Group Blog
 
<<
กันยายน 2559
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
9 กันยายน 2559
 
All Blogs
 
ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 9 จบ

สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านบล็อคเรา
คือที่เรานัดหนุ่มสิงคโปร์เนี่ย
ทุกคนที่เรานัดเจอ เราคุยมาไม่ต่ำกว่าครึ่งปีได้
ไปอ่านประสบการณ์การคุยกับหนุ่มสาวสิงคโปร์ของเราเอามันส์ก่อนได้ตามลิงค์พวกนี้นะจ๊ะ



เม้าเรื่องที่แชทคุยกับหนุ่มสิงคโปร์

แชทคุยกับคนปลกหน้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันกว่า 4 ชม. เกี่ยวกับด้านมืดของเธอ

ลองให้หนุ่ม ๆ ทายหัวข้อนิทรรศการภาพถ่ายนึง มาดูซิหนุ่มแต่ละอาชีพทายกันว่าอะไรบ้าง

เม้าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้แชทกะคนสิงคโปร์

คุยมาก็หลายเดือน ถึงเวลาเอาตัวเองบินไปเจอหนุ่มซักทีปีหน้า

นัดหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเข้าไปจับกันในความมืดเป็นชั่วโมง แล้วไกด์ก็ฮามาก ได้ใจสุด ๆ

นัดเจอหนุ่มทางเน็ทครั้งแรก แต่หนุ่มไม่ได้มาแค่ 1 แต่มาถึง 3!!!!

จะเม้าให้ฟังเรื่องที่คุยกับสาวสิงคโปร์ที่ทำงานในคาสิโน

เรื่องเศร้า ๆ เคล้าคำพูดแย่ ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่คุยด้วยจากใน tinder


แชทน่ารัก ๆ ฟิน ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่ได้คุยด้วย


ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 1

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 2

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 3

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 4

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 5

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 6

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 7

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 8

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 9

ขอสปอยล์ก่อนว่า
บล็อคนี้ไม่ได้มีสาระเกี่ยวกับการเที่ยวสิงคโปร์เลย
เพราะการเที่ยวมันจบไปตั้งแต่บล็อคที่แล้วละ
บล็อคนี้เป็นการระบายความนอยด์สนอง need เจ้าของบล็อคล้วน ๆ


ตอนกลับมาถึงเมืองไทยเนอะ
ไอ้เราก็ยังอินกับที่เที่ยวอยู่
ก็ส่งข้อความยาวเหยียดหาหนุ่มที่เที่ยวด้วยกันตั้ง 3 วัน
ประมาณว่า เออ ขอบคุณนะที่ดูแลเราตั้ง 3 วัน
ถ้าไม่ได้ยู ชั้นคงไม่มีโอกาสได้กิน ได้เที่ยวในที่หลาย ๆ ที่ ๆ นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมีโอกาสไปสัมผัส
ชั้นชอบตอนที่เราอยู่ตรงสวนจังเลย ที่มีใบไม้สีเหลืองปลิวไสวตอนลมพัด






ชอบเรื่องที่คุยทั้ง 3 วัน ชอบนั่น ชอบนี่ ประทับใจนั่น นี่ นู่น
คือเขียนเพ้อขอบคุณไปยาวเหยียด
แล้วบอกว่า เออ ถ้ามากรุงเทพฯ บอกนะ เดี๋ยวจะจัดเวลาพาไปเที่ยว
ขอแค่บอกล่วงหน้าหน่อยแล้วกัน

ฮีตอบกลับมาว่าไงรู้มั้ย
ว่า
อืม รู้สึกเหมือนเป็นแพลนเลยนะ
แต่ชั้นคงไม่ไปกรุงเทพฯ แล้วล่ะ
ถ้าจะไป ชั้นคงไปบาหลี หรือฟิลิปินส์แทน
จบข่าว..............

แบบว่า
เฮ้ย
แค่นี้เหรอ
การมากรุงเทพฯ ก็ไม่ได้หมายความว่า มาเที่ยวกรุงเทพฯ อย่างเดียวรึเปล่า
มาเจอชั้นด้วยโว้ย
ไม่อยากเจอกันเหรอว้า



คือแบบ
อ่านแล้วเงียบไปเลย
ไม่รู้จะพิมพ์อะไรต่อดี
2-3 วันให้หลัง
หนุ่มคงจะรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติแล้วล่ะ
ฮีเลยส่งข้อความมาว่า
แต่ถ้ายูมาสิงคโปร์ใหม่ หรือไปหาฮีที่ประเทศเพื่อนบ้านที่ฮีทำงานอยู่ก็บอกได้นะ
จะทำทริปให้มันดีกว่านี้

เออ ค่อยยังชั่ว
นึกว่าจะตัดสัมพันธ์กันแค่นั้นเลย

แต่เล่าให้เพื่อนฟังนะ
เพื่อนทุกคนก็ด่าว่า ทำไมไม่ให้เค้าไปส่งที่สนามบิน
ทำไมเอาความคิดตัวเองไปตัดสินคนอื่นว่าเค้าคิดแบบตัวเอง
ก็เราเกรงใจนี่นา เวลาเค้าก็มีน้อย แล้วยังต้องไปรับส่งเราที่สนามบิน เสียเวลาไปอีก 2-3 ชั่วโมงอีก
แทนที่เค้าจะใช้เวลานี้ไปหาเพื่อนอีกคน ไปอยู่กับครอบครัว ฯลฯ
แต่ทุกคนบอกว่า
ถ้าเค้าอาสา แสดงว่าเค้าสามารถให้เวลากับเราได้
ไม่ต้องไปคิดแทนเค้า
แป่ว
พลาดเลย






แล้วนี่อะไร
เค้าชวนไปดูหนังก็ไม่ไป (แหม มาสิงคโปร์ มาดูหนังเนี่ยนะ)
เค้าชวนไปซื้อของฝากให้เราเป็นที่ระลึกกลับบ้านก็ไม่ไป (แหม สิงคโปร์มีของฝากอะไร เมืองไทยถูกและดีกว่าทั้งนั้น)
ชวนเดินห้างก็ไม่ยอมเดิน (ห้างบ้านเราก็เยอะแยะ ไม่ได้ต่างกันเลย ต่างกันที่บ้านเค้าข้าวของแพงกว่า 2-3 เท่าตัว)
ชวนไปกินคาเฟ่น่ารัก ๆ ก็ไม่ยอมไปกิน (ก็ไม่ได้สัมผัสอาหารบ้านเค้าจริง ๆ แล้วเปลืองตังเค้าด้วย แค่บรรยากาศและหน้าตาอาหารน่ารักเฉย ๆ)
คือ เหมือนกับว่า เค้าชวนไปไหนที่ผิดจากแผนที่เราวางไว้ไม่ได้เลย
แบบนี้เป็นใคร ใครก็คิดว่า อ๋อ แค่อยากได้ทัวร์ไกด์ก็แค่นั้น
ไม่ได้อยากสานสัมพันธ์เลยนี่นา
ชวนไปไหนก็ say no ตลอด
แป่ว
พลาดอ่ะ



เอิ่ม
หลังจากนั้นมา 2 เดือนก็คุยกันน้อยลง
ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายไม่อยากคุยต่อ หรือ ผู้ชายยุ่งก็ไม่รู้
อันนี้ก็แล้วแต่ความเข้าข้างตัวเองล่ะนะ
ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองก็คือ
ฮีแค่ใจดีน่ะ สัญญาว่าจะพาเที่ยวก็พาเที่ยวแล้ว ก็จบ
ถ้าเข้าข้างตัวเองก็คือ
ฮียุ่งมาก เพราะโปรเจคสร้างห้างประเทศเพื่อนบ้านต้องเสร็จ แล้วมันยังไม่เสร็จ
มีปัญหากับผู้รับเหมา ฯลฯ ทำให้ล่าช้า แต่ฮีก็ต้องจะกลับแล้ว ไม่งั้นฮีต้องอยู่ที่นั่นอีกซึ่งฮีไม่อยากอยู่แล้วเพราะปัญหามันเยอะเหลือเกิน
อยากปิดโปรเจคใจจะขาด จะได้กลับสิงคโปร์ซะที
ฮีก็เลยยุ่งมาก เร่งโปรเจคให้เสร็จ
เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำเพราะโปรเจ็คจะต้องเสร็จกันยา แต่ประเมินสถานการณ์แล้ว ธันวายังไม่รู้เลยว่าจะปิดโปรเจคได้รึเปล่า
แต่ฮีต้องกลับตุลานี้แล้ว แล้วฮีก็ไม่อยากต่อเวลาอยู่ที่นั่น ฯลฯ
มีเรื่องให้คิดหลายเรื่อง เลยไม่ตอบเรา
โอ้ว เข้าข้างตัวเองมากไปละ ณ จุดนี้





อันนี้มาเขียนบล็อคตอนความนอยหายไปเยอะแล้วนะ
ถ้าเขียนตอนอาทิตย์ 2 อาทิตย์แรกที่นอยด์
โหย เขียนให้อ่าน 3 วันยังอ่านไม่จบ แถมเนื้อเรื่องก็จะวนไปวนมา ว่าทำไม ๆๆๆๆ อย่างไม่มีสาเหตุและที่สิ้นสุด
จริง ๆ คำว่า “ทำไม” เนี่ย เขียนไปถามผู้ชายก็จบ หมดเรื่องเนอะ
แต่บ้าเหรอ ใครจะไปกล้า
รุ่นน้องบอกให้พิมพ์ถามเลย ว่ายูคิดยังไงกับชั้น เที่ยวด้วยกันมาตั้ง 3 วันเนี่ย
เพราะจริง ๆ แล้วผู้ชายอาจจะไม่กล้าก็ได้นะ
เพราะเห็นพฤติกรรม say no ตลอดของเรา ผู้ชายก็คงถอยเหมือนกัน ฮา ๆ
เริ่มก่อน ไม่ผิดเว้ย (แต่ไม่ใช่นิสัยเจ้ โอเคมั้ย)


เออ แต่หนุ่มอีกคนนึงที่เราเจอวันแรก แล้วไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันวันสุดท้ายน่ะ ตอบได้น่ารักนะ
คือหลังจากกลับมา
เราก็ทำเหมือนกันเลย
ส่งข้อความไปขอบคุณที่เทคแคร์เรา พาเราเที่ยว แล้วขอบคุณที่ไม่ได้นอน รอไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับเรา
เราชอบตอนที่เราสองคนรอพระอาทิตย์ขึ้นเนอะ
แล้วก็เวิ่นเว้อไปตามประสาคนที่กำลังอินแล้วเพิ่งกลับมาจากที่เที่ยวอ่ะเนอะ
ฮีก็ตอบกลับมาว่า
ฮีก็ต้องขอบคุณเราเหมือนกัน
เพราะถ้าไม่ติดว่าจะพายูไปดูพระอาทิตย์ขึ้นนะ
ชั้นก็คงไม่มีโอกาสได้ดูที่นั่นเหมือนกัน
ขอบคุณที่ชวนนะ
แล้วเจอกันที่กรุงเทพฯ ปีหน้า

เออ
หนุ่มคนแรกสมควรจะตอบแบบนี้สิ ตอนจนมันถึงฟินหน่อย ฮา ๆ
อุตส่าห์ประทับใจตั้งแต่ต้น แต่ตอนจบดันหักมุม ฮ่วย


แต่ก็ช่างมันเถอะ
สุดท้ายแล้ว ตลอดทั้งทริป เรามีความสุขก็พอ





ขอสรุปการใช้แอพนัดเจอหนุ่มสิงคโปร์พาเที่ยวหน่อยนะ
เรารู้สึกว่าเราโชคดีมาก ที่ได้หนุ่มพาเที่ยว
ทำให้การเที่ยวของเราสนุกและน่าสนใจและได้ความรู้เยอะมาก
เพราะหนุ่มทุกคนที่เราเจอ พูดเก่งให้ข้อมูลเก่งกันทั้งนั้นเลย
เพื่อนก็เคยพูดแหละว่า คนสิงคโปร์คุยเก่ง nice กับทุกคน
(แต่ข้างในไม่รู้นะ แต่เพื่อนสิงคโปร์ของชีบอกเองว่า พวกเราเห็นแก่ตัว เหยียดคนอื่น มองคนที่เงิน)
แต่หนุ่มที่เจอนิสัยน่ารัก ถามอะไร ตอบหมด ให้ความรู้ข้อมูลแน่นปึ้ก
เทคแคร์ดีมาก เอาเป้ไปแบกให้เลย ประทับใจโคด (ทั้ง 2 หนุ่มเลย)

แล้วที่ประทับใจอีกอย่างก็คือ
ทริปนี้เป็นทริปแรกของเราในสิงคโปร์
แต่เราได้มีโอกาสได้นั่งระบบขนส่งเกือบทุกอย่างที่สิงคโปร์มีเลยนะ
ไม่ว่าจะเป็น MRT, bus, taxi, uber, หรือแม้กระทั่งรถส่วนตัว
คือถ้าคนมาเที่ยวคนเดียวครั้งแรก
นั่งอย่างมากก็รถไฟใต้ดิน ก็คงไม่ค่อยมีใครเปรี้ยวนั่งรถประจำทางหรอกมั้ง
อ่ะถึงได้นั่ง bus แต่จะมีซักกี่คนกล้าเรียกแท็กซี่
อ่ะ อาจะมีเรียก taxi ไปที่ใกล้ ๆ หรือสนามบิน แต่จะมีซักกี่คนได้เรียก uber
แล้วถ้าไปคนเดียวครั้งแรก แล้วไม่รู้จักใครเลย จะมีใครได้นั่งรถส่วนตัวป่ะล่า
แล้วรถส่วนตัวที่ว่า ขอได้จ้า ว่าขอไปวนดูซ่องสิงคโปร์หน่อย จะมีใครกล้าทำให้มั้ย ฮา ๆ






เออ แล้วเท่าที่สังเกตดูผู้ชายบ้านเค้านะ
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้ชายสิงคโปร์ถึงอ้วน
เพราะอาหารบ้านเค้ามัน มันมากกกก แถมแทบไม่มีผักเลย
กินมาหลายมื้อ แทบไม่เจอผักเลย แล้วมัน ๆ เลี่ยน ๆ หมดเลย
นี่ขนาดว่าเราเป็นคนชอบกินของหวาน มันแล้วไม่กินอาหารเปรี้ยว เผ็ดเลยนะ
เรายังรู้สึกว่าอาหารบ้านเค้ามันจะมัน ๆ เลี่ยน ๆ ไปไหนวะเนี่ย
ไปมาหลายประเทศ (จริง ๆ ก็ไม่ค่อยหลายหรอกนะ แค่ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน)
หนุ่มสิงคโปร์หน้าตาดีน้อยสุดเลย
แถมหุ่นดีน้อยสุดด้วย
ก็ไม่ได้ว่าหน้าตาตัวเองดูดีอะไรนะ
แต่เวลาไปเที่ยวคนเดียวเนี่ย เราชอบมองหนุ่มชาตินั้น ๆ น่ะ
หรือเราเป็นคนที่ชอบผู้ชายผอม ๆ ก็ไม่รู้นะ
เรารู้สึกว่าผู้ชายญี่ปุ่นหุ่นดีอ่ะ ผอม ๆ แห้ง ๆ ใส่สูทผูกไทด์ทำผมเนี้ยบ ๆ แล้วมันน่ามอง (ไม่รวมตอนมันเมานะ)
เกาลีก็ผู้ชายอ้วนน้อย หรือเราไปแต่แหล่งมหาลัยก็ไม่รู้
แต่รู้ว่าผู้ชายเกาหลีเดี๋ยวนี้สูง แล้วไม่ค่อยมีอ้วน ๆ ให้เห็นเลย
ไต้หวันนี่ก็แฟชั่นจ๋า แต่อ้วน ๆ นี่ก็มีเหมือนกัน หุ่นอาเสี่ยมาเลย แต่หน้าตาดีกว่าสิงคโปร์ 5555


ผู้ชายตี๋ในเอเชีย
เราว่าสิงคโปร์ดูจะเป็นที่โหล่นะ
แต่ความรวยอาจจะเป็นที่ 1 หรือที่ 2
รวยไม่รวยไม่รู้
รู้แต่ว่าผู้คนประเทศนี้มันบ้าเงิน
เราเคยถามเจ้าอ้วนนี่นะว่า
คนสิงคโปร์ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอะไรเหรอ
ฮีตอบกลับมาได้เจ็บแสบมาก
ว่า
Money religious
บ้าเงินขนาดไหน คิดดูเองแล้วกัน
อย่างที่บอกไปว่าต้องมี 5 C
แล้วผู้คนที่นี่ลงทุนในตลาดหุ้นกันเป็นหลักนะจ๊ะ เพราะดอกเบี้ยน้อยมาก
บ้าแบรนด์เป็นอันดับ 1 เหมือนกัน
หนุ่มคนแรกที่เราเจอบอกว่า
คนที่นี่วัตถุนิยมจริง ๆ
เค้าจะตัดสินคนจากเครื่องประดับที่คุณใส่
ผู้ชายก็อาจจะมองที่รถ ที่นาฬิกา กระเป๋าสตางค์
ผู้หญิงก็มองที่กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ฯลฯ
แล้วเค้าก็จะตัดสินจากการงานที่เราทำ
คือแค่บอกตำแหน่งงานของเรา
เค้าจะพอคาดการณ์ได้แล้วว่า ด้วยตำแหน่งนี้ เราควรจะมีเงินเดือนประมาณเท่าไหร่
แต่หนุ่มที่คุยด้วยทั้ง 2 คนไม่ค่อยเป็นนะ
อาจจะเพราะเค้าไปอยู่เมืองนอกกันมานานก็ได้







เช่นหนุ่มคนแรกที่เราเจอเนี่ย
เค้าไปเรียนมหาลัยที่ Sydney แล้วก็ได้งานทำอยู่นี่โน่น เพิ่งจะกลับสิงคโปร์เมื่อปีที่แล้วนี้เอง
ความคิดเค้าก็จะกว้างกว่าการแข่งขันประโคมแบรนด์ มองคนจากข้างใน
หนุ่มที่เราอยู่กับเค้านาน ๆ ที่เราชอบความคิดเค้า เค้าก็ไปเที่ยวเมืองนอกกับครอบครัวบ่อย
ก็จะเห็นอีกโลกนึง ทำให้เค้าเปิดใจกว้าง
แล้ว 2 หนุ่มนี่ก็ไม่ได้แต่งตัวนะ
แต่ทั้งสองคนบอกตรงกันว่า ลุค สำคัญมาก
เพราะคนจะตัดสินเราจากการแต่งตัวของเรา
เราว่ามันคงไม่ใช่แค่สิงคโปร์หรอก
ก็ทั่วโลกแหละเนอะ

เออ
เรารู้สึกเลยว่า
เรามาเจอพวก online app ช้าไป
มาเล่นตอน 30 กลาง ๆ ละ
ถ้าเล่นตอนซัก 20 กลาง ๆ คงได้แต่งงานมีลูกไปละ
ใครจะมาเอาผู้หญิงอายุ 30 กลาง ๆ วะ
กว่าจะได้แต่งงาน ถ้าจะมีลูกก็เสี่ยงทั้งแม่ ทั้งลูก ร่างกายก็วีคกว่าคนมีลูกตอนพวกแม่ ๆ เลขสอง
แต่จริง ๆ เราก็ไม่ได้อยากมีลูกนะ
แต่ผู้ชายที่ไม่อยากมีลูกก็มีน้อย
ผู้ชายที่มองผู้หญิงอายุมากกว่ายิ่งมีน้อย
เหลืออะไรให้กรูวะเนี่ย ก๊าก ๆ





ก็ขอบคุณหนุ่ม ๆ ทุกคนที่เราได้เจอในสิงคโปร์เลย
ทุกคนพูดจาดี พาเที่ยวได้น่าประทับใจตามสไตล์ของแต่ละคน
ทำให้สิงคโปร์ครั้งแรกตัวคนเดียวของเรามีเงียบเหงา
แต่กลับเต็มไปด้วยความประทับใจในที่ ๆ น้อยคนนักจะได้ไป เช่น บนดาดฟ้า HDB
แล้วมีความทรงจำมากมายเก็บมาเล่าในบล็อคได้ตั้งเป็นเดือน ๆ
แม้พวกเค้าจะอ่านไม่ออก (แล้วเราก็ไม่อยากให้เค้าอ่านออกด้วย เดี๋ยวจะรู้ตัวว่าเอาเค้ามาเม้าซะละเอียดเชียว)
แต่เราก็จะขอบคุณเป็นภาษาไทยของเราเนี่ยแหละ
เราเชื่อว่า สำหรับบางคน เจอกันแล้วก็จาก อาจจะไม่มีโอกาสกลับมาเจอกันอีกเลย
แต่สำหรับบางคน การที่เราปลูกเมล็ดพันธุ์ลงในดินแล้ว ไม่นานมันก็จะเติบโต
เหมือนมิตรภาพของเรา ที่ไม่ว่ามันจะเป็นแบบไหน เราเชื่อว่ามันจะเป็นความทรงจำที่ดี เพราะว่าเรามีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน
(ลิเกมาก)
แถมจบไม่สวยอีกต่างหาก จะเขียนทำไมให้มันดูสวย วุ้ย
รอดูต่อไปละกาน ของแบบนี้ อาจจะต้องดูไปยาว ๆ เอ๊ะ แต่วัยเจ้ รอม่ายด้ายยยยยย







ขอบคุณที่ติดตามค่า อ่านคอมเม้นท์แล้วชื่นใจที่อย่างน้อยก็มีคนที่ติดตามอ่าน
ทำให้คนพิมพ์เล่าก็จะตั้งใจพิมพ์นะค้า
งานก็ยุ่งจะตาย (ห่าน) อยู่ละ
แต่ก็เจียดเวลามานั่งพิมพ์วันละนิด วันละหน่อย (แต่เอาเข้าจริง พอเริ่มพิมพ์ก็หยุดไม่ได้ นอนดึกมันทุกคืน)
บล็อคนึงพิมพ์อย่างต่ำทั้งวัน ถ้าเอาทีเดียวเสร็จ
ยังไม่นับเลือกรูปจากหลายร้อย ให้เลือก 10 กว่ารูปในบล็อค โหลดรูปจากที่อื่นแล้วเอาลิงค์มาไว้ที่นี่ จัดเรียง ฯลฯ
บล็อคแต่ละบล็อคใช้เวลา ทำเอามันส์ เงินก็ไม่ได้ เวลาก็เสียไปทั้งวัน นั่งทั้งวันไม่ได้ลุกไปไหน ปวดก้น ปวดหลัง ปวดขา ปวดแม่งทุกอย่าง
แต่พอเวลาได้อ่านคอมเม้นท์ว่ามีคนติดตาม ทุกอย่างที่ทุ่มเทไป มันได้ความชื่นใจกลับมา
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ คุณสละเวลาคอมเม้นท์เพียงแค่ 2 นาที แต่มันมีความหมายสำหรับเราทั้งอาทิตย์ สำหรับพลังในการพิมพ์เนื้อหาตอนต่อไปค่ะ
รักคนอ่านนะคะ



Create Date : 09 กันยายน 2559
Last Update : 9 กันยายน 2559 21:04:44 น. 1 comments
Counter : 4719 Pageviews.

 
อยากติดตามต่ออ่ะค่า
ช่วงนี้ยังคุยกะหนุ่มสิงคโปร์คนนั้นต่อไหมคะ


โดย: แอล IP: 49.49.239.89 วันที่: 24 มีนาคม 2560 เวลา:23:10:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.