space
space
space
<<
กุมภาพันธ์ 2560
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
space
space
25 กุมภาพันธ์ 2560
space
space
space

จนกว่าเรา...จะจากกัน








ตอนที่ 4

จากที่ได้ยินเสียงของแมวและสตีฟปลายฝนไม่สามารถมีสมาธิอยู่กับหนังสือ ขนม และกาแฟจนกระทั่งมีสัญญาณภาพผ่านช่องทางการสื่อสารมาทางโทรศัพท์ ปลายฝนจึงรู้สึกตัวก้มมองและเห็นเป็นใบหน้าของมีย่าแสดงขึ้นมา เธอจึงตัดสัญญาณการรับสายพร้อมส่งข้อความ ‘ไม่สะดวกคุย พี่จะโทรกลับนะ’ และมีข้อความตอบกลับมา ‘ค่ะอย่าลืมโทรกลับมาด้วยนะ ย่าคิดถึงพี่ฝนนะคะ’

สักพักแมวและสตีฟก็ไปชำระเงินและเดินออกจากร้านปลายฝนจึงส่งสัญญาณภาพกลับไปหามีย่า คุยเรื่องต่างๆ ทั้งเพื่อนร่วมงาน ที่ทำงานตัวเนื้องานที่ได้รับมอบหมาย แต่ข้ามเรื่องราวของการพบเจอแมวที่ร้านอาหารแห่งนี้ออกไปสองสาวพูดคุยด้วยความคิดถึงกันสักครู่หนึ่งก็วางสาย

ปลายฝนยังคงนั่งคิดถึงเรื่องราวที่ได้ประสบและได้ยินมาในช่วงเวลานี้...พี่กรณ์ยังคงรักเราอย่างที่เขาบอกอย่างแน่นอนแยมกับเนยก็ไม่ได้เป็นคนต่อต้านเราด้วยตัวเองอย่างที่เข้าใจแต่ทำไมในเมื่อพี่แมวมีคนอื่น ถ้ารักกันอย่างนั้นทำไมถึงต้องรั้งชีวิตคู่ของเขาไว้ด้วย ทำไมต้องทำให้เป็นปัญหาไม่ใช่แค่กับเราแต่กับเขาเองด้วย มันเกิดจากอะไรกัน...

เมื่อมองนาฬิกาข้อมือใกล้สามทุ่มและพรุ่งนี้ยังคงเป็นวันทำงาน ปลายฝนจึงไปชำระเงินและเดินออกจากร้านไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อกลับที่พัก โดยมีสายตาคู่หนึ่งมองปลายฝนจากอีกด้านหนึ่งของร้าน เป็นห้องกระจกขนาดเล็กอยู่ทางด้านเดียวกับส่วนคิดเงินและจัดวางขนม รวมถึงรายการเครื่องดื่ม ห้องนี้เป็นกระจกแบบมองได้เพียงด้านเดียวมองจากภายนอกจะไม่เห็นคนข้างใน แต่คนข้างในจะเห็นทุกสิ่งภายนอก

เมื่อปลายฝนถึงที่พักและพบว่าเจเนทและคนอื่นๆได้ถึงที่พักเธอจึงไปนั่งคุยต่อสักพักและทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อการทำงานในวันต่อไป

หลังจากการทำงานในทุกเย็นถ้าไม่มีนัดหรือต้องทำงานเลิกดึก ปลายฝนต้องแวะไปที่ร้านกาแฟ ชื่อร้าน อาคิตะ (Akita) ร้านเดิมที่เธอบังเอิญเจอบทสนทนาของแมวและสตีฟสิ่งที่เธอทานได้เปลี่ยนจากขนมเป็นอาหารเบาๆ อย่างแซนวิสในบางมื้อในส่วนของเครื่องดื่มยังคงเป็นกาแฟรายการเดิมที่เธอสั่งจนพนักงานเสริฟจำเครื่องดื่มของเธอได้ สายตาคู่หนึ่งในห้องกระจกยังคงมองเธออย่างสนใจเช่นเดิม

กรณ์เดินออกจากห้องประชุมเข้าไปยังส่วนของที่นั่งของตนเองกล้วยเดินตามเข้ามา หยิบสมุดแจ้งเวลานัดหมายและทำการรายงานตามปกติ

“วันอังคารนี้พี่กรณ์ต้องไปประชุมที่สิงคโปร์ประจำเดือนนะคะประชุมสามวัน ทางแผนกขายที่จัดประชุมครั้งนี้ได้ส่งกำหนดการมาให้แล้วค่ะ”กล้วยวางเอกสารที่ใส่ในซองพลาสติกใสสีฟ้าอ่อนอันเป็นสีของแผนกลงบนโต๊ะของกรณ์

เนื่องจากแผนกในบริษัทไม่หลากหลายทางแผนกจัดซื้อเลยจัดเตรียมแฟ้มสีให้ใช้สำหรับแต่ละแผนก แยกเป็นสีละแผนกซึ่งแผนกของกรณ์ใช้แฟ้มใสสีฟ้า ฝ่ายบุคคลใช้แฟ้มใสสีขาว เป็นต้น

กรณ์หยิบเอกสารขึ้นมามองกำหนดการ“ประชุมบ่าย กล้วยจองตั๋วเครื่องบินเช้าสุดของวันพุธ ส่วนขากลับเอาเป็นดึกสุดของวันศุกร์ส่วนโรงแรม หาที่ใกล้สำนักงานที่นั่นแล้วกัน คราวที่แล้วให้ทางนั้นจองเสียเวลาต้องนั่งรถจากโรงแรมไปประมาณสิบห้านาที” ถ้าไม่มีอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษกรณ์มักจะหาที่พักที่ใกล้กับการทำงานเสมอชายหนุ่มไม่ต้องการเสียเวลาแม้แต่น้อยถ้าเกี่ยวกับการทำงานเพราะการทำงานหนักในระยะหลังนี้ ทำให้สมองเขาไม่ว่างเขาต้องการให้ความคิดถึงอยู่เพียงส่วนลึกของใจให้มากที่สุดให้อยู่เพียงบริเวณที่เขามีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดเขาไม่ต้องการให้มีใครรับรู้ความลับนี้เขาไม่ต้องการสูญเสียทั้งดวงใจและแก้วตาไปพร้อมๆกันเมื่อเขาตัดใจยอมเสียดวงใจที่เขารักมากเพียงเพราะต้องการรักษาแก้วตาบริสุทธิ์ทั้งสองดวงให้อยู่กับเขา เขาจึงต้องรักษาความลับนี้ไว้ให้ดีให้มั่นคงที่สุด

กล้วยพยักหน้ารับคำและจดลงบนบันทึก“ค่ะพี่กรณ์ สักครู่กล้วยจะมาแจ้งรายละเอียดสายการบินกับที่พักนะคะ”

แล้วกล้วยก็เดินออกไปยังที่นั่งของตนและทำงานตามที่ได้รับมอบหมายเมื่อกล้วยเดินไปแล้ว กรณ์ก็มุ่งมั่นทำงานที่คั่งค้างและหยิบเอกสารรอการลงลายมือชื่อขึ้นมาหลังเซนต์เอกสารและวางลงบนถาดเอกสารออก กล้วยจะเป็นผู้นำออกไปแจกจ่ายยังแผนกต่อไปในภายหลัง

ครู่หนึ่งกรณ์ยกสายโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ภายในไปยังโต๊ะของกล้วยเมื่อกล้วยรับสาย กรณ์จึงสั่งงานลงไปเพิ่มเติม“เที่ยวบินขากลับของพี่ขอเป็นวันเสาร์เย็น และเพิ่มที่พักคืนวันศุกร์ให้พี่ด้วย”เมื่อสั่งงานเพิ่มเติมเรียบร้อย กรณ์จึงวางสายและจัดการงานบนโต๊ะเพิ่มเติม

หลังจากผ่านการทำงานมาสองสัปดาห์ปลายฝนก็มีโอกาสไปไหว้พระที่วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) ในวันหยุด โดยอาศัยรถไฟฟ้าใต้ดินสาธารณะ มาออกยังสถานีไชน่าทาวน์เนื่องจากวัดนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงพอสมควร จึงมีผู้คนมากมายมาไหว้พระขอพรยังวัดแห่งนี้หลังจากไหว้พระขอพร ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเธอด้วยขอให้เธอได้เข้มแข็งจากความรักที่ผ่านมาและผ่านไป จากนั้นเธอจึงเดินชื่นชมความงดงามของวัดแห่งนี้ความงดงามของสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถังของประเทศจีน

ภายในวัดแห่งนี้ปลายฝนก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยอยู่ใกล้ๆเสียงภาษาไทย เธอจึงยิ้มออกมา ด้วยความคิดถึงบ้าน แม้จะมาทำงานไม่นานและพูดคุยกับมีย่าและคนที่บ้านทุกวัน หรือแม้แต่ได้ใช้ภาษาไทยกับนพและเอเกือบตลอดเวลาเช่นกันเพียงเพราะไกลบ้าน แม้ได้ยินภาษาที่คุ้นเคยจากคนอื่นๆ ก็ทำให้มีความสุขแล้วเมื่อเธอหันไปมอง และตามนิสัยของคนไทยทั่วไป เจอหน้าก็ยิ้มทักทายกันไว้ก่อนคนกลุ่มใหญ่เหมือนมาด้วยการใช้บริการของบริษัทท่องเที่ยว ปลายฝนเห็นได้จากแผ่นป้ายสีสดใสและชื่อของบริษัทท่องเที่ยวที่ติดอยู่บนเสื้อของหลายคน

นักท่องเที่ยวประกอบไปด้วยผู้สูงวัยและคนวัยหนุ่มสาว อาจเป็นเพราะมากับผู้สูงวัยการท่องเที่ยวโดยใช้บริการของบริษัทนำเที่ยวจึงเป็นคำตอบที่น่าสนใจทั้งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงวัย ไม่ให้ต้องลำบากจากการเดินทางหรือการเดินหาร้านอาหารเมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร

ปลายฝนหันไปเห็นสาววัยรุ่นคนหนึ่งดูลักษณะแล้วเหมือนเด็กนักศึกษาในมหาวิทยาลัย พยายามถ่ายรูปของเธอกับชายหญิงสูงวัยและเมื่อปลายฝนสบตาเด็กสาวคนนั้น เธอยิ้มให้และผู้หญิงสูงวัยพูดเป็นภาษาไทยกับเธอประหนึ่งให้ขอความช่วยเหลือจากปลายฝนในการถ่ายรูปครั้งนี้เธอจึงเดินมาหา พยายามพูดภาษาอังกฤษขอความช่วยเหลือปลายฝนยิ้มให้อีกครั้งและรับอาสาเป็นภาษาไทยซึ่งคนกลุ่มนี้ดีใจที่ได้เจอคนไทยเช่นกัน

หลังถ่ายรูปได้พูดคุยกันเล็กน้อยเป็นการแนะนำตัว ตามที่ปลายฝนคาดไม่ผิดหญิงสาววัยรุ่นยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีที่สอง มาเที่ยวกับลุงและป้าของเธอโดยใช้บริการของบริษัทท่องเที่ยว และจะเที่ยวอยู่อีกเพียงหนึ่งวันก็จะเดินทางกลับประเทศไทยส่วนปลายฝนยังใช้เวลาอยู่ที่ประเทศแห่งนี้อีกหลายเดือน

หลังจากแยกจากนักท่องเที่ยวที่วัดพระเขี้ยวแก้วเรียบร้อยแล้วปลายฝนจึงขึ้นรถไฟฟ้าไปชมความงดงามของดอกไม้ ยังสถานที่ที่มีชื่อเรียกว่าการ์เด้นบายเดอะเบย์ (Garden by the bay) อันเป็นสวนดอกไม้ต้นไม้ และมีพืชพันธุ์นานาชนิด ให้ผู้คนได้เข้าไปชื่นชมความงดงามของธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างภายใน และมีทางเดินลอยฟ้า ที่เรียกว่าสกายวอร์ค (OCBCskywalk) ในส่วนของบัตรเข้าชม เธอได้ไปซื้อบัตรจากบริษัททัวร์ที่ตั้งอยู่ในตึกไชน่าทาวน์คอมเพล็กซ์(Chinatown Complex) ซึ่งได้ราคาพิเศษกว่าไปซื้อหน้าทางเข้าสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง

แต่จากที่ควรจะออกที่สถานีเบย์ฟร้อนท์ (Bayfront)ปลายฝนได้ออกเลยไปหนึ่งสถานีไปออกที่สถานีพรอเมนาด (Promenade) ซึ่งเป็นสถานีที่ออกไปยังชิงช้าสวรรค์หรือที่เรียกว่าสิงคโปร์ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) ปลายฝนเลยเปลี่ยนแผนจากที่จะไปชมดอกไม้ จึงเปลี่ยนเป็นชมวิว 360 องศาแทน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับปลายฝนเพราะเธอได้ซื้อตั๋วไว้ทั้งสองที่ และระยะเวลาหมดอายุของบัตรยังครอบคลุมการที่ครั้งนี้เปลี่ยนแผนการเที่ยวชม จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ

ในขณะที่ยืนต่อคิวขึ้นกระเช้าปลายฝนก็ได้ถ่ายรูปตัวเธอกับทิวทัศน์รอบข้างอย่างสนุกสนาน ถึงเที่ยวคนเดียวก็สามารถมีความสุขได้ถ้าเราปล่อยใจให้ผ่อนคลายไปกับสิ่งต่างๆรอบๆตัว

“ผมก็เพิ่งมาขึ้นชิงช้าเป็นครั้งแรกนะทาคุยะซัง”เสียงพูดคุยภาษาอังกฤษดังขึ้นไม่ห่างจากจุดที่ปลายฝนยืนอยู่“ไปๆมาๆประเทศไทยกับสิงคโปร์ แต่ไม่มีเวลาแวะมาเลย ถ้าคุณไม่ชวนให้อยู่ต่ออีกคืนผมก็คงกลับตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว”

เสียงที่คุ้นเคยแม้เป็นการโต้ตอบในภาษาอังกฤษแต่ปลายฝนก็จำน้ำเสียงนั้นได้ เสียงที่ไม่มีวันลืมไปจากใจของเธอเธอจึงหันไปตามเสียงนั้นและพบว่าใช่เสียงที่เธอคิดถึงตลอดมาจริงๆ

“ผมว่าคุณทำงานหนักเกินไป พักผ่อนบ้างตั้งแต่รู้จักกันมา ช่วงสี่เดือนนี้คุณทำงานหนักเกินไป ก่อนหน้านี้เวลามาประชุมหลังเลิกงาน คุณก็มาหาผมที่ร้านและเราก็ไปดื่มกัน แต่ช่วงนี้ผมไม่มีเพื่อนดื่มเลยคุณมาทำงานที่นี่ก็เหมือนไม่มา เพื่อนผมคนเดิมหายไปไหนหรือว่าหายไปกับผู้หญิงที่ผมเคยเห็นในโทรศัพท์ ที่เคยเอามาให้ผมดู” ทาคุยะพูดแบบไม่ได้คิดอะไรแต่ไปกระทบใจของกรณ์เต็มที่ มันเป็นอย่างที่เขาพูดไม่ผิดเพี้ยนเลยกรณ์คนนั้นหายไปพร้อมกับความทรงจำที่มีปลายฝนร่วมอยู่ในนั้น

กรณ์เงยหน้าจากการสนทนากับทาคุยะเพื่อนรุ่นน้องที่เป็นชาวอาทิตย์อุทัย (ชาวญี่ปุ่น) ที่เคยทำงานบริษัทเดียวกันแต่ได้เบนเข็มอาชีพจากวิศวกรหนุ่มไฟแรงมาเป็นเจ้าของร้านอาหารขนาดเล็กอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์แห่งนี้กรณ์รู้จักกับทาคุยะจากการที่กรณ์ต้องมาประชุมที่ประเทศแห่งนี้ทุกเดือน

ทาคุยะเป็นวิศวกรที่ถูกส่งตัวจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นมาประจำที่ประเทศสิงคโปร์แห่งนี้ เนื่องจากทาคุยะเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นสิงคโปร์ดังนั้นเมื่อมาประจำที่นี่ และเขารู้สึกผูกพันกับประเทศแห่งนี้จึงไม่ยากที่จะเสาะหาสถานที่เพื่อมาเปิดร้านอาหารด้วยการช่วยเหลือจากญาติๆฝั่งแม่ของเขาที่ประเทศแห่งนี้และเมื่อเปิดร้านอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทาคุยะก็ได้ลาออกจากงานประจำมาคุมงานที่ร้านแห่งนี้เต็มที่ แต่ยังคงติดต่อกับกรณ์อยู่เช่นเดิมด้วยความสนิทสนมประหนึ่งพี่น้องที่ผูกพันกัน

จึงไม่แปลกที่ทุกครั้งเวลากรณ์มาประชุมที่นี่จะต้องนัดหมายทาคุยะทุกครั้ง อาจจะเป็นการไปนั่งทำงานและทานอาหารในร้านของทาคุยะหรือแค่ทานอาหารเพียงอย่างเดียว มีเพียงวันนี้ในรอบสี่เดือนที่ทาคุยะสามารถชักชวนให้กรณ์ได้ปลดปล่อยกับตัวเองได้สำเร็จ

สายตาที่กรณ์มองไปและเห็นคนคุ้นเคยนั้นเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่า ผู้หญิงคนนั้นคือปลายฝนคนที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจของเขา เช่นกันกับปลายฝนที่หันไปสบสายตาและเห็นใบหน้าของคนที่คิดถึงแต่เพียงไม่นาน พนักงานก็เรียกปลายฝนเข้าไปในกระเช้า ซึ่งตัดที่ปลายฝนพอดีส่วนกรณ์และทาคุยะซึ่งเข้าคิวห่างจากปลายฝนไปห้าคิว จึงต้องรอกระเช้าตัวถัดไป

มันอาจเป็นโชคชะตาหรือว่าเป็นฟ้าลิขิตที่ทำให้เราสองคนต้องมาเจอกันเสียงเพลงนี้ดังขึ้นมาในใจของกรณ์ทันที เมื่อเขาเห็นดวงหน้าของดวงใจของเขา

กรณ์ตกอยู่ในภวังค์สักครู่ก็ได้สติกลับมาเมื่อมีเสียงเรียกจากทาคุยะ“กรณ์ซัง คุณเห็นผู้หญิงที่ขึ้นกระเช้าตัวเมื่อสักครู่ไหม หน้าตาเหมือนกับคนที่คุณเคยให้ผมดูเลยเป็นคนไทยด้วย มาทานขนมกับกาแฟที่ร้านบ่อยๆ สวยดีผู้หญิงคนนี้ ผมว่าผมจะจีบเขานะ เขาคือคนละคนกับคนที่คุณรักใช่ไหม”

กรณ์อึ้งไปชั่วขณะเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดถึง นับประสาอะไรจะรักต่อไป ยิ่งไม่มีสิทธิ์แม้แต่ฝันเลย“คนเดียวกัน แต่เอาสิ เพราะผมกลับเข้าไปในชีวิตของฝนไม่ได้อีกแล้ว”

เพราะทาคุยะ ยังไม่เคยเห็นแมว ไม่เคยมีการแนะนำหรือแม้แต่รูปถ่ายจากกรณ์เขารู้เพียงแค่ว่า กรณ์เลิกกับปลายฝนและกลับไปอยู่กับภรรยาเก่าเท่านั้นกรณ์มีส่งรูปของปลายฝน และเด็กๆ ให้ทาคุยะดูทาคุยะจึงไม่ได้เล่าถึงสิ่งที่เขาเห็นในร้านอาหารให้กรณ์รับรู้

“ถ้าเป็นคุณ ผมเชื่อว่าคุณสามารถดูแลปลายฝนได้แน่นอนอย่าทำให้เขาเสียใจนะ ปลายฝนเป็นคนที่ละเอียดอ่อน และอ่อนไหวง่ายผมไม่อยากให้ใครทำให้เขาเจ็บเหมือนที่เขาเจ็บเพราะผม”

“ไม่ต้องห่วง คนญี่ปุ่นอย่างผม รักใครผมดูแลเต็มที่ ไม่ให้เขาต้องเสียใจแน่นอน”

แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในกระเช้าของชิงช้าถัดจากกระเช้าที่ปลายฝนเข้าไปเพียงหนึ่งกระเช้าสายตาของปลายฝนไม่ได้จดจ่อกับความงดงามยามเมื่อกระเช้าเคลื่อนตัวอย่างช้าๆเธอไม่ได้ถ่ายรูปยามอยู่บนกระเช้าดังเช่นที่คนอื่นๆในกระเช้ากระทำกันสายตาเธอจดจ่อกับกระเช้าตัวถัดไปจากของเธอ

คนที่เธอคิดถึงในทุกวันอยู่ในกระเช้าตัวนั้นเอง เหมือนไม่มีสติมือของเธอเอื้อมไปในกระเป๋าและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างอัตโนมัติไม่ใช่เพื่อจะใช้มันในการถ่ายรูป แต่เธอหยิบมันมากดเบอร์คุ้นเคยกดไปด้วยความเคยชิน

กรณ์ที่อยู่ในกระเช้าตัวถัดไป รู้สึกถึงแรงสั่นอย่างเบาๆจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าพกขนาดเล็กที่เขาใส่โทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์รวมถึงแท็ปเล็ตอันเป็นอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ขนาดเล็กการใช้งานสะดวกไม่ต่างกับคอมพิวเตอร์ทั่วไป

เขามองเบอร์ในโทรศัพท์ เบอร์ที่ไม่คุ้นเคยเขาจึงกดรับด้วยภาษาอังกฤษตามความเคยชิน แต่พอได้ยินเสียงที่เรียกกลับมา “พี่กรณ์ฝนคิดถึงพี่” น้ำเสียงสั่นคลอ และมีความตื่นเต้นอยู่ในน้ำเสียงนั้นด้วย

“ฝน” กรณ์พูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา

“แต่ฝนรู้ว่า ฝนไม่มีสิทธิ์ฝนขอโทษที่โทรหาพี่ พี่รับเพราะมันไม่ใช่เบอร์ของฝนใช่ไหมคะ”

“มันไม่ใช่อย่างนั้นมันไม่ใช่อย่างที่ฝนคิด”

ทาคุยะมองสายตาของกรณ์ยามที่รับสายโทรศัพท์ครั้งนี้เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและน้ำเสียงเปลี่ยนจากภาษาอังกฤษมาใช้เป็นภาษาไทย เขาไม่น่าคุยกับภรรยา ลูกคนที่บ้าน หรือเพื่อนคนไทย เพราะน้ำเสียงดูเศร้ากว่าทุกครั้งที่เคยได้ยินอาจเป็นผู้หญิงคนที่กรณ์บอกว่าเลิกกันไปแล้ว และยอมให้เขาคบผู้หญิงคนนั้น เพราะเชื่อว่าเขาจะดูแลผู้หญิงคนนั้นได้แต่ลึกๆแล้ว ไม่อาจเป็นอย่างที่กรณ์พูดได้ เขายังไม่อาจลืมเขายังมีความรักให้แก่เธอเสมอ

เพราะความที่กรณ์เป็นเพื่อนร่วมงานที่เขาเคารพดังพี่ชายเขาไม่อาจแย่งความรักจากพี่น้อง เขาต้องทำให้พี่ของเขาสมหวังในรัก เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อพี่ชายคนนี้ แม้ขัดกับศีลธรรม แต่ในเมื่อคนเราหมดรักก็ไม่ควรจะฝืน จะยื้อมันต่อไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม

เขาเชื่อว่าเย็นนี้เธอต้องไปที่ร้านแน่นอนเขาต้องทำอะไรสักอย่าง

หลังจากกรณ์วางสายไปเขาจึงเสนอแนะเพิ่มเติม

“ตั๋วต้องกลับคืนนี้เลยหรือเปล่ากรณ์ซัง”

“ใช่ คืนนี้สองทุ่ม จะพาผมไปไหนอีก”

“คุณเปลี่ยนไปกลับพรุ่งนี้แทนได้ไหมพรุ่งนี้สองทุ่ม ตั๋วน่าจะเป็นตั๋วเปิดที่ขอเลื่อนได้เดี๋ยวผมให้คนที่ร้านเช็คให้นะ และกระเป๋าที่อยู่ที่ร้าน ไม่ต้องห่วงเรื่องที่นอนเพราะคืนนี้คุณไปนอนที่บ้านผมได้เลย มีแค่คุณกับผม เดี๋ยวผมจัดอาหารให้เยอะๆเราเมากันได้เต็มที่”

“วันนี้อยากดื่มเหรอ ได้สิ” กรณ์พูดยิ้มๆเขาก็ต้องการเมาเหมือนกัน ความเครียดเริ่มกลับมาที่เขาอีกคราหนึ่งแล้วและมือของกรณ์ก็หยิบรายละเอียดของสายการบิน เวลาให้แก่ทาคุยะ หลังจากทาคุยะรับไปเขาก็โทรไปที่ร้านให้พนักงานในร้านช่วยจัดการเลื่อนเวลากลับให้แก่เขาซึ่งก็ไม่ผิดอย่างที่ทาคุยะเข้าใจ ตั๋วเครื่องบินที่เลขาของกรณ์จัดการให้เป็นแบบเปิดสามารถขอเปลี่ยนแปลงเวลากลับได้

หลังจากลงจากกระเช้าปลายฝนตึงตรงไปร้านกาแฟเช่นเดิม เธอไม่อาจให้จิตใจมีอำนาจเหนือการกระทำเธอต้องรีบไปจากสถานที่นี้โดยเร็ว เธอจึงไม่อาจรอกระเช้าตัวถัดไปเธอต้องรีบไปก่อนจะได้เห็นตัวเขาแบบใกล้ๆอีกครั้ง ถ้าเป็นเช่นนั้น เธออาจไม่สามารถข่มใจที่เดินเข้าไปหาพร้อมกับโอบกอดเขาอย่างที่เธอเคยทำ

เมื่อถึงร้านกาแฟเธอสั่งเค้กและกาแฟเช่นเดิม แต่หลังจากพนักงานของร้าน นำเค้กและกาแฟมาให้ยังมีกระดาษโน้ตอีกแผ่นหนึ่งแนบมาด้วย กระดาษโน้ตที่มีข้อความเป็นภาษาอังกฤษ

“สวัสดีครับ ผมทาคุยะ ผมเห็นคุณมาดื่มกาแฟและทานขนมที่ร้านของผมหลายครั้งผมอยากคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว ผมพอรู้จักคุณ จากพี่ชายที่ผมเคารพ คุณไม่ต้องกลัวผมครับพรุ่งนี้หากคุณไม่มีนัดที่ไหน ผมขอนัดเจอคุณที่ การ์เด้นบายเดอะเบย์ (Gardenby the Bay)”

แม้จะแปลกใจกับข้อความนี้แต่ปลายฝนยังมีความเชื่อว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่ปลอดภัย ไว้ใจได้เธอจึงตัดสินใจที่จะไป เพราะเธอตั้งใจที่จะไปยังการ์เด้นบายเดอะเบย์อยู่แล้ว แค่การคุยกันเล็กน้อยและเธอก็จะชื่นชมความงดงามของสวนดอกไม้นี้ตามที่เธอตั้งใจและอาจจะทำให้เธอได้ลืมอะไรที่ทำให้ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ แม้จนถึง ณ เวลานี้มันยังมีความตื่นเต้นอยู่เช่นเดิม “พี่กรณ์”




Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 28 มีนาคม 2560 21:02:35 น. 0 comments
Counter : 964 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

เหล่าหุ่ยฮั๊ว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add เหล่าหุ่ยฮั๊ว's blog to your web]
space
space
space
space
space