|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ใต้จันทร์เต็มดวง...อีกครั้ง
ใต้จันทร์เต็มดวง...อีกครั้ง
ในยามปกติผืนน้ำแห่งนี้จะสะท้อนเพียงความดำมืดและความว้าเหว่ไม่มั่นคงออกมา แต่ในคืนนี้แสงไฟจากเปลวเทียนเล่มน้อยนับไม่ถ้วนกำลังแตะแต้มแต่งเติมไม่ให้ความเหงาเข้ากลืนกิน
ท้องน้ำกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ เปลวไฟเองก็ลอยสูงๆ ต่ำๆ ตามกันไป ดูแล้วก็คล้ายกับเหล่าเปลวเทียนดวงน้อยกำลังรวมกำลังกันท้าทายจันทร์งามผุดผ่องที่ลอยค้างอยูบนฟ้า
สองปีแล้วที่ฉันคอยแวะเวียนมาที่คุ้งน้ำแห่งนี้ มันอาจเป็นแรงดึงดูด หรือไม่ก็อาจจะเพราะอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่อาจลบเลือนและหนีไปจากสถานที่นี้ได้
มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อสองปีก่อนอย่างสิ้นเชิง ฉันควรจะมีความสุขกับเขา ควรจะอยู่ในบริเวณงานวัด ได้เดินดู ได้ซื้อของกินอยู่ในนั้น แต่โศกนาฏกรรมในครั้งนั้นกลับพรากเราสองคนไปตลอดกาล
จากรอยยิ้มชั่วพริบตากลับกลายเป็นน้ำตาชั่วนิรันดร์
ลมเย็นแผ่วพลิ้วมา แม้ไม่หนาวเหมือนปีที่ผ่านมาแต่มันก็สะท้านไปถึงใจ ฉันกระชับเสื้อให้แน่นขึ้นเพียงหวังจะให้มันเป็นที่พึ่งทางใจเสียมากกว่าจะใช้มันเพื่อปกป้องร่างกายจากความหนาวเหน็บ
ภาพทั้งหมดยังติดตาไม่รู้หาย ความโกลาหล เสียงกรีดร้อง พรายฟองอากาศ ผู้คนดำผุดดำว่าย ตะเกียกตะกาย ทุกรายละเอียดยังคงติดในความทรงจำ มันเป็นช่วงเวลาอลหม่านหลังจากที่โป๊ะที่พวกเรายืนเพื่อลอยกระทงไม่อาจรับน้ำหนักของคนจำนวนมากได้อีกต่อไป
ลมหายใจกำลังขาดห้วง ร่างกายไร้เรี่ยวแรง สับสน ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ในจังหวะนั้นมือแข็งแรงของเขาจากที่ไหนสักแห่งกลับฉุดฉันเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะถูกเกลียวน้ำทะมึนกลืนกิน
ฉันรู้ดีว่านั่นคือเขา ถึงแม้ภายใต้ความเย็นเยียบอันดำมืดจะทำให้ไม่สามารถแยกเยะว่าใครเป็นใครได้ ถึงแม้สติฉันจะไม่สมบูรณ์ฉันก็รู้ว่านั่นคือเขา
ระวัง
เสียงของเขากังวาลแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง ดวงตาแข็งกร้าวฉายแววกังวล แต่มันกลับปรากฏร่องรอยแห่งความห่วงใยเด่นชัดท่ามกลางความทะมึน
ภาพต่างๆ พรั่งพรูออกมาคล้ายใครมากดเครื่องเล่นเทปในหัวให้ย้อนกลับไปในขณะที่สติสัมปชัญญะกำลังจะหมดไป
กระทงลอยออกจากกันแล้ว ทำไงดี
ฉันพูดพลางเขย่าแขนของเขาที่กำลังเกาะกุมอยู่ เขาหันมามอง ยิ้มน้อยๆ ให้
คนเยอะจัง จะเบียดเข้าไปได้มั้ยเนี่ย
จุดธูปเทียนก่อนและค่อยเข้าไป เดินตามมาล่ะ เดี๋ยวจะคลาดกัน
เขาจูงมือฉันเดินดูนั่นดูนี่ไปทั่วงาน รอยยิ้ม ความรื่นเริง เสียงดนตรี ความสนุกสนานตามแบบฉบับประเพณีไทยมีให้เห็นได้ทุกที่ในบริเวณนี้
ฉันยืนนิ่งอยู่ที่คุ้งน้ำแห่งนี้
เสียงเพลงคุ้นหูจากเครื่องขยายเสียงในบริเวณงานวัดแว่วมาตามลม หากไม่ใช่เวลานี้ฉันคงมีความสุขมากที่ได้ฟังเพลงนี้ร่วมกับเขา ไม่ว่าจะผ่านมานานขนาดไหนจันทร์งามเบื้องบนก็ยังคงงดงามอย่างเคย
ช่างไม่รับรู้เรื่องราวอะไรของสิ่งมีชีวิตตัวจ้อยบนพื้นโลกเอาเสียเลย
ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน สองปีที่ทำให้อะไรรอบกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ฉันกลายเป็นคนหวั่นไหวต่ออะไรๆ อย่างง่ายดาย บางครั้งก็คล้ายกับตัวเองกลายเป็นคนละคนกันเมื่อก่อน
เหมือนกับเวลาบางช่วงของชีวิตที่ผ่านมานั้นหายไป คล้ายมีอะไรติดอยู่ในใจ เรื่องที่พยายามคิดเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก บางครั้งฉันก็ไม่รู้ตัวว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หลายครั้งก็กลับพบว่าตนเองไปอยู่ในสถานที่แปลกตาไม่คุ้นเคย
มันอาจเป็นความสับสนหรืออาจจะเกิดจากความเครียด ได้แต่หวังว่าสักวันฉันจะทำใจและผ่านพ้นมันไปได้
ทว่าสองปีแล้วที่มันยังคงเกิดขึ้น นับครั้งไม่ถ้วนที่พอรู้สึกตัวก็พบว่าตนเองมายืนอยู่ที่คุ้งน้ำแห่งนี้แล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันทั้งเงียบเหงาและทำให้ภาพเก่าๆ ผุดขึ้นมาในหัวสมอง ที่นี่มีแต่จะทำให้ทุกข์ใจ แต่ฉันก็ยังกลับมาที่นี่โดยไม่รู้ตัว
จันทร์นวลยังคงอวดโฉมอยู่บนฟ้าสีดำมืด เปลวเทียนยังคงลอยสูงๆ ต่ำ ตามกระแสน้ำที่เคลื่อนไหว
ฉันรู้สึกว่าวันนี้จะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร อาจจะเป็นเรื่องที่ฉันพยายามนึกให้ออกมานาน ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ความรู้สึกที่ว่าอะไรที่กำลังคลุมเครืออยู่กำลังจะจางหายไป
ในวันที่แสงจันทร์กระจ่างฟ้าและแสงเทียนกระจ่างน้ำดังเช่นวันนี้
ภาพกระทงคู่หนึ่งซึ่งโดดเด่นออกจากกระทงอีกนับร้อยนับพันในสายน้ำปรากฏขึ้น ทั้งๆ ที่มันทั้งสองใบไม่ได้มีความโดดเด่นเป็นพิเศษจากกระทงใบอื่นๆ เลย แต่ฉันกลับรับรู้ได้ถึงความแตกต่างของพวกมัน
สายตาจ้องจนกลมกลืนไปกับเปลวเทียน ภาพหนึ่งปรากฏขึ้นภายในความสุกสว่างนั้น ฉันเคยเห็นมันมาก่อน เคยได้สัมผัสด้วยตัวเองมาก่อนแล้ว
ระวัง
ว้าย
ครืนนน...ตูมมม...ซ่า
ร่างกายเสียการทรงตัว ภาพตัวของฉันกำลังหมดลมหายใจภายใต้ท้องน้ำเย็บเยียบ ภาพมือแกร่งคว้าตัวของฉันเองไว้ได้ทันก่อนที่วงแขนนั้นจะโอบกระชับร่างอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงไว้แนบอก
สถานการณ์กำลังเลวร้าย ทว่าในครั้งนั้นฉันรู้สึกปลอดภัยอบอุ่นอย่างเหลือล้น
กระทงทั้งสองกำลังแยกห่างออกจากกัน
สติของฉันกำลังจะหมดไป เขากอดฉันแน่นเกินไปรึเปล่า ฉันรู้สึกอึดอัด ลมหายใจขาดห้วง เขาพยายามทะยานขึ้นไปให้ถึงปลายทางแห่งแสงสว่าง หากพ้นผิวน้ำที่กั้นระหว่างความเป็นและความตายไปได้พวกเราก็จะรอด
ทว่าสายน้ำกลับหมุนเกลียวลึกลงไป ลึกลงไปเรื่อยๆ
หนาวเหน็บ เดียวดาย เคว้งคว้าง
ปราศจากชีวิต
หลายคนเข้ามาช่วยกู้ร่างของผู้ที่ทิ้งวิญญาณไว้ภายใต้ผืนน้ำ พวกเขาเร่งรีบทำงานอย่างกระตือรือล้น ฉันได้แต่ยืนนิ่งมองอยู่อย่างนั้นราวกับไร้ตัวตน
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่ในความรู้สึกนั้นคือตลอดกาล แล้วในที่สุดร่างสองร่างก็ถูกกู้ขึ้นมาได้สำเร็จ ร่างทั้งสองกอดกันแน่น เพียงแค่เห็นก็รับรู้ได้ว่าทั้งคู่คงรักกันมาก
เป็นร่างของเขาที่ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยฉันเอาไว้
และที่อ้อมกอดของเขา
อา...
นี่เอง หลังจากตอนนี้ความทรงจำบางอย่างของฉันก็ขาดๆ หายๆ หลังภาพเหตุการณ์นี้โลกของฉันก็หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่สถานที่เท่านั้น
ทั้งหมดล้วนเป็นสถานที่ซึ่งงดงามในความทรงจำ และเป็นสถานที่ที่ทำให้ฉันอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ระทม ฉันวนเวียนยึดติดอยู่กับสถานที่เหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมา
ไม่อาจหลุดพ้น ไม่อาจไปต่อ หากยังไม่รับรู้และยังไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
ใช่แล้ว...
นี่เอง นี่คือสิ่งที่ฉันหลงลืมมาตลอดระยะเวลาสองปี ในที่สุดฉันก็นึกออกเสียที ในอ้อมกอดซีดเย็นของเขาเป็นฉันเอง
ทั้งๆ ที่ควรจะเสียใจ ทว่ามันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น ฉันรู้สึกโล่งใจมากกว่า คล้ายกับความืดมัวไม่มั่นคงทั้งหมดกำลังมลายหายไป
และเพียงทุกอย่างกระจ่างในใจ เมฆหมอกแห่งความคลุมเครือก็เบาบางลง ฉันพบว่าเงาร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ต่อหน้าของฉันแล้วในขณะนี้ แม้ไม่ชัดเจนนักแต่ฉันก็รู้ดี
มันเป็นรอยยิ้มที่ฉันโหยหา เป็นใบหน้าที่ฉันอยากเห็นมากที่สุด และบัดนี้ทั้งใบหน้าและรอยยิ้มนั้นก็กลับมาอยู่ต่อหน้าฉันแล้ว เขาเดินเข้ามาหา โอบกอดฉันอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าฉันจะหายไปอีก
ฉันโอบซบลงกับอกแกร่ง ได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดคุ้นเคยอีกครั้งหนึ่งแล้ว ถึงแม้จะไม่เหลือไออุ่นอีกแล้วในเวลานี้ แต่ฉันก็กลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากความห่วงหาอาทรที่แสดงออกมา
ในที่สุดคุณก็นึกออก ในที่สุดคุณก็รับรู้เสียที
เป็นคำพูดเรียบง่ายที่เต็มไปด้วยความคิดถึงอย่างที่สุด มันไม่ใช่เขาหรอกที่จากฉันไปอย่างที่ฉันเข้าใจมาตลอด แต่เป็นฉันเองต่างหากที่ไม่ได้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้น และปล่อยให้เขาต้องคอยอยู่ที่นี่อย่างเดียวดายถึงสองปี
แต่มันจะสิ้นสุดลงแล้วกับการรอคอยอันแสนทุกข์ทรมานราวไร้จุดจบนี้
ในขณะนี้บรรยากาศรอบกายกลับกระจ่างใสขึ้น บทเพลงคุ้นหูจากงานรื่นเริงลอยตามลมมาช่วยขับกล่อม ค่ำคืนนี้จะเป็นคืนที่เราทั้งสองจะได้อธิษฐานร่วมกันภายใต้จันทร์เต็มดวงอันงดงามอีกครั้ง
Create Date : 22 สิงหาคม 2560 |
Last Update : 22 สิงหาคม 2560 16:46:23 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1071 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
KTHc |
|
|
|
|