Group Blog
 
All blogs
 
ยามเมื่อสายลมหนาวพัดมา 11

โชติกาเดินเข้าไปในห้องนอนเมื่อใกล้เวลาอาหารเที่ยงภาพที่เห็นคือบอสจอมใจร้ายของตนนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนดวงตาปิดสนิทในบรรยากาศของแอร์ที่เย็นฉ่ำผ้าห่มถูกดึงออกมาคลุมปลายเท้าไว้เท่านั้นร่างบางเดินไปใกล้ๆเพื่อจะเรียกแต่ภาพของคนสิ้นฤทธิ์ดึงดูดสายตาจนยังไม่อยากให้ตื่นเสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีเทาเข้ากันได้ดีกับกางเกงผ้านิ่มสีดำพอดีตัวพี่วาร์มหุ่นดีมากเลย ใบหน้าที่ขาวอมชมพูเกลี้ยงเกลาก็ดึงดูดชวนมองไม่น้อยอยากจะเข้าไปลูบไล้ อยากจะเข้าไปสัมผัสแต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีสิทธิ์ โชติกาใจหายเล็กๆเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายก็ลืมตาขึ้นร่างบางยิ้มแก้เก้อ

“โรสกำลังจะเข้ามาบอกคุณว่าได้เวลาอาหารกลางวันแล้วค่ะ”

“อื่อ” เพียงเท่านั้นดวงตาก็ปิดสนิทลงไปอีกครั้ง

“ลุกซิคะ เดี๋ยวจะสายนะคะ”

“ฉันปวดหัว”

“หือ…ปวดหัวเหรอคะ ปวดมากไหม” โชติกานัยน์ตาตื่นตระหนกเพราะเป็นห่วงหลังมือเรียวเล็กทาบไปที่หน้าผากอย่างถือวิสาสะเพราะห่วงใยมากจนลืมตัวแต่…

“ว้ายอยู่ๆร่างบางก็ถูกดึงลงไปทาบทับอยู่บนตัวของคนที่บอกว่าป่วยสองแขนโอบรัดร่างบางที่กำลังดิ้นรนขัดขืนไว้แน่น

“โกหกใช่ไหมคะ ตัวคุณไม่เห็นร้อนเลย”

“ร้อนซิ แต่มันร้อนอยู่ข้างใน” ร่างบางหยุดการดิ้นรนคิดตามที่อีกฝ่ายพูดแต่ก็คิดอะไรไม่ออกไม่เข้าใจ

“แล้วทำยังไงถึงจะหายหละคะ” ร่างบางมีแววสงสัยอยู่บนตัวของคนแกล้งป่วย

“ก็นี่ไงกอดเธอไว้แบบนี้มันทำให้ความร้อนในตัวของฉันลดลงได้ มันเป็นการรักษาแบบคนไทย”อีกครั้งที่ร่างบางครุ่นคิดตามแต่ก็คิดไม่ออกอีก เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน

“แต่โรสไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เลย”ร่างบางยังไม่เท่าทัน

“ก็เธอไม่ได้อยู่เมืองไทยจะรู้ได้ยังไงมันเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน” สินีนาฏโกหกหน้าตาย ร่างบางยอมสงบนิ่งเพราะคล้อยตามเธอเคยได้ยินคำว่าภูมิปัญญาชาวบ้านและหากมันเป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆเธอก็ยินดีจะช่วยเหลือ

“แล้ว…ต้องกอดโรสแบบนี้อีกนานไหมคะถึงจะหายร้อน”น้ำเสียงที่ไร้เดียงสากับในตาใสซื่อแทบจะทำให้คนแกล้งป่วยเก็บอาการไม่อยู่หลุดยิ้มออกมา

“ก็…อีกแป็บ”สินีนาฏทำมึนกระชับกอดร่างบางแน่นขึ้น ก็เขาเต็มใจคนแกล้งป่วยคิดเข้าข้างตัวเองหน้าตาเฉย

“ให้โรสไปโทรบอกทีมงานก่อนได้ไหมคะว่าคุณจะไปทานอาหารช้าหน่อยเพราะไม่ค่อยสบาย”

“ไม่ต้องหรอก แค่ทานอาหารไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” การได้กอดอะไรที่มันนุ่มนิ่มแถมมีกลิ่นหอมสำคัญกว่าเยอะตอนนี้โชติกานอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างสงบเพราะรู้ไม่เท่าทันและเพราะความจิตใจดี

ห้องอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้เฉพาะกลุ่มศิราณุวัฒน์กรุ๊ป เป็นอาหารนานาชาติแม้นผู้บริหารของศิราณุวัฒน์จะยังไม่มาแต่ทุกคนก็ทานอาหารกันเป็นปกติเพราะเป็นอาหารคนละส่วนและต่างต้องรีบทานและรีบไปทำหน้าที่ของตน

เคนนี่หวัง หนุ่มใหญ่วัย40 ผู้ร่วมทุนจากไต้หวันเดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมจงซินซางเลขาหนุ่มหน้าตาดีเชื้อชาติเดียวกัน

“เชิญด้านนี้ครับ” อดิพัทรตัวแทนจากศิราณุวัฒน์เข้าไปทำการดูแลอำนวยความสะดวก โต๊ะอาหารสำหรับผู้บริหารอยู่ในสุดมีวิวเป็นสวนสวยเมื่อมองผ่านกระจกออกไปที่โต๊ะอาหารตอนนี้มีนางแบบสาวพรีเซ็นเตอร์ของน้ำหอมตัวใหม่นั่งรออยู่แต่เมื่อเห็นคนที่น่าจะเป็นคนสำคัญเมธินีรีบลุกขึ้นรอต้อนรับ

“คุณเคนครับ คนนี้คือคุณเมนี่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของน้ำหอมตัวใหม่ครับ”

“คุณเมนี่ครับ ท่านนี้คือคุณเคนนี่ หวัง ผู้ร่วมทุนจากทางไต้หวันครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ” ทั้งสองแตะมือกันเป็นเป็นมารยาทก่อนจะนั่งลงตามกันไป

“ผมจงซิน ซางครับเป็นเลขาของคุณเคนนี่”เลขาของเคนนี่แนะนำตัวเองกับนางแบบสาว

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ทั้งคู่เพียงส่งยิ้มสวยให้กัน

“เรนนี่ล่ะ” เคนนี่หันไปถามตัวแทน‘เรนนี่’ เป็นชื่อที่เคนเรียกสินีนาฏ

“อีกสักครู่ครับ” อดิพัทรตอบเป็นกลางๆเพราะยังติดต่อคุณโรสเลขาคุณวาร์มไม่ได้เคนนี่พยักหน้ารับทราบก่อนแต่เพียงอึดใจก็ได้เห็นสินีนาฏเดินเข้ามาพร้อมกับสาวสวยอีกคนภาพนี้ขัดตาเมธินีนักเพราะเลขาของคุณวาร์มดูดีมากเกินไปในตลาดเอเชียคุณโรสดูดีในระดับเป็นดาราได้เลยด้วยซ้ำ เคนนี่ลุกขึ้นรอรับด้วยใจยินดี

“แปลกจริงวันนี้เรนนี่สาย” เป็นคำทักทายจากเคน ‘เรนนี่’ คำนี้ทำให้เมธินีและโชติกาฉงนใจ

“ไม่สบายนิดหน่อย” สินีนาฏยื่นมือไปจับกับเคนเป็นการทักทาย จับที่เป็นการจับแบบกระชับแน่นหลายปีมาแล้วกับการลงทุนร่วมกันผู้ร่วมทุนสาวชาวไทยคนนี้มีความหมายกับเขามากกว่าผู้ร่วมทุน หล่อนเป็นมิตรที่แท้ ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อครั้งที่ธุรกิจของเขาอยู่ในภาวะวิกฤติถึงขั้นถูกฟ้องล้มละลายมีมือนี้แหละที่ยื่นเข้ามาช่วยช่วยทั้งที่การช่วยอาจจะสูญเปล่า

“เพิ่งรู้ว่าคุณป่วยเป็น” หนุ่มใหญ่กล่าวแซวก็ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยได้ยินว่าวาร์มป่วยเลยสักครั้งเห็นมีแต่ทำงานๆๆจนเขาเผลอคิดว่าหล่อนเป็นยอดมนุษย์

“ฉันจะป่วยเฉพาะเวลาอยู่กับบางคนเท่านั้นแหละ”คำตอบเป็นปริศนากับทุกคนโดยเฉพาะโชติกาก็เมื่อกี้พี่วาร์มป่วยตอนอยู่กับเธอแต่ก็ได้เพียงสงสัยไม่กล้าซักไซ้เอาความ เว้นแต่หนุ่มใหญ่ที่ไม่สงสัยเพราะรู้รสนิยมกันดีเขาปรายตามองไปที่หญิงสาวอีกคนที่เดินมากับสินีนาฏอีกครั้งก่อนจะกลับมาสบนัยน์ตาเป็นนัยให้รู้ว่ารู้เท่าทัน

“คนนี้คือคุณโรสครับเป็นเลขาของคุณวาร์ม” ตัวแทนแนะนำ เคนนี่ยื่นมือออกไปแตะเพียงนิดพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร

“เรนนี่เปลี่ยนเลขาบ่อยเพราะเป็นเจ้านายที่เอาแต่ใจและมุ่งแต่งานไม่สนใจบุคคล หวังว่าคุณโรสจะอยู่ดูแลเรนนี่ไปนานๆนะครับ” เคนนี่ฝากฝังเป็นการตอกย้ำผู้ร่วมทุนสาวว่าตนเท่าทัน สินีนาฏกระตุกยิ้มกับเรื่องที่เคนนี่คิดไปเองก็เธอกับโรสไม่มีอะไรกันสักหน่อยฝ่ายโชติการู้แล้วว่าเรนนี่หมายถึงสินีนาฏ หญิงสาวทำเพียงยิ้มๆไม่ได้ตกปากรับคำเพราะอีกไม่นานเธอก็ต้องไปจากชีวิตของพี่วาร์มแล้ว

“ผมจงซิน ซางครับ เป็นเลขาของคุณเคน” อีกครั้งที่จงซินแนะนำตัวเอง

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” โชติกายื่นมือออกไปแตะกับจงซินตามมารยาท จากนั้นทั้งหมดก็นั่งร่วมโต๊ะอาหารยกเว้นตัวแทนที่เดินกลับออกไปบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบง่ายบทสนทนาของเคนนี่กับสินีนาฏแทบจะไม่มีเรื่องงานเลยทำให้หญิงสาวสองคนที่ร่วมโต๊ะด้วยรู้ว่าทั้งคู่สนิทกันมากส่วนจงซินรู้มานานแล้วเพราะเขาเป็นเลขาของเคนมานานแล้ว ฝ่ายเมธินีได้ลอบมองสินีนาฏเป็นระยะๆชื่นชมในความเป็นธรรมชาติในบรรยากาศกับคนกันเองแต่ก็นึกเศร้าใจต่อเพราะดังเดิมคือหล่อนไม่ได้สนใจอะไรเธอเป็นพิเศษเลย

“วาร์ม” ทุกคนบนโต๊ะหันไปเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อเล่นของสินีนาฏและทุกคนเห็นหญิงสาวลูกครึ่งไทยจีนสวยเฉี่ยวในชุดแบรนเนมชื่อดังดั่งเป็นนางแบบหลุดออกมาจากแคทตาล๊อก

“เซอร์ไพรส์ค่ะ” ชิดชนกเดินมาโน้มตัวกอดสินีนาฏพร้อมกับหอมแก้มฟอดใหญ่สไตล์ตะวันตกจากความคุ้นชินภาพนี้ทำให้หัวใจของผู้หญิงอีกสองคนบนโต๊ะกระตุกอย่างแรง

“ชิลลี่ขอนั่งด้วยคนนะคะ” หญิงสาวคลายอ้อมกอดจากเพื่อนรักโปรยยิ้มให้ทุกคนบนโต๊ะดั่งสาวพราวเสน่ห์ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างที่อยู่ใกล้นางแบบสาวตอนนี้ทุกคนบนโต๊ะมองหญิงสาวสวยเฉี่ยวคนนี้อย่างสนใจ

“ชลลี่เป็นเพื่อนของวาร์มค่ะ”หญิงสาวแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ

“คุณเคนคะ ชลลี่เพื่อนของวาร์มค่ะ”สินีนาฏแนะนำเพื่อสาวกับทุกคนตามลำดับ และสุดท้ายที่นางแบบคนสวย

“เมนี่ค่ะยินดีที่ได้รู้จักคุณชลลี่ค่ะ” นางแบบสาวแนะนำตัวเป็นมารยาทในใจนึกขุ่นเคืองไม่ชอบหน้าแล้ว…ผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์แบบไหนกับคุณวาร์ม เกินที่ใครจะคาดคิดชิดชนกยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตที่ริมฝีปากบางของนางแบบสาวหน้าตาเฉย ทำเอาอึ้งกันไปทั้งโต๊ะ

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” ชิดชนกยิ้มหวานส่งให้ดั่งไม่มีสิ่งใดผิดแผกไปจากความเป็นปกติจากนั้นชิดชนกก็หันมาสนใจอาหารบนโต๊ะ

“อาหารน่าทานทั้งนั้นเลยนะคะ”ทุกคนบนโต๊ะเพียงพยักหน้ายิ้มๆทำทุกอย่างเป็นปกติ แต่นางแบบสาวนี่ซิยังไม่หายงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เมื่อตะกี้ผู้หญิงคนนี้…จูบเธอ

“ขอตัวก่อนนะคะ” อยู่ๆนางแบบสาวก็ขอตัวและเดินออกไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“แรง!!” สินีนาฏพูดขึ้นสายตามองเพื่อนรัก

“หือ ตรงไหนมิทราบ” ชิดชนกทำหน้าเหรอหรา

“อยู่ดีๆก็ไปจูบเขา”

“ก็คุณนางแบบสวย” ทุกคนบนโต๊ะหลุดยิ้มออกมากับความตรงไปตรงมาของชิดชนกเว้นโชติกาที่ไม่ค่อยเข้าใจอะไรแถมเรื่องราวเมื่อสักครู่ก็พาให้ฉงน ก็คุณชลลี่ไปจูบคุณเมนี่ทำไม ก็คุณชลลี่กับพี่วาร์ม…

เมธินีวิ่งกลับไปที่ห้องพักของตนจิตใจว้าวุ่นกับเรื่องจูบผู้หญิงคนนั้นจูบเธอ จูบทำไม ร่างบางเดินเข้าไปในห้องน้ำเปิดน้ำในอ่างล้างหน้าควักน้ำมาถูกริมฝีปากของตนหวังลบรอยจูบแต่ยิ่งถูก็ยิ่งขุ่นในใจก็ผู้หญิงคนนั้นมีสิทธิ์อะไรมาจูบเธอ!

เมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จมีช่วงเวลาที่สองเพื่อนสนิทได้อยู่เป็นส่วนตัวในซุ้มกาแฟสดที่จัดสรรมุมส่วนตัวไว้มากมายหลายมุมเพราะมีพื้นที่กว้างขวาง

“นึกยังไงอยู่ๆก็โผล่มา”

“อยากพักผ่อน” ชิดชนกตอบสั้นพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

“มีปัญหาอะไร”

“ป๋า แม่พูดเรื่องแต่งงาน” ชิดชนกเฉลยความหนักหน่วงในใจครอบครัวของเธอเป็นคนจีนหัวโบราณเคร่งศาสนาและยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีหลายครั้งที่เธอต้องเก็บงำความเจ็บปวดเมื่อความรักของเพศที่สามถูกวิจารณ์แบบสาดเสียเทเสียจากครอบครัวของเธอ

“ก็พูดอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่ แต่ครั้งนี้ดูจริงจังกว่าทุกครั้งคราวนี้เป็นลูกชายเจ้าของร้านเพชรนัดดูตัวเดือนหน้า”

“อืม…” ตอนนี้เธอก็ทำได้แค่รับฟัง

“แล้วคืนนี้พักที่ไหน” สินีนาฏอาทร

“ยังไม่รู้เลย”

“เอ้า!...เกิดหาที่พักไม่ได้จะทำยังไง” สินีนาฏทำเป็นซีเรียสที่เพื่อนกันรู้ดีว่าไม่ได้จริงจัง

“ก็กะมาขอนอนด้วย” ชิดชนกพูดง่ายปกติก็นอนด้วยกันออกบ่อยตั้งแต่ตอนวาร์มไปเรียนที่อเมริกาแล้ว

“ไม่ได้ ห้องเต็ม”

“อะไร วาร์มพักห้องสูทไม่ใช่เหรอ ห้องออกใหญ่โต”

“ใช่ แต่เราคืนห้องของโรสไปแล้วเพราะมีคนไม่มีที่พัก โรสก็ต้องนอนกับเรา”

“หือ…” ชิดชนกทำน้ำเสียงมีเลศนัย ก็ถ้าเป็นปกติคนอย่างวาร์มไม่มีสนใจคนอื่นหรอกกับคนอื่นวาร์มจะเย็นชาและไร้น้ำใจเพราะความเป็นคนโลกส่วนตัวสูงที่มุ่งสนใจอยู่แต่กับเรื่องงานเท่านั้นโดยเฉพาะเกมการแข่งขันทางธุรกิจเป็นสิ่งที่วาร์มหลงใหลฝักใฝ่อยากได้ชัยชนะอยู่เสมอสินีนาฏสู้สายตาเพื่อนสาวดั่งบอกว่าในใจไม่มีอะไร โดยไม่รู้ว่าอาการแบบนี้มันเป็นอาการของคนร้อนตัว

“เรื่องที่พักเดี๋ยวจัดการให้”สินีนาฏตัดบทเพราะไม่อยากถูกสาวเอาความไปมากกว่านี้ ทั้งที่จริงเรื่องมันก็ไม่ได้มีอะไรแค่เธอรู้สึกแปลกๆก่อนจะลุกขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“พักผ่อนอยู่แถวนี้ก่อนนะ วาร์มไปทำงานก่อนได้ห้องแล้วจะให้คนมาตาม”พูดจบหญิงสาวร่างสูงก็เดินออกไป ชิดชนกมองเพื่อนสาวยิ้มๆสมองนึกต่อไปถึงเลขาหน้าสวยของวาร์มก็ไม่แปลกเลยถ้าโรสจะทำให้วาร์มหวั่นไหว




Create Date : 17 มีนาคม 2557
Last Update : 17 มีนาคม 2557 15:12:15 น. 0 comments
Counter : 352 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.