space
space
space
 
สิงหาคม 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
22 สิงหาคม 2559
space
space
space

จนกว่าเรา...จะจากกัน




ตอนที่ 1

โครมม!!!!!!!!!!!

เสียงเครื่องยนต์จากรถยนต์ขนาดเล็กกระแทกเข้ากับเสาของอาคารลานจอดรถแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง

หญิงสาวผู้เป็นจำเลยรีบกดโทรศัพท์หาเบอร์ที่คุ้นเคยดี

ปลายทางรับสาย “มึงชนอะไรอีกวะ โทรแจ้งประกันไปเลยกูพี่ชายมึงนะโว๊ย ไม่ใช่ฝ่ายบริการลูกค้ายี่สิบสี่ชั่วโมง มีอะไรมึงโทรหากูหมด”

หญิงสาวเสียงแผ่วๆประหนึ่งผู้สำนึกผิด“ลืมเก็บเบอร์ประกัน”

พี่ชายถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ่อ เดี๋ยวกูส่งเบอร์ให้มึงโทรไปคุยเองละกัน ปีนี้มึงใช้ประกันคุ้มเลยนะ วันนี้ชนกะอะไร”

หญิงสาวน้ำเสียงสำนึกผิดต่อไป “เสาในลานจอดรถชั้นห้า(หญิงสาวบอกชื่ออาคาร ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพและมีอัตราค่าที่จอดรถค่อนข้างสูง)”

“ไปกะแม่เหรอ”

“อืม พาแม่มาซื้อของให้แม่ลงรถตั้งกะรับบัตร ว่าจอดเสร็จค่อยโทรหาเขา นี่คงโทรแจ้งประกันก่อน”

“งั้นมึงรีบโทรหาประกัน และลงไปช่วยแม่หิ้วของได้ละเต็มมือไปหมดแล้วมั้ง” ต้นน้ำแอบพูดถึงแม่แรงๆด้วยรู้ถึงความสนุกสนานในการจับจ่ายของผู้เป็นแม่เป็นอย่างดี

“อืม” พูดจบก็วางสาย และรีบโทรแจ้งประกัน

ตั้งแต่เลิกกัน นับเวลาก็ผ่านมานานหลายเดือนแต่หญิงสาวยังคงเสียใจ หลายคนมักพูดว่า เรื่องแค่นี้ ใครๆก็อกหัก ไม่เห็นต้องเสียใจเป็นเดือนเลยแต่ไม่เกิดกับตัวเองไม่รู้หรอก เหมือนอย่างที่เพลงร้องไว้ว่า“ไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจ”

“พี่ฝน รถโดนอะไร ด้านหน้ารถบุบยาวจนถึงกันชนด้านข้างคนขับเลย”มีย่าเพื่อนร่วมงานที่สนิททักขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น เนื่องจากรถของมีย่าจอดอยู่ชั้นเดียวกับปลายฝน

“เหมือนเดิม” ปลายฝนพูดพลาดวางกระเป๋าและเปิดปุ่มการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงาน

มีย่ายังคงเกาะที่กั้นระหว่างโต๊ะยืนคุย“พี่ฝนต้องมีสติ อย่างนี้อันตรายมาก พี่ต้องเข้มแข็งเข้าไว้”

“พี่รู้ แต่ก็อยากเหลือเกิน มีย่า”

“ใช่พี่ ย่าเข้าใจ ย่าก็เคยเป็น แต่...เราต้องผ่านไปให้ได้มันคือบททดสอบอย่างหนึ่งของชีวิต”

“พี่คิดถึงพี่เค้า” พูดไปปลายฝนก็ตาแดง

ถ้านับช่วงเวลาที่เธอคบกับกรณ์ อาจไม่นานเท่าคู่อื่นๆแต่พวกเธอก็รู้สึกผูกพันกันมาก ถ้าไม่เพราะเงื่อนไขหลายอย่างในสังคมของกรณ์เงื่อนไขที่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการก้มหน้ายอมรับ

“ถ้าพี่รักเขาน้อยกว่านี้ ก็คงไม่เป็นอย่างนี้”

“ไม่เอาค่ะพี่ฝน ไม่คุยเรื่องนี้ เที่ยงนี้กินข้าวเสร็จไปดื่มกาแฟ ถ่ายรูปเล่นกันดีกว่า ร้านที่ขายไอศกรีมด้วย”

ปลายฝนยิ้มให้เพื่อนรุ่นน้องที่ไม่เคยทอดทิ้งเธออยู่กับเธอตลอดเวลา “เอาสิ เอารูปเข้าเฟส(โปรแกรมที่มีสัญลักษณ์เป็นตัสอักษรภาษาอังกฤษที่มีสีฟ้าและที่เป็นทิ่นิยมของหลายคน) ด้วยก็ได้”

ใช่ เธอต้องเข้มแข็งแม้ในวันที่ไม่มีเขา อย่างน้อยเธอก็มีอีกหลายคนที่ยังรักเธอเสมอและพร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอ ส่วนเขา แม้ว่าเราต้องห่างไกล ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ลึกๆเธอก็รู้ว่า เขายังรักเธอ จากกันทั้งที่รัก จากกันอย่างไม่มีทางอื่นให้เลือก

นาฬิกาเดินไปจนเข็มยาว-สั้นชี้ที่เลขสิบสองมีย่าชะโงกหน้ามาจากคอกที่กั้นระหว่างเธอและปลายฝน

“พี่ฝน กินข้าวกันและจะได้ไปนั่งร้านกาแฟ”

“ขอเวลาสิบวินาที พี่ส่งเมล(จดหมายอิเล็คทรอนิคส์ที่ใช้ในการทำงานและการติดต่อทั่วไปซึ่งสะดวกมากสำหรับสังคมในปัจจุบันนี้) นี้ก่อน ย่าไปรอพี่ที่หน้าลิฟท์”

“ได้ งั้นย่าไปเข้าห้องน้ำและเจอหน้าลิฟท์”

หลังจากส่งจดหมายอีเล็คทรอนิคส์ ปลายฝนก็เดินมาสมทบกับมีย่าและกดลิฟท์เพื่อเดินลงไปโรงอาหารของตึก

“วันนี้กินอะไรดีพี่ฝน อย่าบอกนะว่าก๋วยเตี๋ยวอีกพี่กินมาทั้งสัปดาห์ ไม่ยอมเปลี่ยนด้วย และก็กินไม่หมดอีก”

“ก็พี่ไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี ก็สั่งๆไป”

“งั้นวันนี้เปลี่ยนเป็นกินราดหน้ากันดีกว่าพี่เปลี่ยนมั่ง เตี๋ยวต้มยำทุกวันน่าเบื่อจะตาย”

“ได้ งั้นพี่ไปจองโต๊ะ ย่าสั่งเผื่อพี่ด้วยนะเอาเส้นหมี่นะ”

“ผักน้อยๆใช่ปะ เดี๋ยวย่าจัดให้”

น้องสาวคนนี้รู้ใจพี่เสมอ แต่คำนี้ก็มาจี้ใจเธออีก

“ฝนต้องกินของที่มีประโยชน์หน่อยนะพี่ไม่ได้มาดูแลฝนตลอดเวลา” ถูกต้องสิ่งนี้คือความเป็นจริง ตั้งแต่สามเดือนที่ผ่านมา ที่หญิงสาวต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง...ลำพังอยู่โดยที่ไม่มีเขา อยู่โดยร่างกายที่ขายความรัก

แล้วน้ำตาของหญิงสาวก็เริ่มคลอที่เบ้าตา น้ำตาเจ้าอย่าไหลออกมาเชียวเจ้าอย่าแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น หญิงสาวต้องอยู่ให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเธอเองแต่เพื่อคนที่เธอรักด้วย

“เอาสิครับ ทานข้าวเสร็จ ผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงกาแฟทุกคน”

เพราะเสียงคุ้นๆดังมา ปลายฝนหันหน้าไปตามเสียงนั้นใช่เขาจริงๆ กรณ์...ชายสูงเกิน 175 ซม.ใส่เสื้อเชิร์ตสีฟ้าแขนยาวผูกไทร์บุคลิกที่คุ้นตาคุ้นใจ เดินมากับกลุ่มชายหญิงหลายคนเขาคงมาให้การอบรมกับบริษัทที่ว่าจ้างเขา กรณ์เป็นพนักงานประจำระดับสูงของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งและยังรับงานพิเศษในการอบรมแก่บริษัทอื่นๆที่มาว่าจ้างด้วยเพราะหน่วยงานที่กรณ์ทำงานเกี่ยวกับด้านการฝึกอบรมและเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัท ทางบริษัทจึงเปิดรับการฝึกอบรมให้แก่บุคคลภายนอกรวมถึงบริษัทและสถาบันที่มาติดต่อ ดังนั้นพนักงานทุกคนในแผนกของกรณ์จึงรับงานมากกว่าพนักงานแผนกอื่นและติดต่อกับบุคคลภายนอกหลากหลายกว่าแผนกอื่นๆของบริษัท

“พี่ฝนได้ละ” เสียงมีย่าดังชัดขึ้นมาเสียงเธอดังมาพร้อมตัว รวมถึงจานอาหารที่วางบนโต๊ะอาหาร

เห็นสายตาเหม่อลอยของพี่สาวต่างสายเลือด แต่ก็มีความรักให้กันมากมายประหนึ่งพี่น้องแท้ๆสัญชาตญาณบอกให้มีย่าหันไปทางซ้ายมือของปลายฝนตามเสียงกลุ่มคนที่พูดกันไม่ไกลจากโต๊ะที่พวกเธอนั่งกัน มีย่าความรู้สึกสะดุดไปห้าวินาทีเธอไม่อยากให้พี่สาวต้องเจอภาพนั้นนานกว่านี้ ด้วยเหตุที่อีกคนที่พี่สาวเธอมองไปไม่ได้มองมาทางนี้ เขายังคงมีความสุขกับผู้คนรายล้อมเขา “รีบกินกันพี่ฝนเดี๋ยวเย็น”

เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจของน้องสาวคนนี้ ปลายฝนพยายามฝืนกินอาหารไปได้เล็กน้อยจึงวางช้อนและนั่งรอ แต่ไม่หันไปทางมุมที่กรณ์และกลุ่มของเขานั่งอยู่

ในขณะเดียวกันทางด้านกรณ์ จริงๆเขาเห็นปลายฝนและมีย่าตั้งแต่เดินเข้าโรงอาหารแห่งนี้แต่เขาต้องเก็บกดความรู้สึกเอาไว้ ด้วยเพราะตำแหน่งหน้าที่ในสังคมและบุคคลในครอบครัวที่เป็นกรอบทำให้เขาทำอะไรมากกว่าการนิ่งเฉยไม่ได้แม้จะยังรักแต่ต้องเก็บมันเอาไว้ให้ลึกสุดใจ อยากทัก อยากคุยอยากเข้าไปดูแลเหมือนก่อน แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้

ความรู้สึกวังเวงเพราะถูกทอดทิ้งในใจของปลายฝนวันนั้นของเมื่อสามเดือนที่แล้ว ที่กรณ์บอกเลิกคบกับเธอ เขาไม่ได้มาบอกเธอด้วยตัวเองแต่ส่งข้อความมาทางโทรศัพท์มือถือ ในเวลานั้นมีเพียงมีย่าที่เป็นที่พึ่งพิงเอาไหล่ให้ซบแม้จะต้องรีบออกไปประชุมกับลูกค้า

ปลายฝนไม่เคยได้รับรู้ความรู้สึกของกรณ์ในวันนั้น กว่าที่เขาจะพิมพ์ตัวอักษรลงไปในโทรศัพท์และกดส่งเขาต้องเก็บกดความรู้สึกของเขาอย่างสุดความสามารถ

ภายในร้านกาแฟร้านโปรดของสองสาวดอกไม้พลาสติกดอกเล็กๆสีมพูและสีขาวที่วางบนกระถางเล็กๆบนโต๊ะ ช่วยเพิ่มบรรยากาศแก่ร้านกาแฟแห่งนี้ได้กลายมาเป็นอุปกรณ์สรรสร้างการถ่ายรูปในวันนี้ของสองสาวอีกเช่นเคย

ขณะที่กำลังถ่ายภาพอย่างสนุกสนานเสียงจากด้านหลังของปลายฝนก็ดังขึ้น เป็นเสียงเพื่อนร่วมงานต่างแผนกของพวกเธอก็ดังขึ้น

“อ้าวพี่กรณ์ วันนี้มาประชุมที่ตึกนี้เหรอครับเดี๋ยววันพฤหัสอย่าลืมนะครับ ที่ออฟฟิสฝึกอบรมเหมือนเดิม”

เนื่องจากบริษัทที่กรณ์ทำงานเป็นบริษัทคู่ค้าของบริษัทเธอแต่เกี่ยวเนื่องกับอีกแผนกหนึ่งซึ่งเป็นแผนกเกี่ยวกับการฝึกอบรม จึงไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับแผนกเธอโดยตรงและมักมีการอบรมร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน

“โลกกลมจัง” มีย่าบ่นพึมพำ“แต่ก็ดีที่ไม่ใช่บนออฟฟิส” หญิงสาวรู้สึกเจ็บแค้น

“เอาเถอะ” ปลายฝนแตะแขนเพื่อนรุ่นน้องเบาๆ“เราขึ้นกันเลยไหม ใกล้เวลาทำงานแล้ว”

สองสาวลุกไปพร้อมถ้วยกาแฟโดยไม่มองทางโต๊ะด้านหลังอีก

พวกเธอจึงไม่ได้รับรู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่ปลายฝน ด้วยความรู้สึกมากมายในใจ คิดถึง รัก ห่วงใย ขอโทษรู้สึกผิด แต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกไว้ภายในจิตใจประหนึ่งคนใจแข็งเฉกเช่นชายคนหนึ่งจะทำได้

บ่ายวันนี้มีการเรียกประชุมของแผนกการขายซึ่งก็คงไม่ต่างกับการประชุมในทุกครั้ง ถ้าไม่มีกรณีพิเศษเพิ่มขึ้นมาเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับสาขาในต่างประเทศ

“เดี๋ยวอีกสองเดือนจะมีโครงการร่วมระหว่างประเทศต้องไปทำงานที่สิงคโปร์อย่างต่ำเป็นเวลาหกเดือน ต้องไปทำงานร่วมกันกับหลายประเทศ ทุกประเทศต้องส่งตัวแทนไปร่วมโครงการนี้ทั้งไทย มาเลยเซีย สิงคโปร์ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย แผนกที่เข้าร่วม มีเกี่ยวกับเรื่องระบบและข้อมูลทางคอมพิวเตอร์พี่เลือกให้ เอ ไปร่วมโครงการ พอดีโครงการนี้เกี่ยวพันกับลูกค้าของ นพ โดยตรง พี่เลยตัดสินใจส่งนพไปในฐานะของตัวแทนขายและฝ่ายบริการลูกค้า เป็นปลายฝน อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันนี้ไปแบ่งงานที่ตัวเองดูแลให้เพื่อนๆเตรียมตัวไว้ อีกไม่เกินสองเดือน และพี่จะแจ้งกำหนดการที่แน่นอนอีกครั้งส่วนที่พัก ทางสิงคโปร์เขาเตรียมเช่าห้องพักให้แล้ว คงต้องไปอยู่รวมกันแยกห้องของผู้ชายผู้หญิง ตั๋วเครื่องบิน ทางบริษัทจะรับผิดชอบในส่วนของขาไปกับกลับตอนเสร็จโครงการถ้าใครอยากกลับก่อน คงต้องจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินด้วยตัวเอง ที่ไปมีที่พักและมีเบี้ยเลี้ยง ค่าอาหาร ค่ารถวันทำงาน อย่าลืมเก็บพวกใบเสร็จเอาไว้ด้วยถ้าใช้เป็นบัตรรถไฟฟ้า เวลาเติมเงินและมีใบเสร็จก็เก็บเอาไว้และถ้าต้องไปกินอะไรพิเศษก็เบิกได้ แต่ทางบริษัทอนุมัติให้เดือนละสองครั้ง ถ่ายคัดลอกใบเสร็จส่งเมลมาที่ฝ่ายบัญชีก่อนสิ้นเดือนตัวจริงค่อยฝากทางไปรษณีย์ หรือฝากใครสักคนกลับมาเวลามีใครไปประชุม ใครมีอะไรสอบถามเพิ่มเติมไหมถ้าไม่มีพี่ขอจบการประชุม รายละเอียดเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าทางสิงคโปร์จะส่งเป็นเมลให้ส่วนรายละเอียดของพนักงานฝั่งเรา พี่จะส่งเป็นเมลให้ แยกย้ายกลับทำงานและเริ่มแบ่งงานให้พวกเพื่อนๆเลย และถ้ามีงานอะไรของตัวเองที่พอจัดการได้ที่พอทำงานส่งมาจากที่นั่นได้ ก็จดบอกเพื่อนเอาไว้”

จบการประชุมโบว์ผู้จัดการทั่วไปประจำสาขาที่ประเทศไทยก็เดินออกจากห้องไป มีย่าลากเก้าอี้มาชิดเพื่อนร่วมงานที่รักดั่งพี่สาวแท้ๆ

“ดีใจกะพี่ฝนด้วย อย่างนี้พี่ฝนจะได้ไปเจอเนื้อคู่ที่สิงคโปร์หรือเปล่าไปตั้งนาน และพี่ฝนจะคิดถึงย่าหรือเปล่า” มีย่าเท้าคางบนโต๊ะทำตาปริบๆใส่

“แหม พี่ไปทำงาน แต่ย่าทำอย่างกับพี่จะลาออกไปแต่งงาน”ปลายฝนทำท่าเท้าคางและทำตาปริบๆใส่มีย่าเหมือนที่มีย่าทำใส่เธอ “พี่คงคิดถึงมีย่า อยู่โน่นเราก็เฟสไทม์(การโทรศัพท์แบบเห็นหน้า) หรือส่งไลน์(การส่งข้อความทางโทรศัพท์โดยผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ทที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย)พี่คงต้องหาเบอร์โทรศัพท์ของที่สิงคโปร์ไว้คุยกับย่าแหละ กับที่บ้านอยู่แล้ว”

“แล้วหนังสือเดินทางของพี่ฝน พี่ฝนอย่าลืมไปดูวันหมดอายุ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าหกเดือน”มีย่ารอบคอบเสมอ ในขณะที่ปลายฝนไม่ทันคิดในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

“ได้ กลับบ้านไป พี่คงต้องไปดูเดี๋ยวพี่แจ้งพี่แจงเรื่องรายละเอียดลูกค้าก่อน ในส่วนที่ต้องออกขายของลูกค้าเจ้านี้พี่ว่าพี่ทำจากที่นั่นก็ได้ เวลาเลิกงาน ยังพอมีเวลาให้พี่ได้ทำงานบางส่วนได้บ้าง”พูดเสร็จสองสาวก็ลุกจากโต๊ะในห้องประชุม เพื่อไปปรึกษาหัวหน้าแผนกของเธอ เกี่ยวกับงานใหม่ที่ได้รับมอบหมาย

เลิกงานวันเดียวกันปลายฝนกลับถึงบ้านก็หาหนังสือเดินทางเมื่อเจอภาพความหลังก็เหมือนกับฉายซ้อนขึ้นมาในห้วงคำนึงของเธอ

“ช่วงวันแม่มีวันหยุดหลายวันเราไปเที่ยวไหนกันดี” กรณ์ถามปลายฝนขณะนั่งทานอาหารในร้านสุกี้ชื่อดังที่ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง

“พม่านะคะ ฝนอยากไป”ปลายฝนเสนอสถานที่ในความฝันของเธอ

“ไกลเกินไป หยุด 3 วัน ไปพม่า เวลาไม่พอ พี่ว่าเอาที่ใกล้ๆจะสะดวกกว่า”

“อัมพวา” ปลายฝนเสนอต่อไป

“นั่นก็ใกล้ไป เพิ่งไปเมื่อสองเดือนก่อน”กรณ์พูดพลางตักกุ้งและแกะกุ้งวางลงในจานของปลายฝน เนื่องจากปลายฝนชอบกินแต่ไม่ชอบแกะกรณ์ก็เป็นคนชอบบริการ จึงไม่ขัดข้องที่จะเป็นฝ่ายบริการหญิงสาวตลอดเวลา

“พี่กรณ์เสนอมาเลยค่ะ อยากพาฝนไปที่ไหน”

“งั้นดอยอ่างขาง ที่ฝนบอกว่าชอบอยากไปนานแล้ว ตั้งแต่ฝนดูหนังที่ไปถ่ายทำที่อ่างขาง”

“หนังเก่ามากเลยที่ฝนเล่า พี่กรณ์ยังจำได้อีกเหรอ”

กรณ์ไม่อยากบอกว่าเขาจำทุกเรื่องเกี่ยวกับปลายฝนได้ดี และเขาไม่มีวันที่เขาจะลืมเลือนเรื่องเหล่านั้นไม่ว่าจะเกี่ยวกับอะไร ขอให้เกี่ยวข้องกับปลายฝนสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องสำคัญและควรค่าแก่การจดจำของเขาในทุกสิ่ง และ ณเวลานี้เขามีเรื่องปิดบัง เรื่องที่เขาไม่อาจบอกเขาอยากเก็บเวลาแห่งความทรงจำที่มีกับปลายฝนให้เนิ่นนานที่สุด

ปลายฝนประทับใจดอยอ่างขางตั้งแต่ครั้งดูภาพยนตร์รักเรื่องหนึ่งที่จบลงด้วยความเศร้า แม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้เธอเสียน้ำตามากมาย แต่เธอก็ยังคงประทับใจเธอเคยพูดกับกรณ์ตั้งแต่ครั้งรู้จักกันใหม่ๆ เกี่ยวกับดอยอ่างขางที่ที่เธอต้องไปสักครั้งหนึ่ง

การไปดอยอ่างขางในฤดูฝน ช่างแตกต่างจากภาพที่ปลายฝนพบเห็นจากภาพยนต์ที่เธอชื่นชมอากาศในหน้าฝนเป็นเพียงอากาศเย็นซึ่งเป็นสภาพอากาศโดยทั่วไปของบนดอยไม่มีอากาศที่หนาวเย็น หรือดอกไม้ที่สวยงามอย่างดอกพญาเสือโคร่งซึ่งมีสีชมพูอมขาวดอกไม้อันสวยงามดั่งดอกซากุระอันเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น

ในความเป็นจริงที่ปลายฝนได้ประสบนั้นคือคือสวัสดีกับสายฝนตลอดทางแต่โชคดีที่ตอนขึ้นเขาที่ไม่เจอฝนไม่เช่นนั้นอันตรายอย่างแน่นอน เพราะการขับรถขึ้นดอยไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนกรุงเทพและที่ดอยอ่างขางนั้น มีเส้นทางโค้งที่หักศอกอันแสนอันตรายแก่ผู้ขับขี่รถยนต์เป็นอย่างมาก

“พี่กรณ์ทำไมอ่างขางตอนนี้ไม่สวยเหมือนในหนังเลย”ปลายฝนนั่งกอดหมอนอิงมองสายฝนอยู่บนโซฟาภายในห้องพักของสถานพักผ่อนอันมีชื่อเสียงบนดอยอ่างขางแห่งนี้

“ก็งี้แหละฝน”กรณ์ตอบพร้อมกับนั่งดูทีวีในห้องพัก เนื่องจากฝนตกแม้ไม่ได้ตกแรง แต่ก็ไม่สามารถออกไปเดินถ่ายรูปแบบที่ปลายฝนใฝ่ฝันได้ “ฤดูฝนไม่ได้เหมาะแก่การมาเที่ยวตามดอยเท่าไหร่ เหมาะกับการไปเที่ยวน้ำตกมากกว่า”

“อ้าว แล้วพี่กรณ์พาฝนมาทำไม” น้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย

“ก็ฝนไม่ชอบน้ำตก ฝนชอบภูเขาแล้วฝนอยากไปพม่า มาอ่างขาง มากินอาหารเหนือ ก็สมมติว่าเป็นพม่าแทนเพราะเรามีโอกาสเจอชาวเขาบนดอยด้วย”

ปลายฝนเดินไปโอบกอดที่รอบคอกรณ์เหมือนประจบคนรัก“พี่กรณ์รู้ใจฝนจริงๆเลย”

“รักพี่มากขึ้นแล้วใช่ไหม”กรณ์ยิ้มแต่สายตามีความเศร้าแฝงอยู่ ปลายฝนไม่อาจเห็นได้เพราะเธอโอบกอดเขาจากด้านหลัง กรณ์จับสองมือของปลายฝนอย่างที่ไม่อยากปล่อยมือคู่นั้นไป

และเมื่อฝนหยุดตกกรณ์ก็พาปลายฝนเดินออกจากที่พัก ไปทานอาหารที่ร้านอาหารใกล้ๆ และถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกแม้ดอกไม้ไม่ได้สวยงามมากดั่งเช่นภาพยนตร์ที่ปลายฝนประทับใจแต่ธรรมชาติก็สร้างรอยยิ้มให้แก่ปลายฝน ยามเมื่อยืนหน้ากล้องประหนึ่งเป็นนางแบบให้แก่กรณ์

และหลังจากเวลานั้นไม่นานเธอก็ได้รับรู้ในสิ่งที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้รับรู้ในสิ่งนี้

“ฝน พี่ขอโทษ เราไปต่อกันไม่ได้แล้ว”กรณ์พูดในขณะขับรถฝ่าความมืดจากเชียงใหม่มายังกรุงเทพมือข้างหนึ่งจับที่มือของปลายฝน อีกข้างจับที่พวงมาลับ ความเร็วในการขับไม่มากนับเหมือนต้องการซื้อเวลาแห่งการอยู่ด้วยกันให้มากและนานกว่าที่ควรจะเป็นต่างกับขาไปแม้จะขับไปตอนกลางคืนเช่นกัน แต่ก็ใช้ความเร็วพอสมควรราวกับต้องการไปให้ถึงและต้องการใช้เวลาที่ดอยอ่างขางด้วยกันให้นานที่สุด

คำพูดของกรณ์สะกิดความรู้สึกของปลายฝนอย่างแรง“เราต้องจบกันแล้วเหรอคะ”

“ใช่ เด็กๆ ไม่ยอมรับพวกเราเขาต้องการให้แม่ของเขากลับมา” กรณ์ก็ยังไม่หันมามองหน้าปลายฝนมือของกรณ์ที่จับมือของปลายฝน จำเป็นต้องปล่อยและไปจับที่พวงมาลัยทั้งสองมือราวกับต้องการใช้สมาธิในการขับรถ แต่จริงๆแล้ว เขาไม่ต้องการให้ปลายฝนเห็นหน้าของเขาในเวลานี้ต่างหากเวลาที่เขาอ่อนแอ ตั้งแต่รู้จักกัน เขามีแต่มอบพลังและความเข้มแข็งให้แก่ปลายฝน

ตั้งแต่รู้จักกันผ่านทางเวปไซส์แห่งหนึ่งปลายฝนรับรู้แค่ว่า กรณ์เป็นพ่อหม้าย แยกทางกับภรรยามาหลายปีแล้วเขาเลี้ยงลูกตามลำพัง เธอจึงตัดสินใจที่จะคบกับเขา เพราะเขาเป็นพ่อหม้ายไม่ใช่บุคคลอันตรายที่เธอไม่ควรคบหาด้วย แต่หลังจากเธอเริ่มให้ใจแก่เขาหลังจากที่รักเขามากขึ้นทุกวัน เธอจึงทราบมาอีกเรื่องว่าเขายังไม่ได้ทำการหย่าขาดจากภรรยาเขา และในช่วงเวลาที่คบกับเธอเขาก็พยายามเจรจาการหย่าและเป็นผู้เลี้ยงดูบุตรต่อไป

แต่เหตุการณ์ก็ไม่เป็นอย่างที่เธอหวังและฝันการที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีความรัก ทำไมจึงเป็นเรื่องที่ยากถึงเพียงนี้

“ถึงเวลาที่เราต้องเลิกกันแล้วเหรอ”เสียงสั่นเครือของน้ำฝน ทำให้ใจของกรณ์เหมือนโดนเข็มทิ่มแทง

“พี่ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้แต่พี่ไม่มีทางเลือก” กรณ์อยากพูดต่อไปว่า เขาอยากรักษาเกียรติให้แก่ปลายฝนเพราะถ้าเขายังคบกับปลายฝน ภรรยาเขาจะเอาลูกคืนไปและสังคมรอบข้างเขาจะประณามปลายฝน ว่าเป็นคนทำให้ครอบครัวเขาพังทุกคนจะไม่ยอมรับปลายฝน ซึ่งกรณ์รับไม่ได้กับเรื่องนี้ เขารักเธอและเกียรติของเธอเหลือเกิน

“ตั้งแต่วินาทีนี้เลยใช่ไหมคะ”

“เรายังพอมีเวลาอีกแต่เหมือนกับการนับเวลาถอยหลังของเรา ฝน ตั้งแต่วันนี้ที่เราต้องนับเวลาถอยหลังร่วมกัน เราอย่าทะเลาะกันเลย พี่จะตามใจฝนทุกอย่างนะฝนจะได้มีความทรงจำที่ดีกับพี่”

จากคำพูดนั้นของกรณ์ ชายหนุ่มก็ดึงตัวหญิงสาวมากอดไว้แขนข้างหนึ่งขับรถ และข้างหนึ่งโอบกอดหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเราเขาสัมผัสได้ถึงร่างอันสั่นเทาแม้ไม่มีเสียงร้องไห้ออกมาจากเธอ ภายในรถเหลือเพียงความเงียบเงียบจนได้เสียงลมหายใจของคนทั้งคู่ จากกันทั้งที่ยังรักช่างทรมานประหนึ่งจะทิ้งไว้เพียงร่างกายแต่ไร้ซึ่งจิตใจ

ปลายฝนพลิกหน้าแรกของหนังสือเดินทาง วันหมดอายุจะมาถึงในอีก2 เดือนข้างหน้า เธอคงไปต่อเล่มวันพฤหัสบดีหรืออีกภายใน 2 วัน เพราะต้องเข้าไปแจ้งหัวหน้างานเรื่องการลางานไปต่ออายุหนังสือเดินทางเนื่องจากเป็นการขาดงานในเวลาทำงานเพื่อไปต่ออายุหนังสือเดินทางอันเกี่ยวเนื่องกับการทำงานเธอสามารถไปในเวลาการทำงานได้ และอีกกรณีการที่เธอเข้าทำงานช่วงบ่ายอาจทำให้ไม่ต้องเจอกับกรณ์ แม้ว่าห้องที่มีการฝึกอบรมจะอยู่คนละชั้นกับชั้นที่เธอทำงานกรณ์เป็นคนที่ไม่เคยไปสายจากเวลานัด ไม่ว่าการทำงาน หรือในเวลาส่วนตัวเขามักไปก่อนเวลาเสมอ ซึ่งถ้าไปถึงก่อนเวลาห้องฝึกอบรมเปิด เขาต้องขึ้นมานั่งรอบนชั้นที่เธอทำงานอย่างแน่นอน

และในคืนนั้นเองปลายฝนก็ได้แจ้งเกี่ยวกับงานที่ได้รับมอบหมายแก่ แม่และต้นน้ำพี่ชายของเธอซึ่งในส่วนของต้นน้ำก็เห็นด้วยและยินดีกับการไปทำงานครั้งนี้เพราะจะทำให้เธอไปให้ไกลจากสภาพแวดล้อมเช่นนี้

การยังอยู่ที่ทำงานเดิม บ้านเดิมอาจจะทำให้เธอยังจมกับความเศร้าเดิมๆ และอุบัติเหตุก็จะตามมาไม่เรื่อยๆเขาก็ต้องคอยรับโทรศัพท์น้องสาวคนนี้ไปเรื่อยๆ

และพี่ชายของปลายฝนก็เป็นคนที่ปากตรงกับใจเสมอ“ก็ดี กูสงสารประกัน ไปทำงานที่โน่นรถมันจะได้พักมั่ง”





Create Date : 22 สิงหาคม 2559
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2560 16:26:21 น. 1 comments
Counter : 700 Pageviews.

 
^^


โดย: Hanajirushi Amino Acid Super Moisture Face Mask IP: 171.97.94.67 วันที่: 22 สิงหาคม 2559 เวลา:22:04:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

เหล่าหุ่ยฮั๊ว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add เหล่าหุ่ยฮั๊ว's blog to your web]
space
space
space
space
space