Dark Matter ลวงล่าเงา




ลวงล่าเงา Dark Matter (2016) 
โดย Blake Crouch
สนพ.Maxx Publishing แปลโดย ธิดา ผลิตผลการพิมพ์ 

"ไม่เคยมีใครบอกคุณ เมื่ออะไรๆกำลังจะเปลี่ยนแปลง กำลังจะถูกพรากจาก ไม่เคยมีเสียงทักให้รู้ตัว ไร้ซึ่งสัญญาณเตือนภัยว่าคุณกำลังยืนบนขอบหุบเหว ซึ่งบางทีอาจเพราะอย่างนี้จึงทำให้โศกนาฏกรรมเป็นสิ่งน่าโศกสลดนัก ไม่เพียงเพราะสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยังเพราะวิธีที่มันเกิดเป็นดังหมัดตรง ส่งเข้าแสกหน้าชนิดคุณไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่ทันแม้แต่จะผงะหนีหริอตั้งรับ"

เจสัน เดสเซนและครอบครัวของเขา ดาเนียล่า ภรรยาและชาร์ลี ลูกชายวัยย่าง 15 ปี อาศัยอยู่ในเมืองชิคาโกที่ซึ่งทั้งเขาและภรรยาของเขาได้ทิ้งความฝันของแต่ละคนไว้เบื้องหลังเป็นระยะเวลานานแล้ว ตั้งแต่ชาร์ลีเกิดเพื่อดำเนินชีวิตตามวิถีของคนมีครอบครัว ดูแลลูกให้เติบใหญ่ 

เขาเป็นอาจารย์สอนวิชาฟิสิกส์ กลศาสตร์ควอนตัมที่วิทยาลัยเลคมอนท์ ซึ่งเป็นวิทยาลัยเล็กๆ ทั้งๆที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมีความฝันเป็นอยากเป็นนักวิจัยชื่อดังที่น่าจะมีผลงานรับรางวัลระดับประเทศได้ 

ส่วนเธอมีความฝัน วาดหวังเป็นศิลปินนักวาดภาพ ทำงานศิลปะที่มีสตูดิโอแสดงผลงานของตนเอง แต่กลับต้องเป็นมาเพียงครูสอนพิเศษทางศิลปะในโรงเรียมัธยมต้นแห่งหนึ่งในเมือง 

ในวันครบรอบแต่งงานของพวกเขา เจสันออกไปแสดงความยินดีเพียงชั่วครู่แก่ 
ไรอัน โฮลเดอร์ เพื่อนของเขาที่ได้รับรางวัลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในบาร์แห่งหนึ่ง 

ขณะเดินทางกลับบ้าน จู่ๆก็มีชายแปลกหน้า สวมหน้ากากเกอิชามาลักพาตัวเขาไป...

หลังจากตื่นขึ้นมา โลกก็กลับตาลปัตร เขาได้มาอยู่ในโลกที่เขาเคยทิ้งความฝันไป แต่ไม่มีภรรยาและลูกอีกต่อไป 

โลกไหนคือโลกจริงกันแน่ 
โลกนี้คือความสุขที่เติมเต็มความฝันที่สูญหายเมื่อครั้งเยาว์วัยของเขาจริงเหรอ แล้วถ้าไม่ใช่เขาจะหาทางกลับมาได้อย่างไร 

เรื่องนี้มีแก่นกลางของเรื่องอยู่บนพื้นฐานของกลศาสตร์ควอนตัม ทฤษฎีแมวของ
ชโรดิงเงอร์ (ซึ่งหน้าปกหนังสือของไทย ทำได้สื่อและสวยมาก ของฝรั่งเท่าที่ดูมามี สนพ.นึงทำสวย แต่ที่เป็นปกแดงไม่สวยเลย) ซึ่งในเล่มอธิบายได้เป็นอย่างดีและเข้าใจง่าย คนที่กลัวว่าจะงงไม่ต้องไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมอะไรทั้งสิ้นครับ

ถือได้ว่าแกนหลักของเรื่องเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ โดยมีบรรยากาศการเล่าเรื่องแบบแนวลึกลับ (Mystery) เป็นตัวหมุนแกนให้เรื่องดำเนินไปอย่างรวดเร็วปาน Harlan Coben เป็นคนเขียนเองเลย ถ้าจะบอกว่า Blake Crouch อยากให้นิยายวิทยาศาสตร์อ่านง่ายขึ้นหรือจะบอกอีกแบบว่า ทำให้นิยาย Mystery ให้เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ด้วยก็ได้ (เปรียบเทียบเหมือนชุดหุ่นยนต์ของ Isaac Asimov ที่แกนหลักของมันคือ นิยายสืบสวนสอบสวน แต่ให้บรรยากาศของนิยายวิทยาศาสตร์เป็นตัวหมุนแกน คงได้ภาพชัดเจนขึ้น) 

แต่ประเด็นหลักที่สำคัญของหนังสือที่จะสื่อ ไม่ใช่แกนหลักหรอก แต่คือคำถามที่ว่า ระหว่างความฝันกับครอบครัว คุณจะเลือกอะไร 

บางคนอาจจะมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ปมความฝันที่ยังไม่เติมเต็มอาจจะผุดขึ้นมาถามตัวเราอยู่เนืองๆ

บ้างอาจจะประสบความสำเร็จในฝันที่ตั้งใจไว้ แต่เลือกหนทางที่เปลี่ยวเหงา ไม่มีคนรู้ใจอยู่ข้างกาย คำถามเรื่องครอบครัวก็อาจจะผุดขึ้นมาเล่นงานตัวเราได้เช่นกัน

คงมีบ้างล่ะที่คนเราจะประสบความสำเร็จในทั้ง 2 อย่าง นั่นถือว่าโชคดีมากๆ และสิ่งที่เรามีอยู่แล้วแต่ด้วยความเคยชิน จนมันสูญหายไปจากชีวิตเราจริงๆนั่นแหละ เราถึงเห็นแง่มุมความงามของมัน

พร้อมกับความสงสัยว่า ทำไมตอนนั้นเราไม่เลือกแบบนั้น แบบนี้ แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันจะเป็นอย่างที่เราคิด? เพราะเงื่อนไขของความฝันที่สำเร็จ มันอาจจะมีมากกว่านั้น เราแค่หาบางสิ่งที่เราคิดจะกล่าวโทษแค่นั้นเอง

หนังสือมีทั้งความรัก ความพลัดพราก ความตาย ความจริง ความลวง รวมถึงความ
โรแมนติกสอดแทรก เช่น 

"ถ้าข้างนอกมีอีกล้านบ่อ มีร่างอื่นของคุณและผมที่มีชีวิตทั้งที่คล้ายและที่ต่างจากนี้ ก็จะไม่มีร่างไหนดีไปกว่าสิ่งที่อยู่ตรงนี้ ที่นี่ ผมมั่นใจในเรื่องนี้ยิ่งกว่าทุกสิ่งในโลก"

และ

"ผมรู้อยู่เสมอว่าการแยกกันและความโดดเดี่ยวนั้นเป็นภาพลวงตา เราทุกคนล้วนก่อร่างมาจากสิ่งเดียวกัน - ชิ้นส่วนของสสารที่ก่อตัวขึ้นในเพลิงร้อนของดวงดาวที่แตกดับ เพียงแต่ผมไม่เคยรู้สึกอย่างลึกซึ้งถึงความจริงของความรู้นี้ จนกระทั่งวินาทีนั้นที่นั่นกับคุณและเพราะเป็นคุณ"

สรุปว่าเป็นหนังสือที่สมควรอ่าน สนุก ใครอ่านเร็ว วันเดียวก็คงจบ (ผมประมาณ 5 วันซึ่งเร็วมากๆ สำหรับผมแล้ว) ถึงแม้จะมีแผ่วไปบ้างตอนช่วงท้ายๆ แต่จบได้ดีในแบบที่มันควรจะเป็นแล้ว และถ้าใครอยากรู้ว่าหนังสือเกี่ยวกับอะไร อธิบายได้ง่ายๆ เพียงหยิบกระจกเงามา 2 บาน หันหน้าเข้าหากันแล้วพาตัวเองไปอยู่ตรงกลางกระจกทั้ง 2 บานนั้นก็จะได้คำตอบ

ยกใหัเป็นหนังสือแห่งวันครอบครัวจริงๆครับและเป็นนักเขียนที่น่าจับตามองเลยทีเดียว

"เราล้วนแต่มีชีวิตไปแต่ละวันโดยไม่เคยล่วงรู้แจ่มชัดถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เราต่างเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความจริงที่ใหญ่กว่าและแปลกประหลาดกว่านั้นซึ่งเราสุดจะจินตนาการได้" 

ป.ล.ผู้เขียนได้ไอเดียสารพัดและแรงกระตุ้นในการเขียนจาก Marcus Sakey คนเขียนหนังสือ Brilliance (ที่มีแปลในไทยด้วย) ซึ่งเป็นเพื่อนกันและได้รับข้อมูลการอธิบายทางกลศาสตร์ควอนตัมอันแจ่มชัดจาก Michio Kaku นักฟิสิกส์ชื่อดัง

คะแนน 8.5/10



Create Date : 14 เมษายน 2560
Last Update : 15 เมษายน 2560 14:26:19 น.
Counter : 2006 Pageviews.

2 comments
  
มีแปลไทยแล้วหรือนี่! เป็นเล่มที่เล็งไว้ตั้งกะปีที่แล้ว คนชมเยอะมั่กๆ ดูท่าจะได้เวลาเสียตัง XD
โดย: Froggie วันที่: 28 พฤษภาคม 2560 เวลา:19:30:12 น.
  
ชวนเสียตังค์เลยครับ
สนุกและดี อ่านรวดเดียวจบเลยครับ
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 6 มิถุนายน 2560 เวลา:14:19:47 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 755059
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]



New Comments
เมษายน 2560

 
 
 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
14 เมษายน 2560
All Blog