Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
28 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
งบประมาณกับการจัดการเว็บไซต์

 วันนี้มีคนถาม ว่มีงบ 2000 บาท จะจัดการเว็บยังไงดี

เจอคำตอบจากคุณ ariesanywhere เลยนำมาแบ่งปันกัน

1. การจัดการเกี่ยวกับเว็บโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
    1.1  วิเคราะห์เว็บไซต์ในจุดต่างๆ ทั้งหมด เพื่อมองหาเป้าหมายและรู้กำลังตนเองก่อน ยกตัวอย่างเช่น

           - เว็บเราเป็นเว็บร้านค้า ดังนั้นเป้าหมาย คือการขายของให้ได้ ดังนั้น การกระทำใดๆที่จะลงมือทำ เราต้องมองการกระทำนั้นๆว่าอยู่ในส่วนใด เช่น ทำแล้วขายของได้หรือเปล่า ทำแล้วยังขายของไม่ได้แต่อนาคตอาจจะได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะได้คือ วิธีทำให้ได้ของได้ของเรา เช่น การกระทำนั้นๆ เป็นการกระทำที่อยู่ในส่วนของการขายการตลาด หรืออยู่ในส่วนของการโปรโมทเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์

           - สินค้าของเรา มีอะไรบ้าง เท่าที่สำรวจดู คุณมีสินค้าอยู่ประมาณ 90 ชิ้น ถ้าแบ่งเป็นหมวดหมู่หลักน่าจะประมาณ 2-3 หมวดหมู่ เช่น วัตถุมงคลและพระเครื่อง, เครื่องประดับ, ฯลฯ โดยในหมวดหมู่หลักคุณยังสามารถแตกย่อยหมวดหมู่รองลงไป แล้วนำมาแสดงเป็นเมนู ให้ง่ายต่อการเข้าถึง และเพิ่มจำนวนหน้าในเว็บได้อีก เช่น ในหมวดเครื่องประดับ คุณสามารถแยกออกเป็น จี้, สร้อย, แหวน, ต่างหู (เท่าที่ผมเห็นน่ะครับ)

           - ข้อมูล ผมแนะนำให้เขียนรายละเอียดเพิ่มลงไปในสินค้าแต่ละตัวอีกหน่อยครับ เช่น ข้อมูลจำเพาะเกี่ยวกับคุณสมบัติ เช่น สี ขนาด น้ำหนัก ฯลฯ รวมทั้งคำโปรยที่อาจต้องนั่งแต่งขึ้นมา เพื่อให้สินค้าและเว็บของคุณดูน่าเชื่อถือขึ้นครับ นอกจากนี้สินค้าหนึ่งตัว หากมีหลายรูปเช่น 3-5 รูป ในมุมที่ซูมภาพเข้าไปอีกแล้วมองเห็นทีละส่วนก็จะดีมากครับ (ผมมีขายพวกจิวเวอรี่อยู่บ้างครับ เลยแนะนำจากประสบการณ์) คือคนซื้อเค้าต้องการมองเห็น เหมือนเค้ามายืนดูเอง คุณอาจต้องทำถึงขนาดนั้นเพื่อให้ของขายได้ เพราะผมว่ากำไรจากธุรกิจไลน์นี้มันคุ้มที่จะทำน่ะครับ หากติดตลาดขึ้นมา

           - ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขาย เช่น วิธีการจัดส่ง, วิธีการชำระเงิน, การรับประกันสินค้า, วิธีการสั่งซื้อ พวกนี้ยังไงก็ต้องเป็นข้อมูลที่ต้องมีครับ เพราะยังมีลูกค้าที่ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นอยู่เยอะ การมีข้อมูลส่วนนี้ไว้ ยังไงก็เป็นประโยชน์ครับ อย่างน้อยก็แสดงภาพลักษณ์ของเว็บให้น่าเชื่อถือขึ้นได้อีกครับ

           - เว็บของคุณสร้างโดย Wordpress และ WooCommerce มีข้อดีเรื่อง SEO และความเร็ว แต่ในมุมกลับคือ ฟังกชั่นด้านอีคอมเมิร์ซจะเพิ่มเติมให้มีฟังก์ชั่นอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้ได้ไม่มาก แต่อย่างน้อยฟีเจอร์ที่มันมีอยู่การดึงข้อมูลตรงนั้นออกมาแสดงก็จะเป็นการช่วยให้เว็บดูมีชีวิตขึ้นได้อีกเช่นกันครับ

           - โลโก้ ออกแบบให้สวยๆ เป็นสัญลักษณ์ที่จดจำง่าย เมื่อรวมกับภาพลักษณ์ของเว็บที่ดูน่าเชื่อถือจะปั๊มราคาขึ้นได้อีกครับ

           - ภาพลักษณ์ ที่ต้องการให้อยู่ในหัวของลูกค้าหรือผู้สนใจ ว่าคุณแตกต่างจากเจ้าอื่นตรงไหน หาจุดขายให้เจอแล้วนำมาเป็นจุดเด่นในการโปรโมทครับ

           - ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ลูกค้าของคุณคือใคร ในกรณีของผม เท่าที่ดู ลูกค้าของคุณ คือ คนในวงการพระเครื่อง, คนในวงการอัญมณี, บุคคลทั่วไปหรือพนักงานออฟฟิตที่ต้องการซื้ออัญมณี, และตัวแทนจำหน่ายที่หวังขายสินค้าของคุณและได้กำไรงาม (เช่นผม เป็นต้น อิอิ) กลุ่มเป้าหมายพวกนี้ จะช่วยให้คุณตีวงการโปรโมทให้แคบลงได้ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการโปรโมท นอกจากนี้ยังอาจต้องตั้งคำถามต่อไปว่า ลูกค้าจริงๆของคุณคือใคร หมายถึงว่า เป็นคนซื้อปลายทาง End-user หรือพ่อค้าส่ง Dealer หรือตัวแทนจำหน่าย มองให้ลึกแล้วเลือกโจมตีครับ

           - เรื่องที่สำคัญที่สุด และยากที่สุด คือผมอยากให้คุณทำใจยอมรับว่า เราคือเจ้าใหม่ มาใหม่ น้องใหม่ และ ปักใจไว้เลยว่า เรา "ยัง" สู้เขาไม่ได้ หมายความว่า ยังไม่ถึงเวลา แต่จะสู้ได้ในที่สุดครับ ตรงนี้ยากที่สุด หากคุณคิดจะจริงจังกับขายของบนอินเตอร์เน็ท และหากต้องการให้ของขายได้จนเป็นรายได้หลักอีกช่องทางนึง

    1.2  เตรียมอาวุธด้านการขาย และการตลาดให้พร้อม อาวุธในที่นี้คืออะไรเรามาดูกันครับ
           - ช่องทางการโปรโมท เช่น Facebook, Twitter, Google+, Instagram, Youtube สร้างขึ้นมาให้หมดครับ นี่เป็นการกระทำที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย และเป็นการโฆษณาผ่านสื่ออินเตอร์เน็ทที่ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ

           - โปรโมชั่น คิดโปรโมชั่นออกมาให้เยอะๆครับ เช่น ลด แลก แจก แถม โปรโมชั่นเปิดตัว ด่วนน่ะรับแค่ 100 คน หมดแล้วหมดเลย หรือโปรโมชั่นต้อนรับหน้าฝน จัดชุดแพ็คเก็จสินค้า 2-3 ตัวเข้าด้วยกัน อะไรทำนองนี้ครับ
           - ตัวแทนจำหน่าย เตรียมข้อมูลสำหรับให้ตัวแทนจำหน่ายนำไปขายต่อได้ โดยมีส่วนต่างให้เขาสมน้ำสมเนื้อ จะเป็นวิธีที่เปรียบเสมือนคุณมีพนักงานขายเป็น 100 เป็น 1000 ช่วยคุณขาย ซึ่งโอกาสย่อมมีมากกว่า คุณขายและโปรโมทแค่คนเดียว เตรียมรูปภาพ ข้อมูล คำนวณราคาขายส่งให้พร้อม

           - วางเนื้อหาและข้อมูลสำหรับกลุ่มเป้าหมายออกตามกลุ่มที่คุณต้องการ เพื่อเตรียมโปรโมทโดยเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมตามกลุ่มลูกค้านั้นๆ เช่นตัวแทนจำหน่าย ให้เน้นเรื่องผลตอบแทนและไม่ต้องสต็อกสินค้า ใช้คำพูดที่น่าสนใจเพื่อดึงดูด เช่น เริ่มธุรกิจจิวเวลลี่ของคุณได้ โดยไม่ต้องสต็อกสินค้า หรือเป็นเจ้าของธุรกิจจิวเวลลี่ได้โดยไม่ต้องลงทุนอะไรทำนองเนี้ย หรือมุขอื่นๆ แล้วแต่จะคิดกันครับ

    1.3  ปล่อยของครับ
           - โปรโมทผ่าน Facebook และ Social Network อื่นๆด้วย ข้อความที่คุณโพสต์ลงไปเยอะๆ โดยนำเสนอเนื้อหาแบบเป็น "ผู้ให้" อย่าเน้นขายของ เพราะไม่มีใครชอบดูโฆษณาเวลาดูหนังครับ ทำให้ดูคล้ายๆเป็นโฆษณาแฝงครับ พยายามวางตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญครับ ถึงจริงๆ อาจจะไม่ได้เชี่ยวชาญ แต่เรามี Google และความขยันก็ช่วยให้คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ครับ ซึ่งการโปรโมทผ่านสื่อ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ "ต้องทำ" ครับ ในยุคนี้สมัยนี้ และอินเตอร์เน็ตก็เป็นสื่อที่ถูกกว่าสื่อประเภทอื่น แถมยังไวและขยายตัวออกเป็นวงกว้างกว่าสื่ออื่นๆด้วยสำหรับผมน่ะ

           - โปรโมผ่านเว็บจำพวก ลงประกาศซื้อขาย เอาให้เยอะๆครับ ตรงนี้จะมีผลต่ออันดับ Google และอาจเป็นที่มาของ order หรือตัวแทนจำหน่ายสักจำนวนนึงครับ

           - ในส่วนของ Facebook ให้คุณนึกว่าสมมุติเป็นร้านอีกสาขาหนึ่ง ทุกสิ่งที่คุณโพสต์เป็นเพียงการแปะป้ายไว้หน้าร้าน แต่คุณยังไม่ได้ออกจากร้านไปเรียกลูกค้า ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำ คือการออกจากร้านของคุณ ไปตามหาลูกค้าหรือคนที่จะมาเป็นตัวแทนจำหน่ายของคุณ สำหรับผม คือการท่องไปใน facebook ของคนอื่น แล้วบุ๊คมาร์กเก็บไว้ ติดตามเค้า ไปกดไลท์ ไปคอมเมนท์ แต่ต้องเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของคุณน่ะครับ

           - เอาข้อมูลที่เตรียมไว้ทั้งในรูปแบบ MS Word รูปภาพ และเรทราคา เอาไปปล่อยในเว็บ dropship หาตัวแทนจำหน่าย เท่านี้สินค้าของคุณจะถูกโปรโมทหรือระบายผ่านทางตัวแทนจำหน่ายมากมาย แถมคุณยังได้เพื่อนเพิ่มขึ้นอีกมากมาย หรือไม่แน่อาจจะมีพันธมิตรธุรกิจของคุณเพิ่มเข้ามาหาคุณอีกก็เป็นได้

           - ในส่วนนี้ยังมีอีกมากมาย ผมขออนุญาตแนะนำเท่านี้ก่อน คุณลองเริ่มต้นจากเท่านี้ก่อนแล้วลองดูผลตอบรับ เท่านี้ก็น่าจะมี order เยอะอยู่บ้างแล้วครับ

2. การจัดการเกี่ยวกับเว็บโดยใช้งบประมาณที่มีอยู่ประมาณ 2,000 บาท
ในส่วนนี้ผมจะแนะนำออกเป็นไอเดียให้เลือกน่ะครับ
    2.1  เพื่อความชัวร์ ผมขอให้คุณหยุดคิดนิดนึงว่า เงินจำนวนนี้เป็น "งบ" ใช่ไหมครับ หรือเป็นเงินเก็บ, เงินค่าจ้าง, หรือที่มาของมันมีผลกระทบต่อชีวิตหรือเปล่า พูดง่ายๆก็คือ แน่ใจน่ะครับว่าใช้ได้ ถ้าไม่จำเป็นผมไม่แนะนำให้ใช้เลยด้วยซ้ำครับ แต่ถ้าใช้ได้ ก็ลุยโลดครับ เงินจำนวนนี้ทำอะไรได้มากกว่าที่คิดครับ

    2.2 ไอเดียที่ 1: แบ่งเงินออกเป็น 4 ด้าน (เอ้ย ไม่ใช่ นั่นมันพ่อรวยสอนลูกครับ) แบ่งเงินออกเป็น 4 กลุ่ม  เช่น 1000 500 300 200 (เมื่อเงินมีจำนวนจำกัด เช่น มีน้อย ให้ทำให้มันดูเยอะ คือแบ่งมันหลายๆกองครับ)
แล้วลองนึกไอเดียดูว่า จะทำอะไรกับเงิน 1 พัน เงิน 500 เงิน 300 เงิน 200
           - นำเงินมามอบเป็นส่วนลด ให้กับตัวแทนจำหน่าย หรือพวก dropship ผมแนะนำให้โปรโมทเลยว่า สมัครเป็น dropship กับเรา ลุ้นรับรางวัลทุกเดือน แล้วแปลงร่างเงิน 4 กองนั้นเป็นรางวัลครับ (เพิ่มคุณค่าของมัน) 
           - เวลาที่เราเริ่มต้น นอกจากงบจำกัดแล้ว ยังหัวเดียวกระเทียมลีบด้วยครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือ "สร้างกองทัพ" อันได้แก่ ตัวแทนจำหน่ายแบบต่างๆ, พันธมิตรจากธุรกิจอื่นๆ เป็นต้นครับ คุณก็ลองเอาเงิน 4 กองนั้นมานึกดูว่า จะแปลงร่างมันเป็นอะไรได้อีก เช่น ผมบอกได้แค่ว่า เอาไปเปลี่ยนเป็นสิ่งของจากธุรกิจอื่นๆ แล้วนำมาเชื่อมกับสินค้าของคุณ โดยยังไม่ต้องเอาเงินไปจ่าย แต่เหมือนได้ของมาแล้ว เป็นต้นครับ

           - ตรงนี้ถึงตาคุณนึกบ้างแล้วครับ เพราะผมว่า ผมไม่ใช่คนในวงการ ยังนึกประยุกต์ไม่ออกเท่าคนอยู่ในวงการครับ แต่ผมเชื่อว่าคุณจะนึกออกว่าจะทำอะไรกับเงินจำนวนนี้ได้อีก นอกเหนือจากการแปลงร่างครับ

           - ตรงนี้ถ้าสังเกตุดีๆ คุณจะพบว่า ผมยังไม่ได้ใช้เงิน 2000 เลย นี่เป็นการถ่วงเวลาจ่ายเงินออกไปก่อน เป็นแค่คำว่า "จะจ่าย" แต่ "ยังไม่จ่าย" น่ะครับ ลองนึกไอเดียทำนองนี้ออกมาก่อน วิธีที่ต้องจ่ายเงินจริงครับ
    2.2 ไอเดียที่ 2: เอาเงิน 2 พันแบ่งส่วนหนึ่งไปเปิดร้านที่ Weloveshopping กับ Tarad หากคุณไม่ซีเรียสเรื่องสรรพกร (อิอิ ขอแซวหน่อย พักนี้เจ้าที่แรง) แล้วเอาโลโก้มาใส่ในเว็บคุณว่า พบกับเราได้ที่ tarad กับ welove นอกจากช่วยสร้างภาพแล้ว ยังช่วยให้คุณมีร้านสาขาเพิ่มมาอีก 2 เป็น 4 สาขาและ (เว็บคุณเอง, social, tarad, welove, etc., และอื่นๆในอนาคต) *ตรงนี้เป็นกลยุทธ์ มีน้อย ทำให้ดูเยอะครับ แถมยังมีเงินเหลือจำนวนนึงเก็บไว้เตรียมเป็นค่าจัดส่งได้ครับ 

    2.3 ไอเดียที่ 3: ลองหาดูว่ามีเว็บประมูลที่ไหนบ้าง เอาสินค้าของคุณสุ่มเลือกออกมา แล้วเอาไปประมูล เป็นการเพิ่มมูลค่าให้ราคาสินค้า แล้วเอาเงินจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนสำรองจ่าย

    2.4 ไอเดียที่ 4: เอาเงิน 2 พันแบ่งมาส่วนนึง ทำสิ่งพิมพ์แบบซีร็อกซ์ขึ้นมา (ประหยัดตังครับ) แล้วเขียนในนั้นว่า คุณก็เป็นจ้าของร้านจิวเวลรี่ได้ ฟรี!!!! เอาฟรีตัวใหญ่ๆเลย แล้วเอาไปวางตามสถานที่ท่องเที่ยว หรือ bts (ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ) เงินส่วนที่เหลือเอาไปซื้อเงินเติมมือถือ เตรียมรับโทรศัพท์เลยครับ

    2.5 ไอเดียที่ 5: เอาเงิน 2 พันมาแบ่งเป็น 5 กอง กองละ 400 แล้วเอาอัญมณีไปฝากขายตามเว็บคู่แข่งที่เค้าขายอัญมณีอยู่แล้ว แล้วทำป้ายแบนเนอร์ให้เขา เขียนตัวใหญ่ๆ ว่า ของหลุดล็อตส่งห้างดัง หรือร้านใหญ่ๆทำนองนั้น แล้วบอกว่าด่วนนนนนน ของมีจำนวนจำกัด เหลือเพียง 50 ชิ้นเท่านั้น  ติดในเว็บคู่แข่ง พอมี order สมมุติว่า 1 ชิ้น ให้คุณทำป้ายแล้วส่งไปติดที่เว็บคู่แข่งว่า เหลืออีก 37 ชิ้น ลดลงไปเรื่อยๆ พอได้อีก 2 เป็น 3 ชิ้น ก็เอาป้ายใหม่ไปใส่ในเว็บคู่แข่งแล้วบอกว่า ด่วนนนน โอกาสสุดท้ายเหลือเพียง 12 ชิ้นเท่านั้น พอขายได้ครบ 5 ชิ้น (เท่ากับเงิน 400 5 กอง) คุณก็เอา เงิน 2 พันให้เว็บคู่แข่งที่คุณฝากติดป้ายไว้ แล้วบวก % ค่าคอมให้เพิ่มอีก คุณก็จะได้พันธมิตรเป็นคู่แข่งซะอย่างงั้นครับ แต่ผลพลอยได้คือ ลูกค้าต่อเนื่องจากนั้นที่คุณติดต่อ หรือคุณให้คู่แข่งติดต่อ คุณก็ทำเป็น pre-order แล้วทำให้เค้ารอซักพัก เช่นบอกไว้ 15 วันแล้ว พอครบ 7 วันบอกว่าผมหาล็อตใหม่ได้และ นี่ผมไปหามาเพื่อลูกค้าเลยน่ะ เท่านี้คุณก็จะมี order ต่อเนื่องแล้วครับ แถมเงิน 2 พัน จ่ายทีหลังด้วย อิอิ

    2.6  หาสินค้ามาเพิ่มในร้านนอกเหนือจากที่ไลน์ที่คุณมี เช่นหากคุณเป็นร้านมือถือ คุณควรมี accesssories หรือก gadget ต่างๆอยู่ในร้านด้วย อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่สินค้าที่คุณมี แต่สินค้าที่คุณมีต้องใช้มัน เอามันมาขายด้วยเลยครับ เป็นการเปิดประตูรับเงินอีกบานนึง นอกเหนือจากบานที่คุณมีอยู่ ซึ่งในส่วนนี้คุณอาจจะต้องใช้เงินที่มีอยู่ส่วนหนึ่งบ้าง แต่ก็ยังพอเหลือให้เก็บสำรองไว้ได้

เพิ่มเติมสำหรับกรณีต้องการนำเงินจำนวนดังกล่าวจัดการที่ตัวเว็บเพื่อไม่ต้องทำเอง
1. แนะนำให้ซื้อธีมครับประมาณ 1พันครับ
2. ส่วนที่เหลืออีก 1 พัน ลองดูส่วนเสริมที่เกี่ยวข้องกับการตลาดให้เอามาเสริมให้เว็บมีฟีเจอร์เพิ่มขึ้นให้ขายของได้
3. บางส่วนที่เกี่ยวกับโปรโมทยังไงก็ต้องทำเองครับ เพราะรายละเอียดในการโปรโมทอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ไม่มีใครรู้ลึกเท่าเจ้าของสินค้าเองครับ



Create Date : 28 มิถุนายน 2557
Last Update : 28 มิถุนายน 2557 0:03:08 น. 0 comments
Counter : 1452 Pageviews.

konseo
Location :
ohio United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]




Friends' blogs
[Add konseo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.