<<
สิงหาคม 2560
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 สิงหาคม 2560
 

ใต้จันทร์เต็มดวง...อีกครั้ง

ใต้จันทร์เต็มดวง...อีกครั้ง

ในยามปกติผืนน้ำแห่งนี้จะสะท้อนเพียงความดำมืดและความว้าเหว่ไม่มั่นคงออกมา แต่ในคืนนี้แสงไฟจากเปลวเทียนเล่มน้อยนับไม่ถ้วนกำลังแตะแต้มแต่งเติมไม่ให้ความเหงาเข้ากลืนกิน

ท้องน้ำกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ เปลวไฟเองก็ลอยสูงๆ ต่ำๆ ตามกันไป ดูแล้วก็คล้ายกับเหล่าเปลวเทียนดวงน้อยกำลังรวมกำลังกันท้าทายจันทร์งามผุดผ่องที่ลอยค้างอยูบนฟ้า

สองปีแล้วที่ฉันคอยแวะเวียนมาที่คุ้งน้ำแห่งนี้ มันอาจเป็นแรงดึงดูด หรือไม่ก็อาจจะเพราะอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่อาจลบเลือนและหนีไปจากสถานที่นี้ได้

มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อสองปีก่อนอย่างสิ้นเชิง ฉันควรจะมีความสุขกับเขา ควรจะอยู่ในบริเวณงานวัด ได้เดินดู ได้ซื้อของกินอยู่ในนั้น แต่โศกนาฏกรรมในครั้งนั้นกลับพรากเราสองคนไปตลอดกาล

จากรอยยิ้มชั่วพริบตากลับกลายเป็นน้ำตาชั่วนิรันดร์

ลมเย็นแผ่วพลิ้วมา แม้ไม่หนาวเหมือนปีที่ผ่านมาแต่มันก็สะท้านไปถึงใจ ฉันกระชับเสื้อให้แน่นขึ้นเพียงหวังจะให้มันเป็นที่พึ่งทางใจเสียมากกว่าจะใช้มันเพื่อปกป้องร่างกายจากความหนาวเหน็บ

ภาพทั้งหมดยังติดตาไม่รู้หาย ความโกลาหล เสียงกรีดร้อง พรายฟองอากาศ ผู้คนดำผุดดำว่าย ตะเกียกตะกาย ทุกรายละเอียดยังคงติดในความทรงจำ มันเป็นช่วงเวลาอลหม่านหลังจากที่โป๊ะที่พวกเรายืนเพื่อลอยกระทงไม่อาจรับน้ำหนักของคนจำนวนมากได้อีกต่อไป

ลมหายใจกำลังขาดห้วง ร่างกายไร้เรี่ยวแรง สับสน ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ในจังหวะนั้นมือแข็งแรงของเขาจากที่ไหนสักแห่งกลับฉุดฉันเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะถูกเกลียวน้ำทะมึนกลืนกิน

ฉันรู้ดีว่านั่นคือเขา ถึงแม้ภายใต้ความเย็นเยียบอันดำมืดจะทำให้ไม่สามารถแยกเยะว่าใครเป็นใครได้ ถึงแม้สติฉันจะไม่สมบูรณ์ฉันก็รู้ว่านั่นคือเขา

“ระวัง”

เสียงของเขากังวาลแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง ดวงตาแข็งกร้าวฉายแววกังวล แต่มันกลับปรากฏร่องรอยแห่งความห่วงใยเด่นชัดท่ามกลางความทะมึน

ภาพต่างๆ พรั่งพรูออกมาคล้ายใครมากดเครื่องเล่นเทปในหัวให้ย้อนกลับไปในขณะที่สติสัมปชัญญะกำลังจะหมดไป

“กระทงลอยออกจากกันแล้ว ทำไงดี”

ฉันพูดพลางเขย่าแขนของเขาที่กำลังเกาะกุมอยู่ เขาหันมามอง ยิ้มน้อยๆ ให้

“คนเยอะจัง จะเบียดเข้าไปได้มั้ยเนี่ย”

“จุดธูปเทียนก่อนและค่อยเข้าไป เดินตามมาล่ะ เดี๋ยวจะคลาดกัน”

เขาจูงมือฉันเดินดูนั่นดูนี่ไปทั่วงาน รอยยิ้ม ความรื่นเริง เสียงดนตรี ความสนุกสนานตามแบบฉบับประเพณีไทยมีให้เห็นได้ทุกที่ในบริเวณนี้

ฉันยืนนิ่งอยู่ที่คุ้งน้ำแห่งนี้

เสียงเพลงคุ้นหูจากเครื่องขยายเสียงในบริเวณงานวัดแว่วมาตามลม หากไม่ใช่เวลานี้ฉันคงมีความสุขมากที่ได้ฟังเพลงนี้ร่วมกับเขา ไม่ว่าจะผ่านมานานขนาดไหนจันทร์งามเบื้องบนก็ยังคงงดงามอย่างเคย

ช่างไม่รับรู้เรื่องราวอะไรของสิ่งมีชีวิตตัวจ้อยบนพื้นโลกเอาเสียเลย

ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน สองปีที่ทำให้อะไรรอบกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ฉันกลายเป็นคนหวั่นไหวต่ออะไรๆ อย่างง่ายดาย บางครั้งก็คล้ายกับตัวเองกลายเป็นคนละคนกันเมื่อก่อน

เหมือนกับเวลาบางช่วงของชีวิตที่ผ่านมานั้นหายไป คล้ายมีอะไรติดอยู่ในใจ เรื่องที่พยายามคิดเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก บางครั้งฉันก็ไม่รู้ตัวว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หลายครั้งก็กลับพบว่าตนเองไปอยู่ในสถานที่แปลกตาไม่คุ้นเคย

มันอาจเป็นความสับสนหรืออาจจะเกิดจากความเครียด ได้แต่หวังว่าสักวันฉันจะทำใจและผ่านพ้นมันไปได้

ทว่าสองปีแล้วที่มันยังคงเกิดขึ้น นับครั้งไม่ถ้วนที่พอรู้สึกตัวก็พบว่าตนเองมายืนอยู่ที่คุ้งน้ำแห่งนี้แล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันทั้งเงียบเหงาและทำให้ภาพเก่าๆ ผุดขึ้นมาในหัวสมอง ที่นี่มีแต่จะทำให้ทุกข์ใจ แต่ฉันก็ยังกลับมาที่นี่โดยไม่รู้ตัว

จันทร์นวลยังคงอวดโฉมอยู่บนฟ้าสีดำมืด เปลวเทียนยังคงลอยสูงๆ ต่ำ ตามกระแสน้ำที่เคลื่อนไหว

ฉันรู้สึกว่าวันนี้จะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร อาจจะเป็นเรื่องที่ฉันพยายามนึกให้ออกมานาน ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ความรู้สึกที่ว่าอะไรที่กำลังคลุมเครืออยู่กำลังจะจางหายไป

ในวันที่แสงจันทร์กระจ่างฟ้าและแสงเทียนกระจ่างน้ำดังเช่นวันนี้

ภาพกระทงคู่หนึ่งซึ่งโดดเด่นออกจากกระทงอีกนับร้อยนับพันในสายน้ำปรากฏขึ้น ทั้งๆ ที่มันทั้งสองใบไม่ได้มีความโดดเด่นเป็นพิเศษจากกระทงใบอื่นๆ เลย แต่ฉันกลับรับรู้ได้ถึงความแตกต่างของพวกมัน

สายตาจ้องจนกลมกลืนไปกับเปลวเทียน ภาพหนึ่งปรากฏขึ้นภายในความสุกสว่างนั้น ฉันเคยเห็นมันมาก่อน เคยได้สัมผัสด้วยตัวเองมาก่อนแล้ว

“ระวัง”

“ว้าย”

ครืนนน...ตูมมม...ซ่า

ร่างกายเสียการทรงตัว ภาพตัวของฉันกำลังหมดลมหายใจภายใต้ท้องน้ำเย็บเยียบ ภาพมือแกร่งคว้าตัวของฉันเองไว้ได้ทันก่อนที่วงแขนนั้นจะโอบกระชับร่างอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงไว้แนบอก

สถานการณ์กำลังเลวร้าย ทว่าในครั้งนั้นฉันรู้สึกปลอดภัยอบอุ่นอย่างเหลือล้น

กระทงทั้งสองกำลังแยกห่างออกจากกัน

สติของฉันกำลังจะหมดไป เขากอดฉันแน่นเกินไปรึเปล่า ฉันรู้สึกอึดอัด ลมหายใจขาดห้วง เขาพยายามทะยานขึ้นไปให้ถึงปลายทางแห่งแสงสว่าง หากพ้นผิวน้ำที่กั้นระหว่างความเป็นและความตายไปได้พวกเราก็จะรอด

ทว่าสายน้ำกลับหมุนเกลียวลึกลงไป ลึกลงไปเรื่อยๆ

หนาวเหน็บ เดียวดาย เคว้งคว้าง

ปราศจากชีวิต

หลายคนเข้ามาช่วยกู้ร่างของผู้ที่ทิ้งวิญญาณไว้ภายใต้ผืนน้ำ พวกเขาเร่งรีบทำงานอย่างกระตือรือล้น ฉันได้แต่ยืนนิ่งมองอยู่อย่างนั้นราวกับไร้ตัวตน

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่ในความรู้สึกนั้นคือตลอดกาล แล้วในที่สุดร่างสองร่างก็ถูกกู้ขึ้นมาได้สำเร็จ ร่างทั้งสองกอดกันแน่น เพียงแค่เห็นก็รับรู้ได้ว่าทั้งคู่คงรักกันมาก

เป็นร่างของเขาที่ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยฉันเอาไว้

และที่อ้อมกอดของเขา

อา...

นี่เอง หลังจากตอนนี้ความทรงจำบางอย่างของฉันก็ขาดๆ หายๆ หลังภาพเหตุการณ์นี้โลกของฉันก็หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่สถานที่เท่านั้น

ทั้งหมดล้วนเป็นสถานที่ซึ่งงดงามในความทรงจำ และเป็นสถานที่ที่ทำให้ฉันอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ระทม ฉันวนเวียนยึดติดอยู่กับสถานที่เหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมา

ไม่อาจหลุดพ้น ไม่อาจไปต่อ หากยังไม่รับรู้และยังไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

ใช่แล้ว...

นี่เอง นี่คือสิ่งที่ฉันหลงลืมมาตลอดระยะเวลาสองปี ในที่สุดฉันก็นึกออกเสียที ในอ้อมกอดซีดเย็นของเขาเป็นฉันเอง

ทั้งๆ ที่ควรจะเสียใจ ทว่ามันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น ฉันรู้สึกโล่งใจมากกว่า คล้ายกับความืดมัวไม่มั่นคงทั้งหมดกำลังมลายหายไป

และเพียงทุกอย่างกระจ่างในใจ เมฆหมอกแห่งความคลุมเครือก็เบาบางลง ฉันพบว่าเงาร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ต่อหน้าของฉันแล้วในขณะนี้ แม้ไม่ชัดเจนนักแต่ฉันก็รู้ดี

มันเป็นรอยยิ้มที่ฉันโหยหา เป็นใบหน้าที่ฉันอยากเห็นมากที่สุด และบัดนี้ทั้งใบหน้าและรอยยิ้มนั้นก็กลับมาอยู่ต่อหน้าฉันแล้ว เขาเดินเข้ามาหา โอบกอดฉันอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าฉันจะหายไปอีก

ฉันโอบซบลงกับอกแกร่ง ได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดคุ้นเคยอีกครั้งหนึ่งแล้ว ถึงแม้จะไม่เหลือไออุ่นอีกแล้วในเวลานี้ แต่ฉันก็กลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากความห่วงหาอาทรที่แสดงออกมา

“ในที่สุดคุณก็นึกออก ในที่สุดคุณก็รับรู้เสียที”

เป็นคำพูดเรียบง่ายที่เต็มไปด้วยความคิดถึงอย่างที่สุด มันไม่ใช่เขาหรอกที่จากฉันไปอย่างที่ฉันเข้าใจมาตลอด แต่เป็นฉันเองต่างหากที่ไม่ได้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้น และปล่อยให้เขาต้องคอยอยู่ที่นี่อย่างเดียวดายถึงสองปี

แต่มันจะสิ้นสุดลงแล้วกับการรอคอยอันแสนทุกข์ทรมานราวไร้จุดจบนี้

ในขณะนี้บรรยากาศรอบกายกลับกระจ่างใสขึ้น บทเพลงคุ้นหูจากงานรื่นเริงลอยตามลมมาช่วยขับกล่อม ค่ำคืนนี้จะเป็นคืนที่เราทั้งสองจะได้อธิษฐานร่วมกันภายใต้จันทร์เต็มดวงอันงดงามอีกครั้ง


Create Date : 22 สิงหาคม 2560
Last Update : 22 สิงหาคม 2560 16:46:23 น. 0 comments
Counter : 1071 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

KTHc
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




[Add KTHc's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com