พฤษภาคม 2558

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
เที่ยวอุบลราชธานี คนเดียว ฉบับตุ๊ดสู้แดด
     จากเดินทางไปอุบลราชธานีมาเมื่อ 18-20 เมษายน 2558   โดยจุดหมายหลักคือไปร่วมงานแต่งงานของพี่ที่ทำงาน  ซึ่งในตอนแรกจะมีเพื่อนร่วมทาง ไปด้วยอีก 2 คน  แต่ด้วยเหตุบางประการอีก 2 คน ไปไม่ได้  ดังนั้น  เลยต้องฉายเดี่ยวไปคนเดียว  แต่แหมะ  ไปถึงอุบลราชธานีทั้งที  ก็ต้องไปเที่ยวต่อด้วยซินะเพราะที่เที่ยวที่อุบลฯ เยอะมากๆ เลย
    แต่ปกติการไปเที่ยวไหนของผมเนี่ย  จะต้องมีเพื่อนร่วมทางเสมอ  ดังนั้นทริปครั้งนี้เสมือนเป็นการแบ็คแพ็คเล็กๆ เที่ยวคนเดียวครั้งแรก  อารมณ์กลัวก็เกิดขึ้นเยอะเลยนะ  แถมตัว จขกท. เองยังเป็นเก้งน้อยตัวเล็กๆ(เล็กกว่าลูกวัวนิดนึง) ที่ไม่ค่อยทันคน  ไม่สู้คนด้วย  ก็กลัวถูกหลอกระหว่างทาง  แผนการเที่ยวก็ไม่มี  ออกแนวเป็นทริปกะทันหัน ไปหาเอาดาบหน้า  ก็ลองมาดูรูปไปเที่ยวกันเนาะ



รายละเอียดโปรแกรมเที่ยวและค่าใช้จ่ายครับ










     สนามบินอุบลฯ ตอนนี้กำลังซ่อมแซมจากไฟไหม้อยู่นะครับ  เลยดูคับแคบไปนิด  และเมื่อดูจากการ์ดงานแต่งแล้ว  ต้องเดินทางไปที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี  ซึ่งไม่ไกลจากสนามบินเท่าไหร่  ก็โบกแท็กซี่จากสนามบินไปเลย  ตามรูป (เอามาจาก Google นะครับ  ตอนนั้นของพะรุงพะรัง  ไม่ได้ถ่ายรูปไว้)

     ขึ้นรถมาเริ่มต้น 30 บาทเท่านั้น  ไปถึงหน้าศูนย์ศิลฯ  42 บาทเท่านั้น  แท็กซี่น่ารักกว่ากรุงเทพเยอะเลย  อาคารศูนย์ศิลปฯ สวยมากครับ  เห็นเขาบอกมีโรงแรมด้วยนะครับ  ใครใคร่จะพักที่นี่ก็น่ามาลองใช้บริการดูนะ ก็มาถึงก็ตรงไปยังสถานที่จัดงานเลย  ตามกำหนดการ 9.09 น.  แต่ตอนนั้นก็จะ 9.30 น. แล้วละ  555 ก็เข้าไปในงานแบบงงๆ กำลังทำบายศรีเลยครับ  แล้วแหมะ  ได้นั่งโต๊ะจีนคนเดียว  ตลอดงานจบเลย ไม่มีใครยอมมานั่งด้วย  หึหึ  กับข้าวทั้งโต๊ะ  กินไม่หมดเลยครับ  จนต้องแบ่งโต๊ะข้างๆ  (รูปด้านล่างเป็นหน้าทางเข้าศูนย์ศิลปฯ นะครับ)

       เมื่อจบจากงานแต่งถ่ายรูปเจ้าบ่าวเจ้าสาวเรียบร้อย  ก็เดินทางมายังโรงแรม เนวาด้า อินท์ โรงแรมนี้อยู่ถัดจากโรงหนังและสระว่ายน้ำเนวาด้า  เข้ามานะครับ  อย่าไปสับสนกับ เนวาด้าใหญ่ๆที่อยู่ข้างๆนะครับ  แผนที่คร่าวๆ ที่ผมใช้ในคราวนี้นะครับ

     สำหรับโรงแรมเนวาด้า เนี่ย  คือเอาจริงๆ  ทำเลดีไหม  โอเคเลยนะครับ  กลางเมืองเลยใกล้สนามบินด้วย  แต่สภาพห้องเก่าไปหน่อย  เฟอร์นิเจอร์ก็เก่า แต่ยังดีที่สะอาดครับ  และในโรงแรมวังเวงไปนิด  รู้สึกราคาสูงไปนะครับ  เมื่อเทียบกับคุณภาพ

     หลังจากเช็คอิน  เก็บกระเป๋า  อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย  ก็ตั้งใจจะออกไปเที่ยวแหละครับ  แต่พอเดินออกมาเจออากาศที่สูงเกือบๆ 40 องศา  ก็พลันมาคิด  ไหวไหมว่ะ  เมื่อคืนนอนน้อยด้วย  หันไปเหลือบมองเห็นสระน้ำ  ก็เลยขอไปลงเล่นน้ำหน่อยนะ  แต่ที่นี่เป็นคล้ายๆสวนน้ำขนาดเล็ก  มีสไลเดอร์  ไถลตัวลงมา  เสียค่าเข้าคนละ 80 บาท  ครับผม (รูปเอามาจากในเน็ตนะครับ)

     พอเล่นน้ำจนสดชื่น ได้ที่แล้ว  ก็ได้เวลาออกร่อนแถวๆนี้ซะหน่อย  ด้วยการเช่าจักรยานทางโรงแรม  คันละ 100 บาท  เช่าได้จนถึงวันเช็คเอาท์เลยครับ  ในใจคิดอยากจะไป ซืนวาน เลยด้วยซ้ำ พนักงานบอกไม่ไกลค่า  ปั่นไปแป๊บเดียว  แถมนางบอก  ทุ่งศรีเมืองก็ไม่ไกลค่า  ปั่นไปเลย
     ไอ้เราก็เชื่อคนง่ายจ้า  หยิบแผนที่แล้วปั่นไปเลย  แต่ขอบอก  อุบลฯ รถเยอะมากๆ  ปั่นๆไปกลัวรถเฉี่ยวสุดๆ แถมจะปั่นข้ามถนนแต่ละทียากมาก ขอบอกเลย  ใครที่มาคนเดียวแล้วขับรถเป็น  เช่า มอเตอร์ไซต์  หรือรถขับเถอะนะ  ปลอดภัยกว่าหน่อย  แต่ จขกท. ขี่รถไม่เป็น  ขับก็ไม่เป็น  เลยต้องมาปั่นจักรยานคันน้อย ต่อนย้อนต๊ะต่อนยอน ต่อไป  แต่แบบ  ทุ่งศรีเมืองไกลมาก  จขกท. ปั่นจนเสื้อเปียก  คือเหมือนเพิ่งเล่นสงกรานต์มาเลย  เปียกตั้งแต่หัวลงมา  คือระยะทางประมาณ 3-4 กิโลเมตร  ถ้าคนปั่นบ่อยๆ  คงไม่ไกลมาก  แต่นี่  คือปวดทั้งตัว ไม่ค่อยออกกำลังกายก็งี้  
     และแล้วก็ปั่นมาจนถึงวัดทุ่งศรีเมือง  ลมแทบจับ จากปั่นๆมามีแสงสว่าง  มานี่เกือบจะค่ำ  เลยได้ชักภาพ  หอไตร  ของวัดทุ่งศรีเมืองมา  เป็นทรงไทย  สวยงามมากๆครับ

หลังจากนั้นก็ปั่นจักรยานเที่ยวดูวัดแถวๆ นั้น  ดูบรรยากาศรอบๆ  ดอกคูนกำลังบานสวยงามเลยครับ  อยากแบบมีเป็นทิวแถวเต็มถนน  คงจะสวยน่าดู

พอค่ำหน่อย  ก็มาเดินถนนคนเดิน แถวๆ ทุ่งศรีเมืองครับ  เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นะครับ  เท่าที่สอบถาม 

     สำหรับของที่ขาย  มีเยอะมาก  ทั้งของกิน  ข้าวขอเครื่องใช้  มีของพื้นเมืองด้วยนะครับ  ใครอยากได้ของฝากพวกพวงกุญแจหรือกระเป๋าผ้า  ก็มาหาซื้อได้ที่นี่เลยนะครับ

     วันที่ 2 ที่อุบล  ตื่นแต่เช้ามาทานอาหารเช้าที่โรงแรมนะครับ  ที่นี่จะเป็นชุดอาหารเช้าให้เราเลือก 4 ชุด  ก็เลยเลือกชุดอาหารเช้าแบบคนอุบลไป  ออกมา ก็นะ อุบ๊ลอุบล เป็นไข่ดาวโรยหมูยอ  กะกุนเชียงจ้า และเป็นเบอร์เกอร์หมูแผ่น หรือที่นี่เขากินแบบนี้ก็ไม่รู้นะครับ  ฮ่าๆ

     อิ่มแล้วก็รอ ร๊อ รอ  ให้รถมารับ จนแปดโมงกว่าแล้ว  เลยโทรไปตาม  แหมะ  พี่เขาจำวันผิดครับ  แต่ตอนสื่อสารเราถามไป วันที่ 19 กับ 20  อาจจะสื่อสารไม่ชัด  เอาน่าหยวนๆไปเนาะ  และแล้วพี่คนขับรถเขาก็มารับ  พา จขกท. ออกเดินทางละ เย้
     ในตอนแรกพี่คนขับ จะพาไปทานอาหารอีก  แต่เราว่าไม่เอาดีกว่า  ไปผาแต้มเลยละกัน  แต่ขอแวะวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ก่อน  ระหว่างทาง  พี่คนขับจะพาแวะ  สถานที่ถ่ายทำ อเล็กซานเดอร์มหาราช  แต่แหมะ  ปิดจ้า  พอเราจะมา  ปิดเชียวนะ
     ก็ไม่เป็นไรเนาะ  ก็ไปต่อตามแผนของเราที่วางไว้  แต่ขอบอก  ระยะทางไกลมาก  กว่าจะถึงวัดถ้ำคูหาสวรรค์  แอบหลับไปงีบเลยครับ
     วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ก่อตั้งโดย "หลวงปู่คำคนิง จุลมณี" ปัจจุบันท่านได้มรณภาพแล้ว แต่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย  บรรดาลูกศิษย์ได้เก็บร่างของท่านไว้ในโลงแก้วเพื่อบูชา  ในรูปแรกอยู่มุมซ้ายบนนะครับ  ไปกราบไหว้ท่านเป็นสิริมงคลนะครับ

     แต่ขอบอก  ณ วันนั้นที่ไป  แดดแรงมาก  คือทากันแดดมาแล้วรอบนึง  ลงจากรถมา  ต้องกลับเข้าไปทาอีกรอบ  คือแบบไม่ไหวแล้ว  แสบสุดๆ  คืองานหมวกต้องมา  งานแว่นกันแดดต้องมา  ดีที่ใส่ขาสั้น  ไม่อึดอัดอะไรมากมายแต่แบบ  ปกติอยู่กรุงทำงานแทบไม่เจอแดด  มาเที่ยวคราวนี้ท้าแดดแรงกล้าจริงๆ  ฉันละเพลีย  ฮ่าๆ
     วัดนี้บรรยากาศดีนะครับ  มองไปเห็นแม่น้ำสองสีด้วย  แต่พยายามมอง  ก็ไม่เห็นเป็นสองสีนะ  สายตาอาจไม่ดีเท่าไหร่  ในวัดมีโบสถ์สีขาว  คล้ายๆวัดร่องขุ่น ครับ  ได้แต่ถ่ายไกลๆ  หาทางขึ้นไม่ได้อะ  ประจวบกับแดดร้อน  ในใจจึงบอกว่า  พอเถอะ  เพลียแดด  ลองดูรูปละกันครับ  ใครจะไปทางโขงเจียม  ผาแต้ม  ก็แวะวัดนี้ไหว้พระถ่ายรูปกันนะครับ




     พอออกจากวัดด้วยอาการเพลียแดดสุดติ่ง  ก็ไปต่อกันยังผาแต้มเลยครับ  เออลืมไปมีค่าเข้าอุทยานแห่งชาติอีก  50 บาท  ลืมรวมในค่าใช้จ่ายนะครับ  อันนี้ลืมถามว่าเป็นคันรถ  หรือบุคคลนะครับ  อุทยานแห่งชาติผาแต้มนี่ มีสถานที่เที่ยวหลายที่เลย  ถามพี่คนขับ  เขาบอกหน้านี้น้ำตกไม่สวยเลย  น้ำไม่ค่อยมี  ยิ่งน้ำตกแสงจันทร์  คือไม่มีน้ำเลย  แต่เอาไง  ไอ้เราก็อยากไปเนาะ  พี่เขาก็บอกไปได้นะ  ไม่ติด  เราก็แบบ  อะได้  รอเสร็จจากผาแต้มค่อยไปดูละกัน
     เมื่อผ่านทางเข้ามา  ขับรถมาซักพัก  เราจะเจอเสาเฉลียงก่อนเลยครับ  เป็นหินซ้อนๆกัน สวยงามเหมาะแก่การถ่ายรูปครับ  และถ้าอ้อมด้านหลังขึ้นไป  จะมีลานหินแตกอยู่ด้านบน  คือแบบบริเวณลานหินแตก  ถ้าขึ้นไปคนเดียวจะรู้สึกวังเวงมากๆ ไปแล้วก็กลัวๆไงไม่รู้  เลยรีบๆถ่ายรูปรีบลงมาครับ  ที่จริงวิวสวยนะครับ  ถ้าไปกะเพื่อนๆ  นี่น่าจะถ่ายรูปสนุกเลย




     และก็มาถึงไฮไลต์ช่วงเช้าของเราก็คือผาแต้ม  ซึ่ง ผมเองก็เตรียมผ้ากับน้ำไปขวดนึง  กะว่าพอ  แต่ขอบอกเลยนะว่าไม่พอ  แถมตอนแรกแสดงความโง่ตัวเองออกมาด้วยการเดินผิดทางจ้า  ที่จริงต้องลงล่างหน้าผา  แล้วอ้อมเขาขึ้นมาด้านบน  นี่เดินไปทางด้านบนก่อน  เดินไปเจอคนเดินออกมา  เขาบอกจะเดินสวนกลับไปเหรอ  เลยรู้ว่าผิดทางจ้า  แหมะ  เลยต้องเดินไปลงทางที่ใต้หน้าผา  คือง่ายๆ มองไปเข้าหาป้ายผาแต้ม  และไปทางขวามือเรานะครับ 





      และการเดินทางครั้งนี้ขอบอกเลยว่า  ระยะทางจริงๆทั้งหมดในการเดินรอบเส้นทางผาแต้มประมาณ 4 กิโลเมตร  ซี่ง จขกท. เดินครบ  แทบสิ้นสภาพลง ณ จุดนั้น  แต่ถ้าใครอยากดูแค่ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์แบบชัดๆ แค่นั้นพอ  ก็เดินไปไปแค่จุดภาพเขียนสีจุดที่ 2 พอนะครับประมาณ 800 เมตร  แล้วเดินย้อนกลับมานะครับ  จะได้ไม่เหนื่อยมาก


     ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ จะมีทั้งหมด 4 จุดด้วยกันครับ  จุดแรกจะไม่ค่อยชัด  ตามในรูปด้านบนที่เป็นสามรูปในภาพเดียว  อันบนคือจุดแรก  กลางคือจุดสอง  ล่างคือจุดที่สามครับ
     จุดภาพเขียนสีจุดที่สองจะชัดและมีหลายภาพติดกันยาวเลยครับ  เสียดายว่ากล้องเมมเสีย  ไม่งั้นจะมีภาพที่ชัดกว่านี้ครับ

      สำหรับจุดที่สี่  คือต้องเดินเลียบหน้าผาลงไปและทางแคบมาก  ไม่ไหวจริงๆครับ  ไปคนเดียวกลัวตกตายแถวๆนั้นจริงๆ เลยเดินไปและขอบาย  ถอยหลังกลับดีกว่าครับ
     ตอนที่ ผมเดินไป  คือตอนเดินเลียบริมผาไม่ร้อนนะครับ  มีร่มเงาเกือบตลอดทาง  แต่มาเริ่มจะร้อนจริงจังตอนผ่านจุดภาพเขียนจุดที่สามไป  คือต้องเดินขึ้นเขาไปและเริ่มเจอแดดร้อนๆ เกือบตายคร้า  น้ำขวดหมดตั้งแต่ก่อนจุดภาพเขียนที่สาม  ทางที่ดีพกไป 2 ขวดขั้นต่ำๆเลยนะ ถ้าคิดจะเดินจนจบ  ตอนแรกก็ไม่กล้าไปหรอกนะครับ  เพราะมันเปลี่ยว  ไม่มีคนเดินเลยตอนแรก  แต่ตอนเดินไป ก่อนถึงจุดสอง  มีคุณยายเดินย้อนกลับมาและบอกว่าเนี่ย  เดินไปเลยหลาน  สวยคุ้มค่าแน่นอน  จ้า  มีแรงฮึดเลย  แถมเดินไปก็มีครอบครัวใหญ่ครอบครัวนึงเดินมา พ่อแม่  และลูกๆหลานๆอีก  7-8 คนได้  เลยแอบเนียนเดินไปกะครอบครัวเขาเลย
     แต่พอเริ่มขึ้นเขาเจอแดดแค่นั้นแหละ  เดินกันแบบนั่งไปพักไป  เด็กๆก็เดินจะไม่ไหว  พักบ้าง เดินบ้าง  คุณพ่อกะแม่  ทิ้งลูกเลยคร้า  บอกขอเดินไปก่อน  เดี๋ยวเจอน้ำจะซื้อมาให้  ซึ่งตอนนั้นเหลืออีกสองกิโลได้  อ้าวแล้วไงค่ะ  เด็กๆ  อยู่กับ จขกท.ละซิ  เดินกันไป พัดวีกันไป  จูงมือกันไป  รักเด็กเชียว  ทั้งที่ปกติไม่ชอบเด็กเลย  ฮ่าๆ  พอมีจังหวะลงเขา เด็กน่ารักจ้า  พี่ค่ะ  อุ้มน้องหนูลงหน่อย  คือแบบเอาตัวจะไม่รอด  ดูแลลูกเขาอีก  เหงื่องี้ไหลเต็มตัว  เปียกหมดเลย  จนมาเจอทางออกไกลๆ  น้ำตาแทบไหล  ไกลมาก  เหนื่อยมาก  เดินไปสองชั่วโมงได้  
     ลงมา  จขกท. ซัดโค้กขวด สปอนเซอร์ เย็นเย็น ไปอย่างละขวดรวดเดียว  คือจะเป็นลมต้องฮึดจนมาถึงลานจอดรถ  ขอบอกเลยใครจะเดินครบร่างกายต้องแข็งแรง  และควรมีเพื่อนไปด้วยนะไม่งั้นแย่  ผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ซับเหงื่อก็ดี  คือว่าอันนี้เหนื่อยพอๆ กะเขาคิชกูฏเลย  แต่ด้วยเพราะแดดร้อนด้วยละมั้งครับ  ช่วงเที่ยงเลย  อุณหภูมิน่าจะ 40 องศาเซลเซียสได้  อืม  คราวหน้าไปจะแค่เดินจุดที่สอง และย้อนกลับพอ  ขาสั่นกันเลยทีเดียว  นี่แหละที่มาของตุ๊ดสู้แดด  คือพอขึ้นรถดูแขนคนละสีกับหัวไหล่เลย  หน้าไหม้เป็นแถบๆ  ครีมกันแดดทายังไงก็เอาไม่อยู่จริงๆ ผ้าขนหนูชุ่มไปด้วยเหงื่อ  พอคร้า เข็ดเลย
     และก็นั่งรถมาอีกนานเลย  กว่าจะถึงสามพันโบก  ซึ่งพี่คนขับพามาทางลัดอีกทางบอกจะเดินลงใกล้กว่าอีกทางที่เป็นเส้นตรงไป  แต่ทางขรุขระหน่อยนะครับ  เหมือนเป็นสวนของชาวบ้านเปิดให้เข้าไป  แต่เสียค่าจอดรถนะครับ (อันนี้พี่คนขับจ่ายให้)  ลงรถปุ๊บมีน้องๆไกด์นำเที่ยวมาแนะนำเลยทีเดียว  ค่าเช่าเรือก็มี 300, 500 และ 1000 เรือนี่เหมาทั้งลำนั่งได้ประมาณ 10 คนนะครับ  และก็จะมีไกด์เด็กน้อยนำเที่ยวอีกลำละ 2 คน  อันนี้เราจะเอาหรือไม่เอาก็ได้นะครับเพราะจะต้องมีค่าทิปตามธรรมเนียม  แต่เราก็อืมๆ  มาก็ได้ ไปเองคนเดียวคงงงๆ  ไม่มีใครถ่ายรูปให้ด้วย แต่ที่จริงไปเองก็นะ  เดินดูเอาเองอะครับ  สรุปก็เลือกล่องเรือแค่ 300 บาท  จะไปแค่หาดหงษ์(เป็นหาดทรายละเอียดระยิบระยับ) และลานหินสี(เป็นหินสีมันๆ  สวยดีครับ)  ก่อนไปก็เดินดูถ่ายรูปไปครับ  พอลงเรือก็ไปอีกสองสามที่  สวยดีครับ  คือประทับใจที่นี่มาก  สวยจนไม่คิดว่าในเมืองไทยมีแบบนี้ด้วยเหรอ  สามพันโบกอยู่ไกลซักหน่อย  แต่ถ้ามาอุบลฯ ในช่วง ธันวาคม ถึง พฤษภาคม  อย่าลืมแวะมานะครับ  สวยจนผมติดใจ  กะจะจัดทริปมากับเพื่อนๆ อีกรอบเลย  ยังไงลองดูรูปกันนะครับ (แอบแต่งรูปซะเว่อร์เลย  ฮ่าๆ)



















Create Date : 19 พฤษภาคม 2558
Last Update : 19 พฤษภาคม 2558 11:22:19 น.
Counter : 5988 Pageviews.

2 comments
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 20 พฤษภาคม 2558 เวลา:4:19:48 น.
  
อยากเที่ยวมั่งค่ะอุบล
โดย: mariabamboo วันที่: 20 พฤษภาคม 2558 เวลา:17:27:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

katandeye
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]