Group Blog
 
All blogs
 
ยัยตัวป่วนชวนหวั่นไหว

ตลอดทางหนุ่มสาววัยซนคุยกันถูกคอจนคนที่สูงวัยกว่าเสมือนอยู่นอกวงโคจรนั่งใบ้รับประทานไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน แต่ถ้ามองในภาพรวมมันก็ win-winนะ บอยเองก็ได้เพื่อนสาวชาวกรุงฯวัยเดียวกันให้คำแนะนำ เด็กดาวเองก็ได้เพื่อนน้ำดีเพิ่มขึ้นอีกคนแต่ความรู้สึกอีกระดับชั้นของติวเตอร์สาวกลับ หงุดหงิดแบบไร้เหตุผลที่เห็นวัยรุ่นเขาเข้ากันได้ดีอาการคล้ายเด็กน้อยที่กำลังหวงของ

รถ taxi มาจอดที่หน้าบ้านพรพิสุทธิ์จัดการจ่ายค่าโดยสารก่อนจะยื่นข้อเสนอสุดท้ายให้คุณหนูไฮโซได้พิจารณา

“นี่ไง บ้านพี่ห้องนอนคนสวนบ้านดาวยังใหญ่กว่าเลยใช่ไหม เห็นแล้วจะกลับไปกับ taxi ก็ยังทัน” แต่…เด็กสาวยังฟังไม่ทันจบก็ก้าวฉับๆไปยืนรอข้างรั้วบ้านแล้วเมื่อพี่สาวเดินเข้ามาดุจดาวก็ทำหน้าแป้นแล้นต้อนรับ

“แหม…พี่แจนจะใจร้ายไม่ต้อนรับแขกที่มาถึงหน้าบ้านแล้วเหรอบ้านพี่ก็น่ารักดีออกดูอบอุ่น บ้านหลังใหญ่แบบบ้านดาวเอาเข้าจริงๆดาวยังเดินไม่ทั่วเลยมาถึงก็นั่งคุยกับคุณแม่ กินข้าวในครัว แล้วก็ขึ้นห้องนอน แม้แต่คุณพ่อเองที่เป็นเจ้าของบ้านยังกลับเข้าบ้านมาแค่สัปดาห์ละครั้งแถมครั้งละไม่ถึงชั่วโมงก็ออกไปอีกแล้วเพราะงานยุ่งมาก”ท่านจะนอนคอนโดใกล้ที่ทำงานเป็นส่วนใหญ่ มันดูเป็นตลกร้ายที่สร้างความสะเทือนใจได้ไม่น้อยกับคนมีบ้านหลังใหญ่แต่หัวใจกลับห่อเหี่ยวไร้ความสุขที่มันคงสู้บ้านหลังเล็กที่เป็นเพียงที่กันแดดกันฝนและให้ความปลอดภัย แต่กลับเต็มไปด้วยอุ่นไอของความสุข พรพิสุทธิ์มองคุณหนูผู้ร่ำรวยที่กำลังมีนัยน์ตาที่เลื่อนลอยอย่างเข้าใจ

มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน ก็นอนได้ทีละห้อง

มีรถหลายคันแค่ไหน ก็ขับได้ครั้งละคัน

มีเงินมากแค่ไหน ก็ซื้อได้เท่าที่เขาขาย

มีเงินกินข้าวมื้อละเป็นหมื่น ก็ได้แค่หนึ่งอิ่มเหมือนข้าวแกง

มีที่ดินกว้างสุดขอบฟ้า แต่รู้ไหม "ความสุข"ที่แท้กว้างแค่ "หนึ่งอ้อมแขน" ที่โอบกอด "คนที่เรารัก" ไว้ไปตลอดชีวิต

เธอเคยอ่านมันจากหนังสือจิตวิทยาเพื่อการพัฒนาตนเองและเธอก็เห็นพ้องกับบทความนี้ทุกอย่าง โดยเฉพาะบรรทัดสุดท้ายที่ว่า

‘ความสุขที่แท้กว้างแค่หนึ่งอ้อมแขนที่โอบกอดคนที่เรารักไว้ไปตลอดชีวิต’เธอเองก็กำลังรอคอยอ้อมกอดของคนที่เธอจะรักและรักเธอไปตลอดชีวิต

เจ้าของบ้านหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าถือแต่… อ้าว!! เฮ้ย!! ประตูไม่ได้ล็อค!!แต่เธอจำได้แม่นนะว่าก่อนออกจากบ้านเมื่อเช้าเธอล็อคมันดีแล้วจะว่ามีใครมางัดแงะก็ไม่ใช่ ไม่เห็นมีร่องรอยอะไร

บร๊ะ! หรือว่าจะเป็นฝีมืออินังผีแม่ลูกแน่จริงก็ปรากฏตัวออกมาซิ วันนี้ฉันพวกเพียบนะจ๊ะ

ดังเดิมที่มันเป็นได้แค่ความคิดในหัว

เจ้าของบ้านพาน้องชายมาดูห้องที่จัดไว้ให้ล่วงหน้าที่ชั้นล่างตามที่แม่ฝากฝัง

“อยู่กับพี่ทำตัวตามสบายนะพี่ขอแค่อย่าพาเพื่อนฝูงมามั่วสุมก็เป็นพอ มีปัญหาอะไรก็มาปรึกษากันจะได้ช่วยกันแก้ ไม่ต้องทำเท่แบกโลกไว้คนเดียว กรุงเทพฯตรอกซอกซอยมันซับซ้อนซ่อนสายตายังไม่คุ้นทางก็อย่าได้เถลไถลออกนอกเส้นทางไปไกล มีอะไรสงสัยก็ให้ถามเข้าใจตรงกันนะ” พรพิสุทธิ์ชี้แนะแบบรวบยอด

“คร้าบ” บอยยิ้มกว้างรับคำก่อนที่สะพายเป้เดินเข้าไปในห้องของตน

“ส่วนดาวตามพี่ขึ้นมา”เจ้าของบ้านเดินนำหน้าขึ้นไปบนชั้นสอง มือเรียวจับลูกบิดเพื่อเปิดประตูห้องนอนของตนแต่บางเรื่องผุดขึ้นมาทำให้ชะงักเมือนึกขึ้นได้ว่าต้องจัดการกับบางอย่างเสียก่อน

“รอพี่แป็บนะ”เจ้าของห้องหันมาบอกแขกวัยใสก่อนจะเปิดประตูแง้มออกเพียงแทรกกายเข้าไป โดยไม่ทันได้ระวังเด็กแสบผู้ที่รับทราบอีกอย่างแต่มักจะทำในสิ่งตรงข้ามเสมอถือวิสาสะเบียดกายแทรกตามเข้ามาในห้องทันที

“เอ่า!! พี่บอกให้รอก่อนไง” ติวเตอร์สาวอ่อนใจกับเด็กเอาแต่ใจทำได้แค่บ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้งที่ไม่ได้สะเทือนต่อจิตสำนึกของเด็กสาวเลยสักนิดก็ตอนนี้เด็กดาวกำลังยืนส่ายหัวตีหน้าทะเล้นพร้อมรับฟังคำบริภาษ แต่พรพิสุทธิ์ต้องไปสนใจเรื่องก่อนหญิงสาวเจ้าของห้องหันมองไปที่กระจก อันนี้สิเรื่องใหญ่กว่า เกิดเด็กดาวเห็นข้อความบ้าๆนั่นขึ้นมาเรื่องจะได้ยิ่งบานปลายไปใหญ่โตเพราะไม่เข้าใจและเธอเองก็ไม่รู้จะอธิบายว่ายังไงด้วย ก็เธอเองยังไม่รู้ข้อเท็จจริงอะไรเลย ดีไม่ดีเด็กแสบจะมากล่าวหาได้ด้วยว่าเธอเพี้ยนแต่ข้อความที่ถูกเขียนด้วยลิปสติกมันหายไปแล้วแบบไร้ร่องรอยเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น…มันคืออะไร?

“ห้องรกเหมือนกันนะนี่”ดุจดาวกวาดสายตามองไปทั่วห้อง เห็นข้าวของวางระเกะระกะไม่เป็นระเบียบเท่าไหร่ต่างกับห้องเธอลิบลับเพราะห้องนอนเธอจะมีแค่เตียงนอนและโต๊ะเขียนหนังสือเท่านั้น

เด็กสาวเดินมาหย่อนกายลงนั่งบนเตียงที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าและกองหนังสือนึกถึงเจ้าของห้องว่ายุ่งอะไรนักหนาหนอถึงได้ไม่มีเวลาดูแลจัดเก็บห้องนอนของตัวเองเจ้าของห้องได้แต่ยิ้มอายๆแต่ในใจก็นึกขุ่นเคืองเล็กๆที่อยู่ๆก็มีแขกไม่ได้รับเชิญที่มาโดยที่เธอไม่มีเวลาสร้างภาพเอ้ย!!เตรียมตัวต้อนรับ แต่ห้องสาวโสดนี่นะแค่ไม่ให้มีหนูแมลงสาบมาเพ่นพ่านให้เห็นก็พอแล้ว มือซนของเด็กช่างสงสัยหยิบอันเดอร์ท่อนล่างสีชมพูหวานแหววกับอีกสองสามตัวขึ้นมาส่องดู

“ว้าวๆ ซีทรูซะด้วยตัวนี้ก็จีสตริง แล้วที่ใส่อยู่ตอนนี้ล่ะ”ดุจดาวจ้องมองหญิงสาวเจ้าของห้องทำเป็นตาลุกวาวดั่งจะแสกนให้เห็นถึงอาภรณ์ชั้นใน

“นี่!! เด็กบ้าลามปามใหญ่แล้วนะ” พรพิสุทธิ์หน้าแดงแปร๊ดรีบเข้ามาแย่งของรักสุดส่วนตัวคืนจึงบังเกิดเกมชิงunderwear ขึ้น

“เอาของพี่คืนมาเดี๋ยวนี้นะ”

“ใครจะให้ง่ายๆเล่าเก่งจริงก็แย่งไปให้ได้ซิ” ดุจดาวเห็นเป็นเรื่องสนุก ยื้อยุดกันอยู่บนเตียงชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร

“แคว้ก!” underwear สีชมพูตัวบางแยกออกเป็นสองส่วนติดมือของแต่ละฝ่าย พรพิสุทธิ์อึ้งไปสามวิฯกับผลงานของเด็กแสบ แต่ตัวต้นเหตุกลับหัวเราะคิกคักชอบใจ

“นี่มันตัวโปรดของฉันนะยัยเด็กดาว” เมื่ออารมณ์ขึ้นสรรพนามก็เปลี่ยนไป

“เดี๋ยวเค้าซื้อให้ใหม่น่าเอาให้แจ่มแจ๋วไฉไลกว่านี้อีกแต่ถ้ากลัวไม่ถูกใจก็ไปเลือกไปลองเองเลยเดี๋ยวเค้าช่วยวิจารณ์”

“บ้าซิ”ติวเตอร์สาวเจ้าของห้องหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดตามที่เด็กสาวพูดใครจะบ้าไปลอง underwear ให้คนไม่สนิทดู

“ตัวทำผิดแต่ก็ไม่มีจะสำนึกเลยนะ”อารมณ์โกรธกลับมาอีกครั้ง

“ผิดเป็นครูไงเค้ารู้หรอกน่า” เด็กสาวยังยียวนไม่เลิกจนเจ้าของห้องอ่อนใจหมดแรงจะต่อกรเพราะตอนนี้เธอทั้งเหนื่อยและล้าเป็นกำลังเพราะการสอนเมื่อกลางวันมันดึงพลังเธอไปมาก

“อยากจะรื้อจะค้นจะทำอะไรก็เอาที่สบายใจเลยนะ พี่จะไปอาบน้ำละ” น้ำเสียงเหนื่อยแกมหน่าย ทั้งสีหน้าและแววตายังแสดงถึงความอิดโรยเด็กแสบจึงสำนึกได้ว่าเล่นหนักเกินไปจึงวางของในมือหยุดคึกคะนอง

สักพักเจ้าของห้องก็นุ่งกระโจมอกออกมาจากห้องน้ำเดินตรงไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเมื่อสบายกายสบายใจก็หลงลืมแขกเด็กที่ไม่ได้รับเชิญไปชั่วขณะ

ดุจดาวนอนมองติวเตอร์สาวที่กำลังประทินเนื้อหนังมังสาให้คงความงดงามเริ่มจากใบหน้าไปจนทั้งตัว ผิวที่ขาวนวลเนียนทำเด็กสาวใจสั่นแปลกๆ ภาพเลิฟซีนจากหนังเรื่องLword ที่เปิดดูบางตอนทางยูทูบผุดขึ้นมาในหัว ภาพที่นางเอกคนหนึ่งเปลือยเปล่าและนางเอกอีกคนเข้าไปกอดจูบลูบไล้

อร้าย…บ้าจริง!เด็กสาวยกผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าซ่อนความอับอายแม้จะเป็นแค่ความคิดเมื่อมีสิ่งเคลื่อนไหวเจ้าของห้องถึงมีสตินึกขึ้นมาได้ว่าตนไม่ได้อยู่ในห้องนี้เพียงลำพังเมื่อหันมองไปที่แขกไม่ได้รับเชิญก็เห็นเด็กสาวเอาผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า

“เป็นอะไร”พรพิสุทธิ์ถามออกไป แต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบอะไรแต่ยุกยิกอยู่ภายใต้ผ้าห่ม ด้วยความสงสัยจึงลุกขึ้นไปดูเอามือดึงผ้าห่มออกจากหน้าแต่กลับเห็นเด็กสาวหลับตาปี๋

หือ … หรือว่าเจ้าของห้องสาวก้มดูตัวเองอมยิ้มที่เด็กจอมแสบมีอาการขัดเขินที่ตนนุ่งน้อยห่มน้อยแต่จะเขินทำไม อะไรๆก็เหมือนๆกัน เห็นอาการแบบนี้พรพิสุทธิ์ก็นึกสนุก

“เป็นอะไรไปจ๊ะสาวน้อย” จึก! เมื่อดาบนั้นคืนสนองเมื่อเด็กสาวรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายมาประทะหน้าตนไม่พอกลิ่นกายของอีกฝ่ายยังมากระทบที่จมูกอีก ทำใจเต้นรัวเป็นกลองชุด ‘นี่คิดจะแกล้งกันหรือไง’ ใจที่ขุ่นเคืองช่วยเปิดเปลือกตาขึ้นจากแค่รู้สึกก็แจ่มชัดจากสองตาถึงความใกล้ชิดที่ห่างกันเพียงกระดาษกั้นแต่เหมือนลมหายใจจะหยุดชะงักโลกจะหยุดหมุนเมื่อสองตาของสองสาวประสานกันเกิดความรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆคนสูงวัยเรียกสติกลับมาได้ก่อนจึงชิงดึงหน้ากลับมาและเดินรี่ไปที่ตู้เสื้อผ้าจัดแจงหยิบชุดนอนออกมาและเดินกลับเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง

บ้าจริง! คำนี้หลุดออกมาจากหญิงสาวทั้งสองคนจากนั้นก็ต่างหลุดยิ้มออกมา

ดุจดาวเดินลงมาชั้นล่างเพื่อหาน้ำดื่มอุ่นๆสักแก้วดับกระหายหากเป็นปกติเวลาที่อยู่บ้านจะมีคนคอยบริการจัดการให้ทุกอย่างโดยไม่ต้องเรียกใช้ด้วยซ้ำเมื่อเดินเข้ามาในครัวคุณหนูไฮโซสาดส่ายสายตาหาสิ่งที่ต้องการคือกาน้ำร้อน จากปกติที่ไม่เคยทำอะไรเองอยู่แล้วแถมนี่ยังเป็นบ้านคนอื่นอีกอะไรๆก็เลยดูติดขัดไปเสียหมด แต่เธอก็ไม่อยากรบกวนพี่แจนเดี๋ยวแม่นางจะว่าเธอเอาได้ว่าเป็นคุณหนูรักสบายแม้ตอนนี้จะเจอกาน้ำร้อนแล้วแต่ก็ไม่วายเจอเรื่องติดขัดอีกเมื่อเสียบปลั๊กกาน้ำร้อนแล้วแต่ไฟมันไม่ขึ้นสีแดงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงถอดปลั๊กแล้วเสียบอีกครั้งแต่ก็เป็นดังเดิมเรื่องแบบนี้กับคุณหนูมือเท้าบางถือเป็นปัญหาใหญ่มาก

คุณหนูเมืองกรุงฯเดินออกมาจากครัวตรงไปเคาะประตูห้องร้องเรียกเด็กหนุ่มเมืองเหนือ

“บอย…บอย” แม้จะไม่มีหางเสียงแต่น้ำเสียงทอดยาว ไม่ถึงสามวินาทีเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันก็เปิดประตูออกมา

“ดาวมีอะไร”

“บอยช่วยออกมาดูกาน้ำร้อนให้เค้าหน่อยสิมันไม่ติดอ่า”

“อ๋อ ได้”เด็กหนุ่มไม่รอช้าเดินนำเด็กสาวเข้าไปในครัวทันที บอยขยับปลั๊กดึงเข้าดึงออกอยู่สองสามครั้ง

บึ้ม!! มีประกายไฟวาบขึ้นมาครั้งหนึ่งและติดตามมาด้วยเสียงระเบิด

จากนั้นไฟก็ดับพรึ่บทันทีทั้งบ้าน

“เพล้งดุจดาวตกใจมือไม้อ่อนจนแก้วน้ำที่อยู่ในมือตกแตก

พรพิสุทธิ์ออกมาจากห้องน้ำพอดีตกใจพอประมาณก่อนจะตวาดใส่วิญญาณเฮี้ยนแบบไม่กลัวเกรงว่า

“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะนังผีร้ายใจคอแกจะตามแกล้งฉันไปถึงดาวอังคารเลยหรือไง” จากเดิมที่คิดจะไม่ใส่ใจเอาเรื่อง ปล่อยวางทางใครทางมันจนหมดวาระกรรมกันไปแต่มันชักจะไม่เข้าท่าเสียแล้วเมื่อนังผีบ้าอาละวาดไม่เลิกไม่รา คงจะต้องมีมาตรการเด็ดขาดกับผีแม่ลูกคู่นี้เสียที

พรพิสุทธิ์คลำทางฝ่าความมืดไปที่เตียงนอนพร้อมกับส่งเสียงร้องเรียกลูกศิษย์สาวแต่กลับไร้เสียงตอบเสมือนว่าเธออยู่ภายในห้องเพียงผู้เดียวหญิงสาวใจหายเมื่อคิดถึงว่าจะมีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้นกับเด็กสาว ก็เธอคงจะรับผิดชอบไม่ไหวแน่ๆ

“บรู๊ว...” เสียงมะหมาเห่าหอนโหยหวนชวนสะท้านใจเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าไอ้เจ้าสิ่งที่มองไม่เห็นแต่มีอยู่จริงมันป้วนเปี้ยนเวียนวนอยู่แถวๆนี้

แต่เสียงว่ามีบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่บนเตียงทำให้หญิงสาวเจ้าของห้องเบาใจขึ้นอย่างน้อยเด็กสาวก็ยังอยู่ในห้อง ที่ไม่ขานรับคงจะอารามตกใจจนไร้เสียงก็เป็นได้

“ตกใจล่ะสิท่า ไม่มีอะไรหรอกนะแค่ไฟดับ ลุกขึ้นมาช่วยพี่หามือถือหน่อยเร็วจะได้มีแสงไฟ”พรพิสุทธิ์หวังพึ่ง Application LEDflashligh เป็น App ไฟฉายในมือถือ หญิงสาวปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติทำเป็นว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันเป็นเรื่องปกติ มันคงไม่สนุกแน่ๆหากเด็กแสบได้รู้ว่าบ้านนี้มีผีเจ้าบอยก็อีกคน รายนั้นกลัวผีจนขี้ขึ้นสมอง

เฮ่อ…เมื่อไหร่จะพ้นบ่วงกรรมกันไปสักทีนะนังผีเฮี้ยน

“ว้าย!!” เจ้าของห้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกสะกิดเข้าตรงต้นแขนอ่อนเบี่ยงหน้าไปมองก็เห็นลางๆว่าเป็นโทรศัพท์มือถือที่เรียกหายื่นมาให้

“แต้งหลายๆเลยจ้าสาวน้อย” พรพิสุทธิ์เบาใจขึ้นอีกเป็นกองรีบรับมือถือมาก่อนจะเปิด App ไฟฉายที่มีในเครื่องพอจะให้ความสว่างได้บ้าง

“ดาวโอเคใช่ไหม” ติวเตอร์สาวถามลูกศิษย์แต่ก็ยังคงเงียบดังเดิมมีเพียงเสียงลมหายใจฟืดฟาดครืดคราดอยู่ด้านหลังที่มันชักจะผิดปกติแต่ก็นะ เด็กดาวอาจจะกลัวจน shock ทำอะไรไม่ถูกพูดอะไรไม่ออกก็ได้เธอยังไม่อยากไปตอกย้ำอะไรตอนนี้

พรพิสุทธิ์เดินนำเด็กสาวออกจากห้องลงไปยังชั้นล่างแสงไฟจากถนนที่ลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาทำให้เธอรับรู้ได้ว่าเป็นบ้านเธอหลังเดียวที่ไฟดับแน่นอนว่าจะต้องไปดึง breaker ขึ้นก่อนเพราะเป็นระบบตัดไฟแบบอัตโนมัติจากนั้นค่อยไปดูว่าเกิดปัญหาที่จุดไหน

“เดินตามพี่มานะ” พรพิสุทธิ์บอกเด็กสาวก่อนจะก้าวเท้ามุ่งตรงไปที่breaker แต่สายตาไวที่เริ่มจะคุ้นเคยกับความมืดมิดกลับเห็นเงาตะคุ่มอยู่ที่โต๊ะวางแก้วกาแฟแสงจากไฟฉายในมือถือสาดไปทันที

“เอ่า! แล้วไปยืนกันทำไมตรงนั้น”ตอนนี้ใจดวงน้อยของพรพิสุทธิ์แทบจะหยุดทำงานเมื่อเห็นลูกศิษย์สาวกับน้องชายร่างสูงกำลังยืนเกาะกันกลมเป็นลูกนิมิตในใจนึกเคืองไม่พอใจกับการวางตัวที่ไม่เหมาะไม่ควรของทั้งคู่โดยลืมไปว่าขณะนี้มันอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติแต่…พรพิสุทธิ์เอะใจกับบางเรื่อง คือเรื่องที่เธอเห็นยัยคุณหนูยืนอยู่กับบอย แล้วที่เดินตามเธอมาล่ะ! เร็วกว่าความคิดไม่แม้จะหันกลับไปมองหญิงสาวรีบก้าวเท้าเข้าไปหาเด็กทั้งสองด้วยอารมณ์ที่หลากหลายห่วงใยเด็กทั้งสอง หลอน หรืออะไร

“พี่แจนอย่าเดินเข้ามาดุจดาวร้องตะโกนลั่นแต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว

“โอ้ยพรพิสุทธิ์ร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดระคนตกใจเมื่อเท้าเปล่าของตนย่ำเข้าให้กับเศษแก้วที่กราดเกลื่อนเต็มพื้น คนโชคร้ายทรุดกายลงไปนั่งกุมฝ่าเท้าแสงไฟจากมือถือเผยให้เห็นเลือดสีแดงฉานไหลนองเต็มพื้นดุจดาวทนดูไม่ได้ต้องรีบเบือนหน้าหนีทั้งรู้สึกผิดระคนสงสารเป็นกำลัง ส่วนบอยผละจากคุณหนูชาวกรุงฯรีบเข้ามาดูอาการญาติผู้พี่ทันที

“บอยเดินไปดึง breaker ขึ้นก่อน อยู่ตรงมุมซ้ายมือก่อนเข้าครัว" บอยละล้าละลังแต่ก็เชื่อฟังพี่สาว เวลานี้สิ่งจำเป็นที่สุดคือแสงสว่างบอยฉวยมือถือในมือพี่สาวตาลีตาตาเหลือกไปดำเนินการตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว

"ดาวขอโทษ พี่แจนเจ็บมากไหม"น้ำเสียงอ่อนหวานและคำพูดที่แสดงว่าห่วงใยช่วยทุเลาความเจ็บปวดลงไปได้บ้างคงจะดีหากเด็กแสบพูดอะไรที่มันหวานหูกับเธอแบบนี้ไปตลอด

"เจ็บมาก และดาวต้องรับผิดชอบเรื่องนี้"พรพิสุทธิ์ได้ช่องเอาคืนเด็กที่มักก๋ากั่นกับตนที่เด็กสาวไม่เท่าทันยิ่งรู้สึกผิดเป็นทวีคูณ

“ดาวรับผิดชอบได้ทุกอย่างเลยค่ะขอแค่พี่แจนบอกมาดาวจะรีบจัดการให้เลย” ดุจดาวคิดแค่ว่าความร่ำรวยของครอบครัวตนสร้างความพร้อมได้ทุกเรื่อง

“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว แต่เอาไว้พี่จะบอกทีหลังนะว่าจะให้รับผิดชอบยังไงแต่เราก็อย่าเป็นปลาทองความจำสั้นล่ะ” พรพิสุทธิ์ทำเป็นเก็กโหดกับลูกศิษย์สาว

พรึ่บ! บ้านหลังนี้กลับมาสว่างไสวเข้าสู่สภาพปกติอีกครั้งตาของหญิงสาวเจ้าของบ้านชนกับกาน้ำร้อนทันทีที่ไฟติด ปกติมันไม่อยู่ตรงนี้

“นี่คงลงมาเสียบกาน้ำร้อนใช่ไหม"ดุจดาวพยักหน้าน้อยๆ หงอยๆ

“กาน้ำร้อนมันเสีย วันหน้าหากต้องการอะไรในบ้านนี้ต้องบอกพี่เดี๋ยวพี่จัดการให้”

“ค่า”เสียงหงอยหนักกว่าเดิม แต่ก็กลบเกลื่อนโดยการเข้ามาดูอาการคนเจ็บ

“พี่แจนเจ็บมากไหม เดี๋ยวดาวไปเรียกรถพยาบาลให้นะ” เด็กสาวดีดตัวขึ้นแต่ก็ถูกคนเจ็บดึงลงมาอีก

“จะบ้าหรือไง แผลแค่นี้เอง” แค่นี้! พี่แจนนั่นแหละบ้า เลือดท่วมซะขนาดนี้ขนาดเธอแค่เข่าถลอก ก็ต้องไปโรงพยาบาลแล้ว

“พี่อึดถึกจะตายไม่ได้เป็นคุณหนูบอบบางอย่างดาว เดี๋ยวล้างแผล ทายา พันผ้าก็เป็นอันเสร็จ” จบพยาบาลมาหรือไง ถึงพูดดั่งคนเชี่ยวชาญนักเด็กสาวนึกค่อยขอดกับเรื่องที่ตนไม่ประสา

บอยเอาที่ตักขยะมาเก็บเศษแก้วอย่างรู้งานส่วนคนเจ็บก็ยันตัวลุกขึ้นเพื่อไปล้างเท้าในห้องน้ำแต่ก็ต้องทรุดกลับลงไปอีกเพราะเสียวแปล๊บที่บาดแผลเด็กสาวเห็นท่าไม่ดีบวกกับใจเดิมที่ยังรู้สึกผิดมากมายจึงรีบเข้ามาช่วยพยุง

“เดี๋ยวดาวช่วยทำแผลให้นะ” ดุจดาวต้องการเจือจางความรู้สึกผิดในใจตน

“ทำเป็นเหรอ”ติวเตอร์สาวน้ำเสียงยียวนที่ก็ทำไปอย่างนั้น ส่วนหนึ่งเพื่อดึงความสนใจของตัวเองออกมาจากความรู้สึกเจ็บปวดบาดแผล

“ไม่เป็นหรอกแต่ลืมไปหรือไงว่าดาวอยู่กับติวเตอร์ เดี๋ยวติวเตอร์ก็สอนเองแหละครั้งแรกเลยนะที่เค้าทำอะไรแบบนี้ให้ใคร”เด็กสาวเอาทุกเรื่องมาปั่นรวมกัน แต่มันกระแทกเข้าไปในความประทับใจของคนฟังอย่างแรงแต่คิดไปคิดมา เธอก็คงจะได้เป็นครั้งแรกของยัยคุณหนูไฮโซไปอีกหลายเรื่องเพราะคุณหนูอย่างหล่อนย่อมไม่เคยหยิบจับอะไรหรือทำอะไรให้ใครอยู่แล้ว อยู่ในฐานะที่เป็นฝ่ายรับอยู่ตลอด

เมื่อล้างน้ำสะอาดเสร็จ สองสาวจึงประคับประคองกันไปนั่งที่โซฟาตัวยาวในห้องรับแขกโดยมีบอยคอยเป็นกำลังเสริม

“เบตาดีน กับชุดทำแผลอยู่ในตู้บนหัวน่ะ"ร่างเล็กของลูกศิษย์สาวลุกพรวดขึ้นเปิดตู้และรวบเอาทุกอย่างข้างในออกมากอง เธอไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง แต่เยอะดีกว่าขาดเดี๋ยวพี่สาวก็เลือกใช้เองแหละ

“ทำอะไรใหญ่ตลอดนะเรา" ดุจดาวยิ้มๆแม้จะยังหงอยๆแต่ก็โอเคขึ้นกว่าตอนเห็นเลือดกองที่เท้าของพี่สาวส่วนบอยเข้าไปในครัวหยิบเอาอ่างเล็กๆมาใบหนึ่ง เปิดขวดน้ำเกลือล้างแผลออกอย่างรู้งานอีกแล้ว

“เบาๆนะไอ้น้องชาย” บอยคว้าปลีน่องของคนเจ็บให้ยืดออก วินาทีนี้คนเจ็บต้องรวบรวมกำลังใจเพื่อต่อสู้กับความเจ็บแสบ

“เชื่อมือน้องชายเถอะน่า " บอยให้ความมั่นใจ ความคล่องแคล่วทำให้คนเจ็บพอจะเบาใจ

“ทำไมบอยดูคล่องจัง” ดุจดาวทั้งทึ่งและชื่นชม ยังนึกละอายว่าตนเป็นผู้หญิงแท้ๆยังไม่ประสาอะไรเลย

“บอยไปช่วยพี่ๆแพทย์อาสาบ่อย” บอยหันมาตอบ

“ประเสริฐแท้น้องฉัน” พรพิสุทธิ์ชื่นชมจากใจ ที่ดุจดาวเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน

“ลงมาต้มน้ำตอนไหน" ระหว่างที่น้องชายทำความสะอาดแผล คนเจ็บจึงชวนเด็กตัวต้นเหตุคุยให้สมาธิของตนจดจ่อไปกับเรื่องอื่น

“ก็หลังจากพี่แจนกลับเข้าไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำดาวคอแห้งเลยลงมาหาอะไรอุ่นๆดื่ม” คนถามหน้าซีดเป็นไก่ไหว้เจ้าตรุษจีนหลังได้ยินคำตอบแล้วผู้ใดกันเล่าที่ส่งโทรศัพท์ให้เธอ

“พี่แจนแสบมากเลยเหรอ หน้าซีดเชียว"

“อือ ทำไมเหรอ เป็นห่วงกลัวว่าพี่จะไปสอนไม่ไหวล่ะสิ"พรพิสุทธิ์เฉไฉ ไปเรื่องอื่น เด็กดาวจะรู้เรื่องผีไม่ได้เด็ดขาด

“เรื่องนั้นมันก็ใช่แต่ มันมีมากกว่านั้น"ดุจดาวตอบเพียงครึ่งเสียง บ่งบอกถึงความลังเลภายใน พรพิสุทธิ์เห็นเป็นเรื่องสนุกจึงรุกไล่เอาความยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทำเป็นตั้งใจฟัง

“ยังไง เอาให้ชัด หากเป็นสอบสัมภาษณ์ตอบแบบนี้หล่อนไม่ผ่านหรอกนะ”

“ดาว…” ระดับเสียงยิ่งเบากว่าเดิมจนแทบจะไม่มีเสียงใดออกมา




Create Date : 22 ตุลาคม 2558
Last Update : 22 ตุลาคม 2558 19:38:00 น. 0 comments
Counter : 315 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.