แรกแสงรัก...โดยมาภา
บอกเล่าเรื่องราวของ อาภากร หญิงสาวผู้มาทำงานยังแดนไกล เมื่อไม่เหลืออะไร จึงจำใจรับงานดูแล ธีรัญญ์ ชายพิการเจ้าอารมณ์
และแล้วคนสองคนผู้ไม่คิดถึงแสงสว่าง กลับได้พบหนทางกลับสู่คำว่าครอบครัว...อีกครั้ง
(สนพ.พิมพ์คำ ตีพิมพ์ ต.ค.58 จำนวนหน้า 600 ราคาปก 390)
ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...
เยอะมาก...พล็อตเยอะมากนี่ก็นับได้แล้วประมาณ 4-5 พล็อต จริงๆคนเขียนก็เอ่ยเตือนในคำนำไว้แล้วว่า เนื้อหาจะเต็มไปด้วย 'ความบังเอิญ' แต่เรามองว่ามันเยอะเกิน จนเหมือนอัดนิยายหลายๆเรื่องไว้ในเรื่องเดียว แต่ไอ้ความบังเอิญมากมายที่ใส่ไว้นั้น ก็ต้องยอมรับว่าเชื่อมโยงร้อยเรียงกันได้ดี ไม่รู้สึกประดักประเดิดไป ไม่รู้สึกว่าง่ายไป ไม่ได้รู้สึกไร้เหตุผลจนเกินไป อ่านแล้วไม่ได้รู้สึกสะดุดอะไร รู้สึกอย่างเดียวแค่ว่าเรื่องมัน...เยอะเกิน เพราะมีหลายจังหวะที่เรารู้สึกว่าเรื่องจะจบแล้ว มันอิ่มแล้ว สมบูรณ์แล้ว แต่..อ่าว!..เอ๊ะ! หน้ากระดาษยังเหลือเยอะอยู่เลย ยังไม่จบหรือนี่!
ถ้าคนเขียนลองตัดทอนออกสัก 2-3 พล็อต แล้วเลือกโฟกัสเพียง 1-2 พล็อต ตัวนิยายจะน่าจดจำกว่านี้ ด้วยสำนวนสำเนียงภาษาของเขาทำได้ดีอยู่แล้ว เหมือนกำลังอ่านความเรียงง่ายๆที่หยิบจับใจคนอ่านได้ง่ายอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นเลยที่จะต้องอัดอะไรลงไปในงานมากมายขนาดนั้น
อย่างประเด็นที่ชอบ คิดว่าคนเขียนนำมาเล่นไม่เหมือนใครดี และยังทำได้ดี คือปมระหว่างพระเอกกับเพื่อนหมอ ไม่คิดว่าจะมีมุมเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดด้วย เวลาผู้ชายทะเลาะถกเถียงกันทำได้เป็นธรรมชาติมากๆ เป็นปมที่เจาะเล่นได้อีก เพราะมีการปูพรมมาแล้วแต่ต้น เสียดายที่ปมคลายตั้งแต่กลางเรื่องเสียก่อน
เข้าใจว่า'แรงแสงรัก' ไม่ได้หมายถึงแค่ในมุมของนางเอกมาช่วยเป็นแสงส่องใจให้พระเอกซึ่งเป็นคนพิการได้มีแรงฮึดสู้ที่จะมีชีวิตอย่างมีคุณค่าอีกครั้ง แต่คนเขียนยังได้พยายามและตั้งใจอย่างมากที่จะให้พระเอกเป็นคนพยายามเปิดประตูใจนางเอก ทลายกำแพงของอารมณ์มากมายที่เธอกักเก็บไว้ไม่ให้ใครได้เห็น จนนำไปสู่ฉากไคลแมกซ์ของการปิดกั้นแม้แต่คนที่เธอรัก เพียงเพื่อไม่ให้เขาเจ็บปวดไปกับเธอ ซึ่งสุดท้ายแล้วคนอ่านยังมองว่าพระเอกก็ยังต้องอยู่กับความพยายามนั้นต่อไป...
การปูทางเสริมเติมแต่งให้เนื้อหาไปสู่จุดที่คนเขียนต้องการนั้น ให้ความรู้สึกว่าเยิ่นเย้อไปสักหน่อย จนทำให้บางครั้งบางทีคนอ่านก็หลงลืมเนื้อหาในช่วงต้นไปเลยก็มี จึงได้แต่คิดว่าถ้าทำให้เรื่องเดินกระชับกว่านี้จะดีกว่า
เมื่อลองเทียบงานนี้ซึ่งเป็นผลงานเรื่องแรกของเขา กับเอาเรื่องล่าสุดมาเปรียบกัน 'พร่างพรายในความเงียบงัน' เรื่องที่แทบไม่มีสตอรี่อะไรให้เราเลยกลับจับใจคนอ่านได้เลย เขาก็ทำได้นี่นา...