ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเกษตรกรรายหนึ่งประกอบอาชีพ ด้วยการทำสวนส้มขนาดใหญ่ แล้วเก็บไปขายส่ง
ด้วยความขยันและอดออม จึงทำให้มีรายได้เก็บพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ จนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐีคนหนึ่ง
เมื่อลูกชายโตเป็นหนุ่ม สมควรหาคู่ครองได้แล้ว จึงบอกให้ลูกชายเลือกหญิงสาวในหมู่บ้านมาเป็นภรรยา
เมื่อลูกชายมาบอกว่า บ้านนั้นมีลูกสาว พอจะเป็นสะใภ้ได้ เศรษฐีก็ไปที่บ้านนั้น พิจารณาดูโดยรอบคอบแล้ว เห็นว่าไม่น่าจะขอมาเป็นสะใภ้ จึงบอกให้ลูกชายเลือกใหม่ เครดิตภาพ
oranuch_sriเมื่อลูกชายบอกว่า บ้านนั้นบ้านนี้แกก็ไปดู แต่ก็ไม่ชอบใจสักรายเดียวจนแกคิดว่าคนในหมู่บ้านนี้ ไม่มีใครเหมาะที่จะเป็นสะใภ้บ้านแกได้
นานเข้าแกก็คิดอุบายได้โดยไม่ต้องไปดูที่บ้าน ได้แต่ประกาศไปว่าบ้านใดมีลูกสาวให้นำหยากไย่ที่ติดอยู่ตามฝาตามเพดานบ้านมาแลกส้มได้ตลอดเวลา
บ้านที่มีลูกสาวต่างสอยเอาหยากไย่ ที่มีอยู่ทั่วไปในบ้านมาแลกส้มกันเป็นเอิกเกริก แกรับหยากไย่แล้วก็ให้ส้มไปรายละชะลอมใหญ่
ทุกหมู่บ้านในละแวดใกล้เคียง ผู้คนต่างนำหยากไย่มาแลกส้ม ของเศรษฐีกันถ้วนหน้า แกก็อ่านใจว่าแต่ละบ้าน ที่นำหยากไย่มาแลกส้มนั้น
แสดงว่าลูกสาวเป็นคนไม่รักความสะอาด จึงปล่อยให้มีหยากไย่มาก จนระเอามาแลกส้มได้ จึงไม่เหมาะที่จะสู่ขอมาเป็นสะใภ้ แต่แกก็ไม่ละความพยายาม ได้บรรทุกส้มใส่รถยนต์แล้วพาลูกชายตระเวนแลกส้มไปยังต่างตำบล ผู้คนรู้ข่าวว่าเศรษฐีตำบลโน้น นำส้มมาแลกหยากไย่ จึงเตรียมหยากไย่ไว้รอท่า
แต่แกประกาศรับแลกเฉพาะบ้านที่มีลูกสาวเท่านั้น เมื่อส้มหมดก็กลับบ้าน วันรุ่งขึ้นไปอีกตำบลหนึ่ง ตระเวนอยู่อย่างนี้หลายวัน หลายหมู่บ้านในต่างตำบล จนเกือบจะล้มเลิกวิธีหาสะใภ้
มาวันหนึ่งแกไปทำกิจกรรมเช่นนั้นเหมือนเคย ไปถึงบ้านหลังหนึ่งเห็นหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาดี แต่งตัวสะอาดเรียบร้อย กำลังทำงานบางอย่างง่วนอยู่ที่หน้าบ้าน
ลูกชายเศรษฐีเห็นเข้ารู้สึกพอใจจึงบอกพ่อ พ่อก็ลงจากรถไปถามหญิงสาวว่า “นี่แม่หนู ลุงนำส้มมาแลกกับหยากไย่ ที่บ้านมีหยากไย่ก็ไปสอยไประเอามาแลกกับส้มของลุงสิ”ห
ญิงสาวได้ตอบอย่างฉาดฉานว่า “ที่บ้านหนูไม่มีหยากไย่หรอกจ้ะคุณลุง เพราะหนูและพ่อแม่ช่วยกันระอยู่ประจำ”เศรษฐีจึงมองไปข้างในบ้านซึ่งเป็นบ้านเก่าๆ ชั้นเดียว เห็นพื้นภายในสะอาด ถูกเช็ดถูเป็นเงาวับ ตู้ โต๊ะ เก้าอี้ก็สะอาด ตั้งเป็นระเบียบ ข้าวของเก็บไว้เรียบร้อยไม่ระเกะระกะ
จึงเกิดความพอใจในระดับหนึ่ง แต่ใคร่จะทดสอบดูให้แน่อีกอย่างหนึ่งคือในครัว แกจึงถามหญิงสาวว่า “ไม่มีหยากไย่ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ เอาขี้เถ้าในเตาก็ได้ มีไหมถ้ามีก็เอามาแลกกับส้มได้นะ”เนื่องจากสมัยโบราชาวบ้านเขาหุงข้าวทำอาหารด้วยเตาถ่าน หรือไม่ก็เตาฟืน จึงมีขี้เถ้าเหลือตกค้างอยู่ทุกครั้ง
เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวก็รีบตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดว่า “ขี้เถ้าก็ไม่มีจ้ะคุณลุง เพราะแม่สอนไว้ว่าก่อนติดไฟในเตา ให้กวาดเถ้าออกให้หมดเสียก่อนเพราะไม่อย่างนั้นเวลาพัดให้ไฟติด ขี้เถ้ามันจะฟุ้งขึ้นมาทำให้ปลิวว่อนสกปรกไปทั้งครัว หนูเพิ่งกวาดทิ้งไปเมื่อสักครู่ เพื่อเตรียมหุงข้าวให้พ่อแม่ที่ไปทำงานกัน”
เศรษฐีได้ยินดังนั้นก็พอใจมาก ใช่เลย ผู้หญิงลักษณะนี้แหละที่เหมาะจะเป็นสะใภ้ของตน แสดงว่าเป็นคนสะอาด เรียบร้อย ว่าง่ายสอนง่าย ละเอียด ทำงานเป็น
พ่อแม่อบรมสั่งสอนมาดี และเป็นเด็กรักดีจึงปฏิบัติตามที่พ่อแม่อบรมสั่งสอนอย่างเต็มใจและทำได้อย่างที่ได้รับอบรมสั่งสอนมาหลังจากนั้นไม่กี่วันเศรษฐีก็มาสู่ขอหญิงสาว ไปเป็นสะใภ้ด้วยตนเอง.เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า การหาคู่ครองให้ลูกของพ่อแม่ก็ดี การหาคู่ครองเองของชายหญิงก็ดี จึงต้องพิถีพิถันและใช้ความรอบคอบในการเลือกเฟ้นให้มากที่สุดเพราะเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของชีวิตทั้งชีวิต ไม่ควรเลือกแค่เปลือกนอก คือดูแค่รูปร่างหน้าตา ดูฐานะการเงินหรือดูวงศ์ตระกูลเป็นหลักเท่านั้น
ควรดูให้ถึงอุปนิสัยใจคอ ดูความประพฤติ ดูความละเอียดลออ ดูความเป็นคนสะอาดเรียบร้อย ฉลาดจัดการงานดี เป็นต้น ประกอบไปด้วย
เพราะลำพังแต่มีฐานะตระกูลดี มีความรู้ดี หรือมีหน้าตาดี แต่อุปนิสัยไม่งาม หยิบโหย่ง ทำอะไรไม่เป็น หรือเป็นคนหยาบ ก็จะไม่อาจรักษาสมบัติและชื่อเสียงวงศ์ตระกูลไว้ได้
หรือไม่ก็อาจเข้ามาผลาญ เข้ามาก่อความร้าวฉาน เข้ามาทำความเดือดร้อนให้ทุกคนก็เป็นได้ เลือกให้ดีย่อมจะไม่ผิดหวัง
หากไม่พิถีพิถันก็จะต้องช้ำใจไปตลอด หรือไม่หม้อข้าวยังไม่ทันดำก็ต้องแยกกันไป กลายเป็นปมด้อยติดตัวติดใจกันไปตลอดชีวิต.จากหนังสือ กิร ดังได้สดับมา
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)
เครดิต https://newskyof2018.blogspot.com/2020/08/blog-post_12.html