อนซี้
เลยเม้นต์แบบไม่เกรงใจ เอิ๊ก ๆ ๆ

ถ้าหลังไมค์มา ก็เคาะ ๆ ที่หน้าบล็อก
ด้วยล่ะ เค้าจะได้โฉบไปดู ..ยิ้มกว้าง..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:42:57 น.
  
คืนนี้นางกะคุณอัล...จะมาหาตามนัดนะคะ
คุณฝนอย่ามัวแต่เล่นน้ำกับกินรีเพลิน
จนลืมนางกับคุณอัลนะคะ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:5:32:32 น.
  
ฝน... ดูหลังบ้านด้วยเน้อ

เอ้อ... ปกติเวลากินรีลง
เล่นน้ำจะเปลือยส่วนอก
เพราะงั้นฝนถอดช่วงบน
แล้วโดดตู้มเลย เค้ายอม
เป็นตากุ้งยิง

ว่าแต่ คุณนางจะยอมเป็น
ตากุ้งยิงด้วยอีกคนรึเปล่า
..กลั้นหัวเราะสุดขีด..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:7:37:54 น.
  
เอาหลักฐานมายืนยัน

โดย: ปลิวตามลม วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:7:39:33 น.
  
โน้น... เค้าเขย่าประตูหลังบ้านฝนอยู่นะ
กะให้พังไปเลย 555+

คืนนี้ฝันดีจ้ะ ..ยิ้มใหญ่..

(เข้ามาเพื่อการณ์นั้นโดยเฉพาะ
เค้าว่า ฝนเจอเพื่อนจิตป่วนเฮ้ย...
เอิ๊ก ๆ ๆ)
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:21:47:33 น.
  
ยอมค่ะ...เพื่อคุณฝน
นางยอมเป็นตากุ้งยิงด้วยอีกคน...อิอิ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:5:19:32 น.
  
^
^
สุดยอดเลยค่ะคุณนาง... ต้องอย่างนี้สิ!
เพื่อนกัน ยอมทุกข์ร่วมกัน 555+

เอ้าฝน มีกองเชียร์แล้ว เริ่มเลย ฮูเล่!



หลังบ้านตัวขึ้นเสาต้นใหม่ซะเน้อ งึมงำ ๆ

โดย: ปลิวตามลม วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:8:21:23 น.
  
เพื่อนกัน...ว่าไงว่าตามกันค่ะ
ว่าแต่...ป่านนี้คุณฝนจะมัวเล่นน้ำเพลินหรือเปล่าน้อ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:5:39:44 น.
  
ฝนกลัวน้ำมั้ง อิอิ


ฝนเอ๊ย... เช้าแล้วตื่นยัง?
ถ้าขี้เกียจตื่นเช้านะ ระวัง
จะโดนเค้าแกล้ง โทรปลุก
ตั้งแต่ตี 5 โน่นเน้อ 555+

เมื่อคืนคุยได้ไม่มันส์เลย
ยังมีเรื่องที่ค้างอีกเยอะ...
ไว้คุยตอทีหลังเนอะ

ไปทำงานละ เดี๋ยวสาย...
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:6:21:00 น.
  
เค้าเคาะไปหลังไมค์แล้วเน้อ

emoemoemoemoemoemo
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:21:08:04 น.
  
ทางเข้าหลังบ้านฝน กลอนพังไปแล้วมั้ง 555+

ตั้งใจทำงานเน้อ ..ยิ้มกว้าง..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:7:25:49 น.
  
เค้าขี้เกียจเคาะบอกว่า
..เข้าหลังบ้านแล้ว..อะ

ทีนี้เค้าจะพยายามฝาก
ไว้หลังไมค์ทุกวัน ไม่
ตอนเช้าก็ตอนเย็น...
ยกเว้นช่วงที่เค้าไม่มีเวลา
จริง ๆ จะบอกไว้ล่วงหน้า

เพราะงั้นเป็นอันรู้กันว่า มี
ข้อความทิ้งไว้หลังไมค์
ทุกวันนะ ..ยิ้มกว้าง..

ส่วนที่เริ่มโซเซ... มันก็
พอโอเคหรอก แต่หน้า
บล็อกใหม่น่ะ เค้าใช้ภาพ
ประกอบของเก่าน่ะ ไม่มี
แรงทำของใหม่... ปกติ
ถ้าเค้าไหวจริง ๆ มีเหรอ
จะใช้ setting เก่า ๆ หือ?

ฝันดีเน้อ
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 5 มิถุนายน 2552 เวลา:22:37:59 น.
  
เป็นอันตกลงตามนี้นะจ๊ะ

ไปทำงานต่อละ เค้าเช็ค
ของยังไม่เสร็จเลย คืนนี้
ท่าจะดึก แต่ยังไงพรุ่งนี้
เค้าจะจัดการหาของขวัญ
ตามที่บอกไว้จ้า ..ยิ้ม..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:20:55:10 น.
  


ฝนจ๋า

คิดถึงนะคะ
บ้านฝนเนี่ย
มีชื่อ..ปลิวตามลม
เม้นท์ยาววววววเลย อิอิ

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:7:59:15 น.
  


ฝนจ๋า..

คิดถึงงงงงงงงงมากกกกกก

โดย: Nok_Noah วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:7:54:09 น.
  
เค้าว่างนิดหน่อย เลยแวะเข้ามา

ช่วงนี้เค้าว่า อาหารเสริมช่วยได้เยอะ
วิตามิน เกลือแร่ ฯลฯ ถ้าไม่มีเค้าคง
น็อคไปแล้ว

คิดถึงฝนจ้า ..ยิ้มกว้าง..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:10:46:36 น.
  
ไม่อ่านแต่...คิดถึง
โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:13:35:55 น.
  
ฝน

ที่ฝนปูเสื่อรอ รอไปก่อนเถอะ แล้วแต่ฟ้ากำหนด
ละกัน ว่าแต่ตัวเองล่ะ ตกลงหมอเดาอย่างเค้าไม่
แม่นเหรอ เงียบเป็นเป่าสากเชียว ยังไงก็อัพเดต
ให้เค้ารู้บ้างเน้อ

แล้วเบอร์มือถือเค้าน่ะ ปล่อยทิ้งไว้นาน หมดอายุ
อีกแล้ว มีเวลาค่อยไปหาซื้อซิมใหม่มาใส่ละกัน
ถ้าได้เบอร์ใหม่ จะบอกไปอีกทีจ้า...

ช่วงนี้เชียงใหม่ฝนตกหนัก เดินทางลำบากมาก ๆ
คงได้อยู่กับที่สักพักล่ะ ..ยิ้มผ่อนคลาย..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:7:36:55 น.
  
วันนี้เค้าได้พักล่ะ เลยมีเวลาเล่น
happy happy มาก ๆ เลย
กกว่าจะหาวันหยุดได้ซักวัน
ยากยิ่งกว่างมเข็มในนทีสีทันดร
555+

แต่พรุ่งนี้เค้าก็ต้องลุยต่อแล้ว
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:10:19:06 น.
  
อ้อ... ลืมไป ในกอไผ่มักจะมีงูเน้อ ขอบอก!
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:10:20:12 น.
  


ฝนจ๋า...

คิดถึงเช่นเคย
คุยกับอัล..ม่วนขนาดละสิคะ..อิอิ
ในกอไผ่มีงู..อยากให้งูมาเข้าฝันอ่ะ
เนอะ ฝน เนอะ อิอิ

โดย: Nok_Noah วันที่: 21 มิถุนายน 2552 เวลา:9:25:05 น.
  
ฝน
คืนนี้เค้ากลับดึกมาก ทัวร์
บล็อกหลาย ๆ บล็อกแล้ว
มาคุยกับฝน ไม่ใช่อะไร...
งงไปงงมา เข้าบล็อกโน้น
ออกบล็อกนี้ จำไม่ได้ว่า
เข้าที่ไหนบ้างแล้ว เบลอ
สุดฤทธิ์ ..ยิ้มงัวเงีย..

วันหยุดที่เราไม่ตรงกัน...
วันนั้น เค้าเล่นเน็ต ตอบ
บล็อก แล้วก็ slow motion
ในบ้านนี่แหละ พักสมอง
ไม่มีอะไรเป็นพิเศษจ้า...

เห็นเค้าตอบบล็อกคุณที่
เข้ามาทิ้ง quote ไว้ปะ?

มาอธิบาย กลัวฝนสงสัย
ว่าเค้ามีเรื่องอะไรไม่บอก
ฝนรึเปล่า... ต้องเคลียร์
ให้เรียบร้อย 555+ คืองี้
ในรอบไม่กี่วันที่ผ่านมา...
มีคนทักเค้าเยอะมาก ไป
ไหนก็ทักแต่เรื่องนี้แหละ

พอมาเจอในเน็ตอีก เลย
สะดุ้งไง... เฮ้ย! ใช่พรรค
พวกกันเองรึเปล่า... อะไร
ประมาณนี้แหละ ..ยิ้ม..

แต่ในกอไผ่ เค้ายืนยันว่า
มีงูแน่นอน! อิอิ

...
น้าน... นกจะเอางูอีกตัว
สงสัยจะอยากทานงูผัด
เผ็ดกับฝน 555+

เอางี้เลย ทั้งสองคน คือ
ฝน กับ นก ไปช่วยกันฝัน
ให้เจองูนะ แล้วก่อนนอน
อย่าลืมเตรียมไม้ไว้ตีงูล่ะ
เดี๋ยวพออยู่ในฝันจะได้
คว้าง่าย ๆ แค่นี้ก็สำเร็จ
เรียบร้อย

แต่เอาให้ง่ายกว่านั้น ไป
เดินตามห้างสรรพสินค้าสิ
ใส่กางเกงขาสั้น... รับรอง
เจอพวกหัวงูเพียบ เอาไม้
ตีหัวแล้วได้กินอิ่มนอนอิ่ม
..ในโรงพัก..ไง ล้อเล่นจ้า
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 22 มิถุนายน 2552 เวลา:1:05:11 น.
  
ก๊อกๆๆ คุณฝน ตอนนี้กำลังอ่านนิยายเรื่องอะไรอยู่คะ
สงสัยเรื่องกฤตยาจบไปแล้วแน่ๆ เลย
ตอนนี้นางสั่งซื้อได้มหาภารตะ เล่ม 3 มาแล้ว...
หนากว่าเล่ม 2 อีกค่ะ
นางมีเวลาอ่านแค่ เสาร์-อาทิตย์ที่อยู่บ้าน
กว่าจะอ่านจบ...คงหลายเดือน
คุณฝนอ่านเล่ม 2 จบไปหรือยัง...ชอบหรือเปล่าคะ
ถ้าชอบ...เร็วๆ นี้คงจะออกวางแผนให้อ่านต่อแล้วค่ะ

ว่าแต่...แถวนี้มีงูกันด้วยเหรอคะ
อย่าเอาไปผัดเผ็ดเลยนะคะ...เสียดาย
เอาไปออกงานวัดดีกว่า..เหมือนหมองูแขกไงคะ
...เป่าปี่...แล้วงูก็โผล่หัวออกมา...อิอิ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 22 มิถุนายน 2552 เวลา:5:42:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
พฤษภาคม 2552

 
 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31