มิถุนายน 2557

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
24
25
26
27
29
30
 
 
All Blog
โฮจิมินห์ หวุงเต่า 3 วัน 2 คืนทริปนี้ไปกับทัวร์
ซินจ่าว โฮจิมินห์ 

สำหรับทริปนี้เราจองตั๋วโปรแอร์เอเชีย กทม-โฮจิมินห์-กทม ไว้ราคาโปรสามพันกว่าบาท ตอนแรกมีสมาชิกร่วมเดินทาง 10 คน แต่เพื่อนที่ทำงานอยากไปด้วยเลยซื้อตั๋วเพิ่มอีก 4 คนเป็น 14 คน 
ด้วยความที่เรามีสมาชิกร่วมเดินทางเยอะ และกิติศัพท์กลโกงต่าง ๆ นานาของเวียดนามทำให้เราตัดสินใจไปกับทัวร์ค่ะ เริ่มแรกก็ต้องเลือกก่อนว่าจะไปไหนกันดี ดาลัด มุยเน่ นาตรัง แต่เราจองตั๋วเครื่องบินด้วยจำนวนวันน้อยเกินไปที่จะไปเที่ยวเมืองที่ไกลจากโฮจิมินห์ได้ ก็เลยมาจบที่เมืองชายทะเลหวุงเต่า ซึ่งยอมรับแต่โดยดีว่าส่วนตัวไม่เคยได้ยินชื่อเมืองนี้มาก่อน
สำหรับขั้นตอนการเลือกทัวร์ ก็เลือกกันอยู่นานหลายบริษัทมาลงตัวที่ atsiam tour ราคาทัวร์คนละ 6,500 บาท ที่เลือกที่นี่เพราะบริษัทอยู่ใก้ลที่ทำงานมีอะไรไปมาหาสู่กันได้ เลยรู้สึกปลอดภัยที่จะจ่ายเงินเก้าหมื่นกว่าบาทให้เค้าไปก่อน แต่ยอมรับนะว่าจ่ายเงินไปแล้วมีนอนไม่หลับเหมือนกันแต่พอไปถึงสนามบินมีพนักงานของบริษัทมารับก็ค่อยโล่งอกสบายใจซะที

โปรแกรมการเดินทางคร่าว ๆ 
16/8/56 พิพิธภัณฑ์สงคราม / รับประทานอาหารกลางวัน / เดินทางไปหวุงเต่า / รูปปั้นพระเยซูบนเชิงเขา
17/8/56 สวนสนุก / พระราชวังฤดูร้อน / วัดเจ้าแม่กวนอิม / วัดปลาวาฬ / โรงงานทำวัสดุจากเปลือกหอย/โบสถ์นอร์ทเธอดาม / ไปรษณีย์กลาง / ล่องเรือแม่น้ำไซง่อน
18/8/56 อุโมงค์กูจี/ทำเนียบรวมชาติ / ช๊อปปิ้งตลาดเบถั่น / ส่งสนามบิน

โปรแกรมทัวร์พร้อมแล้วเดินทางกันเลยค่ะ

16/8/56 ตื่นกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเพราะเครื่องออก 7.45 น. เดินทางถึงสนามบินตัน เซิง นึก เมืองโอจิมินห์ 9.15 น.เวลาที่เวียดนามและไทยเท่ากันค่ะ

พอไปถึงสนามบินก็มีไกด์ท้องถิ่นมารับ และพาไปแลกเงินนิดหน่อยเพราะไกด์แนะนำว่าที่เวียดนามใช้เงินไทยและเงินดอลล่าห์ได้ ถ้าเงินด่องเหลือเยอะแลกคืนก็ขาดทุนทยอยแลกทีละน้อยดีกว่า



รถที่เค้าเอามารับพวกเราเป็นรถมินิบัส แอร์เย็นนั่งสบายค่ะ ขึ้นรถกันแล้วไกด์และหัวหน้าทัวร์ก็แนะนำตัวและพาพวกเราไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สงคราม



รถวิ่งไปได้ไม่นานก็มาจอดที่พิพิธภัณฑ์สงครามค่ะ ที่นี่ก็จะมีการแสดงอาวุธที่ใช้ในการทำสงคราม ภาพความสูญเสีย ดูแล้วห่ดหู่ค่ะ แหมพากันมาเศร้าตั้งแต่ลงจากเครื่องเลย

ยิ่งดูยิ่งเศร้า เห็นแล้วก็รู้สึกดีใจที่บ้านเราไม่ต้องมีการสูญเสียจากสงครามแบบนี้ ไฮไลค์ของที่นี่ ที่น่าจะเป็นสิ่งที่เตือนใจเรามากที่สุดคือรูปปั้น mother แต่จำไม่ได้ละว่าหมายความว่าอะไร


หลังจากที่หดหู่กันไปแล้ว ไกด์ก็เรียกขึ้นรถเดินทางต่อไปกินอาหารกลางวันค่ะ


เป็นบุฟเฟ่อาหารเวียดนาม มีอาหารเยอะแยะให้เลือกสรร อร่อยมากได้เห็นอาหารเวียดนามรูปร่างแปลกๆ ลองชิมนี่นิดนั่นหน่อยก็สนุกดีค่ะ



หลังจากที่อิ่มหนำสำราญหายเศร้ากันแล้วก็นั่งรถกันยาวๆ ประมาณเกือบสามชั่วโมงไปเมืองหวุงเต่า ที่จริงแล้วจากโฮจิมินห์ไปหวุงเต่าใช้เวลาเดินทางแค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงค่ะ แต่วันที่พวกเราไปรถติดมากถึงมากที่สุด แต่ทำไมในรูปไม่ยังกะมีรถแฮะ


อาศัยหลับมาในรถเพราะเมื่อเช้าตื่นกันเช้ามาก พอรถเลียบชายทะเลก็เริ่มตื่นกันเลยค่ะ เมื่อถึงเมืองหวุงเต่าก็จะเจอรูปปั้นพระเยซูบนเขาเด่นตระง่านมาแต่ไกล รถจอดให้ลงที่ตีนเขา Nui Nho ใครอยากจะเดินขึ้นไปดูวิว ดูรูปปั้นก็ตามแต่กำลัง สว.เลือกที่จะไปไม่ค่ะมีแค่เรา หัวหน้าทัวร์ และพี่ที่ทำงานอีก 2 คน เดินขึ้นเขาซึ่งเหนื่่อยมากกว่าจะถึงรูปปั้นขาสั่น ใจสั่น พี่ ๆ ตัดสินใจไม่ผิดที่ไม่เดินขึ้นมา


เดินกลับลงมาที่รถพวกสว.ช๊อปปิ้งกันอย่างสนุกสนาม มีพ่อค้าแม่ค้าเอาของที่ระลึกมาขาย แล้วมีคนหนึ่งที่เป็นคนพิการเค้าบอกว่าได้รับผลกระทบจากสงครามพวกพี่ ๆ สงสารก็เลยซื้อกันใหญ่ เสร็จแล้วรถก็พาไปกินอาหารเย็นกันค่ะ


หวุงเต่าเป็นเมืองชายทะเล ดังนั้นอาหารมื้อค่ำนี้จึงจัดหนักอาหารทะเล สดและอร่อยมากๆ ค่ะ ทางทัวร์เค้ามีบริการน้ำจิ้มซีฟู้ดจากเมืองไทยให้ด้วย

จากนั้นรถก็พาพวกเราไปเช็คอินที่โรงแรม 

หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้วพวกเราก็ออกมาเดินเล่นชายหาดกันค่ะ ทะเลที่นี่อารมณ์ประมาณบางแสนของที่ขายราคาไม่แพงค่ะ   --หมดวันแรก--



17/8/56 หลังจากที่กินอาหารเช้าที่โรงแรมเรียบร้อยแล้วรถก็พาพวกเราไปขึ้นกระเช้าที่ตีนเขาเพื่อไปชมวิวและเล่นสวนสนุกกันค่ะ


จขบ.ไม่ทราบว่าสวนสนุกบนเขาแห่งนี้ชื่ออะไรนะคะ ค้นหาข้อมูลแล้วก็ไม่เจอ บนเขาก็จะมีรูปปั้นพระสังฆจาย ขี่รถม้าชม เครื่องเล่นก็จะมีเช่น ไว้กิ้ง รถราง สนุกใช้ได้ค่ะ


ที่สถานีเคเบิ้ลคาร์ก็จะมีน้ำตก มุมชมวิว และรูปปั้นลุงโฮฯ 


อยู่เมืองไทยไม่เคยอยากจะเล่นสวนสนุกพวกนี้เลย แต่พอได้มาเล่นไวกิ้ง รถราง ลูกบอลที่ให้คนเข้าไปอยู่ข้างในแล้วกลิ้งไปในน้ำ รู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง


จากนั้นพวกเราก็นั่งกระเช้ากลับมานั่งรถไปชมพระราชวังฤดูร้อนกันค่ะ พระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้สร้างขึ้นโดยผู้ปกครองชาวฝรั่งเศส เพื่อให้จักรพรรดิ์เบ๋าได๋ ซึ่งเป็นจักรพรรดิ์องค์สุดท้ายของเวียดนามมาอาศัยอยู่ก่อนที่จะถูกเนรเทศออกไป


จากนั้นรถก็พาพวกเราไปวัดเจ้าแม่กวนอิม วัดเนี๊ยต บา ทิง ซาซึ่งเป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรสมาธิและบูชาพระพุทธเจ้า ไปถึงก็เห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสีขาวเด่นมาแต่ไกล


ไม่ไกลจากวัดเจ้าแม่กวนอิมก็ไปต่อกันที่วัดปลาวาฬ หรือวัดลาง กา องสร้างขึ้นมาเพื่ออุทิศให้กับลัทธิปลาวาฬ ที่วัดจะมีการเก็บโคลงกระดูกปลาวาฬรักษาไว้เป็นอย่างดี


ทุกที่ ที่พวกเราไปก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าเอาของมาขาย บางคนก็หน้าเดิมๆ ตามพวกเราไปทุกที่ น้องคนนี้เขาเอาเสื้อมาขายตัวละ 50 บาทพี่ ๆ เลยรุมซื้อกันสนุกสนาน หลังจากนั้นทัวร์ก็พาไปกินอาหารกลางวันก่อนที่จะเดินทางกลับโฮจิมินห์ค่ะ


อิ่มหนำกันแล้ว รถก็พาพวกเรากลับโฮจิมินห์ค่ะ ระหว่างทางก็พาไปชมโรงงานทำวัสดุจากเปลือกหอยมากับทัวร์ก็จะมีโปรแกรมแบบนี้อยู่แล้วค่ะ แต่ไม่เป็นไรเข้าไปดูเฉย ๆ ไม่ซื้อไม่ว่ากัน





แดดร่มลงตก รถก็พาพวกเรามาถึงโบสถ์นอร์ทเธอดาม และอาคารไปรษณีย์กลางไฮไลค์ของโฮจิมินห์ มีมุมสวย ๆ ให้เลือกถ่ายรูปกันอย่างจุใจ


ตรงข้ามโบสถ์ก็จะเป็นอาคารไปรษณีย์กลาง สองที่นี้สวยจริงค่ะก็จะมีบ่าวสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันหลายคู่เลย


ที่จริงหลังจากนี้เราควรจะได้ไปจตุรัสลุงโฮฯ กัน แต่ทัวร์แจ้งว่าเรือที่เราจะไปล่องแม่น้ำอาจจะได้เร็วก็เลยพาพวกเราไปเช็คอินที่โรงแรมระหว่างทางก็พาไปซื้อขนมที่โรงงานทำขนมแต่ราคาแพงทุกอย่างค่ะ พอไปถึงโรงแรมเช็คอินกันเรียบร้อยแล้ว ทัวร์ก็แจ้งว่าเรือที่เราจะไปล่องแม่น้ำไซ่ง่อนเลื่อนเวลาเป็นสองทุ่มดังนั้นให้พวกเราเดินเล่นพักผ่อนกันตามอัธยาศัยใครหิวก็หาอะไรรองท้องไปก่อนทุ่มครึ่งเราจะเดินทางไปที่เรือกัน


ได้เวลาลงเรือ ตอนแรกที่เห็นโปรแกรมทัวร์ตั้งความหวังไว้กับรายการนี้ไว้มากค่ะ แต่พอไปถึงอาหารอร่อยจริง แต่เราต้องผจญกับกองทัพทัวร์จีนไม่ต่ำกว่าร้อยคน โอ้ยยิ่งกว่าอยู่ในตลาดสดอีกค่ะ
เรือเล่นไปก็ภาวนาไปถึงฝั่งเร็ว ๆ เถอะฉันจะไม่ไหวแล้ว จากรูปข้างบนชอบน้ำแข็งมากเลยก้อนเดียวเต็มแก้ว


เรือเข้าฝั่งแล้วฝนก็เริ่มตกมาปรอยๆ ทัวร์พาพวกเรากลับโรงแรม หมดวันที่สองค่ะ

18/8/56 วันสุดท้ายของการเดินทาง วันนี้เราต้องตื่นกันแต่เช้าเพราะมีโปรแกรมไปเที่ยวอุโมงกูจี ซึ่งอยู่ในเมืองกูจี ห่างจากโฮจิมินห์ไปประมาณหนึ่งชั่วโมง


พอไปถึง เค้าก็ให้พวกเรานั่งอยู่ในห้องเพื่อฟังบรรยายเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชาวบ้านกูจี ในช่วงที่เกิดสงครามว่าเค้าอยู่กันยังไง ชาวบ้านรวมกำลังกันอย่างไรจึงสามารถชนะกองทัพทหารอเมรกันได้
ในรูปข้างบนเป็นปากทางเข้าอุโมงค์ค่ะ ลงไปแล้วก็เอาฝาปิดและเอาใบไม้กลบก็ไม่รู้แล้วว่าชาวบ้านหายไปอยู่ที่ไหนกัน


การมาเที่ยวสถานที่นี้ไม่หดหู่เท่าพิพิธภัณฑ์สงครามค่ะ แต่รู้สึกทึ่งกับวิถีชีวิตของชาวบ้านมากกว่า
เดินเที่ยวกันพอเหนื่อย ทัวร์ก็พากลับโฮจิมินห์ไปกินอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหารจีน ที่ร้านนี้เค้าเน้นอาหารทะเลทำสดค่ะ มีหอยงวงช้างด้วยแต่เมนูของพวกเราไม่มีนะคะ 


หลังจากนั้นก็พาไปชมทำเนียบรวมชาติ หรือทำเนียบประธานาธิปดีของเวียดนามใต้ค่ะ


ใหญ่โตร่มรื่น แต่คณะทัวร์เริ่มเซ็งค่ะ เพราะไม่ได้ช็อปปิ้งกันเลย พี่ ๆ สว.ไม่ยอมเดินเข้าไปดูเพราะเหนื่อยจากอุโมงค์กูจี เร่งให้พวกที่เข้าไปทำเวลาเพราะพวกพี่ ๆ อยากไปช๊อปปิ้่งกันมากกว่า



พอรถจอดที่ตลาดเบถั่นมันเมือมีพลังงานบางอย่างเริ่มก่อตัว จากที่หมดเรียวหมดแรงไม่รู้ว่าพลังงานมันมาจากไหนมากมาย ทัวร์ให้ช๊อปปิ้งกันอย่างจุใจฆ่าเวลา ละลายเงินด่องก่อนที่จะไปสนามบินกันค่ะ


4 โมงเย็นใก้ลเวลาเครื่องจะออก ทริปนี้เครื่องออกเวลา 5.55 PM. ค่ะ ทัวร์ก็พาพวกเราไปส่งที่สนามบิน 7.25 PM.ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ ลาก่อนโฮจิมินห์จนกว่าจะเจอกันใหม่



ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ





Create Date : 21 มิถุนายน 2557
Last Update : 25 มกราคม 2559 22:41:22 น.
Counter : 4832 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kumyotha
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]