กุหลาบแวร์ซายส์ , Lady Oscar , La Rose de Versailles , The Rose of Versailes , Berusai No Bara
|
|||||
ตอนที่ 24(2) ลาก่อน...วัยเด็กของฉัน (Adieu, My Youth) ในขณะนั้น จินนี่ได้เขียนหนังสือลับของเธอจบแล้ว เธอก็หมดประโยชน์ทันที ชายนิรนามที่เคยช่วยจินนี่แหกคุกจึงคิดที่จะกำจัดเธอทิ้งไป ชายนิรนาม : “จินนี่เขียนหนังสือจบแล้วใช่มั้ย?” ลูกน้อง : “ครับท่าน ความทรงจำของจินนี่ วาลูอิส มีทั้งหมด 5 เล่ม” ชายนิรนาม : “เธอไม่มีประโยชน์กับเราอีกต่อไป” ลูกน้อง : “ท่านจะให้กระผมทำยังไงครับ? ถ้าท่านต้องการ...กระผมจะเดินทางไป Saverne คืนนี้เลย...” ชายนิรนาม : “ไม่ต้องรีบร้อน! เราไม่จำเป็นต้องทำให้มือของเราต้องแปดเปื้อน ยังมีวิธีอื่นอีกมาก” ชายนิรนามคิดวางแผนเพื่อจะกำจัดจินนี่ โดยบอกที่ซ่อนตัวของจินนี่กับทางการ ในเช้าวันหนึ่ง ก็ถึงวันที่โรซารี่ได้ตกลงกับมาดามโปลันยัคว่าจะไปอยู่กับเธอ โรซารี่เก็บของใส่กระเป๋าด้วยน้ำตานองหน้า มาดามโปลินยัคได้นั่งรถม้าเดินทางมารับโรซารี่ด้วยตัวเอง ในขณะที่ยังไม่มีใครทราบเรื่องนี้มาก่อน เมื่ออังเดรรู้เรื่องจึงรีบวิ่งขึ้นไปบอกออสการ์ อังเดร : “ออสการ์ อย่าตกใจนะ โรซารี่...” โรซารี่เก็บของของเธอใส่กระเป๋าเตรียมพร้อมที่จะเดินทาง แต่ก่อนไป เธอขอไปล่ำลากับออสการ์ก่อน โรซารี่ : “ฉัน...อยากจะบอกลาท่านออสการ์ก่อน” โปลินยัค : “ไปสิ แต่รีบหน่อยนะ” ออสการ์รีบวิ่งกระหืดกระหอบลงมาที่ระเบียงชั้นบน ก็เห็นโรซารี่ ยืนอยู่ข้างล่าง โรซารี่ : “ท่านออสการ์ ขอบคุณที่ดูแลฉันมานาน ฉันจะกลับไปอยู่กับครอบครัวโปลินยัคค่ะ” ออสการ์ได้ยินคำนี้ก็รู้สึกตกใจและไม่อยากจะเชื่อว่าโรซารี่จะตัดสินใจแบบนี้จริงๆ ออสการ์ : “ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้เลย! ทำไมกะทันหันแบบนี้” โรซารี่ : “ฉันคิดดูแล้ว...สักวันหนึ่ง ฉันต้องกลับไปหาแม่ของฉัน” โรซารี่พูดไปน้ำตาก็ไหลไป ออสการ์ : “เกิดอะไรขึ้นโรซารี่! มีอะไรเกิดขึ้นลับหลังฉันงั้นหรอ?” ออสการ์ยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน โรซารี่ : “ฉันขอลาก่อนค่ะ” ออสการ์ : “โรซารี่ เดี๋ยวก่อน!” ออสการ์รีบวิ่งลงมาหาโรซารี่ ออสการ์ : “เอาล่ะ ฉันจะไม่ถามอะไรอีก มาดามโปลินยัคคือแม่แท้ๆของเธอ สัญญากับฉันว่าเธอจะอยู่อย่างมีความสุข” โรซารี่ : “ค่ะ” โรซารี่โผเข้ากอดออสการ์ด้วยความอาลัย ออสการ์ถอดสร้อยคอของเธอมอบให้กับโรซารี่ไว้เป็นที่ระลึก ออสการ์ได้แต่มองดูโรซารี่ขึ้นรถม้าจากไปผ่านหน้าต่างห้องนอน ออสการ์: “เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก...ดั่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิ” โรซารี: “ลาก่อนวัยเด็กของฉัน ลาก่อนความสุขของฉัน ลาก่อนท่านออสการ์ของฉัน...” โรซารี่คิด เมื่อโรซารี่เดินทางออกไป แนนนี่ก็นำจดหมายฉบับหนึ่งมามอบให้ออสการ์ แนนนี่ : “คุณหนูคะ? คุณหนูโรซารี่ฝากจดหมายนี่ไว้กับฉันซักพักหนึ่งแล้ว” ออสการ์รับจดหมายมาแล้วเปิดอ่านทันที เธอก็ต้องรู้สึกตกใจเพราะจดหมายนี้เป็นจดหมายที่จินนี่ส่งมาถึงโรซารี่ ออสการ์ : “นี่คือจดหมายจากจินนี่! จินนี่อยู่ใน Saverne หรอ?” จดหมายฉบับนี้ทำให้ออสการ์รู้ที่หลบซ่อนของจินนี่ แต่ใจก็เป็นห่วงความรู้สึกของโรซารี่ไม่น้อยที่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ออสการ์ : “โรซารี่...เธอจะรู้สึกยังไง...เธอไม่น่าทำแบบนี้เลย! อังเดร อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ ขอฉันคิดดูซักพัก” อังเดร : “ฉันเข้าใจ” แต่ทันใดนั้นเองก็มีทหารจากในวังมาตามตัวออสการ์ ทหาร : “พันเอกออสการ์ ฟรังซัวร์ เดอ จาร์เจส์! รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต้องการพบท่าน! ได้โปรดเข้าไปที่แวร์ซายส์ด้วย” ออสการ์เดินทางเข้าไปในวังเพื่อพบคณะรัฐมนตรีตามคำสั่ง รัฐมนตรี : “พวกเราได้รับแจ้งจากผู้มีอิทธิพลว่า จินนี่ วาลูอิส ซ่อนตัวอยู่ในโบสถ์ร้างในเมือง Saverne ผู้พันจงนำกองทหารของท่านมุ่งหน้าไปที่ Saverne ทันที” ออสการ์เดินออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย อังเดรที่รออยู่ด้านนอกจึงถามขึ้น อังเดร : “ได้ภารกิจอะไรหรอ?” ออสการ์ : “ตอนนี้มีคนรู้เบาะแสของจินนี่แล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ไปแต่คนอื่นก็ต้องไปอยู่ดี ถ้าเธอถูกจับกุมในที่ใดซักที่หนึ่ง...สิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้คือ จับกุมเธอด้วยมือของฉันเอง ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะทำ” เมื่อได้รับคำสั่ง ออสการ์จึงนำกองกำลังมุ่งหน้าไปที่ Saverne ทันที โดยระหว่างทางนั้น ชายนิรนามกับลูกน้องของเขาก็ได้ซุ่มดูอยู่ระหว่างทาง ลูกน้อง : “นี่คือกองทหารรักษาพระองค์ นำโดยพันเอกออสการ์ กำลังมุ่งหน้าไปที่ Saverne” ชายนิรนาม : “จินนี่ผู้น่าสงสาร เธอไม่เคยสงสัยเลยว่าเราจะทรยศเธอ” ณ โบสถ์ร้างในเมือง Saverne ซึ่งเป็นสถานที่ซ่อนตัวของจินนี่และนิโคลัส คืนนี้จินนี่ดื่มวอทก้าอย่างเมามายด้วยความสบายใจ จินนี่ : “พระแม่มารี! คืนนี้ฉันมีความสุขจังเลย” แต่ทันใดนั้นเอง นิโคลัสก็รีบมาบอกข่าวร้าย นิโคลัส : “จินนี่! มานี่เร็ว!” จินนี่ : “มีอะไรหรอ?” นิโคลัส : “มีบางอย่างอยู่ข้างนอก!” จินนี่และนิโคลัสทั้งคู่ออกมาดูที่หน้าต่างของโบสถ์ มองออกไปก็เห็นกองทหารของออสการ์อยู่เต็มไปหมด นิโคลัส : “นั่นกองทหารรักษาพระองค์นี่ แย่แล้ว! เราถูกล้อมไว้หมดแล้ว” ออสการ์ : “จินนี่ วาลูอิส! นิโคลัส เดอ ลา ม็อตเต้! ฉัน ออสการ์ ฟรังซัวร์ เดอ จาร์เจส์ พวกเราจะไม่ใช้กำลังถ้าหากว่าพวกท่านออกมาแต่โดยดี ออกมา จินนี่! ออกมา กัปตัน ลา ม็อตเต้!” ออสการ์ตะโกนเข้าไป นิโคลัส : “เราจะทำยังไงดีจินนี่!? พวกเราติดอยู่ในนี้!” นิโคลัสแสดงอาการหวาดกลัวขึ้นมาทันที ต่างจากจินนี่ที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เธอยังถือขวดวอทก้าและนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเตาผิง จินนี่ : “อย่ากลัวไปเลย ทำตัวให้มันแมนๆหน่อย มาถึงขั้นนี้แล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” ขณะที่กองทหารล้อมอยู่ด้านนอก แต่ยังไม่มีการตอบรับใดๆจากด้านใน ทหารนายหนึ่งจึงออกความเห็นว่าเราควรจะบุกเข้าไปข้างใน ทหาร : “หัวหน้า เราควรบุกเข้าไปนะท่าน!” แต่ออสการ์ห้ามไว้ ออสการ์ : “เดี๋ยวก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันจะเข้าไปข้างในคนเดียวก่อน” ออสการ์กระโดดลงจากหลังม้าแล้วชักปืนพกออกมา อังเดร : “ออสการ์” ออสการ์ : “ถ้าได้ยินเสียงปืนก็ไม่ต้องลังเล... โจมตีได้เลย แต่ตราบใดที่ฉันยังไม่ออกมา ห้ามใครยุ่ง นี่คือคำสั่ง!” ออสการ์วิ่งเข้าไปในปราสาททันที ทิ้งให้อังเดรรู้สึกเป็นห่วงอยู่ด้านนอก อังเดร : “ออสการ์...” ออสการ์ค่อยๆเดินเข้าไปในโบสถ์จนถึงห้องโถงที่จินนี่อยู่ เมื่อนิโคลัสเห็นจึงหันกระบอกปืนมาทางออสการ์ทันที ออสการ์ : “หยุดก่อน กัปตัน! เสียงปืนคือสัญญาณ ถ้าท่านยิงฉันทุกคนจะบุกเข้ามา” เมื่อนิโคลัสได้ยินดังนั้น จึงไม่กล้ายิง ออสการ์เดินเข้ามาใกล้กับเก้าอี้ของจินนี่ ออสการ์ : “มากับฉัน ถ้าเธอต้องการจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันจะรอ” จินนี่ : “โรซารี่บอกเธอเกี่ยวกับที่นี่งั้นหรอ?” ออสการ์ : “ฉันสาบานว่าไม่ใช่โรซารี่” จินนี่ : “อ๋อหรอ ฉันดีใจนะ ฉันยังมีมิตรเหลืออยู่บ้าง อย่างน้อยสำหรับฉัน ใครซักคนที่ฉันพอจะเชื่อใจได้...ฉันดีใจจริงๆ” จินนี่น้ำตาไหลออกมาด้วยความซึ้งใจ แต่ทันใดนั้นเอง นิโคลัสได้กระแทกด้ามปืนเข้าที่ท้ายทอยของออสการ์อย่างแรงจนออสการ์ล้มลงไปกองกับพื้น นิโคลัส : “จินนี่! ฉันพึ่งคิดอะไรดีดีออก! เราสามารถหลบหนีโดยจับเธอเป็นตัวประกันได้นี่!” จินนี่ : “ถ้าเธอจะหนีก็หนีไปคนเดียวเถอะ ฉันพอแล้ว ฉันเหนื่อย” นิโคลัส : “อะไรนะ? ทำไมล่ะ?” นิโคลัสตกใจมากที่ได้ยินคำพูดของจินนี่ นิโคลัส : “ก็ได้! ถ้าฉันจะหนีไปคนเดียว ฉันก็ไม่ต้องการตัวประกันหรอก ไม่มีเหตุผลที่จะไว้ชีวิตเธออีกต่อไป!” นิโคลัสบีบคออสการ์อย่างแรง จนเธอเกือบจะขาดอากาศหายใจ แต่ก็ยังใช้แรงเฮือกสุดท้ายร้องเรียกอังเดร ออสการ์ : “อังเดร...” แต่เสียงนั้นเบามากจนไม่คิดว่าจะมีใครได้ยิน แต่อังเดรที่รออยู่ข้างนอกกลับได้ยินเสียงนั้น อังเดร : “เธอเรียกฉัน! ตอนนี้...เธอเรียกฉัน!” อังเดรบอกกับทหารคนอื่น แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ เจโลเดล : “นายล้อเล่นรึเปล่า พวกเราไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลย” อังเดรรีบวิ่งเข้าไปในโบสถ์ทันที เจโลเดล : “อังเดร เราได้รับคำสั่งให้รออยู่ที่นี่นะ!” เจโลเดลตะโกนห้าม อังเดร : “คำสั่งหรอ ใครสนเล่า!” นิโคลัส : “ตายซะ!” ในระหว่างที่นิโคลัสกำลังบีบคอออสการ์จนเกือบจะหมดลมหายใจนั้นเอง จินนี่กลับใช้มีดแทงเข้าที่ด้านหลังของนิโคลัส จินนี่ : “หยุดได้แล้ว ถึงแม้จะฆ่าเธอพวกเราก็ไม่มีหวังอยู่ดี ฉันอยากให้คุณตายเป็นเพื่อนฉันแทน” นิโคลัสล้มลง จินนี่จึงลากร่างของนิโคลัสลงไปที่ห้องใต้ดิน พอดีกับที่อังเดรเข้ามาเจอออสการ์พอดี เขารีบวิ่งเข้ามาดูออสการ์ อังเดร : “ออสการ์... ออสการ์ เธอเป็นอะไรมั้ย? ออสการ์!” ออสการ์พยุงตัวลุกขึ้น และบอกกับอังเดรว่า ออสการ์ : “ห้องใต้ดิน พวกเขาทั้งคู่ลงไปที่ห้องใต้ดิน จินนี่จะฆ่าตัวตาย” อังเดรจึงวิ่งลงไปดูที่ห้องใต้ดิน แต่เมื่อถึงปากประตูก็เต็มไปด้วยควัน อังเดร : “กลิ่นนั่นมัน...ดินปืนนี่!” อังเดรรีบวิ่งออกมาและช่วยแบกร่างออสการ์หนีออกจากโบสถ์ จินนี่จุดชนวนระเบิดหวังฆ่าตัวตายไปพร้อมกับนิโคลัส จินนี่ : “ขอโทษนะนิโคลัส ขอโทษ ถ้าฉันตายอย่างโดดเดี่ยวฉันกลัวจะเหงา” นิโคลัส : “ไม่เป็นไร เธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด” จินนี่ : “จริงหรอ? ฉันดีใจจัง!” ทั้งคู่จูบลากันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง โบสถ์ทั้งหลังพังพินาศ มอดไหม้เป็นจุล แต่โชคดีที่ออสการ์และอังเดรหนีรอดออกมาได้ นี่คือจุดจบของคดีสร้อยพระศอ แต่ใครคือคนที่ช่วยให้จินนี่หลบหนี และเผยแพร่ไดอารีลับ? บางคนก็บอกว่าคือญาติของพระราชา ดยุคโอเรียน ผู้ซึ่งพยายามแย่งชิงบัลลังค์ แต่ความจริงก็ได้ถูกเผาไปพร้อมกับร่างของจินนี่ ในความมืด... จบตอนที่ 24 |
Lady Oscar
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]
Group Blog All Blog
Friends Blog Link |
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |