ความฝันที่ (กำลังพยายาม) ให้เป็นจริง
เวลาของฉันเหลือน้อยลงเต็มทีแล้วสินะ ไม่มีอะไรจะบ่น ไม่มีสิ่งใดจะระบายออกมา ไม่ใช่อะไร ๆ มันดีขึ้นหรอกนะ นับตั้งแต่นั่งอยู่ตรงนี้ ที่ที่หนึ่งซึ่งผู้คนมากมาย ไม่เคยมีอะไรดีขึ้น มีแต่จิตใจของเราเท่านั้นเอง ที่ชินชา ดูเหมือนจะรับมันได้
ข้อจำกัดและสัญญาเต็มไปหมด ไม่รู้แม้แต่จะเริ่มต้นที่ตรงไหน
ที่จริงคิดไว้นานมากแล้ว ที่จะทำอย่างนี้ แต่วันนั้นความพร้อมของตัวเองและแวดล้อมยังไม่เพียงพอ จนกระทั่งไม่นานมานี้แหละ พี่ได้ดูละครแนวจิตวิทยาเรื่องหนึ่ง มันทำให้คิดถึงสมัยที่เราเรียนอยู่ปีสาม ช่วงหนึ่งที่อาจารย์สอนเกี่ยวกับ การกำหนดทิศทางของวรรณกรรม
ขอแวะเข้าหาสาระสักหน่อย เราจะแบ่งประเภทการกำหนดทิศทางไว้สองอย่าง คือหนึ่ง วรรณกรรมสะท้อนสังคม และ สอง สังคมสะท้อนวรรณกรรม
ทุกวันนี้ งานประเภทแรก เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองทีเดียว แต่ไม่ได้ทำอะไรให้สังคมของเราดีขึ้น มีแต่เสื่อมทรามลงทุกที ๆ ๆ คือมันไม่ได้มีมาจ้างหรือบังคับให้เราเฝ้ามองหรอก แต่ถามหน่อยเหอะ อดมองกันได้ป่ะวะ
ใครแม่งทำได้ บอกกุทีดิ๊ จะต้องจัดการกับหัวใจตัวเองยังไง ให้ไม่ต้องสนใจใยดีกับอะไรต่อมิอะไรเลย
กุแม่งใช้เวลา ใช้หลากหลายวิธีมาก เพื่อจะหยุดยั้งความเสือกของตัวเอง ให้ไม่ต้องสนใจชาวบ้านชาวเมือง กุทำไม่ได้ ไม่เคยทำได้เลย แม้แต่ครั้งเดียว ถึงไม่ได้รับการหยิบยื่น ก็จะถูกยัดเยียด
..........................................
เอาวะ ..ในเมื่อไม่ยุ่งไม่ได้ กลับหลังหัน วิ่งเข้าชนแม่งเลย ลองดูสักตั้ง เผื่อชีวิตจะดีขึ้น เหมือนตอนที่เราไม่ชอบวิชาเลข เกลียดเกลี๊ยดเกลียด พอหนีไม่พ้น วิ่งชนก็ไม่เห็นจะยาก
ฉัน แม่ง ไม่รู้หรอก กุไม่รู้แม้กระทั่งว่า กุจะต้องเริ่มต้นทำอะไร เพื่อให้สิ่งที่เป็นอยู่ มันดีขึ้นมาได้ ทุกวันนี้นะ ไม่ใช่เพราะเราขาดแคลนทรัพยากร ไม่ใช่เพราะเราโง่กว่าคนอื่น ไม่ใช่เพราะเราไม่มีความพร้อม
แต่หลาย ๆ สิ่งที่มันเป็นอยู่ มันเกิดจากการอยู่ไม่เป็นที่ไม่เป็นทาง การใช้คนผิดประเภท และที่สำคัญที่สุดเลย คือความไม่จริงใจ ไม่บริสุทธิ์ใจต่อสิ่งที่กระทำ
ฟังแล้วงงใช่ม่ะ ..งงก็ดีแล้ว พี่ไม่ได้ต้องการให้ใครเข้าใจ ที่ตัดสินใจเขียนนี้ เพื่อจะชำระจิตใจตัวเอง เพื่อจะทำให้แวดล้อมของตัวเองดีขึ้น ไม่ได้เกี่ยวกับใครเลย
ไม่เข้าใจก็ดีแล้ว
อย่าคิด ว่าเราจะพาดพิงใคร เราจะพูดถึงใคร ไม่จ้ะ หากจะมีบุคคลที่สามบ้าง ก็แค่คนที่สร้างปัญหาให้เราไม่สบายใจก็เท่านั้นแหละ
เราคิดเสมอว่า ถ้าตัวเราดีขึ้น แวดล้อมเราดีขึ้น เข้มแข็ง ทั้งร่างกายและจิตใจ บ้านเราดี บริวารเราดี สังคมเล็ก ๆ ของเราเป็นปึกแผ่น แค่นี้ ก็เท่ากับเราพึงพอใจแล้ว
และถ้ามันจะดีไปกว่านี้ ทุก ๆ คนที่เรารู้จัก ชีวิตเขาดีขึ้นเหมือน ๆ กัน หลาย ๆ คนรวม ๆ กัน หลาย ๆ สังคมรวม ๆ กัน และถ้าทุกสังคมเหมือน ๆ กัน
ปัญหาความเสื่อมทรามที่เห็นกันอยู่ มันจะหมดลงได้ไม่ยาก ใช่ไหม?
อย่าเพ้อเจ้อไป
ฉันก็แค่ฝัน
ฉันฝันมาสองรอบแล้ว รอบแรก ไม่สำเร็จ ถอดใจวาง รอบนี้ ได้ถึงวันที่ ๕๔แล้ว สิริรวมทั้งสิ้น ๓๖๕ วัน ฉันไม่รู้แม้กระทั่ง จะครบวันได้เมื่อไร
วันนี้ต้องก้าวข้ามตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไร ไม่ไหวนับ มากกว่า๕๔ ครั้งก็แล้วกัน
ฉันก็ทำได้แค่นี้แหละ ถนัดที่สุด ทำแล้วมีความสุขที่สุด
สัญญากับตัวเองว่า จะเพ้อเจ้อให้น้อยที่สุด ถึงแม้นมันจะมีเรื่องอึดอัดใจแค่ไหนก็ตาม
ฉันไม่รู้หรอกว่า ตัวเองอยากมีสิ่งใดในความฝัน ฉันรู้แต่ว่า ทุกครั้งที่หลับตาลง มันมักจะมีภาพหลอนที่โคตรเหมือนจริง ทำให้เราเสียสุขภาพจิต
ฉันจึงต้องหาทางหยุดมัน เราจะเริ่มต้นวาดฝันเมื่อยามตื่นโดยใช้จินตนาการของเราให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด เผื่อว่า วันหนึ่งเมื่อหลับลงโดยไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย เราจะได้หลับอย่างมีความสุข.
#วันที่๕๔ อีกสักครั้ง ..พี่ไม่ฝันเล่น ๆ นะ พี่ฝันจริง.
Create Date : 04 พฤษภาคม 2559 |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2559 2:10:39 น. |
|
100 comments
|
Counter : 2060 Pageviews. |
|
|
ผ่านห้าสิบมานี่กว่าจะนับได้แต่ละวัน รากเลือด
เพราะแดดมันร้อน กลางคืนไม่ได้นอน
หมกตัวอยู่แต่ในตึกที่มีไอของแอร์เย็น ๆ
วัน ๆ นี่ ก่อนห้าโมงเย็นไม่เดินออกไปไหน
พอต้องออกจากบ้านตอนกลางวัน
แทบคลั่งแสงตะวันจะแย่อยู่แล้ว
เห็นแตงโมที่จับยัดใส่ตู้เย็นแล้วมันใจเสาะ
ขอหน่อยเถอะนะ น้ำเย็นไม่มีถ่อสังขารไปซื้อน้ำแข็ง
เพื่อบำเรอความอยากของตัวเอง
แพ้ใจตัวเองมากมายอะ
กุร้อนจนจะแดดิ้นตายอยู่แล้ว
ความยับยั้งชั่งใจไม่มีเหลือ
กระแทกน้ำแข็งใสใส่ปากไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น
คิดดูสิ พี่จะห้ามใจไม่กินวัวเตี้ยได้ไงฟร่ะ
55555555555555555555555555555
ยิ่งตอนที่ได้เห็นกับข้าวที่บ้านนะ หืมมมม
กุจะทนไม่กินข้าวบ้านไหวไหม?
ก็ในเมื่อถ่อสังขารฝ่าแดดมาถึงนี่แล้ว
แค่เริ่มต้นฝัน ก็ฝันร้าย ฝันสลายเลยเห็นไหม?
จะให้กุไปทำอาร๊ายยยยย ใจ - กาย ตัวเองยังเอาไม่อยากรอดเลย
สังขารว่าแย่แล้ว นังใจนี่แย่กว่า
โรคเอาแต่ใจตัวเองคุกคาม
โรคกลัวลำบากกำลังก่อตัว
โรคติดสบายกำลังแพร่เชื้อ
ใจแย่มากเลยนะตอนนี้ ขาดอะไรหลาย ๆ อย่าง
ความหวังไม่เหลือ
ความฝันไม่ชัดเจน กระทั่งต้องการอะไรยังบอกตัวเองไม่ได้
ความศรัทธานี่ไม่ต้องพูดถึง
หลังจากถูกทำลายซ้ำซากแทบหาทดแทนต่อไม่ได้
พอมีอยู่นะ แต่ยังไม่พอสำหรับจะทำอะไร ๆ ได้ต่อ
..........................
วันนี้พานายกลับบ้าน
หลาย ๆ คนได้เห็นความเปลี่ยนแปลง
ล้วนพูดเหมือนกันคือ นายโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นายช่วยเหลือตัวเองได้หมดทุกอย่างแล้วจริง ๆ
พี่ไม่ได้มโนหรือเข้าข้างตัวเอง
ตอนนี้ก็เหลือนายคนเล็กที่ต้องเอามาดัดนิสัยอย่างแรง
และเป็นงานยาก เพราะว่าก็ไม่ได้ ตีก็ไม่ได้
จะให้กุทำยังไงกับมันฟร่ะ??
จะมาอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้อีก ฝากไว้ก่อน
ตอนนี้ยังคิดไม่ออก
มีสิ่งหนึ่งที่นายคนเล็กยอมถวายชีพคือ
การแลกกับเพลงอยู่อย่างจงรักฯ
แผลนายหายดีเมื่อไร
จะเริ่มต้นจัดการกับเด็กหัดเอาแต่ใจตัวเอง
สองสามวันนี้ ทำอะไรยังไม่สะดวกหรอก
เวลามันรวนอยู่
เอาตัว เอาใจตัวเองให้รอดก่อน
นายเตือนป้า ลืมทำโยคะหรือเปล่า
นายพี่เก่งขึ้นทุกที
นอกจากจะดูแลตัวเองได้แล้ว
ยังคอยเตือนเรื่องที่ป้ามักจะลืมด้วย
เตือนไม่พอ แถมหลอกด่าป้าอีก
ป้าอะ ลืมทุกที ลืมทุกเรื่องที่เคยบอกมิน
5555555555555555555555555
ยามที่เขาทำอะไรผิด แบบเดี๋ยวนี้เขารับรู้ผิดชอบชั่วดีบ้างแล้ว
เขาจะถามว่า "ป้าจะว่าอะไรไหม? ถ้า..."
วันนี้ พี่ให้นายกินข้าว และพี่ก็กินด้วยแต่มันกินไม่ลง ฝืนอยู่นานจนเขากินหมด พี่เช็คบิลแล้วจะกลับ ข้าวตัวเองยังไม่หมดจาน
"มินจะว่าอะไรป้าไหม? ถ้าป้ากินข้าวไม่หมด"
"ว่า ต้องว่าแน่ ๆ ป้าทำตัวเป็นเด็กน้อย กินข้าวไม่หมดจาน"
เวลาเขาไม่พอใ่จที่แย่งใช้คอมพ์ตอนเขาจะดูการ์ตูน
"ป้านี่ ไม่ค่อยดีเลยนะ แต่ก็อดทนไว้ก่อน" บ่นพึมพำคนเดียว
ดูภายนอกว่าเขาโต
แต่ในใจเขาโตกว่าอีกอะ
ตอนนี้นะ มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เริ่มมีกำลังใจที่จะพยายามทำอะไรต่อ ถึงจะใช้เวลาปลูกฝังมาหลายปี
แต่ตอนนี้มันก็เริ่มเห็นผลบ้างแล้ว
นายโตขึ้นและโตมากด้วย ยิ่งหลังจากกลับจากภูกระดึง
ยิ่งโตแบบก้าวกระโดดทีเดียว
พรุ่งนี้ จะไปหาผ้าเพื่อทำถุงอนามัยให้นาย
ในถุงจะประกอบไปด้วย แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แก้วน้ำสำหรับดื่มน้ำ
แปรงฟัน ช้อนสำหรับกินข้าว
อายุเท่านี้ เอาแค่นี้ไปก่อน
เดินทางเองได้เมื่อไร ค่อยขยับไปเป็นถุงยังชีพ
ไม่เฉพาะเด็ก แต่ทุกคนควรมีนะ.