|
ผ้าทอง (5) สรุปประเด็น
เห็นว่าควรจบเรื่องผ้าทองเสียที หลังจากการเขียนที่ยืดเยื้อรายสะดวกมาเป็นหลายเดือน ก่อนจะพูดอะไรก็ควรจะสรุปประเด็น เพื่อจะได้เข้าใจง่ายขึ้นว่าจขบ.อยากจะบอกอะไร
- จขบ.เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของศิลปิน กับโลกของศิลปิน - จขบ.เห็นว่าอุมามีชีวิตอยู่ในสองโลก คือ โลกภายนอก (โลกที่เห็นด้วยตา) กับ โลกภายใน (โลกในตัวของอุมาเอง / จินตนาการของอุมา / ภูมิทัศน์ในใจของอุมา) อนึ่ง จขบ.เห็นว่านี่เป็นอาการปรกติของคนที่เป็นศิลปิน เพราะศิลปินมักจะกลั่นคั้นงานออกมาโดยผ่านตัวเอง จึงหมกมุ่นกับตัวเองค่อนข้างมาก เรียกว่าเป็นการนำโลกภายในตัวมาสำแดงให้เป็นรูปธรรม - จขบ.เห็นว่านอกจากอุมาจะมีชีวิตอยู่ในสองโลกแล้ว โลกทั้งสองของเธอยังปะทะกันด้วย เพราะโลกภายนอกของอุมาไม่อนุญาตให้อุมาติสต์ เธอเจอมาเสียจนกระทั่งเรียนรู้ว่ากรุณาเอาความติสต์ไปซุกไว้ก้นหีบ มิฉะนั้นจะเกิดบัดซบขึ้นในชีวิต แต่เธอก็ยังอดติสต์แบบแพล็ม ๆ ไม่ได้อยู่ดี - จขบ.คิดว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในเรื่องนี้ คืออุมาเคลียร์ตัวเองยังไง และศิลปินควรจะจัดการกับชีวิตตัวเองที่ "เป็นอย่างนี้" ได้อย่างไร
###
จขบ.คิดว่าเรื่องนี้เป็นโศกนาฏกรรม
ซึ่งอาจจะไม่ใช่ก็ได้ แล้วแต่คนมอง แต่จขบ.ไม่ได้มองว่ามันเศร้าเพียงเพราะสุดท้ายอุมากับคีรีก็ไม่เข้าใจกัน เพราะจขบ.มีฟีลลิ่งพิลึกว่าสิ่งสูงสุดที่อุมาต้องการไม่ใช่คีรี และสิ่งสูงสุดที่คีรีต้องการก็ไม่ใช่อุมา แม้มันจะน่าเสียดายอยู่บ้าง เพราะถ้าหากเคลียร์บางอย่างกันได้ ทั้งสองคนก็จะเป็นเพื่อนที่ดีของกันและกัน และก็จะมีความสุขกันมากกว่านี้ (แต่คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ตราบใดที่คีรียังเรียกร้องให้อุมาทิ้งผ้า)
สิ่งที่จขบ.เห็นว่าเศร้าที่สุดคือ อุมาไม่เคยได้ทำสิ่งที่อยากทำ ไม่เคยได้สิ่งที่อยากได้ ไม่เคยมีคนเข้าใจ จนกระทั่งเกือบ ๆ จบเรื่องแล้วนั่นแหละ ที่แม่ของอุมา (ซึ่งบวชเป็นชีแล้ว) บอกว่าเข้าใจอุมาแล้ว อุมาก็แค่อยากปักผ้าเท่านั้นเอง จุดนั้นเป็นจุดที่อุมารู้สึก "เป็นอิสระ" ในที่สุด
ว่ากันจริง ๆ คือตามทัศนะของจขบ. การแก้ปัญหาของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่การชี้แจงข้อธรรม (แม้จะมีการชี้แจงข้อธรรม) แต่อยู่ที่มีคนคนหนึ่ง "ยอมรับ" อุมา และบอกได้ว่า เธอเป็นอย่างนี้ นี่คือเธอ
เมื่อพบแล้วว่าตัวเองคืออะไร ใจก็จะค่อย ๆ สงบลงได้เอง
ว่ากันจริง ๆ คือคนเราไม่ได้อยากเป็นคนวิเศษ ไม่ได้อยากรวย หรืออยากอะไรมากมายนักหรอก (นี่หมายถึงจริง ๆ ข้างในลึก ๆ น่ะนะ) ที่อุมาแสวงหามากขนาดนี้ ก็เพราะเธอ "ไม่ได้" สิ่งที่เธออยากได้ก็แค่ฉันอยากปักผ้า ฉันปักผ้าสวย ช่วยดูหน่อยนะ ชมฉันสักคำก็จะดีมาก ถ้าชอบผ้าเหมือนกันแล้วปักด้วยกัน แลกเปลี่ยนกันก็จะดีมากเหมือนกัน แม้ฉันจะเป็นมนุษย์ปั้นปึ่งหยิ่งมากก็เถอะ แต่มันก็แค่กำแพงเท่านั้นเอง
ในกรณีนี้ จขบ.มองว่าก็เหมือนเจ้าคาซีในเรื่องผู้เสกทราย คาซีก็ตะบี้ตะบันคิดอยู่ได้ว่าตัวเองโง่ แล้วมันก็เศร้ามากเพราะมันคิดว่าโง่ ใช้ไม่ได้ ไม่ดี เพราะการคิดอย่างนั้นมันทำให้รู้สึกแย่ แต่พอมัธบอกว่า เปล่า แกไม่ได้ใช้ไม่ได้ แกไม่มี ไม่มีไม่ผิดอะไร ก็แค่ต้องหาทางไปเพราะทางของแกมันไม่เหมือนกันคนอื่น ในจุดนั้น มันเป็นการ liberate มาก ๆ เป็นการเข้าใจตัวเอง ไม่มีก็คือไม่มี ให้ทำไง
ว่ากันอีกทีคือแม้จะยัง "บกพร่อง" อยู่ แต่ก็รู้ชัดแล้วว่าพร่องตรงไหน และรู้ด้วยว่าไม่มีขาก็เดินไม่ได้ จะไปพยายามเดินเหมือนกันคนอื่นแล้วเสือกรู้สึกแย่ที่เดินไม่ได้ไปทำไม
ในกรณีของอุมาก็เหมือนกัน ชีตระหนักชัดตอนที่แม่บอกนั่นเองว่า อ้อ ที่จริงนี่คือสิ่งที่ฉันอยากได้ ฉันจะไปอยากได้อย่างอื่นไปทำไม แต่ต้องใช้เวลาหลังจากนั้นระยะหนึ่งกว่าจะตกผลึกความคิดออกมาได้ ที่ไม่รู้ว่าดีหรือแย่คือถึงตระหนักอย่างนั้น อุมาก็คงถอยไปที่ไหนไม่ได้แล้วด้วย เพราะความหยิ่งและถือดีในสกุลรุนชาติและอื่น ๆ ได้อัญเชิญชีไปไว้บนยอดหิ้งที่ไม่มีทางลง ไม่มีทางก็คือไม่มีทางจริง ๆ เพราะอุมาเองก็ไม่อยากลง แต่ไม่ลงมาก็จะไม่ได้รับความรัก และไม่อาจสัมพันธ์กับใครได้อย่างลึกซึ้งด้วย
พอเขียนมาถึงตรงนี้ จขบ.ก็ชักไม่แน่ใจว่ามันยังเป็นโศกนาฏกรรมหรือเปล่า มันก็อาจจะเป็น "ชีวิต" หนึ่ง ชีวิตก็คือชีวิต ไม่ได้ดีไปหมด หรือเลวไปหมด แต่เพราะเป็นอย่างนั้น แต่ละชีวิตที่เป็นชีวิตจริง ๆ ถึงได้เปล่งประกาย เพราะว่าบกพร่อง ผิดพลาด เสียใจ ทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า แสวงหาไม่มีที่สิ้นสุด ไม่รู้ว่าจะมีคำตอบหรือเปล่า ชีวิตถึงได้เป็นของสวยงามมาก เป็นของจริงมาก เหมือนบางอย่างที่กลั่นคั้นออกมาจากความสุขความทุกข์ จากเหงื่อจากเลือดจากน้ำตา กลั่นออกมาเป็นของมีค่า เหมือนเพชร เหมือนอัญมณี
มันก็จบลงตรงนี้ แต่จขบ.ก็ไม่รู้ เพราะเรื่องนี้ลึก ให้คิดก็คิดไปได้อีกเรื่อย ๆ ซึ่งไม่มีคำตอบว่าถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดี หรือที่จริงมันสะท้อนตัวจขบ.เองมากกว่าจะสะท้อนว่าเรื่องเป็นอย่างไรตามความเป็นจริง
บางทีตลอดมา จขบ.อาจจะพยายามหาความหมายและหนทางจากชีวิตมากเกินไปก็ได้ ที่จริงบางทีอาจเพราะหาไม่เจอ เพราะเดินทางลำบากยากยิ่งกว่าจะได้พบในบั้นปลาย เข้าใจแล้วกลับกลายเป็นไม่เข้าใจ ไม่มีคำตอบสูตรสำเร็จ เพราะแบบนี้ก็ได้ ชีวิตถึงได้เป็นสิ่งที่มีอะไรให้ขบคิดหลากหลาย ชีวิตถึงได้เป็นของสวยงาม
Create Date : 29 มีนาคม 2553 |
Last Update : 29 มีนาคม 2553 13:35:27 น. |
|
6 comments
|
Counter : 910 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แก้วเก้า IP: 125.27.223.145 วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:14:00:35 น. |
|
|
|
โดย: แอ๊ด ปากเกร็ด IP: 192.168.111.245, 61.47.67.73 วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:16:43:41 น. |
|
|
|
โดย: แก้วเก้า IP: 125.27.212.114 วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:22:10:02 น. |
|
|
|
โดย: เคียว IP: 118.173.224.31 วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:9:27:47 น. |
|
|
|
| |
|
|
ว่างๆเชิญวิจารณ์งานของแก้วเก้าอีกนะคะ
บางที เราอาจจะมี "อุมา" อยู่ในตัวเอง โดยไม่รู้ตัวก็ได้
การมองเข้าไปในกระจกเงา เพื่อหา "อุมา "
ก็อาจจะเห็นตัวเรามองตอบออกมาบ้าง ไม่มากก็น้อย