Group Blog All Blog
|
ก้าวที่แปด ของบทเรียนค่ายอาสาฯ ความท้าทายที่ต้องสานต่อ ก้าวที่แปด ของบทเรียนค่ายอาสาฯ ความท้าทายที่ต้องสานต่อ ความสนุกสนานจากประสบการณ์จริงนอกห้องเรียนคือทุนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมสำหรับ เด็กค่าย อย่างพวกเขาคือกิจกรรมที่ทำย่อมต้องหวังผลได้ เหตุนี้เป้าหมายทั้ตั้งไว้จึงเป็นความท้าทายของนักกิจกรรมเยาวชนค่ายอาสาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (ค่ายสร้างสุข) ตลอดเวลา8ปี ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทำหลักสูตรร่วมกับมูลนิธิโกมลคีมทอง ได้ก่อให้เกิดการทำค่ายที่ไม่มีเหมือนใคร ค่าที่ว่าหลักสูตรค่ายอาสาฯ ไม่ใช่แค่ตัวแทนการอุปการะช่วยเหลือชุมชนเพียงอย่างเดียว หากตัวเยาวชนเองต้องลงพื้นที่ฝังตัว เก็บข้อมูลร่วมกับชุมชน เรียนรู้ข้อเท็จจริง พร้อมไปกับการมองโจทย์ให้ออกว่าสิ่งที่ชุมชนต้องการนั้นคืออะไร มีกระบวนการใดบ้างที่ต้องพัฒนาหนุนเสริมเพื่อแสวงหาทางออกที่ดีขึ้นกว่าเดิม ในเวทีสรุปบทเรียน 8 ปีค่ายอาสาเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ณ ศูนย์ การเรียนรู้สุขภาวะ ไม่ต่างอะไรจากการรวมตัวคนค่ายฯ เหตุเพราะบรรดาสมาชิกศิษย์เก่าและใหม่ของค่ายอาสาฯ กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ทำเอาพื้นที่ของการแสดงงานตลอดจนเวทีแห่งการสรุปบทเรียนจึงคึกคักและสดใสไปกับพลังของคนหนุ่มสาว งานวันนี้ เราอยากจัดงานนี้เพื่อจะบอกว่าที่ผ่านมาเราทำอะไรกันมาบ้าง อยากเอาสิ่งที่พวกเราทำมาบอกแหล่งที่สนับสนุนพวกเราว่าไปทำอะไรกัน ให้คนที่นี่ได้รับรู้ อย่างที่เห็นในวีดีโอ จะมีเรื่องราว ที่น้องๆ ได้สื่อสารกับชุมชน การรณรงค์และการพัฒนาโครงการให้ดีขึ้น เวทีนี้เป็นเวทีสุดท้ายนำเสนอบทเรียนหลังจากมีหลักสูตรค่ายอาสาฯมา8ปี พนิดา บุญเทพ ผู้จัดการโครงการค่ายอาสาฯ กล่าวตอนหนึ่งในช่วงเปิดวงสนทนา สังเกตได้ว่า ความพิเศษของการนำเสนอผลงานค่ายในปีที่ 8 นี้ เยาวชนได้ให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่าย เกิดกลุ่มพลังเด็กค่ายให้เข้มแข็ง หลอมรวมเครือข่ายเยาวชนจิตอาสารุ่นใหม่ใน 4 ภาคได้แก่ เหนือ ใต้ กลาง ตะวันออกเฉียงเหนือทดแทนบุคลากรเดิมที่ผันตัวไปตามกาลเวลา ส่วนความแหลมคมในเชิงเนื้อหา นอกจากประเด็นเรื่องการศึกษา สิ่งแวดล้อม จิตอาสา สุขภาพแล้ว ซึ่งเป็นประเด็นยอดนิยมที่ถูกขับเคลื่อนแล้ว เรื่องที่เยาวชนให้ความสนใจมากในปีนี้คือเรื่องสิทธิมนุษยชนในแง่มุมต่างๆ ทั้งในระดับประเทศอย่างสิทธิมนุษยชนที่มีผลจากความรุนแรง จากเหตุความมาสงบในภาคใต้ หรือในเชิงสังคมชุมชน อาทิ สิทธิชุมชน ที่ดินทำกิน เป็นต้น เนื้อหาที่สะท้อนออกมาแสดงให้เห็นว่าเยาวชนให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนที่พวกเขาพึงได้รับ ในหลายระดับตามแต่ลักษณะของเรื่องที่เขาไปศึกษา นั่นยังหมายถึงว่าพวกเขาสนใจเรื่องประโยชน์สาธารณะมากกว่าเรื่องของตัวเอง พนิดา กล่าวเสริม มากกว่าเนื้อหาค่ายคมคาย มุมมองของคนทำงานในช่วงที่ผ่านมาก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยส่วนหนึ่งของความคิดเห็นถูกสะท้อนผ่านเวทีพูดคุยในหัวข้อ ค่ายอาสา บทเรียนง่ายๆ แต่ได้พลัง ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน เช่นตอนหนึ่งของบทเรียนจาก อ๋อง-ธนาวัน เพลินทรัพย์ สมาชิกค่ายอาสาภายใต้ชื่อ Green ranger สะท้อนงานด้านสุขภาพว่า งานค่ายฯ ของเขาและเพื่อนคือการลงมือทำจริง ไม่รีรอ เหตุเพราะหากจะรอให้มีงบประมาณหรือมีการขยับในเชิงนโยบายย่อมล่าช้า และความสำเร็จทุกอย่างย่อมเริ่มที่จุดเล็กๆเสมอ เหตุนี้ค่ายของเขาและสมาชิกที่ทำเรื่องสุขภาพ จึงเริ่มจากเรื่องเล็กๆ อย่างการปลูกผักอินทรีย์ ซึ่งครอบคลุมทั้งเรื่องสุขภาพ สิ่งแวดล้อม ชุมชน รวมไปถึงเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว สิ่งที่เราทำมันเกี่ยวข้องกับทุกส่วน เป็นเรื่องที่ทุกคนเริ่มทำได้ในจุดเล็กๆอย่างไม่มีเงื่อนไข เช่น แค่เรื่องผักอินทรีย์มันเกี่ยวข้องไปได้ทุกส่วน เกิดความเปลี่ยนแปลงในทุกระดับอ๋องสรุป ขณะที่ในมุมมองของ อาร์ม ศราวุฒิ เรือนคง ค่ายชมรมประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่หยิบประเด็นเรื่องสิทธิในรั้วมหาวิทยาลัยมานำเสนอ โดยเขาเริ่มจากเรื่องการรับน้องว่าเป็นสิทธิของนักศึกษาที่จะเลือกเข้าร่วมในระดับที่ตัวเองยินยอม และในมหาวิทยาลัยควรมีกลไกที่รับเรื่องร้องเรียนของความไม่เป็นธรรม ค่ายของเขาจึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ หรือผู้สนใจ พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน นำมาสู่กลไกที่จะเป็นตัวกลางประสานงานเรื่องการรับน้องภายในอนาคต กระบวนการที่ นักศึกเป็นผู้กระทำเรื่องการใช้อำนาจของระบบเชียร์ เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ เราจะศึกษาเรื่องนี้พยายามที่จะรณรงค์ให้ยกเลิกกับสิ่งที่เราคิดว่าควรจะยกเลิก กระบวนการ เราไม่ได้พูดถึงการยกเลิกแต่มองถึงความพอดี ความเหมาะสม ซึ่งแต่ล่ะคนมีระดับต่างกัน ในอนาคตอยากให้มีกลไก หรือผู้ที่รับเรื่องร้องเรียนเหล่านี้ในรั้วมหาวิทยาลัยอาร์มกล่าว ปิดท้ายด้วย กี้-นราทิพย์ นาถาดทอง ซึ่งขับเคลื่อนค่ายเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ที่กล่าวสรุปบทเรียนว่า ความท้าทายของเธอและเพื่อนคือต้องการให้เรื่องของ อาหารซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดของมนุษย์กลับมามีความสำคัญขึ้น ทุกวันนี้ เรามีอำนาจที่จะตัดสินชีวิตของตัวเองได้ เรากำหนดได้ว่าอยากทำอะไร วันนี้เราอยากมาทำกิจกรรมค่าย เรากำหนดได้แต่กับเรื่องที่เป็นพื้นฐานของเรา แต่คุณกลับมั่นใจได้หรือไม่ว่า อาหารที่คุณกินมีคุณภาพ หรือมีที่มาเป็นไปตามระบบอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ความท้าทายของเธอ จึงพุ่งเป้าไปที่ห่วงโซ่อาหาร ไล่ตั้งแต่ตัวเกษตรกร กระบวนการผลิต จนถึงขั้นตอนการส่งถึงมือผู้บริโภค บนเป้าหมายที่ทำให้ทุกคนในสังคมเห็นว่าภายใต้อาหารที่รับประทานกันอยู่ทุกวันมีเบื้องหลังที่ถูกซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ผูกขาดธุรกิจ คุณภาพระหว่างการผลิต การตลาดโฆษณาที่บรรยายสรรพคุณเกินจริง ประชาชนต้องเท่าทันความเป็นจริง วงเสวนาเห็นพ้องตามนั้น ซึ่งทั้งนี้ ความเท่าทัน ยังหมายความไปถึงทุกๆค่าย ทุกๆความจริงที่เป็นอยู่ และยังคงดำเนินต่อไป ความท้าทายที่พวกเขาเผชิญมันไม่ง่าย เป็นเป้าหมายที่ถูกขับเคลื่อนมาตลอด 8 ปี และต้องลงมือทำต่อไป |
กระจายสุข
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] Link |