ไว้อาลัยแมวตัวแรก...ที่รักที่สุด
เพิ่งเริ่มเขียนบล็อกได้ไม่นาน และก็กะว่าจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับหมา ๆ แมว ๆ ที่บ้าน
เขียนตอนเริ่มต้นลงไปแล้ว แต่ผ่านมาเมื่อไม่กี่สัปดาห์ ไอ้แมวตัวแรกของฉันก็หายไป... รู้สึกเศร้าใจจริง ๆ วันนี้เลยขอลงภาพและกลอนฝากไว้อาลัยอีกครั้งนึง ไปเที่ยวกันไหม...จะพาไปภูเก็ต (1)
สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวภาคใต้กันค่ะ (เป็นทริปเที่ยวใต้ครั้งแรกสำหรับตัวเองด้วย) พอรู้ตัวว่าจะได้ไปภูเก็ตและมีเวลาได้เที่ยว 1 วันครึ่ง สิ่งแรกที่ทำก็คือ... เปิดคุณ google หาข้อมูลเกี่ยวกับที่เที่ยวในจังหวัด รวมถึงหาแผนที่ของจังหวัดภูเก็ตเอาไว้ แต่ปรากฎว่าวันออกเดินทางจริง กลับลืมหยิบทุกสิ่งทุกอย่างที่หาไว้ที่บ้าน (สะเพร่าที่สุด) การไปครั้งนี้บังเอิญว่าได้ไปและอยู่ฟรีค่ะ ขาไปนี่ตีรถตู้ยาวจากกทม. แวะกิน แวะหลับกันไปตลอดทาง พอเช็คอินเข้าที่พักเรียบร้อยตอนเที่ยง ๆ (แยกกันกับพี่ ๆ ที่ขับรถพามาแล้ว) ยังเหลือเวลาอีกแค่ครึ่งวัน แต่ไม่มีรถพาเที่ยวก็เริ่มกังวลนิดหน่อย สุดท้ายปรึกษากับพี่อีกคนว่า... เราสองจะลองนั่งรถประจำทางเข้าเมืองกันดู โดยจุดหมายปลายทางคือในเมือง แล้วจะไปเดินเล่นกันในย่านเมืองเก่าค่ะ เราจึงเดินออกไปหารถประจำทางที่หน้าโรงแรม (โบ๊ทลากูนรีสอร์ท) พอรถประจำทางผ่านมาไม่ว่าสายไหน ก็โบกถามทุกคันเลยค่ะ พี่ ๆ คันนี้เข้าเมืองหรือเปล่าคะ เก้อไปเพียงสองคันเท่านั้นก็ไปรถเข้าเมืองตามประสงค์แล้วค่ะ โดยรถประจำทางของที่นี่เป็นรถสองแถวค่ะ มีชื่อเรียกน่ารัก ๆ ว่า โพ้ถ้อง มีหลายสาย ถ้าไม่แน่ใจก็ถามก่อนขึ้นได้ค่ะ ว่าผ่านที่ที่ต้องการจะไปไหม (ถามได้ ไม่โดนดุ) น่าเสียดายที่เราลืมถ่ายรูปรถมาด้วย แต่ถ้าใครอยากเห็นก็ลองเสิร์ชหาดูกันได้นะคะ
พอลงในเมืองแล้ว ทีนี้เดินถามกันอย่างเดียวเลยค่ะว่า ย่านเมืองเก่า ไปทางไหนคะ คนที่นี่ใจดีนะคะ ไม่ว่าจะถามใคร ทุกคนดูใจดีบอกทางกันอย่างตั้งอกตั้งใจมาก อ้อ! ลืมเล่าไปอย่างนึงค่ะ ถ้าใครอยากเดินทางสะดวก โดยไม่ต้องรอรถประจำทาง ก็สามารถโบกแท๊กซี่ได้นะคะ แต่แท๊กซี่ที่หมายถึงในที่นี้ก็คือรถประจำทางนี่เองค่ะ (ไม่ใช่แท๊กซี่อย่างในกรุงเทพฯนะ) ส่วนเรื่องราคาเหมาก็แล้วแต่ตกลงกับเจ้าของรถค่ะ ซึ่งบอกได้เลยว่าแพง ฉันกับพี่ได้มีโอกาสคุยกับพี่แท๊กซี่คันนึง ยกตัวอย่างจากในเมืองจะกลับไปที่โรงแรม พี่เค้าคิดราคาเหมาอยู่ที่ 100 หรือ 150บาท (ไม่แน่ใจ เพราะตอนแรกราคาสูงแล้วพี่เค้าค่อย ๆ ลดลงให้) ซึ่งถ้าเทียบกับนั่งรถประจำทาง ก็คนละ 30 บาทค่ะ ประหยัดลงนิดหน่อย แถมยังได้นั่งรถดูหนุ่ม ๆ สาว ๆ ชาวภูเก็ตอีกด้วย แต่พอเจ้าของรถเห็นว่าเราไม่สนใจเหมาไป พี่เค้าก็ดีนะคะ ชวนคุยและแนะนำที่เที่ยวอื่น ๆ อีกหลายที่ เข้าเรื่องต่อดีกว่า พอเดินไปถึงย่านเมืองเก่า เราจะได้เห็นอาคารบ้านเรือนแบบเก่า ๆ ที่เรียกว่า ชิโนโปรตุกีส ฉันกับพี่ใช้เวลาเกือบครึ่งวันที่เหลือ เดินเล่นถ่ายรูป (กลางแดดหลังเที่ยง)กันเพลิน ขอแนะนำสำหรับคนที่อยากจะมาเดินเล่นที่ย่านเมืองเก่านะคะ ถ้าเลือกได้ก็มาช่วงแดดเริ่มหมดน่าจะเดินกันได้สบายตัวกว่า นอกจากไม่ร้อนแล้ว ก็ยังได้เดินชมบรรยากาศเย็น ๆ และแสงสวย ๆอีกแบบหนึ่งด้วย ครึ่งวันแรกของฉันในภูเก็ตก็จบลงเพียงแค่นี้ค่ะ เขียนนอกเรื่องเวิ่นเว้อมาก ฮ่า ๆ ส่วนรูปเมืองเก่าช่วงแดดแรง ก็จะได้สว่าง ๆ และสีสด ๆ อย่างที่เห็นค่ะ
ไอ้แมว (ตัวแรก) ของฉัน
สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะเขียนอะไรเกี่ยวกับหมา ๆ แมว ๆ ที่บ้านสักหน่อย แมวที่เห็นอยู่นี่เป็นแมวตัวแรกในชีวิตของฉันเลยค่ะ ปกติแล้วที่บ้านจะชอบที่จะเลี้ยงหมากันมากกว่า เพราะว่าเรียกไว้ใต้ถุนบ้านไว้เฝ้าบ้านได้ ไม่ต้องคอยระวังขนที่จะร่วงบนบ้าน แต่เมื่อช่วงเดือน ก.ค. ของปีที่แล้วก็มีเจ้าตัวนี้แหละค่ะที่หลงเข้ามา แล้วอากงก็คอยวางอาหารไว้ให้กิน ตอนแรก ๆก็ยังไม่ยอมเข้าใกล้ หรือว่าให้เห็นตัวกันง่าย ๆ หรอกค่ะ แต่เป็นว่าช่วงปีที่แล้ว น้ำท่วมบ้านค่ะ (บ้านใครท่วมกันบ้างคะเนี่ย) ไอ้แมวก็เลย (จำใจ) ต้องอยู่บ้านของฉันต่อไป จากเริ่มไม่คุ้นเคยก็ค่อย ๆ เริ่มออกมานั่งนอนให้เห็นบ่อยขึ้น พอฉันทำ เบ็ดตกแมว ไว้ล่อให้เล่นด้วยกันก็เลยยิ่งสนิทขึ้น จนถึงทุกวันนี้ผ่านมาได้ปีกว่าแล้วค่ะ ไอ้แมวก็สนิทกับฉันมากที่สุดในบ้าน (ยอมให้จับให้เล่นได้) แต่กับอากง ไอ้แมวไม่ยอมให้อากงจับเล่นเลยค่ะ อย่างมากแค่เดินเฉียด ๆ กับไปนอนมองตอนอากงกินข้าวเท่านั้น จนอากงบ่นน้อยใจบ่อย ๆ (ซึ่งจริง ๆ แล้วอากงเจอและให้ข้าวกินก่อนใครในบ้าน)
ช่วงแรกไอ้แมวก็เที่ยวตรวจทุกซอกทุกมุมบนบ้านจนทั่ว (เลยไปถึงบนหลังคาทีเดียว) หลังจากสำรวจบนบ้านจนเบื่อแล้ว พ่อหนุ่มของเราเริ่มจะซุกซนเที่ยวลงไปสำรวจใต้ถุนบ้านบ่อยขึ้น หลายครั้งที่คนบนบ้านมักจะได้ยินเสียง หมาวิ่งไล่กวดแมวขึ้นมาบ่อย ๆ จนต้องคอยวิ่งดุหมากันเรื่อย ๆ แต่หลังจากสังเกตกันหลายครั้งแล้ว พบว่าหมาแก่ที่บ้าน วิ่งกวดแมวหนุ่มของเราไม่ทันแน่นอนค่ะ หลัง ๆ มานี้ก็เลยไม่ค่อยกังวลใจมากนัก แต่วันหนึ่งก็ได้เห็นภาพนี้เกิดขึ้นค่ะ
คงกำลังจวนตัวกันจริง ๆ ไอ้แมวเด็กใหม่ก็เลยต้องย่องอย่างเคารพให้กับหมาแก่เจ้าถิ่น ซึ่งดีที่หมาแก่ของเราก็ค่อนข้างเชื่อฟังกันดี ก็เลยยอมปล่อยให้ไอ้หนุ่มผ่านขึ้นบ้านไปเฉย ๆ แต่แมวหนุ่มของเราก็ยังไม่เข็ดนะคะ หรือว่าจริง ๆ อยากได้หมาเป็นเพื่อนเล่นก็ไม่รู้ หลายครั้งก็ยังได้เห็นไอ้แมวพยายามไปป้วนเปี้ยนแถวเจ้าถิ่น อย่างไม่ค่อยกลัวเกรงนัก
จนทุกวันนี้เด็กใหม่ลงไปเดินเล่นข้างล่างได้ตามใจชอบเลยค่ะ แล้วเหมือนหมาแก่ก็คงจะเบื่อที่จะวิ่งไล่กวดแล้ว เดี๋ยวนี้นาน ๆ ครั้งถึงจะได้ยินเสียงวิ่งกวดกันสักทีหนึ่ง ส่วนมากจะเห็นแต่หมาแก่นอนมองนิดหน่อย แล้วก็นอนต่ออย่างไม่สนใจเท่าไหร่นัก แล้วเจ้าแมวของเราก็ครองพื้นที่ทั้งบนหลังคา บนบ้าน และข้างล่างอย่างสบายใจ (ยึดครองได้สำเร็จ)
วันแม่ตอนเด็ก ๆ
เพราะรู้ว่าแม่รัก แจ้งประจักษ์จิตอาทร ห่วงใยไม่แคลนคลอน รักลูกดั่งดวงชีวัน เมื่อแรกที่ลูกเกิด ถือกำเนิดขึ้นในครรภ์ แม่รักแม่สร้างสรรค์ สิ่งดีงามให้ทันที กลอนข้างต้นไม่ใช่กลอนที่ฉันแต่งเองหรอกนะคะ จำไม่ได้เหมือนกันว่าไปคัดลอกมาจากที่ไหน (แป่ว!) รู้แต่ว่าไปหากลอนนี้มาสมัยตอนอยู่ชั้นประถม เพื่อจะเขียนลงการ์ดที่ทำให้แม่ในวันแม่แห่งชาติปีนั้น (แล้วก็จำได้มาจนถึงทุกวันนี้) ซึ่งจริง ๆ ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องแล้ว จะต้องเรียกว่า กาพย์ยานี ๑๑ ค่ะ (หน้าห้า หลังหก ท่องมาแต่เด็ก) นึกถึงช่วงเด็ก ๆ แล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้นะคะ สมัยเด็ก ๆ นอกจากจะทำการ์ดและเอาดอกมะลิมาไหว้แม่แล้ว จำได้ว่าฉันยังเคยทำบัตรของขวัญแบบเด็ก ๆ ให้แม่อีกด้วย บัตรนี้เรียกว่า บัตรใช้ได้ตามใจชอบ ฉันได้ความคิดนี้มาจากการ์ตูนโดเรมอนที่ชอบดูตอนเด็ก ๆ ค่ะ เพราะว่าตอนเด็ก ๆ ฉันเป็นเด็กที่ขี้เกียจ ไม่ค่อยชอบทำงานบ้านตามหน้าที่สักเท่าไหร่ แม่ก็มักจะบ่นฉันเสมอ พอถึงวันสำคัญอย่างวันแม่ ฉันก็เลยอยากจะเอาใจแม่บ้าง ก็เลยเอาเศษกระดาษเหลือใช้ที่แม่ตัดเป็นแผ่นยาว ๆ ไว้ให้ทดเลข เอามาเขียนเป็น บัตรใช้ได้ตามใจชอบ ขึ้นมา ในแต่ละแผ่นก็จะมีรายละเอียดการใช้งานที่แตกต่างกัน อย่างเช่น บัตรนวดฟรี บัตรถอนผมหงอกฟรี บัตรทิ้งขยะ บัตรกวาดบ้าน เป็นต้น ซึ่งแต่ละบัตรก็จะมีประมาณ 5-6 ใบ โดยทุกบัตรจะมีลายเซนต์ของฉันกำกับทุกใบ (คงกลัวแม่ปลอมแปลง) และหลังบัตรทุกใบจะมีหมายเหตุหลังบัตรกำกับไว้อย่างชัดเจน อย่างเช่น บัตรนวดฟรีนี่ก็กำหนดเอาไว้ด้วยว่า นวดให้สูงสุดแค่ 15 นาที/1 ใบ หรืออย่างถอนผมหงอกก็บอกไว้ด้วยว่าสูงสุดกี่เส้น (จำไม่ได้แล้ว) จำได้แต่ว่าฉัน (ในตอนนั้น) รู้สึกภูมิใจในบัตรของขวัญนี้้มาก ถึงขนาดต้องมีพิธีก่อนการให้การ์ดกับบัตรด้วย โดยนำริบบิ้นมาผูกกั้นหน้าห้องนอน เอาไว้ให้แม่ตัดเปิดงาน จากนั้นฉันก็เป่าขลุ่ยเพลงมหาฤกษ์ มหาชัยเปิดงาน (สมัยนั้นเริ่มเรียนเป่าขลุ่ยใหม่ ๆ ค่ะ ไม่รู้แม่ฟังออกหรือเปล่าว่าเป่าเพลงอะไร) จำไม่ได้เหมือนกันว่าแม่รู้สึกยังไงกับของขวัญและพิธีที่ฉันทำให้ แต่พอนึกถึงทีไรก็ยังตลกตัวเองทุกครั้งไป แล้วเพื่อน ๆ ล่ะคะ แต่ละคนเคยให้ของขวัญ หรือทำอะไรให้กับคุณแม่กันบ้าง ส่วนฉันเอง ปีนี้ก็คงจะหาเมนูอาหารอร่อย ๆ สักอย่าง ทำกินกันที่บ้านแล้วบอกรักแม่ค่ะ^^
|
The Wheel of Fortune
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |