|
◐◑↔คนโคราชไม่ใช่ ลาว แล้วคนโคราชเป็นใคร? มาจากไหน?
เครดิต สุจิตต์ วงษ์เทศ
วิกิพีเดีย ตราประจำจังหวัด นครราชสีมาหรือโคราช อยู่ต้นลําน้ำมูลในอีสาน เป็นบ้านเมืองที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เริ่มด้วยมีชุมชนหมู่บ้าน เก่าแก่อยู่ที่บ้านปราสาท (ตําบลธารปราสาท อําเภอโนนสูง) และบ้านโนนวัด (ตําบลพลสงคราม อําเภอโนนสูง) กับมีแหล่งภาพเขียนสียุคดึกดําบรรพ์อยู่ที่ถ้ำเขาจันทน์งาม (บ้านเลิศสวัสดิ์ ตําบลลาดบัวขาว อําเภอสีคิ้ว) ทั้งสองแห่งมีอายุประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว ล้วนเป็นหลักฐานมันคงว่าชุมชนเหล่านี้มีพัฒนาการตั้งแต่ 3,000 ปีแล้ว แล้วสืบเนื่อง ถึงปัจจุบันไม่ขาดสาย (ดังมีรายงานการขุดค้นแหล่งโบราณคดีบ้าน โนนวัด ตําบลพลสงคราม อําเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ของรัชนี ทศรัตน์ สํานักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา สํานักโบราณคดี กรมศิลปากร)
หลังจากนั้นก็มีพัฒนาการเป็นบ้านเมือง แล้วรับอารยธรรมจากต่างประเทศผ่านขึ้นมาทางภาคกลางบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ราวหลังพ.ศ. 1200 บ้านเมืองแถบนี้รับพระพุทธศาสนาผ่าน รัฐทวารวดี ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เข้ามาเป็นศาสนาประจำถิ่นมี 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มนับถือคติหีนยาน มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเสมา (เขตอำเภอสูงเนิน) และ กลุ่มนับถือคติมหายาน มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองพิมาย (เขตอําเภอพิมาย)
หลัง พ.ศ. 1500 อิทธิพลทางการเมืองและวัฒนธรรมขอมจากเมืองพระนครซึ่งนับถือศาสนาฮินดูได้แผ่ขยายเข้ามาครอบครองบริเวณลุ่มแม่น้ำมูลอย่างเต็มที่ แต่ท้องถิ่นเมืองพิมาย ก็ยังคงยกย่องนับถือคติมหายานอย่างต่อเนื่อง
ระหว่าง พ.ศ. 1550-1600 ก็ เริ่มสร้างปราสาทพิมาย มีขนาดใหญ่โตที่สุดในแดนอีสาน
ปราสาทพิมายไม่ใช่ เทวสถาน ของฮินดู แต่เป็นวัดพุทธคติมหายาน และมีหลักฐานน่าเชื่อว่าที่นี่เป็นศูนย์กลางของแคว้นมหิธรปุระ ซึ่งเป็นถิ่นกําเนิดราชวงศ์มหิธรปุระ บรรพบุรุษของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้ทรงสร้างปราสาทนครวัดและกษัตริย์ขอมองค์อื่นๆ อีก ตรงนี้หมายความว่าบรรพบุรุษของกษัตริย์เขมรสาย หนึ่งมีหลักแหล่งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำมูลนี้เอง
เมืองพิมายลดความสําคัญลงเมื่อหลัง พ.ศ. 1763 (โดยประมาณ) เนื่องมาจากสิ้นรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อาณาจักรขอมเมืองพระนครเสื่อมโทรม คติมหายานก็โรยรา และพระพุทธศาสนาคติเถรวาทจากลังกา (ลังกาวงศ์) เฟื่องฟูขึ้นแทนที่ แต่เมืองพิมายก็มิได้รกร้างเพียงแต่ไม่คึกคักคับคั่งเหมือนสมัยก่อนๆ
ต่อจากนั้นพวก สยาม ก็แผ่อํานาจลงมามีอิทธิพลเหนือบ้านเมืองและแว่นแคว้นบริเวณลุ่มแม่น้ำมูล ไม่มีหลักฐานว่า สยาม พวกนี้มาจากไหน? แต่มีร่องรอย หลายอย่างน่าเชื่อว่ามาจากแคว้น โคตรบูร (มีศูนย์กลางอยู่เมืองเวียงจัน)
เมืองนครราชสีมา มีชื่อครั้งแรกในกฎมณเฑียรบาล ชื่อนี้มาจากคําว่า นคร+ราช+สีมา หมายถึงนครที่เป็นชายขอบของราชอาณาจักร (สยาม) แต่ปากชาวบ้านเรียกสั้นๆ ว่า ครราช (อ่านว่า คอน-ราด) แล้วเพี้ยนเป็น โคราช (ที่มาของชื่อเมืองนครราชสีมาไม่เกี่ยวกับตํานานเมืองเสมากับเมืองโฆราคปุระที่ผูกนิทานขึ้นมาภายหลัง)
เอกสารสมัยต้นกรุงศรีอยุธยา เช่น พระราชพงศาวดารฯ และอื่นๆ ไม่ค่อยมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับอีสาน แต่มีฉบับหนึ่งบันทึกว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) เตรียมจะยกทัพไปตี บ้านเมืองแถบลุ่มแม่น้ำมูล เมื่อเจ้าเมืองพิมายกับเจ้าเมืองพนมรุ้งรู้ข่าว ก็ชิงยอมอ่อนน้อมเสียก่อน ก็เป็นอันรู้ว่ากรุงศรีอยุธยามีอํานาจเหนือบ้านเมืองแถบลุ่มแม่น้ำมูลในสมัยนี้เอง
ดังนั้น เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถซึ่งเป็นพระราชโอรสเจ้าสามพระยาได้ครองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อมา (พ.ศ. 1991-2031) และโปรดให้ทํากฎมณเฑียรบาล จึงมีรายชื่อเมืองขึ้นตั้งแต่เขตลุ่มแม่น้ำมูลถึงแม่น้ำโขงคือเมืองโคตรบอง (โคตรบูร) และเมืองเรวแกว (เมืองเรอแดวหรือระแว์) อยู่ลุ่มแม่น้ำโขง (ในลาวใต้ทุกวันนี้) ส่วนทางลุ่มแม่น้ำมูลมีเมืองนครราชสีมาอยู่ในฐานะ เมืองพญามหานคร ที่ได้ถือน้ำพระพิพัฒน์เทียบเท่าเมืองพิษณุโลก, เมืองสุโขทัย, เมืองศรีสัชนาลัย, เมืองนครศรีธรรมราช ฯลฯ ที่ล้วนเคยเป็นบ้านเมืองแว่นแคว้นใหญ่มาก่อน
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงติดต่อกับชาวตะวันตก แล้วรับความรู้ทางด้านเทคโนโลยีจากชาวตะวันตกเข้ามาสร้างป้อมปราการ และกําแพงเมืองสําคัญๆ ด้วยอิฐและหิน เช่น เมืองพิษณุโลก, เมืองศรีสัชนาลัย, เมืองนครศรีธรรมราช เป็นต้น ฉะนั้นการที่มีชื่อเมืองนครราชสีมาปรากฏครั้งแรกในกฎมณเฑียรบาล>และให้มีฐานะเทียบเท่าเมืองสําคัญๆ ที่มีมาแต่ก่อน ก็น่าจะเชื่อได้ว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดให้สร้างกําแพงเมืองนครราชสีมาขึ้นแล้วแต่ครั้งนั้น แล้วสมเด็จพระนารายณ์ฯ มาซ่อมสร้างเพิ่มเติม
เมืองนครราชสีมานี้ เอกสารของลาลูแบร์ซึ่งเป็นราชทูตฝรั่งเศสที่เข้ามาเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ฯ (พ.ศ. 2199-2231) ณ กรุงศรีอยุธยา บอกว่าเป็นเมืองชายแดนที่อยู่ติดพรมแดนลาว แสดงว่าอาณาเขตของลาวสมัยนั้นอยู่ลึกเข้ามาชนแดนเมืองนครราชสีมา ฟังแล้วไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ เพราะล่วงมาถึงสมัยรัชกาลที่ 5 (หลังเหตุการณ์เจ้าอนุวงศ์)แล้ว นายทิม สุขยางค์ ยังบอกไว้ใน นิราศหนองคาย ว่าพ้นเมืองพิมายออกไปถึงลําละแทกก็เป็นเขตเมืองลาว
ก็เสร็จข้ามแม่น้ำลําละแทก เป็นลําแยกจากมูลศูนย์กระแส
สินเขตแดนพิมายเมืองชําเลืองแล เข้าแขวงแควเมืองลาวชาวอารัญ
แสดงว่าพรมแดนเมืองนครราชสีมาจริงๆ แล้วอยู่ตรงลําละแทกเหนือเมืองพิมายนี่เอง สอดคล้องกับเหตุการณ์เจ้าอนุวงศ์ที่ยกทัพล่วงลงมาถึงแดนเมืองนครราชสีมาอย่างสะดวกโดยไม่มีสิ่งใดขัดขวาง
คนโคราชไม่ใช่ ลาว
ก่อนกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2310 กองทัพเมืองนครราชสีมาถูกเกณฑ์ให้มารักษากรุง แต่มีเหตุให้ยกหนีกลับเมืองเสียก่อนเลยไม่ได้รบกับพม่า ครั้งนั้นกรมหมื่นเทพพิพิธซึ่งเป็นโทษต้องเนรเทศไปอยู่ลังกาก่อนแล้วหนีมาอยู่เมืองจันทบุรี ได้ชักชวนพวกชาวเมืองชายทะเลทางตะวันออกยกเป็นกองทัพมาหวังจะรบพม่าเพื่อแก้ไขกรุงศรี อยุธยา
กรมหมื่นเทพพิพิธมาถึงเมืองปราจีนบุรี ให้กองทัพหน้าตั้งอยู่ปากน้ำโยทกาเมืองนครนายก แต่ถูกพม่ายกไปตีทัพหน้าแตกหมด เมื่อเห็นจะสู้ไม่ได้จึงพากันยกหนีขึ้นไปทางเมืองนครราชสีมา กรมหมื่นเทพพิพิธคิดจะชวนเจ้าเมืองนครราชสีมาให้เกณฑ์กองทัพไปรบพม่า แต่พระยานครราชสีมามีปัญหาจึงถูกลอบฆ่าตาย กรมหมื่นเทพพิพิธเลยเข้าไปตั้งอยู่ในเมืองนครราชสีมาแล้วถูกพวกเมืองพิมายยกมาล้อมจับไปคุมไว้เมืองพิมาย
ครั้นกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าก็เป็นอันสิ้นพระราชวงศ์ที่จะครองราชอาณาจักร พวกเมืองพิมายจึงยกให้กรมหมื่นเทพพิพิธขึ้นเป็นใหญ่ เรียก เจ้าพิมาย มีอํานาจเหนืออาณาเขตเมืองนครราชสีมาทั้งหมด เป็นที่รู้จักในชื่อ ก๊กเจ้าพิมาย แต่ท้ายที่สุดก็ถูกสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีปราบปรามได้แล้วให้ประหารชีวิต
จากนั้นเมืองนครราชสีมาก็มีความสําคัญขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกรุงธนบุรีขยายอํานาจออกไปถึงสองฟากแม่น้ำโขงชนแดนกัมพูชา แล้วให้เมืองนครราชสีมาปกครองเหล่าหัวเมืองที่ได้มาใหม่
ก่อนเกิดจลาจลในกรุงธนบุรี เจ้าเมืองนครราชสีมาคือพระยาสุริยภัย เป็น หลาน ของเจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือรัชกาลที่ 1) พระ ยาสุริยอภัยชื่อเดิมว่า ทองอิน เป็นบุตรคนโตของสมเด็จพระพี่นางเธอพระองค์ใหญ่ (สา) เป็นกําลังสําคัญในการนําทัพลงไปยึดอํานาจกรุงธนบุรีเพื่อรอท่าเจ้าพระยาจักรี และเพราะความดีความชอบนี้จึงได้ รับสถาปนาเป็นเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ได้เป็นกรมพระราชวังหลังในรัชกาลที่ 1
จะเห็นว่ากรมหมื่นเทพพิพิธรวบรวมผู้คนจากหัวเมืองชายทะเลตะวันออก มีจันทบุรี, ระยอง, ชลบุรี, ปราจีนบุรี และนครนายก เป็นกําลังสําคัญให้ขึ้นไป ตั้งหลัก อยู่เมืองนครราชสีมาและเมืองพิมาย ครั้นหลังกรุงแตกยังมี ข้าเก่า จากกรุงศรีอยุธยาหนีพม่าขึ้นไปตั้งหลักแหล่งเพิ่มเติมอยู่ด้วยอีกมาก พวกนี้ไม่ใช่ลาวแต่เป็นไทยสยามภาคกลาง เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีปราบ ก๊กเจ้าพิมาย แล้ว ก็ไม่ได้กวาดต้อนผู้คนเหล่านี้ลงมากรุงธนบุรี พวกนี้ได้ปักหลักอยู่ที่นั่นแล้ว กลายเป็นบรรพบุรุษกลุ่มใหญ่ของคนโคราชปัจจุบัน คลิ๊กชมภาพและอ่านต่อ... ภาพ บีจีเล็กๆ ญามี่ / ภาพกรอบ กรอบ goffymew / โค๊ตบล็อกสำหรัมือใหม่ กุ๊กไก่ / เฮดบล็อก เรือนเรไร /ไอคอน ชมพร / สีแต่งบล็อก Zairill /ภาพไอคอน Rainfall in August / แบนด์..การ์ตูน ไลน์น่ารักๆๆ oranuch_sri
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2563 |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2563 3:00:51 น. |
|
0 comments
|
Counter : 777 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
///
เสรีภาพในทางการพูด
ไม่ใช่เสรีภาพในการทำร้ายผู้อื่น "ด้วยการพูด"
|
|
|
|
|
|
|