kruaun
Location :
สุรินทร์ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




“อาจารย์ของพระอรหันต์ ยังไม่จำเป็นต้องเป็นพระอรหันต์เลย ดังนั้น อย่ากังวลเลย หากเราคิดว่าเราเก่งไม่พอที่สร้างลูกศิษย์เก่งๆ ขอเพียงแต่เรามีกระบวนการพัฒนา ส่งเสริม และให้โอกาสเขาอย่างเหมาะสม และถูกวิธี ให้เขาเติบโตเต็มศักยภาพที่ดี”---รศ. ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จากหนังสือแด่เมล็ดพันธุ์แห่งอนาคต

****************************

No one can make you feel inferior without your consent. by Eleanor Roosevelt.

ไม่มีใครสามารถทำให้คุณรู้สึกต้อยต่ำได้...
ถ้าคุณไม่ยินยอม (เอลานอร์ รูสเวลต์)

**************************

ครูอั๋น สอนคณิตศาสตร์ จังหวัดสุรินทร์
--------------------------------

"ชีวิตนี้ลูกยกให้พวกเขา...แต่ชีวิตหน้าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาและพวกมันทำไว้กับลูก ลูกขอเอาคืน!"
---วรดา/ด้วยแรงอธิษฐาน/กิ่งฉัตร

รู้นะว่าถ้าเอาความแค้นนำทางมันไม่ดี...
แต่บางทีถ้าตั้งใจว่าจะต้องดีกว่า ดีกว่า...
มันก็เหมือนเป็นแรงขับให้เราก้าวหน้าได้เช่นกัน

แค่ตั้งใจทำดีก็แล้วกัน

+++++++++++++++++++++++++++++

มีคนเคยถามว่า "ทำไมมาเป็นครู"
คำตอบที่ผมภูมิใจและตอบได้อย่างเต็มปากที่สุด คือ
"ผมอยากเป็นครู เลยเลือกมาเป็นครู"


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

"เจ้าเป็นคนพูดเองนะว่า อำนาจมันมาแล้วมันก็ไป แล้วเจ้ายังจะแสวงหามันทำไมเล่า"
---เศกขรเทวี เพลิงพระนาง

๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗

สัจธรรมง่ายๆ ที่ใครๆ ก็พากันทำไม่ได้

ถ้าอยากมีชีวิตที่เลวลงอย่างคิดไม่ถึง
คุณแค่หมั่นทำเลวที่ไม่เคยแม้จะอยู่ใรความคิด

หากปรารถนาชีวิตที่ดีขึ้นอย่างคิดไม่ถึง
คุณต้องทำดีมากกว่าที่คิดว่าตัวเองจะทำได้

มีชีวิตที่คิดไม่ถึง/ดังตฤณ
----------------เริ่มนับ 30 เม.ย.53----------------- free counters ===== Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 3.0 Thailand License.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kruaun's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 
การเรียนแบบท่องจำ หรือ Rote Learning

บทความนี้มาจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (ออนไลน์) ครับ
ผมอ่านแล้วชอบใจมาก

เห็นด้วยกับอาจารย์กฤษมันต์ ทุกอย่าง

เพราะถ้าดูจากทฤษฏีของบลูม
ที่เหมือนผมจะเคยได้ยินว่านักการศึกษาออกมาบอกว่าไม่ดีนั้น
นี่ก็คือการเอาขั้นแรกของทฤษฏีของบลูมกับมาพูดใหม่
นั่นคือ "การจำ"

อาจารย์หลายท่านก็เคยกล่าวว่า
"คุณต้องจำได้ก่อน...คุณถึงจะทำอย่างอื่นได้"

จริงด้วยครับ
ถ้าจำสายรถเมล์ไม่ได้...ก็คงแย่ครับ...

ยิ่งต้องขึ้นหลายต่อ
ต้องหนีรถติด และประหยัด
ยิ่งต้องจำรถเมล์ได้หลายสาย
แล้วจะ "เข้าใจ" ว่าต้องหลีกเลี่ยงอย่างไร

แล้วจะประยุกต์ได้ว่าไปทางไหนดี
แล้วจะตัดสินใจได้ว่าทางไหนดีที่สุดสำหรับเรา

มาอ่านบทความนั้นกันครับ...





รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์





ครูคิดว่าสอนให้นักเรียนท่องจำนั้นไม่ดี...สอนให้เข้าใจจะดีกว่า...หรือ สอนการหาความรู้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้อยู่กับตัว...

นักเรียนเลย ไม่ชอบการจำ...จำไม่ได้ว่าได้เรียนรู้อะไร...จำไม่ได้ว่าหาความรู้ได้ที่ไหน...ไม่มีความรู้อยู่กับตัว...

เมื่อถึงคราวที่ต้องใช้ความรู้อย่างรวดเร็วจึงมีการตอบสนองเหมือนคนไม่มีความรู้หรือไม่มีการศึกษาทั้ง ๆ ที่มีปริญญา...

การท่องจำทำให้ระลึกได้อย่างเร็ว มีการตอบสนองอย่างเป็นอัตโนมัติ...กลับมาท่องอาขยาน อ่านนิทานร้อยบรรทัดกันดีกว่า...

การเรียนแบบท่องจำนั้นถูกโจมตีจากนักการศึกษาในปัจจุบันว่าไม่สร้างปัญญาให้กับผู้เรียน เป็นการสอนแบบเก่า ล้าสมัย นักเรียนท่องเนื้อหาที่เรียนได้แบบนกแก้วนกขุนทองโดยไม่รู้ความหมายเป็นสิ่งไม่ดีในกระบวนการของการเรียนการสอน ดังนั้นการท่องบทอาขยาน อ่านนิทานร้อยบรรทัด จึงไม่มีในหลักสูตรและการเรียนการสอนในปัจจุบัน ความคิดนี้ถูกสั่งสอนถ่ายทอดไปยังอาจารย์มหาวิทยาลัยในคณะศึกษาศาสตร์และ ครุศาสตร์ที่เป็นครูของนักศึกษาครูซึ่งเป็นผู้ที่จะจบออกไปเป็นครู และสุดท้ายกระบวนการไม่ชอบการจำถูกถ่ายทอดไปถึงนักเรียน และไปถึงประชาชน คนไทยเลยไม่ชอบจำ และมีทัศนะไม่ดีต่อการจำ รวมทั้งไม่สนใจเรื่องราวที่ต้องใช้ความจำ เช่น ประวัติศาสตร์ อีกด้วย

ความสับสนระหว่างการสอนให้ "ท่องจำ" กับการสอนให้ "จดจำ" ของครูจึงเกิดขึ้น ส่งผลให้นักเรียนไม่ชอบการจำและคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องจำ การสอนให้จำไม่สำคัญเท่ากับการสอนให้เข้าใจ ยิ่งปัจจุบันมีคอมพิวเตอร์ช่วยบันทึกข้อมูลช่วยจำได้มาก และมี Internet ช่วยสืบค้นจากฐานข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วจึงสนับสนุนการ "ไม่ท่องจำ" และ "ไม่จดจำ" ขึ้นมาอีก เดี๋ยวนี้หลายคนจำเบอร์โทรศัพท์ที่สำคัญของตัวเองไม่ได้ เพราะบันทึกไว้ในเครื่องโทรศัพท์ให้ช่วยจำไว้ให้ เมื่อเครื่องโทรศัพท์มีปัญหาหรือสูญหายก็ไม่สามารถติดต่อใครได้เพราะไม่ได้ จำไว้ในสมอง

กระบวนการเรียนการสอนปัจจุบันไม่ให้ความสำคัญของการจำ นักเรียนจึงไม่มีความรู้ติดตัว ไม่มีอะไรในสมอง เรียนจบก็ผ่านไป ไม่จดจำอะไรไว้จำไม่ได้ว่าความรู้อยู่ที่ไหน รวมทั้งจำไม่ได้ว่าได้เคยเรียนรู้อะไรและอย่างไรอีกด้วย เมื่อถึงคราวที่ต้องใช้ความรู้อย่างทันทีทันใด จึงมีการตอบสนองเหมือนคนไม่มีความรู้หรือเป็นคนไม่มีการศึกษาทั้ง ๆ ที่จบปริญญา หรือมีประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถจากสถาบันการศึกษา

ตัวอย่างบทอาขยานฝึกการท่องจำ

คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักบทอาขยานข้างล่างนี้ บทอาขยานช่วยฝึกสมองและส่งเสริมการจำได้อย่างดีดังตัวอย่างต่อไปนี้



วิชาเหมือนสินค้า

วิชาเหมือนสินค้า อันมีค่าอยู่เมืองไกล
ต้องยากลำบากไป จึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้า เป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธา แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ
นิ้วเป็นสายระยาง สองเท้าต่างสมอใหญ่
ปากเป็นนายงานไป อัชฌาสัยเป็นเสบียง
สติเป็นหางเสือ ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง
ถือไว้อย่าให้เอียง ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา
ปัญญาเป็นกล้องแก้ว ส่องดูแถวแนวหินผา
เจ้าจงเอาหูตา เป็นล้าต้าฟังดูลม
ขี้เกียจเป็นปลาร้าย จะทำลายให้เรือจม
เอาใจเป็นปืนคม ยิงระดมให้จมไป
จึงจะได้สินค้ามา เป็นวิชาอันพิสมัย
จงหมั่นมั่นหมายใจ อย่าได้คร้านการวิชา

หมายเหตุ ล้าต้า คือคนถือบัญชีเรือสำเภา

การใช้คำ "บัน" และคำ "บรร"

บันดาล ลงบันได บันทึกให้ ดูจงดี
รื่นเริง บันเทิงมี บันลือลั่น สนั่นดัง

บันโดย บันโหยไห้ บันเหินไป จากรวงรัง
บันทึง ถึงความหลัง บันเดินนั่ง นอนบันดล
บันกวด เอาลวดรัด บันจวบจัด ตกแต่งตน
คำ "บัน" นั้นฉงน ระวังปน กับ ร หัน
บรรจุ อีกบรรดา บรรเทามา หาบรรยาย
บรรลุ ไม่วุ่นวาย บรรลัยตาย บรรเจิดงาม
บรรจบ บรรทมนอน บรรจงก่อน บรรหารตาม
บรรทัด บรรทุกน้ำ บรรพตข้าม บรรพชา

(อันนี้ยังได้ใช้อยู่ทุกวันนี้...เวลาพิมพ์เอกสาร-ครูอั๋น)

การใช้สระ "ใ " (สระไอไม้ม้วน)

ผู้ใหญ่ หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ ใช้คล้องคอ
ใฝ่ใจ เอาใส่ห่อ มิหลงใหล ใครขอดู
จะใคร่ ลงเรือใบ ดูน้ำใส และปลาปู
สิ่งใด อยู่ในตู้ มิใช่อยู่ ใต้ตั่งเตียง
บ้าใบ้ ถือใยบัว หูตามัว มาใกล้เคียง
เล่าท่อง อย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วน จำจงดี


(55+ อันนี้ได้ใช้บ่อยมาก...ทะเลาะกันทีไรต้องท่องทุกที-ครูอั๋น)


จากการท่องจำคำที่ใช้การสกดด้วย "บัน" หรือ "บรร" และการใช้ "สระไอไม้ม้วน" สามารถท่องจำและนำไปใช้ได้อย่างทันทีทันใด

นอกจากนี้การท่องสูตรคูณ ก็จัดว่าเป็นการเรียนแบบท่องจำอีกเช่นกัน เพราะคนที่ท่องได้อาจไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่ท่องจำ แต่อย่างไรก็ตาม การท่องจำนั้นยังมีประโยชน์ในการเรียนการสอนเพราะเป็นการเสริมสร้างระบบการตอบสนองอย่างทันทีทันใดให้กับผู้เรียน และเป็นการเรียนรู้ที่ง่ายมาก และที่สำคัญการเรียนรู้ในบางอย่างนั้นวิธีการที่ง่ายและเร็วที่สุดคือการท่องจำ

(จริงครับ...ผมสอนคณิตศาสตร์ เด็กจำสูตรคูณไม่ได้ก็จบ...นักการศึกษาจะให้แก้ยังไงครับ...ถ้าไม่ให้ท่องสูตรคูณ-ครูอั๋น)

ลองทบทวนความจำของท่านดูซิว่า สิบสองคูณเก้าเป็นเท่าไร? บางท่านได้คำตอบทันที นั่นมาจากการท่องจำ...

(วันก่อนเล่น camfrog มีเกมคิดเลขแข่งกัน
เขามีคำถาม 7*4 ผมก็พิมพ์ 28 ด้วยความรวดเร็วไว้ลายครูสอนเลข
อ้าวไม่เห็นบอกว่าถูก...พิมพ์อีก 28 ก็ไม่เฉลย
สักพักมันก็เฉลยว่า 32
ผมแทบบ้า...เกิดอะไรขึ้นกับคนคิดโจทย์--ครูอั๋น)



ความแตกต่างของการท่องจำกับการจดจำ

"การท่องจำ" กับ "การจดจำ" นั้นคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน เพราะการท่องจำจะสามารถทวนคำที่จำได้ครบถ้วนแบบคล่องปาก แต่การจดจำเป็นการระลึกได้จากความทรงจำ ไม่ต้องมีสภาพของความคล่องปากและความเป็นอัตโนมัติ และอาจไม่สามารถทวนซ้ำด้วยวาจาได้อีกเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่การท่องจำจะทวนซ้ำคำเดิมด้วยปากเปล่าได้เหมือนเดิมทุกครั้งไป อย่างไรก็ตามทั้งการท่องจำและการจดจำใช้พื้นฐานของการทำงานของสมองเหมือนกัน คนสมองดีจำได้ดี ทั้งการท่องจำและการจดจำ

สำหรับผู้เรียนบางคนที่ ไม่สามารถจะเข้าใจในเนื้อหาบางเรื่องในเวลาที่เรียนขณะนั้นได้ การท่องจำให้เกิดเป็นระบบการตอบสนองอัตโนมัติติดตัว จึงเป็นหนทางของการเรียนรู้ในขณะนั้นได้ และเมื่อเวลาผ่านไปผู้เรียนมีวุฒิภาวะพร้อม อาจกลับมาเข้าใจเนื้อหาที่ครั้งหนึ่งไม่สามารถเข้าใจได้อีกด้วย เพราะเขาจดจำสิ่งที่ท่องจำไว้ได้

ประโยชน์ ของการท่องจำ

การเรียนในบางสาขาวิชายังมีความจำเป็นต้องท่องจำอยู่มาก ผู้เรียนบางท่านไม่อาจเข้าใจได้หรืออาจไม่ทราบความหมายที่เรียนในขณะเรียน แต่จำเป็นต้องเรียนในเนื้อหานั้น การใช้วิธีท่องจำจึงเป็นวิธีการเรียนที่ดีที่สุดสำหรับเนื้อหานั้น โดยเฉพาะเนื้อหาประเภทที่ต้องใช้ความจำ เช่น กฎหมาย สูตรทางวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ และภาษา เป็นต้น ผู้เรียนต้องท่องจำไว้ก่อนเพื่อการสอบ

การสวดมนต์ เป็นภาษาบาลี ก็เป็นการท่องจำ ส่วนมากแล้วนักเรียนสวดมนต์เป็นภาษาบาลีโดยไม่รู้ความหมาย การอาราธนาศีล การรับศีล แม้ชาวพุทธเองส่วนหนึ่งก็ไม่รู้ความหมาย แต่สามารถท่องได้ จำได้หรือบางทีแปลเป็นภาษาไทยแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะวุฒิภาวะยังไม่ถึงที่จะเข้าใจได้ แต่สามารถท่องจำได้

อุทาหรณ์

ขอยกอุทาหรณ์เด็กอายุ 5 ขวบ คนหนึ่งสามารถท่องศีล 5 ได้ถูกต้อง แต่ไม่รู้ความหมายที่ท่อง ถึงแม้จะแปลเป็นภาษาไทยในแต่ละข้อแล้วก็ยังไม่เข้าใจได้ครบทุกข้อ เช่น ศีล ข้อที่ 3 นั้น เด็ก 5 ขวบไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร และเชื่อว่าถึงจะมีครูที่เก่งขนาดไหนจะมาอธิบายอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ต้องรอเวลาให้เขามีวุฒิภาวะ หรือโตพอจะเข้าใจเรื่องเพศ เรื่องกามารมณ์เสียก่อน เพราะเด็กวัยนั้นยังไม่มีวุฒิภาวะเรื่องนี้ แต่พอถึงเวลาที่เขามีวุฒิภาวะแล้ว เขาก็จะเข้าใจและก็ยังจำได้เพราะมีการท่องจำจนคล่องปาก มีการตอบสนองอย่างอัตโนมัติเมื่อมีการรับศีล เขาจะว่าตามได้อย่างถูกต้องและเข้าใจครบทุกข้อ

จากอุทาหรณ์เด็ก 5 ขวบดังกล่าว พอจะอธิบายได้ว่า การเรียนรู้บางเรื่อง บางเนื้อหานั้น ไม่สามารถทำให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างทันทีทันใดได้ การให้ท่องจำไว้ก่อน รอวันที่ผู้เรียนจะพร้อมที่เรียนรู้ได้นั้น ถือว่าเป็นประโยชน์ของการเรียนแบบท่องจำอีกเช่นกัน

สรุป

การท่องจำเป็นการฝึกสมองทำให้สามารถระลึกได้อย่างเร็ว มีการตอบสนองอย่างเป็นอัตโนมัติ การสอนให้ไม่ต้องจดจำเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ผู้ที่เป็นครูของครู หมายถึง คณาจารย์ในคณะศึกษาศาสตร์ หรือ คณะครุศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องเพิ่มการเอาใจใส่ให้นักศึกษาที่จะจบไปป็นครูได้เข้าใจในเรื่องของความจำให้ถูกต้อง และสั่งสอนวิธีการที่จะส่งเสริมให้มีกระบวนการสอนที่เสริมสร้างความจำให้กับนักเรียน "เพราะนักศึกษาที่จบไปเป็นครูหรือครูประจำการในโรงเรียนจำไม่ได้ว่าท่านสอนอะไรไปบ้าง"...

ให้เด็กรุ่นใหม่กลับมาท่องอาขยาน และอ่านนิทานร้อยบรรทัดกันดีกว่า อาจช่วยยกระดับความสามารถในการจำให้กับประชาชนได้ เพราะทุกวันนี้ดูเหมือนว่าประชาชนคนไทยมักไม่ค่อยจะจดจำสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และมีทัศนะที่ไม่ชอบจะจดจำเสียด้วย จึงมักได้ยินคำว่า "เจ็บแล้วไม่จำ" อยู่บ่อยๆ





---+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+---


ไม่ได้คิดว่ามันจะกลับมาเป็นแบบสมัยก่อน
แต่แค่หวังว่า...ถ้าผมสอนโดยการให้เด็กนักเรียนท่องสูตรบางสูตร
เนื้อหาบางเนื้อหา
แล้วผมจะไม่ถูกว่าว่าเป็นครูโบราณ

เพราะผมก็เชื่อ (ซึ่งอาจจะผิดก็ได้) ว่า
เราต้องจำได้ก่อนเป็นอันดับแรก
แล้วความสามารถอื่นๆ จึงจะตามมา
ถ้าจำไม่ได้...ก็ทำอะไรต่อไม่ได้หรอกครับ

คุณว่าไหม



---ขอบคุณที่มาดีๆครับ---
//www.thairath.co.th/content/edu/73479
สืบค้น 26 เม.ย. 53





Create Date : 26 เมษายน 2553
Last Update : 30 เมษายน 2553 22:03:08 น. 8 comments
Counter : 3423 Pageviews.

 
มาขอบคุณที่อวยพรวันเกิดให้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ

ที่นี่มีความรู้มากมายเลยค่ะ


โดย: puifaikpp วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:9:42:39 น.  

 
สวัสดีคะ
ญดาเข้ามาขอบคุณ
สำหรับโพสอวยพรวันเกิดให้ญดา
ยินดีที่รู้จักคะ ^^


โดย: ญดา (aoyyada ) วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:20:43:41 น.  

 


โดย: จันทร์จ้า (Rasmussen ) วันที่: 27 เมษายน 2553 เวลา:3:13:26 น.  

 
ขอบคุณนะคะที่ไป comment อวยพรวันเกิด. เดี๋ยวกลับแล้วจะเล่าให้ฟังว่าเที่ยวที่ไหนมา.


โดย: Rasmussen วันที่: 27 เมษายน 2553 เวลา:3:17:50 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรวันเกิดนะครับ ^^



ขอให้มีความสุขในทุกวันนะครับ


โดย: Graphic.grap วันที่: 27 เมษายน 2553 เวลา:20:45:58 น.  

 
7 * 4 ก็ 28 ซิ

ใครหนอ เฉลยเป็นแบบอื่น

รุ่นน้องของผมคนหนึ่ง ก็เป็นครู

เมื่อหลายเดือนก่อน มีการขอรับบริจาคเงินเพื่อซื้อคอมพ์ให้เด็กนักเรียน ก็ได้ไปราว 10 เครื่อง ตอนนั้นละ ที่ผมได้รู้จักประวัติชีวิตของครูรุ่นน้องคนนั้น เป็นครูดีเด่นของจังหวัดด้วย

หากทางโรงเรียนมีโครงการอะไรเกี่ยวกับขอความช่วยเหลือ สะกิดบอกผมบ้าง


โดย: yyswim วันที่: 28 เมษายน 2553 เวลา:0:54:29 น.  

 
ขอบคุณนะคะที่มาเม้นท์อวยพรวันเกิดให้

เพิ่งจะเห็น วันนี้เอง อิอิ

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ


โดย: SAI_NANA วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:14:51:35 น.  

 
จริงค่ะ การท่องจำมีประโยชน์ ตอนมอสาม มอสี่ เรื่องตรีโกณมิติ นุ่นก็นั่งจำทั้งตารางเลยค่ะ ค่าหลักๆเก้าตัวนั้น ไม่ต้องมานับนิ้วหรืออะไร แต่บางอย่างจำไม่ได้ก็พยายามเข้าใจหาสิ่งมาเชื่อมโยงมันไว้ก่อน หากได้ใช้บ่อยๆจริงก็จำได้เองค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปอวยพรวันเกิดนุ่นนะคะ


โดย: m3v วันที่: 30 เมษายน 2553 เวลา:15:15:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.