จะว่าไปแล้วครูที่ดีในความหมายของครูจินคืออะไร สำหรับครูนะคะ ครูที่เด็กเข้าถึงได้ คือตอนเด็กๆ เราจะเจอครูที่เข้าถึงยากจังเลย เราอยากเข้าไปคุยกับครู ทำไมมันยากจัง ครูบางคน เราอยากจะขอไปเข้าห้องน้ำทีนึง ยังไม่กล้าเลย ดังนั้น ถ้าเราเข้าถึงยากเราจะไม่รู้ว่าเด็กคิดอะไร เด็กต้องการอะไร ณ ตอนนี้ เราเป็นครู เราก็เลยทำอะไรให้เด็กเข้าถึงได้ พอเราเข้าถึงง่าย เด็กมีอะไรก็อยากคุยกับเรา มันก็เลยทำให้เรารู้ว่าเขาต้องการอะไร อยากได้อะไร มีปัญหาอะไร แล้วเราก็เอาตรงนี้ค่อยๆ สอนเขา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ภายใต้ความเหมาะสมด้วย ไม่ใช่เข้าถึงได้ ตบหัวครู ลามปามครูได้ ไม่ใช่ขนาดนั้น คือเราไม่ได้มีกรอบ ปิดกั้นจนนักเรียนไม่กล้าเข้าหา อย่างตอนที่เป็นนักเรียนครูเองก็มีครูในอุดมคติมาเหมือนกันค่ะ ตัวครูจบมาจากโรงเรียนหอวัง จะมีครูท่านนึงชื่อว่าครูพัชราภา ท่านสอนสุขศึกษา ท่านก็จะมีแนวการสอนแบบสนุกสนานเหมือนกับที่เราสอน เราก็เอาท่านเป็นแบบอย่าง ท่านสอนเรา เราก็มีความสุขในการเรียน ทุกวันนี้สิ่งที่ท่านสอนมาเรายังจำได้อยู่ แล้วก็มีอีกท่านคือครูพี่เลี้ยงค่ะ ชื่อว่าครูโอภาส เป็นพี่เลี้ยงตอนที่ครูฝึกสอน คือจะบอกเลยว่าถ้าไม่มีครูโอภาสในวันนั้นก็ไม่มีครูจินในวันนี้ ตอนนั้นที่เป็นครูใหม่ๆ ครูก็ลองผิดลองถูกในการสอน เราไม่รู้แนวทางแบบไหนที่สอนแล้วมันถูก เราก็สอนไปเรื่อย ก็สอนฮาๆ เสียงดัง มีให้เด็กตบมือ ซึ่งครูโอภาสท่านก็ไม่ว่าเลยนะคะ ท่านจะบอกให้เราสอนไปเลย แสดงออกให้เต็มที่ สนับสนุนให้ทำ เพราะท่านมองว่าไม่ใช่สิ่งที่ผิด เราทำได้ มันก็เลยทำให้ครูกล้าที่จะสอน กล้าแสดงออกมากขึ้น ครูโอภาสท่านก็ยิ้มไป หัวเราะไป บอกว่าเรามาถูกทางแล้ว ถ้าเราสอนแบบนี้ เราก็มีความสุขด้วยค่ะ เพราะเราเป็นแบบนี้อยู่แล้ว หลายคนอาจจะมีความคิดว่าเป็นครูต้องแบบนิ่งๆ หรือเปล่า เพราะโดยปกติแล้ว สังคมไทยนะคะ ครูจะต้อง ถือไม้เรียว เหมือนครูไหว ต้องกุลสตรี ซึ่งตรงนี้ครูจะต้องบอกก่อนว่าครูไม่ได้เป็นคนแบบนั้น คือเวลาที่สอนนักเรียน เราก็เป็นครู ทำหน้าที่ครู แต่เวลาเลิกงาน เราก็ยังเป็นวัยรุ่นทั่วไป แต่ตอนนี้เรามีอาชีพครูเต็มตัวแล้ว เราต้องทำอะไรระวังมากขึ้นแล้วเหมือนกันค่ะ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะหยุดเต้นไป สอนไปนะคะ ก็ยังจะสอนแบบเดิมอยู่ ในฐานะที่เป็นครู คิดยังไงกับการเรียนการสอนของประเทศไทยในยุคปัจจุบันบ้างคะ ตอนนี้คิดว่าประเทศไทยค่อนข้างมีการศึกษาที่เกี่ยวกับเน้นในผลสัมฤทธิ์มากเกินไป หรือเน้นในคะแนนมากเกินไป ทุกวันนี้เด็กทำอะไรก็ได้ให้ได้คะแนนมากที่สุด ซึ่งบางทีเขาไม่ได้มีความสุขในการเรียน เขาแค่คิดว่าทำยังไงก็ได้ให้ได้คะแนนเยอะๆ ฉันจะต้องได้เกรดสี่ ขนาดเด็กเล็กๆ เรารู้ว่าเด็กค่อนข้างที่จะแข่งขัน ซึ่งบางทีเราลืมไปว่าอะไรคือสิ่งที่เราอยากให้เด็กได้ จริงๆ แล้วอยากให้เด็กมีความรู้ไม่ใช่เหรอ แล้วความรู้เนี่ย เด็กบางคนเก่งนะคะ เพียงแต่ว่าเด็กแต่ละคนจะมีความเก่งไม่เหมือนกัน เด็กบางคนเก่งด้านวิชาการ คะแนนสอบเขาดี แต่เด็กบางคน ด้านวิชาการเขาไม่เก่งก็จริง แต่อย่างอื่นเขาเก่ง แค่คะแนนสอบเขาไม่ดี มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่ง ครูจะบอกเด็กตลอดเลยว่าไม่มีใครโง่ เด็กบางคนเข้ามาคุยกับครู บอกแต่ว่า หนูโง่ เขาพูดแบบนี้เลยนะคะ ครูเลยถามว่าทำไมหนูคิดว่าหนูโง่ล่ะ เขาก็จะตอบมาว่า เพราะหนูสอบได้คะแนนไม่ดี คือเขามองว่าคะแนนเป็นเรื่องสำคัญในการเรียน เขามองแค่ว่า คะแนนไม่ดี คือเขาโง่ มันเป็นอย่างนั้น ณ ตอนนี้ ซึ่งครูก็จะคอยอธิบาย คอยถามว่าเขาชอบอะไร อยากเป็นอะไร เด็กบางคนเขาไม่เก่งจริง คณิตเขาไม่ได้ ภาษาอังกฤษเขาไม่ได้ อะไรเขาไม่ได้ แต่เขาชอบวาดรูป เขาก็ไม่โง่ เขาเก่งด้านนี้ ครูจะพยายามให้เด็กไม่คิดว่าตัวเองโง่หรือไม่เก่ง ครูจะพยายามหาอะไรที่เขาเก่งอย่างอื่น เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างตัวครูเองยังไม่ได้เก่งทุกวิชาเลย อย่างวาดรูปครูยังวาดไม่เก่งเลยนะคะ ครูต้องมาฝึกวาดรูป บางวันสอนเรื่องพระอาทิตย์ครูยังต้องมานั่งดูเลยว่าต้องวาดยังไง ครูเชื่อว่าเด็กทุกคนมีความสามารถ มีสิ่งที่เขาถนัดและสิ่งที่เขาเก่ง ยิ่งเขาค้นหาตัวเองเร็วเท่าไร นั่นยิ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่ ณ ปัจจุบันมันไม่มีอะไรทำให้เขารู้ได้เลยว่าเขาเก่งอะไร มาถึงก็มาเรียน ทำแบบฝึกหัด กลับบ้าน เขาไม่รู้ตัวตนด้วยซ้ำว่าเขาอยากเป็นอะไร เด็กหลายๆ คนมารู้ตัวตนก็มหา'ลัยแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งครูเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น กว่าจะมารู้ตัวตนก็โตแล้ว อยากจะให้มีกิจกรรม หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เด็กเขารู้ตัวเองไวมากขึ้น ยิ่งเรารู้ตัวเองเร็วมากเท่าไร มันก็จะทำให้ยิ่งเป็นผลดี เด็กก็จะเป็นอนาคตของชาติไปช่วยพัฒนาประเทศชาติต่อไป
|