Blog นี้เป็น Blog แรกของ admin ครับหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ เราจะมาพูดถึงภาษีที่พ่อค้าแม่ค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ต้องรู้กันนะครับ

สำหรับใครหลายๆคนคงอยากมีธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเอง แต่ก็เคยได้ยินเรื่องภาษีที่น่าสะพรึงกลัวมาไม่น้อย ว่าคนโน้นโดนปรับหลายแสน คนนั้นโดนปรับหลายล้าน แล้วเราที่กำลังจะเริ่มธุรกิจใหม่ต้องทำยังไงล่ะถึงจะรอดจากปัญหาเหล่านี้???

วันนี้ผมจะมาอธิบายว่าภาษีที่เกี่ยวข้องกับร้านค้าให้ฟังครับ

อันดับแรกเริ่มจากภาษีที่ใกล้ตัวร้านค้าพ่อค้าแม่ค้ามากที่สุดก่อนเลยครับคือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ถือเป็นภาษีที่ทุกคนต้องเจอไม่ว่าจะเป็นพนักงานเงินเดือน พ่อค้าแม่ค้า หรือมีรายได้อื่นๆเช่นค่าเช่า ค่านายหน้า ซึ่งรายได้เหล่านี้ต้องเสียภาษีทั้งนั้น แต่เสียอย่างไร เสียเท่าไหร่ เสียที่ไหนล่ะ

-ภาษีตัวนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อร้านค้า พ่อค้า แม่ค้า มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการและได้รับชำระเงินแล้ว ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นคนธรรมดาหรือบริษัทก็ตามครับ โดยรายได้จากการขายสินค้านั้นสามารถหักต้นทุนได้ในอัตราร้อยละ60ของยอดขาย และสามารถหักลดหย่อนต่างๆได้อีกด้วย เหลือเท่าไหร่ก็นำไปคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายให้สรรพากร โดยพ่อค้าแม่ค้าต้องยื่นแบบเสียภาษีปีละ2ครั้ง

*แต่หากรายได้ของพ่อค้าแม่ค้าไม่ถึง 60,000บาทต่อปีก็ไม่จำเป็นต้องยื่นแบบภาษีแต่อย่างใด

ภาษีอีกตัวนึงที่สำคัญมากและเสียค่าปรับกันเยอะมากก็คือภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีตัวนี้เป้นภาษีที่่พ่อค้าแ่ม่ค้าต้องเก็บเงินจากลูกค้าเพิ่ม 7% จากราคาสินค้า/บริการ เพื่อนำเงินตัวนี้จ่ายให้สรรพากร

แต่ภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนจำเป็นต้องมี เนื่องจากกฎหมายกำหนดว่าร้านค้าหรือกิจการที่มีรายได้จากการขาย/บริการ ในปีปฎิทินเกิน 1.8ล้านบาทต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และต้องทำแบบ ภพ30 พร้อมรายงานภาษีขาย/รายงานภาษีซื้อทุกเดือน โดยต้องยื่นแบบ ภพ30 และชำระเงินให้แก่สรรพากรภายในวันที่ 15ของเดือนถัดไป

*หากเดือนไหนไม่มีรายได้ก็ต้องยื่น ภพ30 โดยกรอกยอดเป็น 0บาท

สำหรับวันนี้ขอฝากไว้เท่านี้ก่อนครับ แล้ววันต่อไปจะมาอธิบายเพิ่มว่าร้านค้าต้องจดทะเบียนอะไรเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ

ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติมได้จากลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับ