Group Blog
 
All blogs
 
สาวชุดแดง

เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จพรพิสุทธิ์ได้ปลีกตัวขึ้นมาก่อนให้เด็กๆเขาได้มีเวลาพูดคุยตามประสาคนวัยเดียวกันแม้จะหวงเด็กสาวอยู่ลึกๆไม่อยากให้สิ่งมีชีวิตที่เป็นเพศตรงข้ามมาวอแวใกล้ชิดแต่คิดไปคิดมาอีกที เธอรู้สึกหวงได้เพราะนั่นมันเป็นใจของเธอแต่เธอไม่มีสิทธิ์ไปบงการชีวิตใคร ยิ่งเป็นยัยคุณหนูหน้าสวยเธอยิ่งไม่มีสิทธิ์!

หญิงสาวเจ้าของห้องเปิดดูตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกหาชุดมาใส่แต่… บราตัวเก่งสีเบจของเธออยู่ไปไหน! เมื่อวานยังเห็นอยู่แวบๆ รื้อค้นดูทุกซอกทุกมุมทั้งในตู้และนอกตู้ก็ไม่มี แม้เธอจะเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีระเบียบหรือเรียบร้อยอะไรแต่ถ้าเป็นเรื่องการจดจำล่ะก็เธอชนะเลิศ

‘หรือว่า’นัยน์ตาคมมองไปที่กระเป๋าสะพายของเด็กสาวแขกไม่ได้รับเชิญที่เป็นเพียงคนเดียวที่เข้ามาในห้องนี้แต่หากไม่เป็นอย่างที่คิดเธอคงจะรู้รู้สึกแย่นะที่คิดอะไรร้ายๆกับเด็กแต่เอาน่าก็แค่ดูให้รู้ พรพิสุทธิ์ละสายตาจากกระเป๋ามองไปที่ประตูเร็วเท่าความคิดหญิงสาวเจ้าของห้องตรงดิ่งไปที่กระเป๋าของดุจดาวใจหายเล็กๆเมื่อพบว่าบราอยู่ในนั้นจริงๆ แต่เด็กดาวทำแบบนี้ทำไม อยากได้ทำไมไม่ขอดีๆแล้วตัวเองก็ร่ำรวยจะตายจะหาซื้อก็ไม่ใช่เรื่องยาก หรือว่าเด็กดาวจะเป็นพวก kleptomania(โรคจิตอ่อนๆชอบและมีความสุขกับการได้ขโมยของ) เธอเคยเห็นข่าวคนรวยหรือคนเด่นดังระดับดาราฮอลลีวู๊ดเขาเป็นกัน ถึงขนาดที่ว่าศาลต้องสั่งคุมความประพฤติเลยทีเดียวคนรวยล้นฟ้ามักจะมีปมในใจ แล้วเด็กดาวของเธอเล่ามีปมอะไร…เมื่อหาคำตอบอะไรให้กลับตนเองไม่ได้จึงตัดใจผละออกมาจากกระเป๋าของผู้ร้ายหน้าสวยก่อนจะหยิบข้าวของเครื่องใช้เดินเข้าห้องน้ำใจ ไม่วายที่ในใจยังคิดต่อ

‘พี่อยากช่วยเธอนะ…ดุจดาว’

เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จพรพิสุทธิ์ก็มานั่งแต่งหน้าที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ๆภาพความหลอนเมื่อคืนก็วาบเข้ามาในหัวสมอง ปรายตามองกระจกสื่อข้อความก็เปรยขึ้นมาลอยๆ

“เรื่องเมื่อคืนเธอกับลูกเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่าหรือเธอต้องการจะบอกอะไรก็บอกมาเลย เขียนลงมาที่กระจกนี่ก็ได้อย่าค้างคาแบบนี้ได้ไหมมันอึดอัด”ในห้องยังคงเงียบเชียบไร้สัญญาณตอบกลับใดๆ อีกแล้วเธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้า!เมื่อไม่มีวิวัฒนาการใดๆเกิดขึ้นร่างเพรียวจึงเดินออกจากห้องไป เดินลงมาก็เห็นหนุ่มสาววัยทีนกำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติช่างขัดหูขัดตา

“เม้ามอยกันจนลืมเวลาเลยนะ เดี๋ยวก็ได้พากันสายทั้งหมดหรอก”

“เค้าคุยกับบอยฆ่าเวลาต่างหากระหว่างรอพี่แจนขัดสีฉวีวรรณ รอนานจนจะไม่มีเรื่องจะคุยอยู่แล้ว” เด็กแสบสวนกลับดั่งเป็นนิยายคนละเรื่องทำเอาผู้ใหญ่มึนเพราะพ่ายแพ้ต่อสิ่งที่เด็กสาวพูดถ้าเป็นเรื่องอาบน้ำเธอจะช้าจริงๆ ก็เธอเป็นผู้หญิง!

“เดี๋ยวดาวจะทำเวลาให้ดู” พูดจบดุจดาวก็วิ่งปรู๊ดขึ้นห้องไป ส่วนบอยได้แต่ยิ้มแหยๆเรื่องของผู้หญิงเขาไม่ค่อยสันทัดขอดูอยู่เงียบๆดีกว่าไม่เกินสิบนาทีคุณหนูไฮโซก็เดินนวยนาดลงมาอยู่ในชุดเอี๊ยมที่พรพิสุทธิ์คุ้นตาดีก็มันเป็นของเธอเอง ทำไมเวลามันอยู่บนตัวยัยเด็กดาวมันถึงดูดีนักนะ

“มองเค้ามองตาไม่กะพริบอีกแล้วเค้าเขินนะ” แม้จะดูเหมือนพูดเล่น แต่เจ้าตัวเขินจริงๆไม่ชินสักทีกับนัยน์ตาวิบวับของพี่แจน

“ใครอนุญาตให้เอาชุดนี้มาใส่ยะ”ผู้ใหญ่ทำพาลแก้เก้อ

“จะให้เค้าใส่ชุดเมื่อวานไปเรียนรึไงเหม็นจะแย่แล้วเมื่อคืนพี่แจนก็บอกเองว่าหยิบอะไรก็ได้”

“หือ...ก็เลย”พรพิสุทธิ์ยั้งปากไว้ได้ทันนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่กับเด็กสาวตามลำพังไม่ดีแน่ๆที่จะพูดเรื่องดุจดาวขโมยของต่อหน้าบอย

“ก็เลยอะไรเด็กสาวทำหน้าฉงนที่พี่สาวพูดไม่จบ

“เปล่า ไม่มีอะไร เสร็จแล้วก็ไปกันได้แล้ว” พรพิสุทธิ์ตัดบทหน้าตาเฉยก่อนจะเดินลิ่วนำออกไป

“อะไรของพี่แจน ดูนางงงๆมึนๆนะ”

“สงสัยจะตื่นเช้าเกินไป ระบบเลยรวน” สองหนุ่มสาวเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยก่อนจะพากันเดินตามพี่สาวออกไป

พรพิสุทธิ์ขับรถออกมารอที่หน้าบ้านบอยออกมาเป็นคนสุดท้ายจัดการคล้องแม่กุญแจที่ประตูรั้ว

“รถพี่แจนน่ารักจัง” คุณหนูนั่งเป็นคุณนายอยู่เบาะหลังตื่นเต้นกับรถคันเล็กที่ในใจนึกขำๆว่าเหมือนรถของเล่น

“คงได้แต่น่ารักนั่นแหละแต่จะให้สะดวกสบายเหมือนรถคันหรูของคุณหนูดาวคงจะเป็นไปไม่ได้” แม้จะถูกเสียดสีแต่เด็กสาวก็ยิ้มรับใสๆ ความจริงเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับเธอไม่อะไรอยู่แล้ว

“แต่ดาวชอบคันเล็กๆแบบนี้มากกว่านะ ทั้งประหยัดทรัพยากรเชื้อเพลิงแถมยังน่ารักไม่ดูแก่คร่ำครึเหมือนรถบ้านดาว” เด็กดาวเปรียบเปรยซะรถคันหรูราคาหลายล้านดูโบราณเก่าเก็บที่ความจริงมันเป็นแบบนั้นซะที่ไหนเล่าบอยเองก็เอาแต่นั่งเงียบเพราะเข้าไม่ถึงสองสาวและก็ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรด้วย

สารถีสาวสวยพาซอกแซกด้วยความชำนิชำนาญเพราะเป็นถิ่นเก่ามาถึงสยามสแควร์เร็วกว่าที่คาดสยามแสควร์ในยามเช้าแบบนี้หาที่จอดรถได้ไม่ยาก ทั้งสามลงจากรถพรพิสุทธิ์เห็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิตั้งโต๊ะเรี่ยไรเงินเพื่อทำบุญบริจาคโลงศพในใจนึกถึงผีแม่ลูกขึ้นมาก็เลยอยากจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เผื่อจะลดความร้ายหรือให้ความกระจ่างชัดกับเธอบ้างจึงตรงรี่เข้าไป

“ดาวรู้มาว่ามูลนิธิต่างๆเขาไม่มีนโยบายออกมาตั้งโต๊ะเรี่ยรายแบบนี้นะถ้าพี่อยากทำดาวว่าไปทำวัดหัวลำโพงดีกว่า เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วเราค่อยไปกันเขาเปิด24 ชั่วโมงจะไปตอนไหนก็ได้” แม้จะเห็นด้วยกับเด็กสาวแต่ใจที่ดื้อรั้นมันมีพลังมากกว่า

“ก็พี่สบายใจที่จะทำตรงนี้” เจอติวเตอร์สาวสวนกลับเสียงเขียวคุณหนูหน้าใสที่มีใจหวังดีจึงเลิกสนใจหันไปดึงชายเสื้อเพื่อนชายเดินล่วงหน้าก่อนทิ้งให้อีกคนยืนหน้ามู่ทู่มองตามด้วยความขัดใจ

“รมณ์เสียๆเพราะเธอยัยเด็กดาวแบบนี้ฉันทำบุญจะได้บุญไหมเนี่ย” หญิงสาวยืนพึมพำอยู่คนเดียวแต่ก็ตั้งใจว่าจะทำแล้วจึงหยิบเงินออกมาใส่กล่องบริจาคตั้งจิตอธิษฐานถึงวิญญาณแม่ลูกคู่กรณีให้มารับส่วนบุญ

“ฉันไม่ใช่ผีไร้ญาติเสียงเดิมดังเข้ามาในโสตรับรู้ฟังจากน้ำเสียงดูท่าแม่ผีจะไม่ค่อยสุนทรีเท่าไหร่

“ฉันทำบุญกับศพไร้ญาติแล้วถึงจะอุทิศผลบุญให้แม่นางกับลูกจ๊ะแหมๆๆ…” พรพิสุทธิ์อารมณ์ดีขึ้นกับการได้ต่อปากต่อคำกับแม่ผีนิรนามที่จนตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าที่แท้เป็นมิตรหรือศัตรูเมื่อไม่มีสัญญาตอบกลับหญิงสาวจึงเลิกสนใจแต่พอรู้ตัวตนก็กลายเป็นที่สนใจซะแล้วก็ใครจะไม่สนใจหญิงสาวหน้าสวยที่เจื้อยแจ้วกับดินฟ้าอากาศ ติวเตอร์สาวรับใบอนุโมทนาบัตรมาก่อนจะรีบเดินลิ่วๆออกมาอย่างไวด้วยความขัดเขิน

‘ทำฉันเป็นตัวประหลาดอีกแล้วนะยัยผีแม่ลูก’ ไม่วายยังพึมพำต่อกับสิ่งที่ไร้ตัวตน

“สวัสดีค่ะพี่หยก” พรพิสุทธิ์ทักทายตามมารยาทฉาก NC20++ ยังติดตาไม่หาย แต่ก็นะไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอ ดุจดาวปลีกตัวแยกไปนั่งรอที่โซฟาตัวยาวในฐานะลูกศิษย์ที่รู้เบื้องลึกทางรสนิยมทางเพศของติวเตอร์สาวแต่พี่แจนบอกว่าเจ๊อึ๊มไม่ใช่เสป็ค และจะว่าไปพี่แจนก็ไม่น่าใช่สเป็คเจ๊อึ๊มด้วยจากที่เห็นเลิฟซีนของเจ๊อึ๊มเมื่อวานเจ๊แกน่าจะชอบสาวหล่อมากกว่าสาวสวยแล้วพี่แจนของเธอล่ะ…ชอบสาวแบบไหน?ส่วนหนุ่มบอยที่ไม่รู้ที่ทางเดินมานั่งข้างพี่สาว

“ว่าแต่พ่อหนุ่มน้อยคนนี้เป็นใครน้องชายแจนเหรอจ๊ะ”

“ค่ะ ชื่อบอยเพิ่งมาจากต่างจังหวัดรอลงทะเบียนเรียนรามฯ ช่วงนี้ว่างๆอยู่เลยอยากหางานพิเศษทำแจนเลยพามาด้วยบอย สวัสดีพี่หยกซิ”

“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มว่าง่าย หยกมณีบ่ายหน้ามาพินิจหน่วยก้านของหนุ่มน้อยร่างสูงสมาร์ทหน้าตาหล่อเหลาก่อนจะเอ่ยปากชักชวน

“ให้น้องชายมาทำงานกับพี่ไหมล่ะช่วยแจกใบปลิว ดูแลความเรียบร้อยที่นี่แม่บ้านเพิ่งลาไปคลอดลูกพอดี”

“ขอบคุณพี่หยกมากค่ะที่เมตตาน้องชายแจนแต่แจนไม่รบกวนดีกว่า ค่ะ แจนอยากผลักเขาออกไปเรียนรู้โลกแบบไกลหูไกลตาหน่อยสักหน่อย” พรพิสุทธิ์ไม่รับไมตรีเพราะตนเองยังจะชิ่งวันชิ่งพรุ่งรับไม่ได้กับพฤติกรรมไม่สำรวมและความไม่จริงใจของหยกมณี

“อ๋อ จ้ะแต่ถ้าหยกมีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะจ๊ะถ้าพี่ช่วยได้พี่ก็ยินดี” หยกมณียิ้มน้อยๆรู้สึกได้ถึงความห่างเหินสาเหตุก็คงไม่พ้นเรื่องที่เห็นเธอกอดจูบอยู่กับแอมเมื่อวานนี้ก็เช้าขนาดนั้นใครจะไปคิดว่าจะมีคนมาเห็นและแม่ติวเตอร์หน้าสวยกับยัยเด็กแสบนั่นจะพากันมาทำไมตั้งแต่ไก่โห่ พรพิสุทธิ์เองก็เพียงยิ้มรับน้อยๆเช่นกัน

หมดเวลาสนทนาเพราะได้เวลาปฏิบัติหน้าที่แล้วเด็กๆต่างทยอยเดินเข้าห้องเรียน หยกมณีลุกไปตรวจตราดูแลความเรียบร้อยตามหน้าที่เช่นเดียวกับพรพิสุทธิ์ที่สวมหัวโขนของการเป็นครูพร้อมจิตวิญญาณของความเป็นผู้ให้เดินตามเด็กๆเข้าห้องเรียนไป

ติวเตอร์คนสวยเริ่มบทเรียนด้วยหลักการอ่านโดยเกริ่นนำเชิงหยอกเย้าว่าเด็กไทยสมัยนี้ที่เขาว่ากันว่าอ่านหนังสือไม่เกินสามบรรทัดนั้นจริงหรือไม่แต่นั่นมันไม่สำคัญเท่ากับว่าอ่านแล้วจับใจความ ตีความกันอย่างไร ในยุคสมัยปัจจุบันที่เราเรียกกันว่าเป็นsuper highway information ข่าวสารข้อมูลหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศทุกมุมโลกเราได้รับรู้แทบจะเสี้ยววินาทีเดียวกันกับนักข่าวที่ยื่นไมโครโฟนถามคำถามฉาวกับ celebrityหลายคนเลือกที่จะเชื่อทันทีโดยมิได้คัดกรองหลายคนฉกฉวยประโยชน์จากสื่อออนไลน์ จาก social network ที่มีผู้หวังดีประสงค์ร้ายใช้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อหรือหวังผลแอบแฝงอื่นๆซึ่งเราต้องเท่าทันมีสติและไม่ตกเป็นเหยื่อ

“เล่น socialnetwork แต่อย่าให้ social network เล่นเรานะจ๊ะเด็กๆ”พรพิสุทธิ์กล่าวสรุปก่อนจะเข้าสู่บทเรียนจริงจัง เป็นดุจดาวที่ตีหน้าซื่อชูมือเด่นหราติวเตอร์สาวรู้ทันทีว่าเด็กแสบคงจะหาเรื่องหักเหลี่ยมเธออีกแล้วแต่ยังรักษาทรงเก็บอาการไว้มิดชิด

“ว่ายังไงจ๊ะ”

“คือที่พี่แจนสอนพวกเรานี่มันเกี่ยวกับO-net A-net ตรงไหนไม่ทราบคะ” จากใจจริงของคุณหนูจอมแอ๊บที่ไม่ได้ต้องการลองของหรือต้องการจะดิสเครดิตอะไรเลยก็แค่อยากรู้

“ตรงๆนะคะไม่เกี่ยวเลย” พรพิสุทธิ์ขอไม่แถไม่ดัดจริตติดแอคอาร์ตเด็กทั้งห้องส่งเสียงกันเซ็งแซ่

“พี่แค่อยากให้แง่คิดกับน้องๆก็เท่านั้นค่ะเพราะชีวิตที่ไม่เกี่ยวกับการสอบที่เหลือล้วนเกี่ยวโยงสัมพันธ์กับสิ่งที่พี่บอกทั้งสิ้น”เหมือนเป็นประโยคบอกเล่าแต่กลับกินใจเด็กๆอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งห้องปรบมือกันเกรียวไม่เว้นแม้กระทั่งคนถาม พรพิสุทธิ์สถาปนาตัวเองในแบบฉบับของเธอในฐานะติวเตอร์ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน(unique) สำหรับเธอแล้ววิชาการสำคัญมากก็จริงแต่หากความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอดในโลกชีวิตจริงวิชาการจะมีประโยชน์อะไรจะดีกว่าไหมหากวิชาการจะควบคู่ไปกับการเรียนรู้ชีวิต

การสอนดำเนินไปอย่างราบรื่น ติวเตอร์สาวมือใหม่ค้นพบว่าการสอนมันเป็นทั้ง‘ศาสตร์และศิลป์’ ใช่ว่าคนที่มีความรู้แล้วจะสอนให้คนอื่นเข้าใจได้แม้พระอรหันต์บางรูปยังมิอาจสอนฆราวาสให้เกิดดวงตาเห็นธรรมส่วนมากมักจะพิจารณาเพียงแง่ที่ว่าการสอนคือศาสตร์ ว่ากันไปตามเนื้อความรู้หากในความเป็นจริงแล้ว ผู้สอนจะต้องมีเทคนิค วิธีการและรู้จังหวะจะโคนในการถ่ายทอดความรู้การเป็นครูจึงมิใช่เรื่องง่าย ยิ่งนักเรียนเต็มห้องนับร้อยชีวิต ต่างที่มา ต่างสถาบันและแน่นนอนว่าพื้นของความรู้ย่อมแตกต่างกัน พรพิสุทธิ์รู้ดีแก่ใจว่าติวเตอร์ต่อให้เก่งระดับมหาเทพ Zeus ก็มิอาจทำให้นักเรียนเก่งขึ้นได้เพียงไม่กี่สิบชั่วโมง

บางครั้งเธอก็มองว่ากวดวิชาเป็นการโฆษณาสรรพคุณเกินจริงหรือไม่และเธอก็สรุปคำตอบให้กับตัวเองได้ว่า ส่วนหนึ่งที่ธุรกิจนี้เติบโตและเฟื่องฟูต่อเนื่องมาหลายสิบปีมันเป็นไปตามหลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐานล้วนๆdemand ที่มากกว่า supply หลายสิบเท่าตัวทำให้เกิดการแย่งชิงเกิดอุปทานหมู่ที่ว่า เมื่อลูกเธอเรียน ลูกฉันต้องเรียนให้มากกว่า หากเจอติวเตอร์ที่เจ๋งแจ๋วและจริงใจผู้บริโภคก็โชคดีไปแต่จะมีสักกี่แห่งที่ได้คุณภาพ ขนาดอาหารเขายังมี อย. (สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา)และอุตสาหกรรมเขายังมี มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม)เพื่อควบคุม แม้กระทั่งสื่อก็มีกองเซ็นเซอร์ มี กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) แล้วมาตรฐานของสถาบันกวดวิชาเล่าอยู่ที่ตรงไหนอย่างมือใหม่ไม่มีประสบการณ์สอนอย่างเธอเดินผ่านมาเจอและแวะสมัครยังได้งานทันที

เด็กๆทั้งหลายรวมไปถึงผู้ปกครองอาจจะคิดว่ากวดวิชาคือการตอบโจทย์แต่เปล่าเลยทุกสิ่งล้วนลวงตา ลวงใจ เอาไว้เกิดปาฏิหาริย์เธอได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเมื่อไหร่คงจะได้สังคายนายกระบิเลยทีเดียว

ว่าแต่ ?…น้องสาวคนสวยที่เมื่อวานเธอเห็นนั่งอยู่แถวหลังสุดทำไมวันนี้ไม่มา?หรือว่าน้องเขาจะไม่ชอบแนวการสอนของเธอ แต่ก็ชั่งเถอะ เอาใจไปสนเด็กๆที่อยู่ตรงหน้านี้ดีกว่า

เมื่อเลิกเรียน ดุจดาวปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนเช่นเคยเอากายไปติดติวเตอร์ส่วนตัวดั่งเป็นอวัยวะที่ 33 เมื่อได้อยู่ตามลำพังจึงได้เอ่ยปากชวนกึ่งบังคับพี่สาวไปเลือกซื้อหนังสือสำหรับติวเข้มในเย็นนี้หากเป็นเรื่องการศึกษาหาความรู้พรพิสุทธิ์ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว และแน่นอนว่าบอยต้องติดสอยห้อยตามสองสาวไปด้วย

ก่อนเข้าร้านหนังสือพรพิสุทธิ์เห็นเด็กสาวหน้าตาสระสวยสะดุดสายตาเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ปกปิดกายาดูด้วยตาแบบไม่ต้องมีความรู้ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องหรูหราราคาแพงกระเป๋าใบย่อมที่คล้องอยู่บนเรียวแขนราคาเรือนแสน กลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังฟุ้งกำจายไปทั่วทิศที่หล่อนผันผ่านร่างบางของเด็กสาวเดินนวยนาดสวนทางไป สมองของพรพิสิทธิ์ประมวลผลอยู่ราว 5 วินาที

‘ใช่!! ’ คือคนเดียวกับเด็กสาวหน้าสวยที่ขาดเรียนไปชิชะ!ที่แท้ก็โดดเรียนมาเดินshopping สบายใจเฉิบคิดว่ารวยแล้วจะจ่ายเงินค่าเรียนทิ้งๆขว้างๆได้หรือไง แย่มาก!

อยู่ๆพรพิสุทธิ์ก็หันเดินดุ่มๆไปหาเด็กสาวด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครูที่ห่วงใยเยาวชนของชาติ

“เดี๋ยวก่อน น้องชุดสีแดงรอพี่ก่อน” เด็กสาวหน้าสวยลุคไฮโซไม่ได้หยุดตามคำร้องเรียกไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ติวเตอร์สาวก็มิได้ละความพยายามเดินตามร้องเรียกต่อไป แต่ความที่เท้ายังเจ็บอยู่ทำให้ไม่สามารถที่จะเพิ่มความเร็วในการติดตามได้มากกว่านี้ในที่สุดร่างระหงของเด็กสาวได้เดินเลี้ยวไปที่มุมขวาลับสายตาไปในที่สุด

“อะไรพี่แจน จะไปไหน” ดุจดาวเดินตามมาดึงแขนติวเตอร์ส่วนตัวแปลกใจกับท่าทางแปลกๆ

“ปล่อยพี่ก่อน พี่จะไปคุยกับเด็กนั่นให้รู้เรื่อง”

“คุยอะไร กับใคร”ดุจดาวยังฉงน

“ก็ยัยชุดแดงนั่นไง ที่โดดเรียนไปวันนี้” เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตของอีกฝ่ายที่กำลังสนใจคนอื่นจิตของความเอาแต่ใจของคุณหนูจึงบังเกิด

“พี่แจนจะไปสนใจคนที่เขาไม่อยากเรียนทำไมคนที่สนใจอยากเรียนที่อยู่ตรงหน้าพี่คนนี้ต่างหากที่พี่ควรจะสนใจมากที่สุด”เด็กสาวให้เครดิตตนเองเพื่อเรียกร้องความสนใจและความสำคัญ

“ ไปค่ะไปดูหนังสือกับดาวทางนู้นดีกว่านะ”เจอหน้าแบ๊วๆนัยน์ตาใสๆของคุณหนูหน้าสวยจะไม่อ่อนให้ได้หรือ พรพิสุทธิ์หันกลับมาความรู้สึกยังค้างคาติดในใจแต่วินาทีนี้คงได้แค่ปล่อยผ่านไปก่อน

ที่หมวดหนังสือเตรียมสอบติวเตอร์สาวปล่อยให้เด็กเอาแต่ใจเลือกหนังสือตามใจชอบ บอยเองก็มีมุมโปรดตามประสาเด็กผู้ชายที่ชื่นชอบความเร็วและเกมออนไลน์ส่วนตนเดินมาดูที่หมวดโหราศาสตร์ขอตรวจชะตาตนเองสักหน่อยรู้สึกว่าช่วงนี้ชีวิตจะวุ่นวายเหมือนดวงตกดวงแตกยังไงไม่รู้ที่สำคัญที่สุด ปีนี้เธอย่าง 25 ประจบเบญจเพสตัวเลขอาถรรพ์ตามความเชื่อว่าเป็นช่วงสุกดิบที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งในการประคองนาวาชีวิตให้ผ่านพ้นไปรอดฝั่งเรื่องแบบนี้เชื่อไว้บ้างก็ดี อย่างน้อยที่สุดมันก็พอจะใช้เป็นแนวทางหลีกเลี่ยงเรื่องร้ายๆที่จะเกิดขึ้นได้บ้าง

พรพิสุทธิ์หยิบตำราโหราศาสตร์เล่มนั้นเล่มนี้เพื่อเปรียบเทียบในใจว้าวุ่นแปลกๆรู้สึกว่ามีบางสิ่งจดจ้องมองมาที่เธอ ตาคมจึงรีบหันขวับไปมอง จึงได้เห็นว่าเป็นน้องหน้าสวยชุดแดงคนนั้น!ไม่มีเวลาให้สนใจสิ่งอื่นร่างเพรียวที่แม้ขาจะยังเจ็บรีบเดินตามไปทันทีแต่ร้านหนังสือก็เหมือนเป็นดั่งเขาวงกต ยิ่งเดินก็ยิ่งวกวนลายตาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เห็นเด็กสาวอยู่ใกล้เพียงไม่กี่ก้าวเท้าถึงแต่ทำไมตอนนี้ถึงดูห่างไกลเกินจะตามทัน จนรู้สึกเหนื่อยพรพิสุทธิ์จึงหยุดพักแต่ใจชักตะหงิดๆว่าที่แท้แล้วน้องสาวคนสวยสุดไฮโซคนนี้ไม่น่าจะใช่คนปกติซะแล้ว

“ตุ่บ” หนังสือ pocket book เล่มหนึ่งร่วงหล่นมาจาก shelf ตรงหน้าพรพิสุทธิ์พอดิบพอดีมือเรียวเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดู ปกหนังสือชื่อ ‘ปริศนาฆาตกรรมอำพราง’จึงพลิกดูเนื้อในคร่าวๆตามคำคมที่ว่าโปรดอย่าพิจารณาหนังสือเพียงแค่หน้าปก เนื้อหาเป็นเรื่องราวคดีฆาตกรรมสุดแปลกจากทั่วทุกมุมโลกมหาบัณฑิตจบใหม่ใช้กระบวนวิธีคิดชั้นสูงทันที

‘ต้องการบอกกับฉันว่าเธอโดนฆ่าอย่างนั้นหรือหือ แล้วยังไง จะให้ฉันช่วยตามหาคนผิด? รื้อคดี? หรืออะไร มีอะไรก็บอกมาให้หมดๆสิจะได้ไม่ต้องเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย”พรพิสุทธิ์พึมพำอยู่กับบางสิ่งที่แม้อาจจะมิไร้ตัวตนแต่ก็มิอาจสัมผัสหรือจับต้องได้

‘ใช่! เด็กสาวหน้าสวยในชุดสีแดงคล้ายกับ…’ ระหว่างที่กำลังพยายามเรียบเรียงเรื่องราวเพื่อสรุปสำนวนและเกือบอย่างยิ่งแล้วที่จะค้นพบบางสิ่งที่มันสัมพันธ์กัน

“พี่แจนมาอยู่ตรงนี้นี่เอง เค้าเดินตามหาตั้งนาน” เด็กสาวเข้ามากระตุกแขนเท่านั้นสติของพรพิสุทธิ์ก็หล่นหายกระจุยกระจาย

“เค้าจะไปดูของให้คุณหญิงแม่หน่อยพี่แจนกับบอยไปรอเค้าที่ร้านสุกี้เลยนะ” เมื่อทุกอย่างเข้าแผนลงล็อคพอดีคุณหนูจอมแอ๊บต้องขอมุสาหาเหตุไปจัดการอะไรบางอย่างให้ลุล่วง พรพิสุทธิ์ก็เห็นดีด้วยเพราะสูญเสียพลังไปไม่น้อยกับหลายเรื่องไปนั่งชิลทานของอร่อยเพื่อเพิ่มพลังสักหน่อยท่าจะดี

“ดีเลยถือโอกาสเลี้ยงต้อนรับบอยด้วย แต่อย่าไปนานนะ ช้าหมดอดกินพี่ไม่รอนะจ๊ะ”

“ฝันไปเถอะว่าเค้าจะช้าและอดกิน” เด็กสาวมู่หน้าใส่ผู้ใหญ่ก่อนจะ ฝากหนังสือไว้และวิ่งแจ้นออกไปยังปลายทางที่ตนเองวางแผนไว้พรพิสุทธิ์ส่งต่อหนังสือของดุจดาวให้น้องชายเอาไปถือและหยิบหนังสือเล่มปริศนาที่รอการตีความเดินไปชำระเงินที่cashier พร้อมกับหนังสือเล่มอื่นๆพนักงานยิงบาร์โค้ดซ้ำๆอยู่สองสามครั้งที่หนังสือปริศนาเล่มนั้นดวงตาที่เป็นปกติเริ่มเปลี่ยนเป็นความสงสัย ก่อนจะเรียกคู่กะเดียวกันที่ดูจะชำนิชำชาญมากกว่ามาช่วยดู

“พี่คะคือว่าหนังสือเล่มนี้ไม่มีอยู่ในระบบ stock ของร้านน่ะค่ะ” ลูกค้าคนสวยรับหนังสือคืนมานัยน์ตายังฉงนสงสัยแต่เมื่อไม่มีใครสนใจหนังสือเล่มปริศนาจึงถูกเก็บลงกระเป๋าแบบฟรีๆโดยชอบธรรม หลายคำถามค้างคาที่ยังหาคำตอบไมได้และสิ่งเดียวที่จะให้คำตอบกับเธอได้ คือ… สิ่งที่เธอไม่รู้ว่าคือใครและต้องการอะไรกันแน่

คุณหนูเดินเข้ามาในร้านชุดชั้นในที่ตกแต่งไว้สุดchicด้วยความตื่นตาตื่นใจระคนประหม่าก็ปกติเธอมาซื้ออะไรแบบนี้เองที่ไหนเล่าทั้งหลายทั้งปวงเกี่ยวกับตัวเธอล้วนมีคนคอยจัดการให้

ดุจดาวหยิบเอาชั้นในของพี่สาวที่แอบหยิบออกมาจากกระเป๋าเพื่อเป็นตัวอย่างก่อนจะแจ้งความประสงค์ต่อพนักงานสาวสักพัก expertของร้านได้เข้ามาช่วยเหลือด้านข้อมูลและคำแนะนำที่มีประโยชน์ เป็นความรู้แก่วัยเพิ่งแตกสาวได้มากเด็กสาวไม่คิดเลยว่าเรื่อง basic ที่เห็นว่ามันสุดแสนจะธรรมดาแต่รายละเอียดกลับยิบย่อยมากมายเพราะความเป็นผู้หญิงแสนจะละเอียดอ่อนและสลับซับซ้อน คนออกแบบนี่ก็ช่างรู้ใจอยากใหญ่ อยากดันอยากชิด ไร้สาย ปรับสายอะไรก็หามาสนองได้จนหมด ในคราแรกกะว่าจะซื้อไปเซอร์ไพร้ส์พี่แจนเท่านั้นแต่ไม่อาจข้ามพ้นทานทนต่อกิเลสที่พนักงานขายพยายามนำเสนอ ท้ายที่สุดจึงสั่งซื้อเพิ่มอีกชุดสำหรับตนเองเสียดายที่บอยไม่ใช่ผู้หญิงจะได้ซื้อไปฝากด้วย

ระหว่างที่ยืนรอคิวอยู่หน้าร้านสุกี้พรพิสุทธิ์เห็นหยกมณีเดินเหม่อลอยดั่งเป็นนางเอก mv อยู่ที่สุดปลายสายตา จึงบอกให้บอยไปตามมาทานสุกี้ด้วยกันแรกทีเดียวสาวอึ๊มบอกปัดแต่เมื่อเห็นหนุ่มน้อยทำหน้าจ๋อยบอกว่าหากเขาเดินกลับไปคนเดียวมีหวังโดนพี่แจนเล่นงานแน่ เท่านั้นแม่นางก็หมดหนทางปฏิเสธ

“บังเอิญจังได้เจอพี่หยกที่นี่ ทานสุกี้ด้วยกันนะคะ”พรพิสุทธิ์ยิ้มรับเมื่อหยกมณีเดินมาถึง หากตัดเรื่อง 20++ ไปพี่หยกก็ใช่จะเลวร้ายสานสัมพันธ์ไว้เป็นเพื่อนต่างวัยอีกคนก็ไม่เสียหลายอีกอย่างไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดที่พี่หยกรับเธอมาเป็นติวเตอร์แต่ที่สุดของปลายทางในเรื่องนี้คือพี่หยกเป็นผู้เปิดโอกาสให้กับเธอ หากเมื่อวานพี่หยกไม่เลือกเธอวันนี้เธอก็คงยังลอยเคว้งเป็นคนตกงาน

พนักงานเดินนำทั้งสามไปยังโต๊ะโดยพรพิสุทธิ์นั่งคู่กับน้องชาย ที่นั่งข้างหยกมณีเว้นไว้รอดุจดาว

“แจนรู้ไหมว่าโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญไม่ว่าเราจะพบเจอใคร ที่ไหน เวลาใด เขาเหล่านั้นคือคนที่เราต้องพบเจอไม่มีใครเข้ามาในชีวิตเราโดยไม่มีเหตุ ไม่มีผล เช่นเดียวกับเรื่องราวต่างๆที่ไม่มีเหตุไม่สมควรเกิดทุกอย่างมันถูกต้องและเหมาะสมที่สุดแล้วแม้ว่าเรื่องเหล่านั้นมันจะเป็นเรื่องร้ายไม่ต้องคิดหาคำตอบ ไม่ต้องทุกข์ร้อนกับมันเพราะต่อให้เราเตรียมตัวมาดีหรือไม่มีการเตรียมอะไรไว้เลยท้ายที่สุดแล้วมันก็ยังเกิดขึ้นอยู่ดีค่ะ” คนตรงหน้าที่อายุมากกว่าเกือบรอบให้แนวคิดทางสัจธรรมที่ช่างโดนใจ

“พี่หยกพูดเหมือนกำลังยอมรับชะตากรรมบางอย่าง”ที่สองสาวเข้าใจตรงกันว่าเป็นเรื่องของความรัก

“มันเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับสิ่งที่มันผิดตั้งแต่เริ่มต้นจะไปแก้ไขให้ดีสมบูรณ์คงเป็นเรื่องยาก ความรักที่เริ่มจากเซ็กส์ปลายทางมันจึงจบที่เซ็กส์ก็แค่นั้นแล้วแจนกับน้องดาวไปถึงไหนแล้วคะ ไม่ใช่แค่ที่เห็นใช่ไหมเอ่ย” หยกมณีใช่จะจมตัวเองอยู่ในกองไฟแห่งความทุกข์ระทมหล่อนเปลี่ยนประเด็นถามกลับคู่สนทนาบ้างในเรื่องที่ตนเองอ่านใจติวเตอร์สาวออกแต่เจ้าตัวนี่สิ ดูท่าว่าจะยังไม่รู้หัวใจตัวเอง

“หือ…ถึงไหนคืออะไรคะ”พรพิสุทธิ์สุกใสไม่เข้าใจคำถามในใจนึกร้อนตัวว่าพี่หยกจะรู้เรื่องที่เธอรับติวส่วนตัวให้กับเด็กดาวโดยไม่ผ่านสถาบันแต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะเก็บงำไปตลอดหรอกนะ แค่รอจังหวะที่เหมาะสมกว่านี้อีกหน่อยค่อยเฉลยความกลยุทธ์การบอกความจริงแต่เฉพาะในด้านที่ไม่เสียหายถูกนำมาใช้กับสังคมดัดจริตที่มิอาจยอมรับความจริงกันได้ที่ทุยซีแลนด์แห่งนี้ใครๆเขาก็ใช้กัน

“ก็พี่เห็นแจนกับน้องดาวตัวติดกันตลอด” ที่ยากจะแยกได้ว่าหยกมณีเป็นคนช่างสังเกตหรือสอดรู้

“อ๋อ แค่เด็กติดผู้ใหญ่เท่านั้นเองค่ะแจนเองก็งงๆเหมือนกันว่ามาถึงจุดนี้กันได้ยังไง ดาวยังเด็กมากเราไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นกันหรอกค่ะและดาวเองก็ออกจะเป็นเด็กมีปมด้วยซ้ำ แถมเรื่องดื้อก็ไม่มีใครเกินเอาแต่ใจรึก็เท่านั้น นี่อีกไม่ถึงเดือนก็จะสอบแล้วยังไม่รู้เลยว่าแม่คุณหนูจะจริงจังกับการสอบแค่ไหน” ดุจดาวยืนอยู่ข้างหลังได้ยินชัดทุกถ้อยคำ เมื่อสบนัยน์ตากับเจ๊อึ้มก็รู้สึกพ่ายแพ้แปลกๆทั้งที่ไม่ได้แข่งขันอะไรกัน

ดุจดาวมายืนปรากฏกายให้คนพูดลับหลังได้เห็นเต็มๆตาที่พรพิสุทธิ์เองก็ไม่ได้เห็นเป็นประเด็นอะไรเพราะเธอไม่ได้พูดใส่ร้ายใส่ความอะไรทุกอย่างว่าไปตามเนื้อผ้า คุณหนูนั่งลงเซ็งๆหน้าบอกบุญไม่รับยิ่งเห็นพี่แจนกับเจ๊อึ๊มอ่อล้อต่อกระซิกกันก็ยิ่งเซ็งไหนว่าเจ๊อึ๊มไม่ใช่เสป็คไง คนโกหก!ของขวัญข้างตัวที่เด็กสาวเลือกหามาให้ด้วยความใส่ใจไร้ความหมายไปโดยปริยาย 




Create Date : 22 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2558 17:10:15 น. 0 comments
Counter : 407 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.