The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 
ผ้าทอง (2)

ทำไม จขบ. ถึงเห็นว่ามุราคามิ "ติสต์"

ก็เพราะลุงมุรากี้แกเป็นคนที่นำเอา "ภูมิทัศน์" ภายในตัวออกมาแสดงให้โลกเห็น อาจบอกได้งานของแกทุกชิ้นล้วนแต่เป็น "โลกข้างใน" ของแก ศิลปินที่เก่ง มีความสามารถส่วนมากมักสะท้อน "โลกข้างใน" นี้ออกมา และโลกของคนพวกนี้ก็มักจะกระทบใจคน

ในเรื่องผ้าทอง อุมาที่เป็นนางเอกก็สะท้อน "โลกข้างใน" ออกมาใน "งาน" คือผ้าปักเหมือนกัน อุมาปักผ้าทองได้ดีและงามจนสามารถสะกดให้คนตะลึงได้ คือเรียกว่าถ้าดูเป็น คนเห็นงานของอุมาจะถึงขั้น ecstacy เธอมีความสามารถนำความงามในตัวออกมาได้ถึงขนาดนั้น

ได้คุยกับอนิธิน ทำให้เกิดความเข้าใจกระบวนการของอุมา (ตลอดจนศิลปินต่าง ๆ) มากยิ่งขึ้น คือที่จริงแล้ว แม้ว่าในชั่วขณะที่ทำงาน ศิลปินจะจดจ่อกับงานนั้น จนเหมือนกับเวลาไม่ได้เลื่อนไหลไป แต่พอทำงานเสร็จขึ้นมาจริง ๆ ศิลปินซึ่งเป็นมนุษย์มีกิเลสตัณหาคนหนึ่งก็ย่อมอยากให้คนชื่นชมกับงานของตัว อยากให้คนรู้ว่าตัวเองเก่ง อยากได้รับความรักและชื่อเสียงผ่านงาน เพราะสำหรับศิลปินแล้ว "งาน" ก็คือชิ้นส่วนหนึ่งของตัวเอง (ไม่แปลกที่ศิลปินจำนวนมากจะรู้สึกว่า รักงานก็คือรักตัวข้า ชื่นชมงานก็คือชื่นชมความเป็นตัวข้า และเจ็บปวดอย่างยิ่งเมื่องานถูกตำหนิติเตียน เพราะยิ่งทุ่มใจให้งานเท่าไร การติเตียนผลงานก็ยิ่งหมายถึงติเตียนตัวข้า)

เหมือนที่อนิธินเล่าให้ฟังว่า พอไมเคิลแองเจโล (มิเคลันเจโล) สลักปิเอตาเสร็จ ก็มีคนวิพากษ์ว่าเป็นผลงานของคนอื่น แกเลยต้องแอบเข้าไปแกะชื่อตัวเองไว้บนงาน นั่นคือภาพสะท้อนของอัตตาแบบศิลปิน

...

ในระยะเริ่มต้นของเรื่อง อุมาปักผ้าเพื่อให้ได้ "ชื่อเสียง" (การยอมรับของเสด็จ) ซึ่งเป็นอาการเดียวกับไมเคิลแองเจโล คือตั้งใจทำ รู้ว่าตัวเองเก่ง และปรารถนาจะได้รับ "ความรัก" จากความเก่งนั้น

อย่างไรก็ตาม จุดที่น่าสนใจของเรื่องก็คือ ผ้าผืนดังกล่าวไม่ได้ใช้ และสิ่งที่จะปรากฏต่อ ๆ มาอย่างชัดเจนก็คือ ผ้าของอุมาไม่ได้ใช้เลยจนผืนเดียว ไม่มีใครในโลกได้มีโอกาสเห็นผ้าของเธออย่างเต็มตา นอกจากตัวอุมาเอง

ถ้าถามว่า จขบ.เห็นสถานการณ์ "ผ้าทองไม่ได้ใช้" เหล่านี้อย่างไร จขบ.ก็คิดว่ามันหมายถึงการที่โลกรอบตัวของอุมา ไม่ยอมรับ "ความเป็นศิลปิน" ของอุมา โลกรอบตัวเธอต้องการให้เธอทำธุรกิจของพ่อ แต่งงานแต่งการและเป็นผู้เป็นคน อุมาไม่ได้รับอนุญาตให้แสวงหาอีโก้และการยอมรับผ่านทางการทำงานศิลปะ

แน่นอนว่า อุมาไม่ตายเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ เธอมีชีวิตต่อไปอย่างค่อนข้างเป็นปรกติดี แม้จะไม่สามารถทำผ้าให้ใครเห็น ให้เปรียบคงเหมือนสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอะไรอย่างหนึ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงน้ำ มันก็พออยู่ได้ ทว่าเมื่อธรรมชาติให้เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ แต่ไม่ได้ลงน้ำ สัตว์ชนิดนั้นย่อมได้รับผลกระทบ จขบ.มีความเห็นว่าอุมาเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ตลอดทั้งเรื่องนี้ อุมามีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกเลื่อนลอย เห็นคนคอมเมนต์บ้างว่าจับต้องตัวอุมาไม่ได้ จขบ.ก็คิดว่าที่จับต้องไม่ได้เพราะอุมาไม่เคยอยู่ใน "โลกข้างนอก" อย่างเต็มที่นั่นเอง

อุมาอาจไม่รู้ตัว แต่ในขณะที่ไม่สามารถแสดงโลกภายในออกมา เธอก็ปฏิเสธที่จะคลุกเคล้ากับโลกภายนอกเช่นเดียวกัน แม้คิดตัว "ควร" ทำอะไร แต่ที่จริงก็ไม่ได้ทำ จะเห็นว่าหลายครั้งหลายหน อุมาคิดเอาเองว่าควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ เช่น ควรดูแลหลาน (ประกายพรึก หรือดาว) ให้ดี ควรพยายามเข้าใจสามี (คีรี) แต่อุมาก็ไม่ได้ทำ เธอไม่ทำเพราะอะไรหลายอย่างในตัวอุมาไม่ได้อยู่ "ที่นี่" แต่อยู่ที่โลกข้างใน

การเข้าใจอุมา ทำได้ทางเดียวคือต้องเข้าใจว่าอุมามีชีวิตอยู่ในสองโลกอย่างนั้น

...

จขบ.อธิบายมาอย่างนี้ คนไม่น้อยคงเห็นแปลก แต่จขบ.คิดว่าตัวเองเคยเห็นคนที่เป็นอย่างอุมา คนที่ทำงานศิลปะได้งามมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีเวลาที่เหมือนจมดิ่งลึกลงไปในโลกของตัวเอง คนอย่างนี้ไม่ได้ใช้โลจิคเดียวกับคนที่อาศัยอยู่ในโลกข้างนอก คนที่เคยอยู่แต่ในโลกข้างนอกก็จะไม่เข้าใจ

ตัวอย่างความไม่เข้าใจที่เห็นได้ชัด คือสามีของอุมา คีรีเป็นคนดีมาก แต่ก็เป็นคนของ "โลกข้างนอก" มากเช่นเดียวกัน คีรีไม่มีความละเอียดอ่อน ไม่เข้าใจความละเมียดละไม ความตรงข้ามอย่างสุดขั้วนี้ทำให้คีรีติดใจอุมาตั้งแต่แรกเห็น เพราะอุมาเป็นสิ่งที่เขาไม่มี

อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มความสัมพันธ์ด้วยความรู้สึก "ขาด" คีรีจึงไม่มีวันเข้าใจอุมาได้ นอกจากคิดเอาเองว่าปรารถนาเธอมาเป็นส่วนเติมเต็ม เมื่ออุมาเองก็มีความบกพร่องชั่วร้ายของอุมา คีรีจึงไม่พอใจ จขบ.คิดว่าตลอดทั้งเรื่อง คีรีไม่เคยสามารถมองอุมาเป็นอุมาเองเลย เขาก็คิดแต่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นตัวแทนของสิ่งที่เขาขาดเท่านั้นเอง ซึ่งจขบ.รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าจริง ๆ

คีรีไม่สามารถเข้าใจได้แม้กระทั่งความรักงานศิลปะของอุมา เขาไม่รู้ตัว แต่ที่จริงแล้ว ด้วยความปรารถนาจะเอาความเป็นอุมามาเติมเต็มตัวเองอย่างยิ่ง คีรีจึง "หึง" ผ้าทอง ซึ่งเป็นสิ่งที่นำอุมาออกห่างจากเขา พาอุมาไปยังโลกที่เขาไม่เข้าใจ และไม่อาจไปถึงได้ คีรีไม่ได้เกลียดชังผ้าทองเพราะมันอาถรรพ์อย่างที่เขาเชื่อ นั่นเป็นเพียงข้ออ้างที่ใจของเขาสร้างขึ้นมา

...

คิดว่าต่อไปจะพูดเรื่องสัญลักษณ์ผ้าทอง กับความสัมพันธ์ของมันกับตัวอุมา


Create Date : 20 มกราคม 2553
Last Update : 20 มกราคม 2553 21:12:02 น. 7 comments
Counter : 580 Pageviews.

 
รออ่าน งุงิ (ชอบเรื่องนี้มากเหมือนกัน)
มาฟังปันวิเคราะห์ อิอิ


โดย: romancer IP: 110.168.68.11 วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:21:42:29 น.  

 
ยิ่งอ่านที่ปันเขียน ยิ่งอยากหาเรื่องนี้มาอ่าน


โดย: นักรบ IP: 74.193.252.136 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:8:14:30 น.  

 
คุณเคียวทำให้เราอยากหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน

เพราะอ่านแล้วจะได้มาอ่านด้วยความรู้สึกอีกแบบด้วย


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 22 มกราคม 2553 เวลา:11:40:28 น.  

 
เคยได้ยินคนพูดถึงเรื่องนี้มาบ้างเหมือนกันครับ แต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้อ่านสักที

รออ่านบทต่อไปของพี่ปันครับ


โดย: เจรามี วันที่: 23 มกราคม 2553 เวลา:13:52:11 น.  

 
อ่านแล้วเศร้าจังค่ะ
การที่เห็นว่ามีตัวตน แต่ไม่ได้รับรู้ถึงคนจริงๆ

รออ่านต่อค่ะ


โดย: ส้ม IP: 118.172.82.145 วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:22:25:51 น.  

 
อยู่ระหว่างตามอ่านเอนทรี่ตั้งแต่ต้นปี ^^

ก่อนหน้านี้อ่านป่าเปียโนแล้วก็รู้สึกอย่างนี้ วันนี้อ่านเอนทรี่นี้ก็รู้สึกอีกแล้ว

"โลกของพวกเรานั้น ดุจแดนลี้ลับของคนนอก"


โดย: ratichan วันที่: 17 เมษายน 2553 เวลา:18:04:07 น.  

 
เคยอ่านเรื่องนี้ตอนอยู่ป.5
ตอนนั้นโลกของเรายังมีมิติเดียวอยู่เลย


โดย: สีฟัน (มาฮิกัน ชกีซิก ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:54:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.