Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
3 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
ดื่มน้ำจากขวดพลาสติกตากแดดเสี่ยงมะเร็ง แค่เรื่องลวง!!! ไม่รู้ว่าใคร...อะไรลวงโลก?

ไม่รู้ว่าใคร...อะไรลวงโลก? แต่ที่แน่ๆ ผู้บริโภคเจ็บตัวตลอด
มีข่าวพาดหัว แพร่ทางออนไลน์ว่า 
“ ดื่มน้ำจากขวดพลาสติกตากแดดเสี่ยงมะเร็ง แค่เรื่องลวง!!!
ตามที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ว่า ดื่มน้ำจากขวดพลาสติกตากแดดที่เก็บไว้ในรถ เสี่ยงเป็นมะเร็งนั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยัน "ไม่เสียงเป็นมะเร็ง" แต่อย่างใด เหตุสารไดออกซินเกิดจากการเผาไหม้ความร้อนสูงเกิน 200 องศาเซลเซียส พร้อมผลตรวจไม่พบสารไดออกซิน”
ข่าวนี้โรงงานน้ำดื่มบรรจุขวดยิ้มแป้น ยอดขายกระฉูดขึ้นอีก
แต่ใครช่างสังเกตหน่อยจะพบว่า ...ถามเป็นวา...ตอบเป็นศอก 
ที่เขาเผยแพร่เรื่องอันตรายของน้ำดื่มบรรจุขวดPET ที่นำมาใช้ซ้ำนั้นเขาพูดถึงอันตรายจากสาร BPA ไม่ยักใช่ สารไดออกซินDioxin ที่ท่านอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ออกมายืนยันว่าปลอดภัยแต่อย่างใด สงสัยจังว่าตรวจวิเคราะห์ทั้งทีทำไมไม่ตรวจ สาร phthalate ที่เป็นส่วนประกอบของขวดPET และสาร BPA แต่ดันไปตรวจ สารไดออกซินDioxin ซะนั่น !!!
ตอนนี้กระแสความตื่นตัวในประะเทศที่เขาเจริญแล้วมีอยู่สองกระะแส เขาไม่มานั่งถกเถียงว่า มีไดออกซินหรือไม่ ?
1) รณรงค์ให้ประชากรเขาลดขยะพลาสติก เพราะขวดน้ำพลาสติกดื่มแล้วทิ้งนี้แหละตัวดี ......ตัวการสร้างมลภาวะและสร้างปัญหาขยะล้นจนท่วมโลก ลองจินตนาการถึงขยะขวดน้ำวันละหลายล้านๆขวดถูกทิ้งเป็นขยะ..... เผาไฟก็เกิดมลภาวะทางอากาศ.......ถมดินก็ไม่ย่อยสลายนับร้อยปี....หลายๆประเทศเขาจึงรณรงค์ให้นำขวดแก้ว กระติกสเตนเลส บรรจุน้ำกรองจากบ้านพกติดตัว ทดแทนการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดที่แพงบรรลัย (ทั้งๆที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยี่ซับซ้อนอะไรเลยในการกรองน้ำดื่ม??)
2) เขารณรงค์ให้ประชากรเลิกการใช้ภาชนะที่ปลดปล่อยสาร BPA ออกมาปนเปื้อน ในซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างประเทศจึงเห็นขวดบรรจุน้ำดื่มขนาดตั้งแต่ 350 c.c -1,500 c.c ที่ประทับฉลากว่า BPA Free ออกมาจำหน่ายมากมาย ไม่มีใครผลิตขวด PETบรรจุน้ำดื่ม ออกมาวางขายกันเพราะขวดPETมีข้อจำกัดความปลอดภัย
หากจะมีผู้บริโภคคนไหนเชื่อว่า ขวด PETบรรจุน้ำดื่มต้นทุนขวดละ2-3บาทเหมาะที่สุดกับบรรจุน้ำดื่ม ก็ขอให้เป็นเสรีภาพของท่านนั้นๆเถอะครับ ส่วนตัวผมเองมั่นใจ ขวดแก้ว กระติกสเตนเลส บรรจุน้ำกรองจากเครื่องกรองน้ำภายในบ้านมากกว่า.... ประหยัดกว่า.... ที่สำคัญคือช่วยโลก ช่วยลดขยะ แน่นอนครับ
=====================================================
ตอนนี้ได้เวลามาศึกษาเรื่องราวของ สาร BPA กันได้แล้วจะได้ไม่ถูกโลกเขาลวง!!!
สาร BPA คืออะไร?
BPA หรือชื่อเต็มก็คือ Bisphenol A เป็นสารเคมีที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตพลาสติกและเรซิน ชนิด polycarbonate ที่ใช้อย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เคลือบภายในกระป๋องอาหาร บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม จนถึงขวดนมทารก ซึ่งสาร BPA นี้ ได้ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมรมพลาสติกอย่างแพร่หลายทั่วโลก
จนกระทั่งมีการศึกษาและกล่าวถึงผลเสียของการได้รับสารนี้เข้าสู่ร่างกาย โดยในเดือนมิถุนายน ปี 2006 ซานฟรานซิสโก เป็นรัฐแรกที่ออกกฎหมายห้ามใช้สาร Bisphenol A ในของเล่น และผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า สาร Bisphenol A จำนวนเพียงเล็กน้อย มีผลทำให้เกิดสภาวะการก่อมะเร็งภายในร่างกาย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง การเริ่มเป็นหนุ่มสาวเร็วเกินไป โรคอ้วน โรคเบาหวาน ไฮเปอร์ (hyperactivity) และอื่นๆ
นอกจากนี้ นักวิจัยจาก Peninsula Medical School และมหาวิทยาลัย Exeter แห่งสหราชอาณาจักร ได้พบความเกี่ยวข้องระหว่างการแพร่กระจายของสาร BPA กับโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) และ Gail Trins นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านสรีรวิทยาและการสืบพันธุ์ แห่งมหาวิทยาลัยอิลินอยส์ ในชิคาโก ยังได้ทำการวิจัยในสัตว์ทดลองและพบว่า BPA มีผลต่อพัฒนาการ cognitive และระบบสืบพันธุ์อีกด้วย
ในเดือนสิงหาคม ปี 2011 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย ได้ประกาศเตือนภัยสารบีพีเอ ในขวดนมทารกที่มีหมายเลข 7 เนื่องจากพลาสติกดังกล่าวมีสารเคมี BPA ที่มีผลวิจัยจากทางยุโรปเมื่อประมาณปี 2008 โดยวิจัยในสัตว์ทดลองให้กินนมจากขวดนมที่ทำจากพลาสติกโพลีคาร์บอนเนตอย่างต่อเนื่อง พบว่าสารเคมีดังกล่าวปนเปื้อนมาในน้ำนมและมีผลในการไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง รวมถึงมีผลต่อการผลิตอสุจิได้น้อยลง ส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ของสัตว์ทดลอง ทำให้ในประเทศแคนาดา สหภาพยุโรป จีน มาเลเซียและแอฟริกาใต้ ออกประกาศห้ามผลิตและจำหน่ายขวดนมที่ผลิตจากโพลีคาร์บอนเนตไปแล้ว
เนื่องจากปัจจุบันพลาสติกได้ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันเป็นจำนวนมาก ซึ่งสารเคมีหรือวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตนั้นมีผลต่อผู้ใช้ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่กิน หายใจ และมีอัตราการเผาผลาญที่มากกว่าผู้ใหญ่ ทำให้มีการดูดซึมสารเคมีจำพวกนี้ได้มากกว่า ซึ่งทำให้มีผลต่อการพัฒนาการเจริญเติบโตของเด็กโดยตรง
เรามาทำความรู้จักพลาสติกที่ใช้กันทั่วไปในบ้านเรากันดีกว่า ว่ามีกี่ประเภท และประเภทไหนที่เป็นอันตรายและไม่ควรเลือกใช้บ้าง
ถ้าหากลองหงายขวดขึ้นดู เราจะเห็นตัวเลขอารบิกในสามเหลี่ยมที่ก้นขวด นั่นคือรหัสบอกชนิดของพลาสติก เช่นหมายเลข 1 คือขวดเพ็ตที่ทำจาก Polyethylene Terephthalate
เรามาเริ่มจากพลาสติกที่อาจเป็นอันตรายและไม่ควรเลือกใช้ ซึ่งได้แก่
Polyethylene Terephthalate(PET)
มีคุณสมบัติที่เหนียวมากและโปร่งใส เหมาะสำหรับการใช้งานครั้งเดียว เพราะมันจะเริ่มเสื่อมสภาพและเป็นอันตรายเมื่อโดนความร้อน หรือโดนผงซักฟอกรุนแรง มักถูกนำมาผลิตขวดน้ำดื่ม, ขวดโซดา, ขวดน้ำมันปรุงอาหาร จัดได้ว่าเป็นพลาสติกที่ไม่ควรนำกลับมาใช้อีก
Polyvinylchloride(PVC)
มีคุณสมบัติที่ไอน้ำและอากาศสามารถซึมผ่านได้พอควร แต่ป้องกันไขมันได้ดี มักถูกนำมาใช้ทำท่อน้ำประปา สายยางใส แผ่นฟิล์มสำหรับห่ออาหาร แผ่นพลาสติกสำหรับทำประตู หน้าต่าง และหนังเทียม เป็นต้น แต่มีการค้นพบว่า PVC จัดเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นพลาสติกที่ไม่ควรนำกลับมาใช้อีกเช่นกัน
Polystyrene (PS)
เป็นพลาสติกที่มีความใส แต่เปราะและแตกง่าย มักพบในภาชนะ จำพวกโฟมใส่อาหาร ซึ่งเป็นอันตรายเมื่อใส่อาหารที่มีความร้อน
Polycarbonate (PC)
ภาชนะที่ทำจากพลาสติกชนิดนี้เป็นการผสมกันของโพลิเมอร์พลาสติกหลายชั้น ไม่ควรนำภาชนะที่ทำจากพลาสติกชนิดนี้มาใช้ใส่อาหาร เพราะมีสารอันตราย BPA เป็นส่วนผสมอยู่
===================================================
เพิ่มเติมข้อมูลของ : ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ ๓นครสวรรค์
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
Bisphenol A (BPA) หรือ สาร BPA คืออะไร?
BPA (Bisphenol) เป็นสารเคมีที่พบในบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ทำมาจากพลาสติก และที่สำคัญคือ มีการทดลองในหนูพบว่า BPA เป็นสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งในต่อมลูกหมาก และส่งผลต่อความผิดปกติทางพันธุกรรมของเซลล์ในร่างกายอีกด้วย จากรายงานของ Environment California Research and Policy Center ชี้ให้เห็นว่า ขวดนมพลาสติกใสแบบที่นิยมใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มีพิษจากสารเคมีที่เป็นภัยต่อฮอร์โมนการเจริญเติบโต ระบบประสาท และระบบสืบพันธุ์
Bisphenol A นิยมใช้กันทั่วไปเพื่อทำให้ขวดพลาสติก เช่น ขวดนม มีความใส สารพิษจะกรองออกและแทรกซึมลงในของเหลวและอาหารที่บรรจุอยู่ภายในได้เมื่อใช้งาน นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า สาร Bisphenol A จำนวนเพียงเล็กน้อย มีผลทำให้ก่อมะเร็ง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง การเริ่มเป็นหนุ่มสาวเร็วเกินไป โรคอ้วน โรคเบาหวาน ไฮเปอร์ (hyperactivity) และอื่นๆ The U.S. Centers for Disease Control and Prevention พบสาร Bisphenol A ในปัสสาวะ 95% ของประชนที่เข้ารับการตรวจ เป็นที่น่าตกใจว่า Bisphenol A ที่พบในมนุษย์อยู่ในระดับกลางซึ่งสูงกว่าระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์ทดลองเสียอีก
ด้วยรัฐบาลแคนาดาได้ประกาศเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2551 ให้สารBisphenol A หรือ BPA เป็นสารเคมีอันตรายต้องห้าม เนื่องจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข (Health Canada) และด้านสิ่งแวดล้อมของแคนาดา (Environment Canada) ตรวจพบว่า สาร Bisphenol A แม้ในปริมาณที่ต่ำ เป็นอันตรายต่อปลาและสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ และยังมีเป็น สาเหตุของโรคหลายโรคได้แก่ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคตับ ทั้งนี้ ได้เคยมีประกาศเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2551 ห้ามจำหน่ายขวดนมเด็กที่สาร Bisphenol Aไปแล้ว(สาร Bisphenol A เป็นสารเคมีที่ใช้สำหรับทำให้พลาสติกแข็งตัวและคงรูปและใช้ในการผลิตภาชนะกระป๋อง ขวดน้ำ ขวดนมเด็ก และCDs ) นั้น
วิธีการหลีกเลี่ยงจากสารอันตราย Bisphenol A(BPA)
ใน ขวดนมหลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะพลาสติกประเภทรีไซเคิลที่มีตัวเลข 7 และกำกับด้วยข้อความ OTHER เนื่องจากพลาสติกชนิดนี้เป็นพวก โพลีคาร์บอเนต (polycarbonate plastic) และภาชนะพลาสติกประเภทรีไซเคิลที่มี เลข 3 ประเภท PVC ซึ่งทำให้สาร Bisphenol A จะสามารถปนเปื้อนออกมาจากภาชนะได้ถ้าภาชนะชิ้นนั้นสัมผัสกับความร้อน และหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ ภาชนะปลอดสาร Bisphenol A ที่มีจำหน่ายตามท้องตลาด โดยสังเกตสัญญาลักษณ์ BPA Free


ที่มา
//msds.pcd.go.th/searchName.asp?vID=1548
//www.babybestbuy.in.th/shop/BPA



Create Date : 03 มิถุนายน 2557
Last Update : 3 มิถุนายน 2557 15:08:54 น. 0 comments
Counter : 963 Pageviews.

konseo
Location :
ohio United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]




Friends' blogs
[Add konseo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.