เครดิตภาพเฮดบล็อก
เรือนเรไรเครดิตภาพไลน์
ญามี่เครดิตกรอบ
goffymewชายชราคนหนึ่งเป็นคนใช้ของเศรษฐี ทำหน้าที่เป็นคนสวนอยู่กับเศรษฐีมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ วันหนึ่งแกดายหญ้าตั้งแต่เช้ายันบ่ายเหนื่อยนักจึงพักเอาแรงที่ร่มไม้ต้นหนึ่ง
ขณะกำลังเคลิ้ม ๆ อยู่นั้นได้ยินเสียงอะไรบางอย่างอยู่ใกล้ตัว ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เห็นนกกระทาตัวหนึ่งกำลังเดินหากินใกล้ๆ อย่างไม่ระวังตัว มันคงคิดว่าแกเป็นขอนไม้ก็ได้
แกจึงตะครุบนกกระทาไว้ได้ นกกระทาตกใจมากเมื่อถูกจับตัวและยิ่งกลัวหนักขึ้นเมื่อเห็นชายชราค่อยๆ ดึงมีดออกจากเอว คงจะเชือดคอตนให้ตายเป็นแน่ “อย่าฆ่าฉันเลย” นกกระทาร้องเป็นเสียงมนุษย์ชายชราตาเหลือก นกอะไรพูดได้ ผีหรือเปล่า แต่ก็ยังไม่ปล่อยนก ทิ้งมีดและประคองนกไว้ตรงหน้า พิจารณาดูอย่างละเอียด มันก็นกกระทาธรรมดานี่เอง แต่ทำไมพูดได้ แกจึงลองพูดไปว่า “ไม่ฆ่าตอนนี้ก็ได้ แต่ข้าจะไม่ปล่อยเอ็งไปง่ายๆ”“อย่างเพิ่งฆ่าฉันตอนนี้เลย ฉันจะบอกของดีให้ท่าน ๔ ข้อ เมื่อบอกหมดแล้วค่อยฆ่าฉันก็ได้” นกกระทาต่อรอง ชายชราเชื่อว่านกพูดได้จริงจึงหายกลัว แต่ก็นึกสนุกอยากฟังนกพูดต่อไปอีก จึงถามว่า “เอาว่าไป เอ็งมีอะไรจะบอกรีบว่ามา”“ขอให้ลุงจำไว้ให้ดีนะ การที่คนเราจะมีความสุขในชีวิตได้จะต้องปฏิบัติตามหลัก ๓ ข้อ ข้อหนึ่งต้องระวังรักษาของดีที่หาได้ไว้ให้ดี อย่าให้สูญหายไปง่ายๆ
ข้อสองอย่าเศร้าโศกเสียใจเมื่อของดีนั้นต้องสูญหายไป และข้อสามจงฟังหูไว้หู อย่าหูเบาเชื่อคนง่าย”“๓ ข้อเท่านี้เองเรอะ ไหนเมื่อครู่บอกว่ามี ๔ ข้อ อีกข้อหนึ่ง ว่าอย่างไรบอกมาซิ” ชายชราทวง
“อีกข้อหนึ่งนั้นสำคัญนัก ฉันจะบอกลุงก็ต่อเมื่อลุงปล่อยให้ฉันเป็นอิสระสักครู่หนึ่ง ได้หายใจหายคอมั่ง ลุงเล่นบีบอยู่อย่างนี้ก็แย่สิ”ชายชราได้ยินนกต่อรองดังนั้นก็ตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่า “ข้อเตือนใจ ๓ ข้อที่นกบอกเรานั่นก็มีค่าเกินคุ้มแล้ว หากเราปล่อยแล้วมันบินหนีไปเลย ก็ทำให้เราอดกินมันอิ่มเดียวเท่านั้น ลองปล่อยมันไป จะได้รู้ข้อที่ ๔ ด้วย” แล้วก็วางนกลงบนพื้นดินนกกระทาได้รับอิสระแล้วรีบวิ่งห่างชายชราออกไปพอที่จะเอื้อมมือไปคว้าไม่ถึง แล้วหันกลับมาพูดกะชายชราว่า “ลุงนี่ขี้ลืมชะมัดยาดเลย ฉันบอกเมื่อตะกี้นี้เองในหลักข้อที่ ๑ ว่าต้องระวังรักษาของดีที่หาได้ไว้ให้ดี แต่ลุงกลับปล่อยฉันง่ายๆ ไม่ยอมรักษาไว้”แกได้ยินนกต่อว่าเช่นนั้นก็ถึงกับเกาหัว นึกฉุนตัวเองอยู่เหมือนกันที่เสียท่านกกระทา แต่ก็ทำใจดีขอร้องนกกระทาว่า “ช่วยบอกข้อ ๔ หน่อยได้ไหม ข้าอยากรู้”นกกระทาบอกว่า “ข้อที่ ๔ นี้มิใช่ข้อเตือนสติเตือนใจอะไรหรอก แต่ขอบอกว่าในท้องของฉันนี่มีเพชรเม็ดงาม หนักถึง ๒๐๐ กะรัตเชียวนะ แต่ขอโทษทีเถอะ ลุงปล่อยฉันเสียแล้ว ลุงเลยอดที่จะได้เพชรเม็ดงามนี้ไปเพราะฉันจะบินไปแล้ว”ชายชราทรุดลงทั้งยืน รำพึงรำพันกับตัวเอง “โธ่เอ๋ยเรา ไม่น่าปล่อยให้หลุดมือไปเลย เกือบจะได้เป็นเศรษฐีอยู่แล้วเชียว” แล้วแกก็นั่งหน้าเศร้าเสียใจด้วยความเสียดายเพชร“ลุงลืมอีกแล้ว” นกกระทาต่อว่า “หลักข้อ ๒ ที่ว่าอย่าเศร้าโศกเสียใจเมื่อของดีนั้นต้องสูญเสียไป ทำไมลุงไม่เชื่อฉันเลย จะเสียใจไปทำไม ไหนๆ ลุงก็ปล่อยฉันมาแล้ว และไหนๆ ลุงก็ไม่ได้เพชรแล้ว เสียใจไปมันก็เท่านั้นจริงไหม”ได้ยินนกกระทาพูดดังนั้นแกก็ได้สติ หยุดเศร้า ท่าทีดูสบายใจขึ้น แต่ยังออกอาการเสียดายอยู่ “ลุงนี่มิใช่จะลืมแค่ ๒ ข้อเท่านั้นนะ ข้อสุดท้ายก็ลืมด้วย คือเป็นคนหูเบา เชื่อง่าย ฉันพูดอะไรก็เชื่อง่ายๆมีอย่างที่ไหนนกกระทามีเพชร ๒๐๐ กะรัตอยู่ในท้อง เพชรขนาดนั้นมันใหญ่เกือบเท่าตัวฉันแล้ว เมื่อมันอยู่ในท้อง ฉันจะบินไปไหนมาไหนได้อย่างไร เพชรหนักขนาดนั้นมันหนักกว่าตัวฉันเสียอีก ที่จริงในตัวฉันไม่มีเพชรแม้แต่กะรัตเดียว ฉันลองใจลุงต่างหาก”ชายชราได้ฟังก็หายเศร้าเป็นปลิดทิ้ง ลุกขึ้นยืนอย่างคนมั่นใจตัวเอง นัยน์ตาจ้องไปที่นกกระทาอย่างชื่นชมในความเฉลียวฉลาดเกินตัวของมัน นับเป็นบุญของตนนักที่ได้เห็นได้ยินสิ่งอัศจรรย์ที่แกคิดว่าคนอื่นคงไม่มีโอกาสอย่างแกแน่นอน และคิดว่าจะจดจำหลักดำเนินชีวิตทั้งสามข้อที่นกกระทาฝากไว้และจะดำเนินตามไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่.เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า ปกติคนเราย่อมได้ฟังคำพูดที่ดีๆ ที่เป็นคำสอน คำเตือนสติ หรือคำที่เป็นหลักปฏิบัติตัวง่ายๆ จากผู้ใหญ่เช่นพ่อแม่ หรือครูบาอาจารย์ด้วยกันทุกคน แต่มักจะไม่ใส่ใจจดจำ ไม่ให้ความสำคัญส่วนคำด่า คำหยาบคาย หรือคำที่เพ้อเจ้อไม่มีประโยชน์ กลับจดจำนำไปพูดกันโดยเห็นว่าโก้เก๋ทันสมัย ใน
ชีวิตจึงไม่มีแก่นสารอะไรสำหรับยึดเป็นแนวปฏิบัติ อารมณ์ก็อ่อนไหว เต้นไปตามกระแส เป็นคนหูเบา เชื่อคนง่าย
เมื่อได้รับความสูญเสียหรือความผิดหวังเข้าก็ร่ำไห้เสียใจ ตีโพยตีพายประชดตัวเอง หรือไม่ก็เก็บตัวหลบหนีสังคมไปเลย เป็นการทรมานตัวเองโดยแท้ จากหนังสือ กิร ดังได้สดับมา
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)
คลิกเพื่อชมภาพและอ่านต่อ....