เรื่องสั้น
อีกเรื่อง...ที่พิสูจน์ไม่ได้
เรื่องสั้นๆ อ่านเล่นๆ
ลาวใต้ในความทรงจำ
My photo
<<
พฤษภาคม 2560
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
22 พฤษภาคม 2560
เปลี่ยน
เส้นทางหมากล้อมของผม
ใต้จันทร์เต็มดวง...อีกครั้ง
ปลายทาง
ใต้จันทร์เต็มดวง
เจ้าหญิงบนหอคอยสูง
หน้าต่างบานนั้น
เปลี่ยน
บันไดขั้นที่ศูนย์
โลกต่างมิติ
ต่าง
ในความฝัน
ห้องสีขาว
แรงอธิษฐาน
เวลา
ความทรงจำสีจาง
ทางแยก
หยุด
วันดับสูญ...กาลดับสูญ (+ส่งท้าย)
เธอ...เขา...
วันดับสูญ...การดิ้นรนที่สูญเปล่า
วันดับสูญ...สู่ความมืดมิด
วันดับสูญ...สับสน
วันดับสูญ...ต้นแบบ
วันดับสูญ...โลกใหม่
วันดับสูญ...การท้าทายต่อพระเจ้า
วันดับสูญ...เรือโนอาห์
วันดับสูญ...ผู้ที่ถูกเลือก
วันดับสูญ...เหตุแห่งการดับสูญ
วันดับสูญ...ข้อความที่หายไป
วันดับสูญ...ปฐมบทแห่งการดับสูญ
โลกแห่งความว่างเปล่า
้้เพ้อ
ความทรงจำ
ตัวตน
คำสัญญา (ด้ายแดง)
ปีใหม่ๆ
ด้ายแดง
ภารกิจพิชิตเวลา
หญิงสาวใต้สำนึก
นางฟ้า
ปลายฝัน
ความเป็นแม่
หากย้อนเวลากลับไปได้...
คุณชอบมองท้องฟ้ามั้ย
สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเป็น
ฝันที่เป็นจริง
Cinderella
เจ็ดวันที่ญี่ปุ่น
เนื้อคู่ในกระจกเงา
เปลี่ยน
เปลี่ยน
คุณเคยรู้สึกอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีกว่าเดิมเพื่อใครบางคนบ้างไหมครับ
ตีสี่กว่าๆ ในยามที่ความมืดยังคงปกคลุมผืนฟ้า คนส่วนใหญ่ยังคงฝังตัวอยู่บนที่นอนนุ่มและฝันดีอยู่ในห้วงนิทรา ผมลุกขึ้น ทำธุระส่วนตัว และเปลี่ยนชุดเพื่อออกวิ่งตามทางไปยังสวนสาธารณะใกล้บ้าน
การออกกำลังกายและรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น สมองจะรู้สึกปลอดโปร่ง นั่นจะช่วยให้การใช้ชีวิตและทำหน้าที่การงานในวันนั้นเต็มไปด้วยความสดใส ทั้งพลังกายและความเฉียบคมของสมองจะถูกดึงออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
เมื่อก่อนผมนอนดึกเป็นประจำ ผมชอบเที่ยว ชอบการสังสรรค์ และนั่นก็มักทำให้เวลาเช้าของผมไม่ได้เป็นเช้าที่สดใสอย่างที่ควรจะเป็น ผมจะปวดหัว รู้สึกมึนๆ ตึงๆ ต่อไปอีกหลายชั่วโมง
เมื่อไม่พร้อมผมก็มักจะคิดวางแผนอะไรได้ไม่ดี บ่อยครั้งที่ต้องลาหยุดงานเนื่องจากลุกจากที่นอนไม่ไหว มันส่งผลไปถึงเนื้องาน ความก้าวหน้า และรายได้อย่างที่ใครๆ ก็คงนึกออก
หลังจากร่างกายตื่นตัวเต็มที่จากการออกกำลังกายแล้ว ผมก็ทำธุระส่วนตัวก่อนเริ่มออกเดินทางไปทำงาน ไม่ถึงเจ็ดโมงก็มาถึง ในช่วงเวลานี้ผมสามารถนั่งจิบกาแฟ ปลดปล่อยอารมณ์ให้เพลิดเพลินไปกับรสขมของเครื่องดื่มในมือ และปล่อยให้จินตนาการในหัวทำงานของมันไป
ผมพบว่าความคิดดีๆ ใหม่ๆ เกิดขึ้นได้เสมอในช่วงเวลาแบบนี้ หลายความคิดผมสามารถนำไปใช้เพื่อให้การทำงานของผมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และอีกไม่น้อยที่ผมได้นำเสนอให้กับเหล่าผู้บริหารขององค์กร
หากเป็นเมื่อก่อนผมคงจะมาถึงที่ทำงานพร้อมๆ กับที่เข็มนาฬิกาชี้เวลาเริ่มงานพอดิบพอดี เพียงแค่มาทำงานให้ทันเวลาและสะสางงานเก่าให้เสร็จก็แทบจะเต็มกลืนแล้ว อย่าหวังเลยว่าจะได้คิดหรือได้ทำอะไรใหม่ๆ ให้กับตนเองหรือองค์กร
เมื่อมีความคิดที่จะปรับปรุงงานให้ดีขึ้นนำเสนอเรื่อยๆ ผลงานก็เริ่มเข้าตาผู้บริหาร ความก้าวหน้าทางหน้าที่การงานและรายได้ที่หวังไว้ก็เข้ามาหาอย่างรวดเร็วอย่างที่แม้แต่ผมเองก็ไม่ได้คาดคิดไว้
สมัยก่อนอย่าหวังเลยว่าจะมีความคิดอะไรนำเสนอออกมาจากผมแม้แต่เรื่องเล็กน้อยสักเรื่องเดียว เพราะผมเป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ เป็นพวกปลายแถวที่ไร้แม้แต่จะมีคนเหลียวแลให้ความสำคัญ ทุกวันผมต้องการเพียงไปสนุกกับเพื่อนร่วมงานตอนหลังห้าโมงเย็นเท่านั้น
นาฬิกาบอกเวลาห้าโมงเย็น ผมอยู่สะสางงานที่ค้างอยู่ต่ออีกหน่อยเพื่อจะได้ไม่ต้องรีบในวันพรุ่งนี้ ออกมาจากออฟฟิศ ท้องฟ้ายังสว่างอยู่ ผมเดินทอดน่องไม่รีบร้อนอะไร บรรยากาศสองข้างทางที่เห็นเป็นประจำแบบที่ต่อให้หลับตามองก็ยังเดินถูก หากแต่ถ้าลองลดความเร่งรีบ เพิ่มความใส่ใจลงไป ผมพบว่ายังมีรายละเอียดอีกมากที่เรามองข้ามมันไป
แสงสีส้มเริ่มทอลงมาอาบพื้นถนน ตึกอาคาร และทิวทัศน์ จนกลายเป็นสีทอง เป็นแสงเดียวกับเมื่อเช้าแต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันลิบลับ แสงเย็นที่แม้จะดูผ่อนคลายหลังจากตรากตรำการงานมาตลอดทั้งวัน แต่มันก็ให้ความรู้สึกว้าเหว่ไปพร้อมๆ กัน
รายละเอียดแบบนี้ ความรู้สึกอย่างนี้ เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้ซึมซับมาก่อนเลยเมื่อครั้งนั้น
ในตอนนั้นเมื่อเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาเลิกงานเมื่อไหร่ ก็เป็นอันรู้กันกับบรรดาเพื่อนขาเที่ยวว่าเราจะต้องไปสิงสถิตย์อยู่ไม่สถานบันเทิงใดก็สถานบันเทิงหนึ่ง และมันจะยาวนานตั้งแต่เวลาเลิกงานไปจนกระทั่งร้านปิดให้บริการ
นอกจากกลิ่นควันบุหรี่ รสขมของแอลกอฮอล์ เสียงกระหึ่มของดนตรี และเสียงหัวเราะเฮฮาในสถานที่อับอากาศแล้ว ผมไม่เคยสนใจบรรยากาศอื่นใด
ริมทางเท้าสองข้างทางเต็มไปด้วยของกินราคาถูกแต่รสชาติเยี่ยมให้เลือกชิมเลือกซื้อหากลับบ้าน หลายร้านในจำนวนนับไม่ถ้วนที่ผมได้ลองแล้วติดใจจนต้องซื้อกลับไปให้คนที่บ้านลองชิม
แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ ผมต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษกว่าวันอื่นๆ ดังนั้น จึงตัดสินใจเดินผ่านร้านประจำออกไปอีกหน่อย จุดหมายปลายทางคือห้างสรรพสินค้าที่มีวัตถุดิบให้ซื้อกลับไปทำมากมาย
บรรยากาศเมื่อก่อนที่เห็น คือ สองข้างทางที่เต็มไปด้วยสถานบันเทิงและทางเท้าที่แออัดไปด้วยนักท่องราตรี ผมและเพื่อนร่วมวงจะเลือกจากร้านใดร้านหนึ่งในนี้ ขอเพียงได้ดื่มได้เต้นก็เท่านั้นก็พอ
และยิ่งโดยเฉพาะวันพิเศษอย่างเช่นวันเงินเดือนออกด้วยแล้วล่ะก็ พวกเราจะเลือกร้านที่หรูที่สุด แพงที่สุดในย่านนั้นโดยไม่สนใจว่าวันต่อๆ ไปจะกินอะไร ขอเพียงให้คืนนี้มีความสุขและสนุกที่สุดก็พอ
ของสด ของแห้ง เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ มีให้เลือกอย่างเหลือเฟือ ผมค่อยๆ บรรจงเลือกคัดสรรของที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในเวลานี้อย่างใจเย็น หลายคนเห็นเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย
แต่อาหารการกินมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพ วัตถุดิบและหน้าตาของอาหารเองก็มีส่วนต่อความเจริญอาหารของผู้ที่ได้กิน และวันนี้ผมก็ตั้งใจจะบรรจงปรุงพวกมันอย่างสุดฝีมือ
มันเป็นความตั้งใจที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสมัยก่อน ของว่างจำนวนน้อยนิดกับราคาแพงหูฉี่ในจานพลาสติกราคาถูกเท่านั้นที่ผมต้องการเพื่อเป็นกับแกล้ม ไม่มีใครสนใจคุณภาพและรสชาติของอาหาร อาหารอะไรก็รสชาติเหมือนกันหมดเมื่อกินตอนเมา
วัตถุดิบที่ต้องการพร้อมแล้ว ผมแวะไปร้านดอกไม้สดที่เลยออกไปอีกหน่อย หลังเลือกอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจเลือกจัดช่อดอกคามิเลีย มันเป็นดอกไม้ที่สื่อได้ถึงรักในอุดมคติ รักที่คงทนยั่งยืน เป็นความหมายดีๆ ที่ผมต้องการบอกไปให้ถึงผู้รับ
เมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้วผมก็เดินทางกลับบ้าน บ้านที่แสนอบอุ่น ห้องครัวง่ายๆ ที่มีทุกอย่างครบครัน ห้องรับแขกกระทัดรัดที่ผู้ตกแต่งบรรจงสุดฝีมือทุกกระเบียดนิ้ว น้ำอุ่นๆ ในอ่างอาบน้ำ เตียงนอนนุ่มในห้องปรับอากาศแสนสบายยามนิทรา
สมัยนั้นผมจะกลับบ้านก็ต่อเมื่อเสียงดนตรีในสถานบันเทิงเงียบเสียงลง แสงไฟนีออนถูกเปิดจนสว่างไปทั้งห้องของสถานบันเทิง พวกเราจะเดินโซซัดโซเซออกจากร้านและแยกย้ายกันเรียกแท๊กซี่กลับ เมื่อถึงบ้านก็ทำได้เพียงเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง
ทุกอย่างพร้อมแล้ว อาหารที่ผมบรรจงปรุงสุดฝีมือถูกนำมาวางเรียงรายบนโต๊ะที่ประดับไปด้วยแจกันใบงาม ผมวางช่อดอกคามิเลียไว้ที่ฝั่งตรงข้ามและเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อด้วยอยากเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเธออย่างสุดหัวใจ
ดอกไม้ช่อนี้ อาหารทั้งหมดนี้ สำหรับคุณ และสำหรับวันสำคัญวันนี้ วันครบรอบแต่งงานของเรา
น้ำเสียงแผ่วเบา สายตาเหม่อมองบรรยากาศเงียบเชียบในบ้าน บนเก้าอี้ที่อีกฝั่งฟากของโต๊ะอาหารว่างเปล่า มันปราศจากร่องรอยของใครคนนั้นที่เคยนั่งประจำอยู่ที่นั่นเมื่อหลายไปก่อน
ที่ห้องนี้ ตรงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกอิริยาบถ ทุกภาพ ยังคงกระจ่างชัดเหมือนกับมันเพิ่งผ่านพ้นไปไม่กี่นาทีนี้เอง ทุกคำพูดยังติดตรึงอยู่ในโสตประสาทชัดเจนและมันคงจะไม่มีวันเลือนหายไป
ทำไม ทำไมคุณทำแบบนี้ ไหนคุณสัญญาแล้วว่าจะเลิกดื่ม กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเข้าไปแล้วที่คุณให้สัญญาแบบเดิมๆ ไหนว่าจะเลิกเที่ยวกลางคืน ไหนล่ะที่ว่าจะตั้งใจทำงานหาเลี้ยงครอบครัว จะทำให้ฉันมีความสุข
เสียงของเธอดังแว่วผ่านกาลเวลามาจากที่ไหนสักแห่ง
โว้ย โวยวายอยู่ได้ น่ารำคาญ คนเรามันต้องมีสังคม ต้องเที่ยวต้องสังสรรค์บ้าง ถึงผมจะเมา ถึงจะเที่ยว แต่ผมก็ไม่เคยไปค้างอ้างแรมที่ไหน ผมยังกลับมานอนที่บ้าน ไม่ได้ไปทำอะไรเหลวไหลที่ไหนซักหน่อย
ไหนล่ะ คำสัญญาว่าเราจะสร้างครอบครัวที่มีความสุข คำสัญญาที่บอกว่าจะทำให้ฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก คุณเอาคำสัญญาพวกนั้นไปทิ้งไว้ที่ไหน ขนาดวันนี้วันครบรอบแต่งงานคุณก็ยังจำไม่ได้ คุณยังไปเที่ยวกับเพื่อนและกลับมาในสภาพนี้
น้ำตาเธอไหล สะอื้นไห้ราวกับจะขาดใจ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นก็ไม่ได้แทรกซึมเข้ามาในใจผมได้เลย
ถ้าคุณกลับมาแล้วเป็นอย่างนี้ หากคุณจะกลับมาเฉพาะแค่ร่างกาย กลับมาที่นี่เฉพาะเพียงแค่ต้องการที่ซุกหัวนอน มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่คุณไม่ได้กลับมาหรอกนะ
รำคาญโว้ย ผมเมา ผมปวดหัว จะคร่ำครวญร้องไห้ทำไม ผมทำงานมาก็เหนื่อยแล้ว นี่ยังต้องมาฟังคุณบ่นอีก ผมต้องการพักผ่อน อย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทะเลาะกับผมหน่อยเลย ผมเบื่อ ได้ยินมั้ย ผมเบื่อ
น้ำตาที่ไหลออกมานั้นยังไม่อาจเทียบเท่ากับแววตาอมทุกข์ที่เหมือนกับแบกรับเอาความระทมทั้งมวลไว้มานานแสนนาน
คุณไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คำสัญญาที่คุณเคยให้ไว้ทุกอย่าง คุณไม่เคยทำมันได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว
เธอหยุดสะอื้น หยุดโวยวาย คำพูดประโยคนั้นเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนน่าใจหาย เธอลุกขึ้นเดินออกจากบ้านไปอย่างสงบราวกับเรื่องก่อนหน้านี้ที่เราทะเลาะกันรุนแรงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เออ อยากไปไหนก็ไป ไปไกลๆ เลย แล้วไม่ต้องกลับมาอีกยิ่งดี
โดยที่ผมไม่รู้เลยว่า นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ผมจะได้พูดกับเธอ นั่นเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมและเธอได้พบหน้ากัน ข่าวอุบัติเหตุในเช้าวันถัดมาเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบไปตลอดกาล
คุณเห็นมั้ยที่รัก ผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมเปลี่ยนตัวเองเพื่อคุณได้แล้วนะ คุณเห็นใช่มั้ย
น้ำเสียงสั่นเครือ น้ำอุ่นไหลออกมาจากดวงตาปวดร้าว ใบหน้าร้อนผ่าว จิตใจวูบไหวอย่างประหลาด ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีแล้วแต่ความรู้สึกนี้ก็ไม่เคยจางหายไป หากผมรู้ตัวเร็วกว่านี้ หากผมเข้าใจเธอมากกว่านี้ หากผมรู้ใจตัวเองดีกว่านี้ ทุกสิ่งในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
ทำไมผมเพิ่งมาคิดได้ว่าใครที่สำคัญกับผมมากที่สุดในวันที่ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว วันที่ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อใครสักคน แต่กลับไม่มีคนๆ นั้นอยู่เพื่อรับรู้และยินดีไปกับผมอีกต่อไปแล้ว
ผมขอโทษ
Create Date : 22 พฤษภาคม 2560
Last Update : 22 พฤษภาคม 2560 9:45:33 น.
2 comments
Counter : 840 Pageviews.
Share
Tweet
เข้ามาอ่านครับ.
โดย:
เจียวต้าย
วันที่: 22 พฤษภาคม 2560 เวลา:12:13:18 น.
ขอบคุณมากครับ คุณเจียวต้าย
โดย: KTH (
KTHc
) วันที่: 23 พฤษภาคม 2560 เวลา:8:32:40 น.
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
KTHc
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [
?
]
เจียวต้าย
Setakan
Webmaster - BlogGang
[Add KTHc's blog to your web]
Bloggang.com