*****Tense ที่คนไทยส่วนใหญ่ยังใช้ไม่เป็น! (คนไทยที่เก่งภาษาอังกฤษเท่านั้นที่ใช้เป็น!)*****

น่าแปลก...ที่คนไทยเรียนภาษาอังกฤษโดยมักจะเน้นที่หลักไวยากรณ์มากกว่าการสนทนามาโดยตลอด แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถนำสิ่งที่เรียนมาใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเรื่อง Tense ผมว่าคงไม่มีใครไม่เคยเรียนเรื่อง Tense มาก่อน คุณอาจจะเคยงงในช่วงแรกๆ ว่า Tense คืออะไร? ทำไมภาษาอังกฤษต้องมี Tense? แล้วทำไมภาษาไทยถึงไม่เห็นต้องมี Tense ล่ะ? กริยาในภาษาอังกฤษทำไมต้องมี 3 ช่อง? ถ้ากริยาภาษาอังกฤษช่องแรกใช้กับปัจจุบัน กริยาช่อง 2 ใช้กับอดีต แล้วกริยาช่อง 3 ล่ะใช้กับอะไร? ถ้าตอบว่า “ใช้กับอนาคต” ล่ะก้อ...จบเห่เลย คงต้องกลับไปเรียนใหม่ละ! 555

ถ้าคุณยังพอจำได้ Tense ในภาษาอังกฤษมีให้เลือกใช้ตั้ง 12 Tenses แต่ลองสำรวจตัวคุณเองดูก่อนว่า ทุกวันนี้คุณได้ใช้อยู่กี่ Tense ไม่ว่าจะเป็นการเขียน email ในงานของคุณ หรือจะเป็นการพูดคุยกับฝรั่งก็ตาม เท่าที่ผมถามคนไทยส่วนใหญ่มักจะใช้อยู่ 2-3 Tense เท่านั้น ประมาณว่า อดีต ปัจจุบัน อนาคต อย่างละ Tense ก็พอเอาตัวรอดละ...เอ้า! แล้วจะเรียนกันไปทำไมตั้ง 12 Tenses แต่กลับไม่นำมันมาใช้ล่ะ?
หนึ่งใน Tense ที่ฝรั่งใช้กันบ่อยมากในชีวิตประจำวัน แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังใช้ไม่ค่อยเป็นคือ Present Perfect Tense (has/have + กริยาช่อง 3) ก็ที่คนไทยท่องได้แทบทุกคนว่า “เป็น Tense ที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแล้วดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน” ลองคิดดูดีๆ สิว่ามีเหตุการณ์อะไรอย่างนี้บ้างที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคุณ?

ผมจะยกตัวอย่างให้ดู เช่น คุณทำงานที่บริษัทนี้มาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว (เริ่มทำเมื่อ 5 ปีที่แล้วและก็ทำงานนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน) คุณบอกฝรั่งไปได้ว่า “I have worked for this company for 5 years.” เข้าใจแล้วยัง? ว่าต้องใช้ Present Perfect Tense (แต่เวลาจะพูดจริง...มักจะลืมไป ใช้ I work… แบบ Simple Present Tense ทุกทีล่ะสิ!)

นอกจากนี้ การถามใครก็ตามว่าเคยทำสิ่งนี้หรือเปล่า? ถ้าคุณลองคิดให้ดีๆ มันคือการเท้าความไปตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ณ เวลาที่ถาม ดังนั้นก็ต้องใช้ Present Perfect Tense เช่นกัน เช่น Have you been to the U.S.? คุณเคยไปอเมริกาหรือเปล่า?, Have you seen this movie yet? คุณได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วยัง?

อีกหนึ่ง Tense ที่คนไทยยิ่งใช้ไม่เป็นใหญ่เลยคือ Past Perfect Tense (had + กิริยาช่อง 3) จริงๆ แล้ว มันใช้ไม่ยากหรอก ผมจะบอกเคล็ดลับให้ ปกติเวลาเราเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตเราจะใช้ Simple Past Tense (กริยาช่อง 2) แต่เมื่อไหร่ก็ตามถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นอีกที นั่นแหละ...ที่เราต้องงัด Past Perfect Tense มาใช้ล่ะครับ ยกตัวอย่างเช่น When I arrived at the party last night, Ken had gone home already. เมื่อฉันไปถึงงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ (สังเกตนะครับว่าเป็นรูปอดีต) เคนกลับบ้านไปแล้ว (สังเกตว่าเคนกลับไปก่อนหน้าอดีตที่เราเกริ่นว่าเราไปถึงงานเสียอีก) สรุปได้ว่า Past Perfect Tense ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์อดีตของอดีต (before past) ดูเหมือนจะสลับซับซ้อนอยู่บ้างนะ แต่ไม่ได้ยากเกินกว่าความสามารถของพวกเราที่จะนำไปใช้หรอก ขอเพียงคุณหัดแต่งประโยคประมาณนี้บ่อยๆ เกริ่นนำด้วย Simple Past Tense ก่อน แล้วลองแต่งประโยคที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นด้วย Past Perfect Tense แค่นี้ก็ใช้งานได้แล้ว

การรู้และใช้งาน Tenses ในภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องจะทำให้ภาษาอังกฤษของคุณมีมิติทางกาลเวลามากขึ้น เปรียบเสมือนการที่คุณไปดูหนัง 3 มิติในโรงหนังสมัยนี้ มันทำให้น่าติดตาม น่าสนใจมากกว่า 2 มิติตั้งเยอะ แล้วคุณจะซาบซึ้งกับภาษาอังกฤษแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ไม่เชื่อก็ต้องลองดูครับ
Kru Fiat
ติดตามกันได้ทาง //www.facebook.com/krufiat.fanpage

Create Date : 23 มิถุนายน 2557 Last Update : 12 สิงหาคม 2558 11:47:32 น. Counter : 9943 Pageviews.		1 comments
Share Tweet