เปลวเถ้า
มันยังคงหมุนมันยังคงหมุนเอื่อยๆ เขาเอื้อมมือไปกดเบอร์สอง
มันยังคงหมุนมันเริ่มหมุนเร็วขึ้น เร็วขึ้น มันคงที่ เขาเอื้อมมือไปกดเบอร์สาม 
มันยังคงหมุนมันเริ่มหมุนเร็วขึ้น เร็วขึ้น มันคงที่ เขาเอื้อมมือไปกดเบอร์หนึ่ง 
มันยังคงหมุนมันเริ่มหมุนช้าลง มันช้าลง มันคงที่.. เขาจ้องความเร็วคงที่ที่แสนเอื่อยนี้ต่อไป 
แสงไฟสว่างวูบท่ามกลางห้องขนาดเล็กที่มืดสลัว กลิ่นไม้ที่ถูกเผาไหม้สัมผัสจมูกเขา 
แสงยังคงมีอยู่ มันยังคงมีอยู่ มันเริ่มหรี่ลง หรี่ลง มันดับ เขาจุดไม้ขีดไฟหัวสีแดงขึ้นอีกครั้ง 
แสงสว่างวูบทั่วทั้งห้อง มันสว่างมันเริ่มหรี่ลง หรี่ลง มันดับ เขาคาบมวนหนึ่งไว้ที่ปาก รับสัมผัสที่เย็นผ่านริมฝีปากด้วยรสมิ้นที่คุ้นเคย เขาจุดไม้ขีดขึ้นอีกครั้ง สว่างแสงวูบเขายื่นมันมาใกล้มวนนั้น เปลวไฟสัมผัสมัน เขาสูดหายใจเข้า เขาใช้มือคีบมวนนั้นออกหายใจออกช้าๆ ควันปรากฏกระทบแสงจันทร์ มันลอยฟุ้งไป ฟุ้งไปไกล หายไป ควันหายไป แต่ควันภายในของเขายังไม่หายไปมันยังคงอยู่ มันอยู่กับเขามานานเหลือเกิน เขาควรลืมมัน เขาครุ่นคิดอีกครั้งเขาโทษแสงดาวและความมืดมันทำให้เขากลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เขาสูดหายใจเข้าปอดของเขารับควันระคนกลิ่นเมนทอลมิ้น ชั่วขณะหนึ่ง เขาหายใจออกควันปรากฏกระทบแสงจันทร์ มันลอยฟุ้งไป ฟุ้งไปไกล หายไป ควันหายไป แต่ควันภายในของเขายังไม่หายไปมันยังคงอยู่


แด่ ภายในของฉัน.

        ..................................................................................................................................................

ลมหนาวระคนปนไอร้อนระอุโชติด้วยบ่ายแก่ๆในเดือนตุลาคมที่นี่เป็นสถานที่วิเวกในปรกติขณะ แต่เมื่อมันถูกใช้งานจะเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาฝูงชนที่เนืองแน่นต่างทยอยกันนั่งเก้าอี้ ร้อนเหลือเกินพวกเขาคงคิดเช่นนั้น วันนี้พวกเขาต้องสวมใส่ชุดสีดำเพื่อร่วมไว้อาลัยการจากไปของหญิงสูงวัยนางหนึ่งสามเณรบวชใหม่ปาดเหงื่อต่างน้ำจีวรผืนหนานี้เขาไม่คุ้นชินเขาต้องห่มไว้อย่างนี้ตลอดทั้งบ่าย นั่นไม่ใช่ประเด็นและเขาไม่สนใจสายตาเขายังคงมองไปที่ฝูงชน เต็มไปด้วยความทรงจำแต่เก่าก่อนผู้คนที่ซึ่งเขาเคยสนิทในวัยเด็กและเคยพานพบผ่านนั้นช่างคุ้นตาตาสมคนขายโรตี ลุงบุญผู้ขายน้ำแข็งใส ป้านฤมลขายหวานเย็นบุคคลเหล่านี้คือผู้ที่เขาสนิทด้วยในวัยเด็ก เขาจำเราได้ไหมนะร่องรอยที่บ่งบอกถึงการทำงานมาอย่างหนักหน่วงในวัยหนุ่มสาวปรากฏชัดเด่นกาลเวลาช่างทำร้ายใบหน้าของพวกเขาเหลือเกิน ช่างเถอะมันเป็นความคิดที่ฟุ้งซ่าน เขาเป็นสมณะ นี่ไม่ใช่กิจ พุทธ...โธ...พุทธ...โธ...  เขาภาวนาท่ามกลางลมหายใจเข้าออก....เอาหละสงบดีแล้วในแววตาของเขากล่าวเช่นนี้ท่ามกลางพิธีทางศาสนาที่วุ่นวายหลายขั้นตอนสามเณรไม่สนใจในกิจกรรมเหล่านั้นนั่นไม่ใช่สาระที่ควรขบคิดให้เกิดประโยชน์ถึงแม้เขาจะพยายามละความสนใจออกห่างจากความคิดนี้ที่ดูเหมือนจะไม่จบสิ้นในปุฉฉาแห่งความสังเกตเขาพยายามภาวนาต่อไป และต่อไปเขาค้นพบว่าแท้จริงแล้วการสังเกตแขกเกลื่อนในงานพิธีนี้เป็นแค่กลของใจที่พาลไม่ให้เขาคิดมากยังมีความคิดหนึ่งความคิดที่คงอยู่มาตลอดกับเขาตั้งแต่เช้าตรู่ ความคิดที่เป็นกบฏยังคงครุกรุ่นอยู่ไม่หาย……เมรุ

ฟ้าที่ปนสีดำทอแสงดาวที่เริ่มจาง ใบหญ้าที่เปียกชื้น ลมหนาวในตอนเช้ายังคงพัดระริกอยู่ไม่สร่างซาก่อนที่ไออุระร้อนยามบ่ายจะบังเกิด หลังจากที่สามเณรทำวัตรเช้าเสร็จแววตาเขานั้นสดใสด้วยความสงบในยามเช้า ไร้ซึ่งทุกสิ่งที่รบกวนน่าเสียดายวันนี้เขาไม่ได้ออกกิจบิณฑบาตเช่นทุกวันเขาเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ด้วยเท้าเปล่า สัมผัสที่แหวกใบหญ้าสีเขียวออกช่างหยาบกระด้างระคนปนกับความชุ่มชื้นของน้ำคางที่สะสมมาค่อนราตรีกาลเขาชอบความรู้สึกนั้น มันทำให้เขาผ่อนคลาย “..ครืด...ครืด...’’ อ่าห์ ให้ตายสิ สามเณรรู้สึกหงุดหงิดเป็นอีกครั้งในหลายๆครั้งที่เขาถูกพรากโอกาสละมุนละม่อมที่หัวใจเขาโอบกอดธรรมชาติให้ตายเหอะ นั่นใครนะ เขามองไปตามเสียงรบกวนโสตประสาทนั้น เสียงที่เหมือนกับเหล็กกร่อนๆถูกลากไปมาไม่รู้จบต้นเสียงอยู่ไม่ไกลเกินกว่าจินตนาการที่ที่เขาพบเจอในทุกวันมันตั้งอยู่ด้านหลังกุฏิที่เขาพำนักพักพิงอยู่นั่นเอง เขาทำอะไรกับเมรุกันนะสามเณรเดินไปดูหวังว่าจะหายสงสัย เมรุสถานที่ที่ซึ่งใช้ปลงร่างผู้วายชน ก่อด้วยอิฐถือปูนลวดลายงานปั้นงานหล่ออันวิจิตรตามนิยมคติของชาวพุทธ มีปล่องสูงคล้ายปล่องไฟของบ้านนิยมตะวันตกแต่เรียวและเล็กกว่าสารประโยชน์ของปล่องนั้นคล้ายกันแต่ต่างที่วัตถุประสงค์กรณีนี้ก็เพื่อระบายควันจากกิจกรรมอันระอุลุกโชนสำหรับผู้วายชนนั่นเอง ลุงแก่ๆคนหนึ่งกล่าวทักทายสวัสดีสามเณรราวกับว่ารู้จักเขามานานแสนนานเหลือเกินแต่ไม่สำหรับสามเณรเขาได้แต่ยิ้มไม่พูดจา การไม่พูดจะดีที่สุดเขาคิดเช่นนั้น ยังไม่ทันที่รอยยิ้มจะระเลือนหายชายแก่ก็สาธยายสภาพอากาศอันน่าอภิรมย์รับลมหนาวในยามเช้าทั้งของปัจจุบันขณะนี้และของอดีตย้อนไปหลายปีสมัยที่ชายชรายังละอ่อน ท่ามกลางกระสุนน้ำลายที่ชายวัยย่างเข้าหกสิบสาดกระเซ็นใส่สามเณรยัง เขายังไม่หยุด ขณะที่พูดเขายังคงส่ายหัวไปมากลิ่นสี่สิบเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ฟุ้งยิ่งกว่าน้ำลายของเขาเสียอีกสามเณรยังคงพยายามจับใจความที่เขาพูด แต่ก็ไม่ได้ศัพท์อะไรเลย จะด้วยปฏิกิริยาการตอบสนองของผู้ฟังที่ไร้ซึ่งความสนใจหรือจะเพราะเขาเหนื่อยก็แล้วแต่เขาหยุดพูด อ่าห์ หยุดเสียทีสามเณรอยากจะกราบเขาลงเสียตรงนั้นถ้าไม่ติดที่ว่าเขาเป็นสมณะอยู่ ใช่แล้วเป็นอื่นไปไม่ได้นี่คือชายชราผู้ที่สามเณรมั่นใจแล้วว่านี่คือสัปเหร่อชายผู้ควบคุมดูแลสถานสงเคราะห์ศพแห่งนี้ไม่ผิดแน่

สัปเหร่อหมุนเกลียววงกลมราวกับประตูเรือดำน้ำในซีรี่ย์ฝรั่งไม่ผิดเพี้ยนเป็นงานที่ดูเหมือนจะลำบากที่สุดในจังหวะนั้นดูเหมือนว่าเกลียวล้อหมุนนี้จะไม่ได้ใช้งานมาซักพักใหญ่แล้วเขามีจังหวะของการหมุนเห็นชัดว่าจังหวะนี้เกิดจากประสบการณ์จากการใช้งานโดยตรง เสียงเอี๊ยดๆยังคงดังสอดคล้องกับการเอนตัวโยกไปในทิศทางหมุน นี่คงเป็นชั่วอึดใจที่ยาวนานสำหรับชายชรา ในที่สุดความพยายามก็สำเร็จผลสิ้นสุดการหมุนลงเสียทีเขาเปิดฝาประตูนั้นออก “โอ้ยยยย” เขาสบถกังวาน ใช่แล้วมันมีสองประตู ประตูบนและล่างเขาต้องสู้รบปรบมือกับอีกประตูหรือนี่กว่าจะเสร็จสามเณรก็ได้ยินเขาสบถไปหลายโอ้ยทีเดียว สัปเหร่อชราเปิดฝาออกได้สำเร็จเขาถามหาผ้าปิดจมูกกับสามเณร สามเณรชักสีหน้าฉงน...ให้ตายเหอะลุง มันก็ปิดจมูกลุงอยู่นั่นไง...สามเณรไม่สนใจได้แต่มองดูเขาด้วยความเวทนาอะไรทำให้ชายชราเป็นแบบนี้ เขาร่ำสุราเป็นปกติวิสัยเหรอ หรือมีปัญหาทุกข์ใจอะไรเรื่องครอบครัวเรื่องการเงินหรือเรื่องความรักหาสาระไม่ได้ในภวังค์คิดสามเณรหยุดอารมณ์นี้ทันที ชายชราก้มหัวต่ำเดินค่อมๆตะล่อมเข้าไปในเตาเมรุพลางใช้มือที่กำแน่นด้วยไม้กวาดดอกหญ้าราคาถูกปัดกวาดเป็นการใหญ่ ฝุ่นระคนคลุ้งไปทั่วเมรุ ไม่ได้กินผมหรอกสามเณรคิดในใจพร้อมดึงจีวรปิดจมูกอย่างรวดเร็ว เสี้ยววินาทีของกิจกรรมที่ดูขมักเขม่นของชราดูเหมือนเวลาจะเดินช้าลงในขณะจิต ท่ามกลางฝุ่นคลุ้ง บ้างโปรยปรายบ้างเคลื่อนที่ด้วยวิถีโปรเจคไทต์ เม็ดฝุ่นขนาดเล็กสัมผัสแสงอาทิตยามเช้าสะท้อนระริวริกอยู่ไหวๆ ช้าลง ช้าลง ช้าลง มันช้าลงตามแรงผลักที่ลดลง มันสวยงามในชั่วขณะเขานึกว่าเขากำลังอยู่ในดรีมเวิลดูละมุนและแพรวพราวให้ความรู้สึกที่เบาสบาย ก่อนความจริงจะปรากฏแก่สายตาเขาสามเณรฉุกคิดได้ว่าไม่มีฝุ่นใดที่จะอยู่ภายในเตาเผาเมรุนี้ นอกจากซากเศษของสิ่งมีชีวิตที่เคยถูกเรียกว่ามนุษย์มาก่อน...

นี่สินะความรู้สึกที่เรียกว่าเศร้าหมองมันมากเหลือเกินเกินกว่าเขาจะทนสัมผัสได้อีกครั้งสุดท้ายที่เขาระลึกได้ถึงความเศร้าหมองคือการได้ดูหนังเรือง Schindler'sList ของผู้กำกับชาวยิวที่เขานับถือ StevenSpielberg ภาพโศกนาฏกรรมการสังหารหมู่ชาวยิว กองซากศพที่เหมือนงานแสดงศิลปะถึ่มๆความสังเวชอารมณ์ในหมู่มวลมนุษย์ด้วยกันถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพขาวดำอ่าห์...นั่นไม่เกี่ยวเลยนี่แค่เสี้ยวนึงของความคิดอันหลากหลาย สถานการณ์ปัจจุบันที่เขาพานพบมันรุนแรงกว่านี่คือฝุ่นที่ประกอบไปด้วยองค์คาพยพของมนุษย์ปนปอนกับเศษอะไรซักอย่างที่แยกไม่ออกมันเหมือนกับเศษของการเผากระดาษไม่เพี้ยนผิด ยังไม่ทันจะปรับอารมณ์ให้เข้าที่เข้าทางความสังเวชยังไม่ทันหายสามเณรยังไม่ทันจะนึกคิดภาวนาพุทธโธให้รู้สติแก่ตน ชายชราขี้เมาก็ลากภาชนะที่ลักษณะคล้ายฐานรองโลงศพผู้วายชนออกมาชายชราลากออกมาอย่างเชื่องช้า เสียงล้อกระทบกับรางลาก เอี๊ยดดดดดดด เอี๊ยอดดดดถูกแล้วทุกอย่างทำขึ้นจากเหล็กสามเณรรุดมุดเข้าไปในเตาเพื่อช่วยตาแก่ขี้เมาลากสิ่งนั้นออกมา เขาค้นพบว่าเขาไม่มีความกลัวในสิ่งที่พบเห็นความกลัวมันหายไป อาจแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์อะไรซักอย่าง เขาไม่อาจนิยามได้ในขณะนั้นแต่ช่างคล้ายเหลือเกิน มันคล้ายเหลือเกิน ความรู้สึกนี้เขาเคยประสบเมื่อหลายปีก่อนแต่เขาไม่แน่ใจนัก เรื่องนั้นเขาต้องครุ่นคิดอีกทีหนึ่ง ภายในภาชนะที่ว่ามีลักษณะเป็นแอ่งสำหรับบรรจุอะไรสักอย่างก็ไม่ทราบแน่แต่ที่แน่ๆในตอนนี้มันเต็มไปด้วยซากร่องรอยอารยธรรมที่ผ่านการใช้งานมาอย่างจำเพราะเศษซากของการเผาไหม้ นี่ใช่เศษซากไม้หรือเศษซากกระดูกคน? เขาโน้มตัวลงจ้อง....ไม่ผิดแน่...นี่คือซากมนุษย์ที่ยังคงเหลืออยู่...แกนกระดูกที่สึกกร่อนด้วยความร้อนอันระอุและยาวนาน..สุดเกินจะพรรณนา เขาแน่นิ่งดวงตาสีเทาของเขาจ้องมองไม่ลดละและแล้วกระแสความคิดของเขาก็ไหลบ่าราวกับน้ำป่าก็ไม่ปาน นี่คือใคร? ส่วนไหนของร่างกาย? หน้าตาเป็นอย่างไรนะ? คนคนนี้เคยทำอะไรมาก่อน? เคยชอบอะไร? ไม่ชอบอะไร?นิสัยใจคอเป็นอย่างไรกันนะ? ...“ก็เท่านี้แหละเณรเอ้ยคนเรา” สามเณรหลุดออกมาจากภวังค์แห่งสงสารวัตรบทเฉพาะกาลอันยาวนานเสียงของชายชราขี้เมาดึงเขากลับมา เขามองไปที่ต้นกำเนิดเสียงอย่างสนใจเขาสนใจในนัยน์ตาคู่นั้นของชายชราขี้เมา นัยน์ตานั้นดูราวกับเข้าใจในทุกสิ่งถ้อยคำไม่สามารถถูกประดิษฐ์เพื่อการสื่อสารให้เข้าใจได้ ทุกคนสามรารถพูดได้ว่า เกิดแก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาออกมาได้ ควรปลง ควรละ แต่ความเข้าใจของคนที่พูดจะมากแค่ไหนกันเชียวเขาปลงอย่างไร เขาละอย่างไร มีกลวิธีอย่างไร รายละเอียดนั้นคือสุญญากาศของนักเทศนักแสดงซึ่งว่างเปล่าในแก่นแต่คงตัวตนด้วยกระพี้แห่งน้ำลาย จะหาความเข้าใจซักเพียงใดนั้นไม่มีใครทราบ เขาเองก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่อัดแน่นเข้ามาในจังหวะของเถ้าธุลีเศษที่โปรยมาราวพายุหิมะนั้นจะถูกอธิบายด้วยนิยามศัพท์ใดแต่เขารับรู้ว่าความรู้สึกนี้ใกล้เคียงกับคำว่าสังเวช เขาเห็นความเข้าใจในแววตาคู่นั้นของชายชราผู้ซึ่งมองเห็นความตายเป็นของธรรมดาอย่างแท้จริง เขาไม่ได้เพียงสัจแต่ว่าพูด ความรู้สึกยังคงเอ่อล้นไม่ขาดสายหลากหลายความคิดโลดโผนเข้ามา เขาผ่านอะไรมาบ้างนะทุกข์ สุข ผ่านมาแล้วกี่หนหรืออาจเป็นเพราะงานของเขาที่ต้องจัดการกับสังขารของมนุษย์อยู่เป็นประจำสัจธรรมนี้บังเกิดจากงานประจำหรอกหรือนี่ มีความเป็นไปได้อย่างสูง เขาคิด.บรรดาเศษซากถูกปัดลงช่องใต้ฐานเหล็กอย่างลวกๆและรุนแรงความสะอาดเกิดขึ้นจากสิ่งนี้ ชายชราไม่ได้สนใจว่านี่คือใครไม่มีความจำเป็นต้องละมุนละม่อม เศษซากถูกกองลงที่พื้น ปัดลงที่บุ้งกี๋จบลงไปกองที่รากต้นชาติไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ใกล้ๆเมรุ มั่นใจได้เลยว่าซากเหล่านั้นในอนาคตคงจะกลายเป็นปุ๋ยต่อไป

ผ่านช่วงวิกฤตของกลใจที่รุนแรงเขาวุ่นๆช่วยชายชราผู้นั้นจัดการกับเตาเผาในเมรุ เขาต้องการให้สะอาดงามตาเพราะบ่ายแก่ๆนี้ที่แห่งนี้จะเป็นสถานประกอบพิธีเผาร่างของหญิงชราผู้ที่เคยมีอายุเก้าสิบปีกับอีกหกวัน

ไม่นานนักหลังจากการพักเหนื่อยชายร่างท้วมคนหนึ่งแบกกระสอบสีน้ำตาลบนบ่า เดินมาอย่างเกียจคร้านราวกับว่าใต้ผ้าห่มของเขานั้นคือสถานสวรรค์รำไรที่ไม่อยากจากมาโต้ลมหนาวยามเช้าตรู่นี้ชายร่างท้วมแบกมันใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา เขาสังเกตเห็นภายในกระสอบถูกบรรจุอย่างเต็มเต็มไปด้วยถ่านไม้สีดำสนิท ใช่แล้ว ถ่านไม้ที่ใช้หุงต้มถ่านไม้สีดำๆที่เราพบเห็นตามร้านเนื้อย่างนั่นแหละเขาเดินตะลุ่มตะล่ามขึ้นมาบนเมรุ เทถ่านลงบนฐานเหล็กที่ชายชราปัดกวาดไว้แล้วนั้นเขาเกลี่ยมันด้วยมีดเหล็กที่ขึ้นสนิมเหลืองอ๋อยปนสีน้ำตาลนวล เอาหละ ราบเรียบเสมอกันแล้วชายร่างท้วมกล่าว ไม่เกินกว่าที่เขาคิดจากการถามสัปเหร่อขี้เมาผู้เข้าใจอนัตตาถ่านไม้นี้ถูกนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการเผาสังขารสรีระผู้วายชนในอีกแปดชั่วโมงต่อจากนี้ ใช้ทั้งหมดทั้งสิ้นสองกระสอบ...เพียงแค่นั้นแหละสองกระสอบสำหรับหนึ่งร่างของมนุษย์

เหงื่อของเขายังคงไหลอาบ ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีครึ้มฝนเริ่มปรอยเบาลงมาไม่หยุดหย่อน ท่ามกลางสภาพอากาศอันแสนจะวิปริตแปรปรวนในยามบ่ายแก่ๆพิธีกรพร่ำพูดประวัติหญิงนางหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะเศร้าใจปนๆกับความกระหายน้ำวาทะที่ต่อเนื่องไม่มีสะดุดเหมือนผ่านการซักซ้อมมาแล้วอย่างดีกรอปรอกับเสียงเพลงธรณีกันแสงจากกุดชุมโลงศพเจ้าของหีบศพแช่เย็นที่บัดนี้เขาได้หีบศพแช่เย็นคืนไปแล้วและพร้อมสำหรับงานต่อไปแหล่งกำเนิดเสียงที่ดังแผ่วๆนั้นมาจากลำโพงหน้ารถกระบะเก่าๆคันหนึ่ง เขาเดินเท้าเปล่าไปตามคำเชิญของพิธีกรชาญสนามผู้เหมือนจะกำลังเศร้าใจอยู่ เขาเดินไปหยิบดอกไม้จันทน์จากพานเหล็กสีเงิน ผ่านฝูงชนที่พนมมือไหว้เขาไม่ขาดสายก่อนจะใช้มือขวาจัดขอบจีวรให้เรียบร้อยเขาเดินขึ้นไปบนบันได เรื่อยๆ เรื่อยๆ ในที่สุดก็ถึงเสียที เขายืนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้าหีบไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าคนหนึ่งคนตกแต่งด้วยกระดาษสีทองลายไทยวิจิตรตามราคาภายในบรรจุร่างไร้วิญญาณของหญิงชรา หญิงชราผู้นี้คือแม่ของพ่อของเขานั่นเอง สิริรวมอายุขัยการเคยเป็นมนุษย์ได้เก้าสิบปีหกวัน ตามคำล่ำลือของนักแทงหวย นั่นเป็นช่วงชีวิตที่ยาวนานทำลายสถิติของทุกผู้คนในหมู่บ้านก็ว่าได้ ท่านสิ้นใจด้วยโรคชราในต้นค่ำวันเสาร์ สามเณรจ้องมองหีบไม้สี่เหลี่ยมชั่วขณะหนึ่งเขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าตรู่ เขานึกออกแล้วนิยามสั้นๆจากจักรวาลแห่งความคิดที่แม้แต่ตัวเขาเองยังหยั่งไม่ถึงพอที่จะอธิบายด้วยภาษา นี่คือความสังเวช สิ่งเหล่านี้จะวนเวียนเกิดขึ้นอีกในทุกผู้คนสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นทั้งในเศรษฐี ยาจก ชนผู้คลั่งวัตถุนิยมหรือกระทั้งพระสงฆ์ทรงสมณะศักดิ์

เหล่านี้จะเกิดขึ้นกับทุกคน...............................................................................................................................เศษเถ้าที่ปลิวไหว

สพฺพํ เภทปริยนฺติ เอวํ มจฺจาน ชีวิตํ
<ชีวิตของสัตว์เหมือนภาชนะดิน ซึ่งล้วนมีความสลายเป็นที่สุด>

เรื่องสั้นลำดับที่หนึ่ง

โดย

วัชรินทร์ วิศรุต




Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2559 11:12:56 น.
Counter : 757 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1677019
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กุมภาพันธ์ 2559

 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
 
4 กุมภาพันธ์ 2559