<<
สิงหาคม 2560
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 สิงหาคม 2560
 

ปลายทาง

ปลายทาง

เมฆฝนครึ้มทะมึนแผ่อาณาเขตปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า แสงวาบแปลบปลาบตรงนั้นทีตรงนี้ทีคล้ายกำลังเล่นซ่อนหากันอยู่เสียงคำรามจากเบื้องบนคะนองกึกก้องต่อเนื่อง พายุฝนครั้งใหญ่คงกำลังจะมาในอีกไม่ช้า

ชายหนุ่มนั่งอยู่บนรถโดยสารคันหนึ่งที่มีจังหวะความเร็วไม่แน่นอน ไร้หลังคาป้องกันสภาพอากาศ ไร้ตัวถังรถ ไม่มีคันบังคับ และไม่มีแม้แต่คนที่จะคอยควบคุมมัน

บนรถมีผู้โดยสารมากหน้าหลายตา เขาเห็นบางคนอยู่บนรถคันนี้อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่เขาจะโดยสารมาด้วย บางคนก็ขึ้นมาพร้อมๆ กับเขา และบางคนก็เพิ่งจะขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง

นานขนาดไหนแล้วที่โดยสารอยู่บนรถคันนี้ เขาเงยหน้าขึ้นมองแสงขาวที่กำลังเลื้อยพันก้อนเมฆ นึกย้อนกลับไปถึงวันที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตนเอง

วันนั้นต่างจากวันนี้ มันเป็นวันที่ท้องฟ้ามีสีฟ้าสดและอากาศแจ่มใสมากวันหนึ่ง สภาพอากาศกำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป เขาเกิดและเติบโตในสถานที่แบบนั้น ทุกวันของที่นั่นแทบจะไม่มีอะไรผิดแผกไปจากเดิมเลย

วันที่อากาศอบอ้าวจนรู้สึกไม่สบายตัวก็ยังมีร่มไม้ให้พักพิงคลายร้อน วันใดที่ฝนฟ้าคะนองก็ยังอาศัยชายคาป้องกันตนเองเปียกปอน คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่พอใจแล้วกับการใช้ชีวิตแบบนี้ เขาเองก็เช่นกัน ในเวลานั้นเขาพอใจที่จะมีชีวิตเรียบง่ายที่มนุษย์และธรรมชาติต่างก็พึ่งพาอาศัยกัน

จนกระทั่งวันหนึ่งรถโดยสารขนาดมหึมาก็วิ่งผ่านมาถึง เป็นรถโดยสารที่ดูแปลกตาเพราะไม่มีทั้งหลังคาและตัวถัง อีกทั้งยังมีความยาวจนสุดจะคาดเดา ดูๆ แล้วเหมือนไม้กระดานติดล้อจำนวนมากเสียมากกว่าที่จะเรียกว่ารถโดยสารได้

มันวิ่งเอื่อยเฉื่อยไปตามทางอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว คนในหมู่บ้านต่างก็มายืนดูพาหนะแปลกตาที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต

“รถคันนี้น่ะ ใครจะขึ้นก็ได้ ไม่ต้องเสียเงินสักแดงเดียว อยากลงที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ มันวิ่งไปเรื่อยๆ อยากขึ้นก็ต้องปีนขึ้นไปเอง อยากลงก็ต้องกะจังหวะเสี่ยงกระโดดลงมาเอง มันไม่หยุดวิ่งหรอกนะจนกว่าจะถึงปลายทางโน่น”

ใครคนหนึ่งในกลุ่มคนที่กำลังยืนมุงพูดขึ้นมาเหมือนกับว่าเขารู้จักรถคันนี้เป็นอย่างดี

“มีคนเคยบอกว่าที่ปลายทางของรถคันนี้น่ะ มีแต่สิ่งดีๆ รออยู่ คนที่นั่งไปถึงที่นั่นได้จะได้ความสุข ความสมหวัง และรางวัลตอบแทนความพยายามจนนับไม่ถ้วนทีเดียว”

อีกคนที่ยืนข้างกันพูดเสริม จากนั้นเรื่องเล่ามากมายของรถคันนี้ก็ออกจากปากคนนั้นทีคนนี้ทีจนกลายเป็นสายธารแห่งเรื่องเล่าขาน ทุกสิ่งที่ได้ฟังดูยอดเยี่ยมไปหมด ทุกอย่างที่รับรู้มีแต่ความสวยงามน่าลิ้มลอง เขาและเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันอีกหลายคนตัดสินใจกระโดดขึ้นและกลายเป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนรถตั้งแต่บัดนั้น

จิตใจช่างพองโตเปี่ยมสุข ความหวังมากมายจนแทบจะทะลักออกมา มันเป็นความรู้สึกพิเศษมากกว่าครั้งไหนๆ ตั้งแต่เกิดมา ไม่รู้ว่าจริงเท็จเพียงใด แต่ใครๆ ก็พูดคล้ายกันว่าที่ปลายทางนั้นมีแต่เรื่องดีๆ รออยู่

เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะของสมาชิกหน้าใหม่บนรถเซ็งแซ่ตลอดเวลา รถที่แล่นเอื่อยเฉื่อยทวีความเร็วขึ้นเมื่อเริ่มพ้นออกจากตัวหมู่บ้าน สายลมปะทะเข้าใบหน้า เขาสูดหายใจเข้าลึกจนเต็มปอด ละสายตาออกจากกลุ่มเพื่อน บรรยากาศและทิวทัศน์สองข้างทางสลับสับเปลี่ยนไปตลอดเวลา

ทุ่งกว้าง ไม้ใหญ่ ขุนเขา มันงดงามชวนหลงใหลสุดจะเปรียบ ราวกับว่าเขาสามารถจ้องมองภาพเหล่านั้นได้ตลอดกาลอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย รู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจโดยสารมากับรถคันนี้ โลกภายนอกยังมีอะไรอีกมาก มันช่างยิ่งใหญ่และงดงามจริงๆ

“อ๊าก...กกก ทนไม่ไหวแล้วโว้ย...ยยย”

ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นคล้ายสุดจะอดกลั้นอดทนอีกต่อไป เจ้าของเสียงเป็นชายเนื้อตัวมอมแมม ใบหน้าประดับไปด้วยหนวดเคราและผมยาวรกรุงรังราวกับคนวิกลจริตที่ไม่เคยดูแลตัวเองเลย ดวงตาที่ปรากฏฉายแววคลุ้มคลั่งและตื่นตระหนกอย่างเหลือกำลัง

“ใจเย็นๆ นั่งก่อน อีกเดี๋ยวถึงหมู่บ้านแล้วค่อยลงก็ได้”

คนที่นั่งอยู่ใกล้พยายามช่วยกันจับช่วยกันเกลี้ยกล่อม แต่ไร้ผล ชายคนนั้นไม่แสดงอาการรับรู้หรือตอบสนองต่อความหวังดีอีกแล้ว เขาดิ้นรนอย่างสุดกำลังจนไม่มีใครยื้อยุดไว้ได้ไหว

“พอกันที ข้าทนไม่ไหวแล้ว ลาก่อน”

เสียงพูดแผ่วเบา ใบหน้าเหยเกไปด้วยความปวดร้าว นั่นคือประโยคสุดท้ายที่พอจับใจความได้ เขาคนนั้นกระโดดลงจากรถโดยสารที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง ชายหนุ่มใจหาย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเก็บคำพูดที่ไม่เข้าใจความหมายนั้นไว้ในใจ

เปาะ แปะ เปาะ แปะ ซ่า...

ชายหนุ่มนั่งชันเข่ากอดตัวเองเพื่อประทังความหนาวเหน็บ พายุฝนท่ามกลางอากาศเย็นและสายลมกรรโชกส่งผลให้ร่างกายสะท้านจนแทบไร้ความรู้สึก นานขนาดไหนแล้วที่อยู่บนรถคันนี้ รถที่เคลื่อนตัวไปสู่ปลายทางที่มีความหวังและความสำเร็จรออยู่
บนรถที่ไม่ว่าจะเป็นเปลวแดดระอุ ความชื้นแฉะจากเม็ดฝน ความหนาวเหน็บจากสายลม ก็ไม่มีอะไรมาช่วย ไม่มีเครื่องป้องกัน ไม่มีตัวช่วยเหลือใช้ มีแต่ต้องอดทน ต้องให้กำลังใจตัวเองเท่านั้น

เขาเสยผมที่ยาวจนบดบังวิสัยทัศน์ขึ้น จัดหนวดเครารุงรังให้เข้าที่เข้าทาง เหลือบมองผู้โดยสารคนอื่น คนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเหลืออยู่ไม่มาก ทุกคนล้วนผ่ายผอมและดำกร้าน ใบหน้าบางคนซีดเซียว แววตาของใครหลายคนฉายแววหวาดกลัว ท้อแท้ สิ้นหวัง ในขณะที่ดวงตาของใครอีกหลายคนดูเลื่อนลอยไร้ความรู้สึก

ไม่มีใครที่มีเค้าแววแห่งความสุขเลย สำหรับเขาและอีกหลายคนที่กลายเป็นคนเก่าบนรถโดยสาร ดูเหมือนกับว่าปลายทางที่เคยมโนภาพไว้จะดูเลือนรางลงไปทุกที เขาจำไม่ได้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ภาพฝันอันสวยงามเหล่านั้นไม่เคยชัดเจนอีกเลย

เขานึกไม่ออกเสียแล้วว่ารอยยิ้มแห่งความหวังและเปี่ยมสุขเป็นอย่างไร

คนแล้วคนเล่าเริ่มถอดใจและลงจากรถโดยสารเมื่อถึงตัวหมู่บ้าน บ่อยครั้งเขาต้องกลายเป็นผู้ออกแรงฉุดเพื่อนร่วมทางเพื่อไม่ให้เขาเหล่านั้นกระโดดลงจากรถกลางทาง

จนวันนี้เขาก็กลับนั่งนิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกต่อไป ตอนนี้เขาได้รู้ด้วยตัวเองแล้วว่าคำว่าสิ้นหวังนั้นทรงอำนาจขนาดไหน และมันสั่นคลอนกำลังใจได้ดีเพียงใด

แสงแดด สายฝน สายลม ที่เคยดูปราณีและน่าตื่นเต้นเมื่อแรกออกมาเผชิญโลกกว้าง บัดนี้มันกลับส่งผลตรงข้ามกับจิตใจ เส้นทางข้างหน้ายังคงทอดยาวต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด ถนนยังคงทิ้งตัวไปจนสุดลูกหูลูกตาอย่างไม่ไยดีต่อผู้ที่ปรารถนาจะไปให้ถึงปลายทาง

ความหนาว ความเหงา ความท้อแท้ ความโดดเดี่ยว เกาะกุมหัวใจจนหนาขึ้นทีละน้อย วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า กำลังใจที่พกมาถูกใช้จ่ายไปตามรายทางจนไม่หลงเหลืออีกแล้ว

อีกเมื่อไหร่กัน วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ หนึ่งเดือน หนึ่งปี สิบปี หรือมันอาจจะไม่มีวันนั้นตลอดชีวิตนี้กันแน่ วันที่เขาจะได้ไปถึงปลายทางที่เฝ้าฝันมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินทาง คนเก่าแก่บนรถหายหน้าหายตาไปทีละคนสองคน เมื่อคืนก็มีคนถอดใจกระโดดลงไปอีกแล้ว

บางที อาจจะถึงคราวของเขาบ้าง อาจจะอีกไม่นานที่เขาเองอาจจะต้องตัดสินใจ คนที่ต้องลาจากเส้นทางนี้คนต่อไปอาจจะเป็นเขาเอง บ่อยครั้งในเวลาที่เข้าสู่ห้วงนิทรา ความฝันนั้นเป็นเพียงเสียงเดียวที่ยังคงแจ่มชัด และยังคงช่วยปลอบประโลมให้เขายังทนอยู่

ทว่าอีกเมื่อไหร่กัน อีกเมื่อไหร่กัน อีก เมื่อ ไหร่ อีก เมื่อ ไหร่

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นท่ามกลางแสงจ้า ปรับสายตาและความมึนตึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเผลอสลบไสลไปตั้งแต่ตอนไหน เขาพบว่าตนเองกำลังอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าที่ไหนแต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่บนรถโดยสารแล้ว เขาเหยียบอยู่บนพื้นดิน และรถโดยสารคันนั้นจอดนิ่งอยู่ที่นั่น

ไร้วี่แววใครอื่นที่นี่ บนผืนดินแห่งนี้มีเพียงเขาลำพัง มันจอดแล้ว และมันจะจอดเมื่อถึงปลายทางเท่านั้น เช่นนั้นแล้วที่นี่ก็คือปลายทาง มันเป็นปลายทางของเขา หัวใจที่เคยเหี่ยวลีบกลับพองโตขึ้นมาอีกครั้ง เขายิ้มแก้มปริหันซ้ายหันขวาสำรวจสภาพแวดล้อมทันที

ความสวยงาม ความสนุกสนาน ความสุข ทั้งหมดที่เขาหวังและปรารถนาอยู่ที่ไหน หันรีหันขวาง ก้มเงยสำรวจทุกสิ่งรอบกาย ทว่ามันไม่มีอะไรเลย ไม่มีต้นไม้ ไม่มีใบหญ้า ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากเขา

ไม่มีอะไรเลยจริงๆ นอกจากความว่างเปล่า ความสวยงามที่น่าหลงใหลอยู่ที่ไหน ความสนุกสนานอยู่ที่ไหน ความสุขอย่างแท้จริงอยู่ที่ไหน

มันอยู่ที่ไหน สมองอื้ออึงไปด้วยคำถามเดิม ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิดที่หวังไว้เลย เขาไม่รู้จะทำอะไรต่อและยิ่งไม่รู้ว่าจะกลับไปยังหมู่บ้านได้อย่างไร

ชายหนุ่มสะดุ้งตื่น พายุฝนผ่านพ้นไปแล้ว ท้องฟ้าสดใสราวกับธรรมชาติอันโหดร้ายเมื่อวานเป็นเพียงฝันไป เมื่อคืนเขาคงฝัน ฝันว่าได้พบปลายทางที่ใฝ่ฝันมานานว่าที่นั่นจะทำให้เขามีความสุข ทว่าในตอนจบของความฝันมันก็กลับไม่เป็นอย่างนั้น

แม้แต่ในความฝันเขาเองก็ยังไม่มีความสุข เพียงแค่ภาพในฝันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ไม่ได้เป็นอย่างที่จินตนาการไว้ เมื่อมองย้อนกลับไปตลอดเวลาที่เดินทางมา มีที่ไหนบ้างที่เขาสามารถเรียกมันได้ว่านั่นคือความสุข มีตรงไหนบ้างที่ทำให้เขารู้สึกว่านั่นคือความสุขได้จริงๆ

ไม่มีเลย

ทุกสิ่งที่เฝ้าอดทนทำมา จุดมุ่งหมายที่เฝ้าคอยหาทุกคืนวัน เมื่ออยู่ในหมู่บ้านซึ่งมีชีวิตพอเพียง มีร่มไม้ชายคาให้พักพิง มีข้าวปลาอาหารให้กินไม่ได้ขาด แต่ก็ยังไม่พอใจ เขาออกเดินทางตามคำบอกเล่าว่ามันเป็นสิ่งดี เขาเพียงคิดว่าหากออกเดินทางมันจะทำให้เขาดีขึ้นกว่าเดิม

เมื่อเริ่มออกเดินทางและได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ เขาก็คิดว่านั่นคือความสุขที่มากขึ้นกว่าตอนที่อุดอู้อยู่ในหมู่บ้าน และนั่นทำให้เขาอดทนอยู่บนรถคันนี้วันแล้ววันเล่าเพียงเพราะคิดว่ามันจะทำให้เขายิ่งมีความสุขมากขึ้น

มันอาจเป็นเพียงความอยากที่ไม่มีที่สิ้นสุดของเขาเท่านั้นเอง

เขาหลับตา มองสิ่งต่างๆ ที่ล่วงเลยไปตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างแท้จริงด้วยสติพิจารณา จนถึงตอนนี้ จิตใจกลับเริ่มไม่แน่ใจว่าปลายทางที่เขาปรารถนาจะได้พบนั้นจะเป็นอย่างไร และมันจะทำให้เขามีความสุขได้จริงๆ

สุข ทุกข์ สนุก เศร้า รัก เกลียด ดีใจ เสียใจ ทุกสิ่งที่ผ่านมานั้นผ่านพ้นไป มันเป็นเพียงสิ่งที่คิดและสร้างขึ้นมาจากจิตใจที่เราอยากให้มันเป็นอย่างนั้นทั้งสิ้น

ที่หมู่บ้านข้างหน้า ชายคนหนึ่งเดินลงจากรถที่เขาอาศัยเดินทางมานานแสนนาน ใต้ร่มไม้ใหญ่ เขานั่งหลับตาอย่างผ่อนคลาย กระแสปรานสงบลงทีละน้อย จิตใจเยือกเย็นกลมกลืนเข้ากับธรรมชาติรอบกาย

เมื่อใช้จิตพิจารณา บางสิ่งบางอย่างกำลังเอ่อล้นออกจากจิตใจ เชื่องช้า เนิบนาบ แต่ต่อเนื่องจนกลายเป็นกระแสธารแห่งความปีติ เป็นความรู้สึกอิ่มเอิบที่ไม่เคยหาได้จากการเดินทางค้นหา เป็นอารมณ์ที่ไม่อาจรับรู้ได้เพียงคำบอกเล่าของผู้อื่น

บัดนี้เขากำลังค้นพบปลายทางแห่งความจริงที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น กลับปลายทางที่เขาใช้เวลาใฝ่หามานาน แท้จริงแล้วมันอยู่ใกล้เพียงแค่ภายในจิตใจของเขาเท่านั้นเอง


Create Date : 02 สิงหาคม 2560
Last Update : 2 สิงหาคม 2560 14:13:57 น. 0 comments
Counter : 666 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

KTHc
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




[Add KTHc's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com