Group Blog
 
All blogs
 
ตอนที่ 4 : Summon

เสียงที่เพรียกหา

สามสาวเดินมาขึ้นรถและเป็นแม่สื่อสาวที่เอ่ยปากถาม

“มีร้านอะไรแนะนำมั้ยคะสาวน้อย”

“แม้เชียงคานจะเป็นอำเภอเล็กๆแต่ว่ามีของกินมากมายเลยนะคะว่าแต่คุณพี่ทั้งสองอยากทานแบบปลาแม่น้ำโขงหรือว่าแบบพื้นเมืองเหนือสไตล์ล้านนาดีคะ”

คำว่าล้านนาทำเอาชิออนรู้สึกวูบวาบ เธอเลยตอบกลับไป

“ล้านนาเหรอน่าสนใจนะ มาอีสานแต่ว่าได้กินอาหารล้านนา”

“อืมเข้าท่าแฮะ เอาเป็นว่าน้อง...เอ่อนั่นสิชื่ออะไรคะ”เก๋พอเริ่มคุ้นเคยก็กล้าๆจะพูดกับไกด์ท้องถิ่น

“หนูชื่อน้ำผึ้งค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ขับไปตามเส้นริมโขงนี่เลยนะคะ” สาววัยขบเผาะตอบและบอกทางให้ชิออน

“ชื่อหวานจังหวานเหมือนหน้าเลย”

เก๋เผลอชมออกมาทำเอาสาวรุ่นเขินไป พออาจารย์สาวรู้ตัวก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“พี่ชื่อเก๋นะคะ ส่วนเพื่อนพี่ชื่อชิออน”

“ค่ะพี่ เดี๋ยวตรงไปอีกสองร้านก็ถึงแล้วนะคะ จอดรถได้เลยมันเป็นถนนคนเดินขับรถไปเกรงว่าจะไม่สะดวกนักค่ะ”

“อ้าว ความจริงเดินมาก็ได้นะนี่ ใกล้นิดเดียวเอง” ชิออนเปรยๆ

“ก็หนูนึกว่าพี่มาจากกรุงเทพฯน่าจะ เอ่อ... น่าจะอยากสบายน่ะค่ะขอโทษนะคะที่หนูต้องพูดตรงๆ”

สาวรุ่นตอบซื่อๆทำให้เก๋รู้สึกสนใจแม่น้ำผึ้งนี่ขึ้นมานิดๆ

“แหมๆ คนกรุงเทพฯไม่ติดหรูติดเบาะก็เยอะไปนะคะ เห็นแบบนี้เพื่อนพี่น่ะแบ็คแพ็กไปมาทั่วโลกแล้วรู้ไหม”เก๋ออกตัว

“เหรอคะดีจังเลย หนูเองอยู่แต่ในกะลาอ่ะค่ะไปไกลสุดก็แค่ขอนแก่นไปเรียนน่ะค่ะ นี่ปิดเทอมก็เลยมาหาประสบการณ์อยู่ที่นี่”น้ำผึ้งเจื้อยแจ้ว

สามสาวเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารติดริมน้ำ บรรยากาศยามค่ำคืนริมแม่น้ำโขงเงียบสงบลมโชยเย็นสบาย

“ไม่หรอกจ้ะ ยังสาวๆอยู่มีโอกาสหาประสบการณ์บนโลกกว้างอีกมาก”ชิออนตอบยิ้มๆ

บริกรเดินเข้ามาต้อนรับและยื่นเมนูให้มาฆวรัตน์รับมาและส่งต่อให้สาวรุ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ

“น้ำผึ้งช่วยสั่งหน่อยสิคะสักห้าอย่างนะ เอาแบบที่ขึ้นชื่อเด็ดๆเลยเชื่อไกด์ค่ะ”

น้ำผึ้งรับเมนูมาและหันไปสั่งอาหาร ตามที่นายจ้างต้องการพนักงานรับออร์เดอร์และเดินออกไป

“เอ๊ะ เมื่อกี้เราพูดค้างกันถึงไหนนะ อ้อ น้ำผึ้งเป็นคนที่นี่เลยเหรอ”ชิออนซักรายละเอียด

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ หมู่บ้านของหนูอยู่ห่างจากที่นี่ไปประมาณสิบกิโลเมตรค่ะ” สาวรุ่นบอกและชี้มือไปทางที่บ้านเธออยู่

“ค่ะ แล้วเมื่อกี้บอกว่าปิดเทอมแล้วมาทำงานที่เกสต์เฮ้าส์นี้เหรอ”ชิออนปูทางต่อเนื่อง

“ค่ะ แต่เขาจ้างหนูแค่ชั่วคราวเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ที่มีแขกเยอะเท่านั้นค่ะ”

“แสดงว่า น้ำผึ้งว่าง?” เก๋เป็นฝ่ายถามบ้าง

“ค่ะ ว่างมากจนน่าเบื่อเลยอ่ะค่ะ”

เสร็จโจร!

“งั้นเอางี้ไหมพี่มาทำธุระที่นี่หลายวันกำลังหาคนท้องถิ่นนำทางอยู่พอดีเลยสนใจมาเป็นมัคคุเทศก์ส่วนตัวให้พี่สองคนมั้ยล่ะ แต่อย่าเรียกแพงน้า”

ชิออนยื่นข้อเสนอเก๋ถึงกับเหวอออกไม่คิดว่าสาวอินเตอร์จะมาไม้นี้

สาวรุ่นไม่คิดนานตอบกลับออกไป

“ดีเลยค่ะ หนูกำลังเบื่อๆพอดี วันๆนั่งอยู่แต่ที่โต๊ะไม่สนุกเลยหนูไม่คิดพวกพี่แพงหรอกค่ะ แค่จ้างตามแรงงานขั้นต่ำก็พอ”สาวท้องถิ่นเว้าซื่อๆตามประสา

“แหมพี่ก็แซวเล่นหรอกนะคะพี่ให้เราวันละพันสองกินอยู่กับพี่สองคนเลยไปรับส่งที่บ้านด้วย ตกลงกันแล้วนะ” ชิออนมัดมือชก

“ค่ะ ขอบคุณพี่สองคนมากเลยค่ะ”

หญิงสาวยกมือไหว้ดีใจ นานๆทีเธอจะได้ค่าจ้างมากมายขนาดนี้

อาหารนำมาเสิร์ฟพอดี มีต้มยำปลาแม่น้ำโขง ผัดกะหล่ำกับน้ำปลาน้ำพริกอ่องและผักสด ปลาเผาและก็คากิไหหลำ

ทั้งหมดก็กินไปคุยสัพเพเหระกันไป นั่งกันเพลินจนบริกรต้องเดินมาบอกว่าร้านจะปิดแล้วชิออนเลยเรียกเก็บเงินและตั้งใจจะไปส่งสาวน่ารักถึงที่บ้าน

“ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ หนูเอารถเครื่องมาจอดอยู่ที่หน้าเกสต์เฮ้าส์ค่ะ”

น้ำผึ้งปฏิเสธน้ำใจคนกรุงพัลวัน แต่เหลี่ยมคูมันยังคนละชั้นกัน

“ได้ยังไงคะ ดึกแล้วพี่เป็นห่วงนะ”

ชิออนแสดงความห่วงใยแต่เก๋กลับไม่อยากเซ้าซี้ ชักสีหน้าเอากับเพื่อนรักสาวลูกครึ่งขยิบตาส่งสัญญาณ แต่สาวรุ่นกลับหัวเราะออกมา

“แถวบ้านน้ำผึ้งไม่มีโจรผู้ร้ายหรอกค่ะ ผู้คนที่นี่จิตใจดีพี่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ แล้วพรุ่งนี้เช้าน้ำผึ้งจะมารอค่ะแปดโมงเช้า”สาวคิ้วเข้มยังคงยืนกรานความตั้งใจ

“อ้าวงั้นเหรอคะ แต่น้องจะเทียวไปเทียวมาทำไมก็จอดรถทิ้งไว้ที่นี่หล่ะ ไปเถอะพี่อยากขับรถดูบรรยากาศแถวๆนี้ด้วยนะคะ”ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก แต่เก๋ชักจะเริ่มรำคาญ

“แก ก็น้องเขาไม่อยากให้เราไปส่งก็รบเร้าเขาอยู่นั่นไปเถอะเรากลับไปพักกัน พรุ่งนี้ก็ให้เขามารอ ตามที่น้องเขาบอกนั่น แหล่ะ ” อาจารย์สาวควักธนบัตรสีเทาให้สองใบ

“รับไว้นะคะ เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆแต่ว่ารับเงินไปแล้วอย่าเบี้ยวพี่สองคนนะ หน้าใสๆแต่อย่าใจร้ายนะคะ”

ประโยคนี้ทำเอาสาวรุ่นสะอึก เจ้าตัวยกมือไหว้และรับเงินมา

‘สองเพื่อนสาวนี่บุคลิกต่างกันจริง อีกคนขี้เล่นอารมณ์ดี อีกคนพูดน้อยแต่ต่อยหนักเหมือนไม่ค่อยชอบขี้หน้าเรายังไงชอบกล’

น้ำผึ้งคิดในใจ ยกมือไหว้ผู้ที่สูงวัยกว่าอีกครั้งเป็นการร่ำลา ยิ้มแห้งๆก่อนจะเดินจากไป

ขึ้นชื่อว่าเป็นคนเมืองกรุงเขาว่าปากปราศัยน้ำใจเชือดคอทั้งนั้นไม่ควรที่เราจะไปยุ่มย่ามกับเขามากนัก

เมื่อคล้อยหลังน้ำผึ้งสองสาวก็หันมาเฉ่งกันเอง

“แกอ่ะเกือบอยู่แล้วเชียว” เป็นชิออนที่เม้งแตกก่อน

“เกือบบ้าอะไร แกน่ะสิใจร้อนวู่วาม นี่ตกลงจะจีบเองกินเองชงเองว่างั้นหนอยทำเป็นเอาฉันมาอ้าง”

“บ้าเหรอ ฉันน่ะจีบให้แกหรอกย่ะ ถ้าไม่รุกคืบแล้วจะเด็ดดอกหญ้ามาได้รึ?”

“รุกมากระวังจะร่วงนะหล่อน เขาเป็นเด็กบ้านนอกต้องค่อยเป็นค่อยไป”

“พูดแบบนี้แสดงว่าจะจีบ?”

“เอ้า ก็แกปูทางมาซะขนาดนี้แล้ว นี่ตกลงยังไงถ้าแกจะเคลมเด็กคนนี้ฉันก็จะนั่งอยู่บนภูดูแม่ไม้ของแก” เพื่อนย่อมไม่แย่งผู้หญิงคนเดียวกันเก๋มีสโลแกนประจำใจ

“ก็เป็นวินมอเตอร์ไซค์ไว้ก่อน” ชนารดีตอบทำหน้าทะเล้น

“อะไรของแกวะ? ชิออน”

“ก็กั๊กไง กั๊กไว้ก่อนเผื่อน้องเขาไม่เอาแกฉันจะได้เสียบ” ชิออนยังแบ่งรับแบ่งสู้หล่อนมันแพ้ทางสาววัยกระเตาะเอ๊าะๆเยาว์ๆ

“แต่ชั้นว่าสุดท้ายน้องเขาคงได้กะแกแน่ๆฉันมันพวกสมาคมคนอกหักตลอดตลอด” เก๋ไม่มั่นใจตัวเอง

“ก็เพราะมันคิดลบแบบเนี้ย แกเลยต้องอยู่อย่างเหงาๆ มีคนน่ารักๆเข้ามาในชีวิตชอบเขาก็ลองดูสักตั้งสิว้า”

เพื่อนสาวพยายามเชียร์อัพ เก๋คิดตามลงจากรถและเดินเข้าห้องพักไป

ด้วยความเพลียจากการเดินทาง และอากาศที่เย็นสบายทำให้สองคู่ซี้หลับลงอย่างง่ายดาย

สองสาวตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ จากเสียงไก่ขันดังเป็นนาฬิกาปลุกตามธรรมชาติเป็นเสียงที่สองสาวไม่คุ้นหูเอาเสียเลย ชนารดีและมาฆวรัตน์ลงมาเดินเล่นสัมผัสบรรยากาศที่ถนนริมโขง ใส่บาตรพระที่แถวนี้เขาเรียกกันว่าตักบาตรข้าวเหนียวรับพรและชวนกันเดินมานั่งเล่นที่ริมตลิ่ง

เก๋เดินออกไปถ่ายรูปที่อีกมุมหนึ่งทิ้งให้ชิออนนั่งอยู่คนเดียว หญิงสาวนั่งมองดูวิถีชีวิตชาวบ้านริมสายน้ำ เห็นชาวประมงออกมาทอดแหในเรือลำเล็กกลางลำน้ำอยู่ลิบๆ

แม้จะเป็นช่วงฤดูแล้ง น้ำเริ่มแห้งขอด แต่ด้วยความที่แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสายใหญ่และเกิดจากการละลายของหิมะในเขตเทือกเขาหิมาลัยปริมาณน้ำจึงยังคงมากกว่าแม่น้ำอื่นๆ และผิวน้ำที่ราบเรียบแต่ลึกลงไปกลับไหลเชี่ยวดังคำโบราณที่ว่า ‘น้ำนิ่งไหลลึก’ มองไปยังอีกฟากฝั่งแม่น้ำเป็นประเทศลาวที่ยังคงมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์เขียวขจีต่างจากฝั่งไทยลิบลับ

ชนารดีนั่งมองสายน้ำไหล ทอดอารมณ์ด้วยจิตใจที่ว่างเปล่าขณะที่จิตสงบนั่นเอง ลูกครึ่งสาวกลับเห็นแม่น้ำตรงหน้าเปลี่ยนเป็นอีกสถานที่หนึ่ง สวนดอกไม้งามนานาพันธุ์ที่คุ้นตานั่นเอง

เจ้านางสาวสวยคนเดิมอยู่ที่สุดปลายทาง ชนารดีได้ยินเสียงเรียกหาอย่างเว้าวอน

“ศศิ ตามข้ามาสิ เราจะไปอยู่ด้วยกัน ศศิช้าอยู่ใยรู้ไหมว่าข้ารอคอยเจ้ามาชั่วชีวิต”

ชิออนลุกยืนขึ้นท่ามกลางสวนดอกไม้ เจ้าหล่อนออกเดินตามเสียงเรียกไปอย่างช้าๆ

“ศศิ เร็วเข้า”

เสียงเพรียกหาดังก้องอยู่ในโสตประสาท เป็นตัวเร่งฝีเท้าสาวสวย

“ชิออน แกมาเซลฟี่มุมนี้สิ สวยมากนกเต็มเลย”

มาฆวรัตน์ตะโกนเรียกเพื่อนสนิท หล่อนเดินออกมาไกลพอควรอยู่ห่างจากชิออนราวหนึ่งร้อยเมตร เธอถ่ายรูปจนพอใจและหันกลับมามองเพื่อนสาวเพื่อเรียกให้มาถ่ายรูปด้วยกัน

“ชิออน ชิออน แกอย่าเดินลงไป”

แต่กลับต้องตกใจสุดขีด!! เมื่อเห็นเพื่อนซี้เดินดุ่มๆลงไปในแม่น้ำจนเกือบครึ่งค่อนตัวแล้วดอกเตอร์สาววิ่งกลับมาสุดชีวิต ปากก็ตะโกนห้าม ด้วยเพราะรู้ว่าเพื่อนตัวว่ายน้ำไม่เป็น

“ชิออน แกอย่าเดินลงไป ชิออน อย่า”

เหมือนไม่รับรู้สิ่งรอบกายร่างของชนารดีค่อยๆจมหายไปต่อหน้าต่อตามาฆวรัตน์จนมิดคอ กระแสน้ำพัดพาร่างบางให้ลอยออกไปไกลตามตลิ่งอาจารย์สาวพยายามวิ่งตามมาแต่ไม่ทันเสียแล้ว

เก๋กระโดดลงไปในแม่น้ำไม่ลังเลหรือ รักตัวกลัวตายเพราะนาทีแห่งชีวิตหากดูดาย เพื่อนรักคงต้องจมน้ำกลายเป็นโศกนาฏกรรม ไปโผล่เอาที่ปากแม่น้ำเป็นแน่แท้

มาฆวรัตน์ดำผุดดำว่ายอยู่รอบหนึ่ง แต่ก็ไม่พบเพื่อนรักเสียงก็ตะโกนเรียกไม่ขาดปาก ใจเริ่มเสีย มาฆวรัตน์ตั้งจิตอธิษฐานถึงคุณพระและตัดสินใจดำลงไปในกระแสธารอีกครั้ง

สำเร็จ!!

หญิงสาวโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำประคองร่างเพื่อนรักกลับมาที่ตลิ่ง กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากทำเอาอาจารย์สาวต้านทานไว้ไม่ไหวหล่อนออกแรงฮึดครั้งสุดท้ายรวบรวมพละกำลังทั้งหมดเท่าที่มีพยุงร่างไร้สติกลับมาถึงฝั่ง

“ชิออน ชิออน” เก๋ร้องเรียกเพื่อนตบแก้มซ้ายขวาเบาๆเพื่อเรียกสติแต่ร่างบางที่เปียกโชกยังแน่นิ่ง

“พี่คะ เกิดอะไรขึ้นคะ”

เสียงของน้ำผึ้งแทรกเข้ามา หล่อนวิ่งกระหืดกระหอบหลังจากเห็นเหตุการณ์

เก๋หันกลับมามองขวับหนึ่ง ปากก็บอกให้สาวรุ่นเรียกให้คนมาช่วยน้ำผึ้งหยิบโทรศัพท์มือถือเรียกหน่วยกู้ชีพท้องถิ่นทันที

อาจารย์สาวเห็นว่าถ้ารอช้าจะไม่ทันการ เธอปลดกระดุมเสื้อชิออนออกจัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการผายปอด

ได้ผล ชนารดีสำลักน้ำออกมาหลายครั้ง สติหล่อนฟื้นคืนมาแล้วเก๋ร้องไห้ด้วยความดีใจโผเข้ากอดเพื่อนรัก ที่ยังอยู่ในอาการมึนงง

“แก ฉันนึกว่าแกจะไม่รอดเสียแล้ว ทีหลังอย่าทำอะไรบ้าๆอย่างนี้อีกนะ”

แม้จะยังมึนๆแต่ชิออนก็พอรู้สึกตัวแล้วว่าตนเองจมน้ำกระชับอ้อมแขนกอดเพื่อนสาวพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“แก ฉันขอโทษ แต่ว่าไม่รู้ตัวเลยว่าลงไปในน้ำได้ยังไงฉัน...”

“เอาล่ะ แกยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ลุกไหวมั้ยเราไปเปลี่ยนชุดกันก่อน”

เก๋พยุงร่างบางของเพื่อนสาวให้ค่อยๆลุกขึ้น น้ำผึ้งเข้ามาช่วยอีกแรง

ภาพตรงหน้าทำให้สาวรุ่นอดคิดไม่ได้ว่า สองคู่ซี้นี้ดูสนิทสนมกันเหลือเกินแม้ตัวหล่อนจะเป็นสาวบ้านนอกคอกนา แต่เรื่องแบบนี้ต่อให้อยู่มุมไหนบนโลกก็เข้าใจได้ไม่ยาก

‘เขาคงเป็นคู่รักกันสินะ ว่าแต่ทำไมตัวเราต้องรู้สึกเศร้าด้วยล่ะ’ สาวหน้าใสครุ่นคิดในใจ

เสียงไซเรนของรถหน่วยกู้ชีพมาถึง น้ำผึ้งเข้าไปอธิบายถึงเหตุการณ์ และขอโทษเจ้าหน้าที่เพราะผู้ประสบเหตุปลอดภัยแล้วเมื่ออาสาสมัครแน่ใจว่าเหตุการณ์คลี่คลายจึงกลับไป สแตนด์บาย ที่จุดเดิม

ทั้งหมดประคองกันเข้ามาถึงห้องพัก

“ขอบใจน้องมากนะคะ พี่คนเดียวคงเอาไม่อยู่แน่ๆ” เก๋หันมาขอบใจสาวรุ่น

“ไม่เป็นไรค่ะ ความจริงหนูแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ”สาวหน้าใสตอบกลับทำท่าจะเดินออกไปรอที่ด้านนอก

“จะนั่งรอในนี้ก็ได้นะคะ แล้วกินอะไรมาหรือยังเดี๋ยวพวกพี่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้วช่วยพาไปกินอาหารเช้าหน่อยนะคะ”

“ค่ะ แต่ที่นี่เขามีอาหารเช้าให้นะคะ เป็นไข่กะทะ ขนมปังแล้วก็กาแฟโอวัลติน พี่จะรับไหมคะ เดี๋ยวหนูจะได้ลงไปเตรียมให้” สาวรุ่นแจ้งรายละเอียด

“ดีสิ เช้าๆยังไม่อยากกินอะไรหนักๆ แล้วมีซุปร้อนๆด้วยไหมคะ”

“มีค่ะ แต่ว่าต้องเสียเงินเพิ่มเพราะเป็นเมนูที่นอกเหนือที่ทางเราเตรียมไว้ให้แขกค่ะ”

“ได้ค่ะ งั้นเตรียมไว้ให้พี่เลยนะส่วนหนูอยากจะทานอะไรก็สั่งเอาเลยไม่ต้องเกรงใจ เพราะวันนี้เราจะไปกันหลายที่”

“ค่ะ หนูจะรอที่ระเบียงนะคะ”

สาวรุ่นรับคำเดินออกไปด้านนอก ปล่อยให้ผู้มาเยือนได้แต่องค์ทรงเครื่อง

“ไงตัวเธอ ชักจะเริ่มชอบแม่หญิงเมืองเลยเข้าบ้างแล้วหรือยัง นอกจากน่ารักแล้วยังน้ำใจงามด้วยนะ”

ชิออนพอเริ่มมีเรี่ยวมีแรงก็แซวเพื่อนรักทันที

“ไม่ต้องเลย แหมพอหายดีเข้าหน่อยนี่จะมาทำเป็นจับคู่ให้เค้าแล้วก็อย่าเปลี่ยนเรื่องเลย เมื่อกี้แกเป็นอะไร ชิออน ฉันตะโกนห้ามคอแทบแตก แต่แกก็เดินลงไปในน้ำยังกับโดนผีเข้านั่นสิ หรือว่าแก...โอ้ยขนลุกอ่ะ ไม่เอาไม่พูดแล้ว” คนกลัวผีขนลุกชันดังปากว่า

“จู่ๆก็รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในสวนดอกไม้น่ะ แล้วก็เหมือนมีหญิงสาวเรียกอยู่ไกลๆแล้วก็...”

“ไม่เอาแล้วแกอย่าเล่าต่อนะ ฉันกลัวเร็วเข้าเลยฉันต้องพาแกไปอาบน้ำมนต์แล้วเพื่อน แกผิดปกติหลายสิ่งหลายอย่างมาก”

เก๋ตัดบทสองสาวเปลี่ยนชุดใหม่และลงมาทานอาหารเช้าที่ริมระเบียงด้านล่าง ส่วนน้ำผึ้งนั้นความจริงหล่อนกินข้าวเช้ามาจากบ้านแล้วเลยไม่ได้สั่งอะไรมาเพิ่มนั่งรอเป็นเพื่อนนายจ้างทั้งสอง

“น้ำผึ้งรู้จัก วัดนี้ไหมคะ” เก๋ยื่นโทรศัพท์ให้ดู สาวรุ่นพยักหน้า

“รู้จักค่ะ พี่จะไปกราบหลวงตาแก้วใช่ไหมคะ”

“อ้าวน้ำผึ้งรู้จักหลวงตาด้วยรึ”

ชิออนประหลาดใจนิดหน่อย สาวๆสมัยนี้เข้าวัดเป็นเสียที่ไหนกัน

“นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯแทบทุกคน ก็มาถามหาแต่วัดนี้ค่ะแล้วคนละแวกนี้ก็เคารพนับถือหลวงตาแก้วกันทั้งนั้น วัดนี้เป็นวัดป่าค่ะ อยู่ใกล้ๆริมฝั่งโขงเหมือนกันแต่อยู่ถัดไปทางทิศใต้จากนี่ราวยี่สิบนาทีก็ถึงแล้วค่ะ”

“โอเค งั้นเดี๋ยวเรารีบกินและรีบไปกันหวังว่าหลวงตาจะอยู่ที่วัดไม่ติดกิจนิมนต์ที่ไหนนะ”

“พี่ได้เจอหลวงตาแก้วแน่นอนค่ะเพราะหลวงตาท่านไม่ออกจากวัดไปไหนนานแล้ว สุขภาพท่านไม่ค่อยดี”สาวรุ่นพูดให้คนมาไกลใจชื้น

“ดีเลยค่ะ ว่าแต่หลวงตาท่านอายุเท่าไหร่เหรอ”

เก๋ซักต่อเพราะอาจารย์ผกาวรรณท่านก็บอกมาเหมือนกันว่าหลวงตาท่านแก่มาก

“ร้อยสามปีค่ะ”

“ร้อย ร้อยสามปี โห” ชิออนตาลุกวาวคนไทยอายุเกินร้อยนี่หายากมาก ยิ่งเป็นพระเถระด้วยแล้วยิ่งนับองค์ได้

เก๋และชิออนรีบกินอาหารเช้าและหาซื้ออาหารของแห้งเพื่อนำไปถวายเพลที่ตลาดในตัวเมือง

ทั้งหมดออกรถไป โดยมีน้ำผึ้งเป็นเนวิเกเตอร์นำทาง

ราวยี่สิบนาทีไปตามทางเลนสวนทั้งสามก็มาถึงหน้าวัดป่าตามที่ได้ข้อมูลมา ชิออนและเก๋ลงจากรถโดยน้ำผึ้งเดินนำหน้าเข้าไปทางขึ้นกุฏิของหลวงตาแก้วอยู่บนเนินเขาตลอดสองข้างทางมีต้นไม้ขึ้นรกต้องอาศัยแรงกายในการปีนป่ายพอสมควรอีกทั้งยังต้องแบกคัมภีร์โบราณขึ้นมาอีก เป็นบทพิสูจน์หัวใจของผู้ที่จะมาพบพระเถระอายุร้อยปีเศษ

หลังจากทางเดินที่ค่อนข้างลำบาก แต่ด้วยความเป็นคนอดทนสองสาวไม่มีปริปากบ่นแม้สักนิด จนน้ำผึ้งรู้สึกแปลกใจว่าสาวสวยดูไฮโซจะใจสู้ได้ถึงเพียงนี้ ทั้งสามใช้เวลาราวสิบนาทีก็เดินขึ้นมาถึงยอดเขาเห็นกุฏิไม้สภาพทรุดโทรมแวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่นตั้งเด่นอยู่ข้างหน้าเกจิชื่อดังนั่งสมาธิอยู่ที่นอกชานชิออนและเก๋มองไปรอบๆแต่กลับไม่เห็นแม้แต่สิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากพระสงฆ์ตรงหน้าเพียงรูปเดียว

สามสาวเดินมาใกล้กุฏิ ก้มลงกราบพระเถระ ระหว่างที่ชิออนเงยหน้าขึ้นหล่อนเห็นรัศมีสีทองแผ่ออกมาจากร่างเกจิดัง สร้างความประหลาดใจกับสาวอินเตอร์เป็นอย่างมาก

“มากันแล้วรึโยม” หลวงตาทักทายอุบาสิกาทั้งๆที่ยังคงหลับตา

“นมัสการพระคุณเจ้าเจ้าค่ะ” มาฆวรัตน์เริ่มต้นบทสนทนา

“โยมคืออาจารย์ที่มาจากกรุงเทพฯสินะส่วนโยมข้างๆต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลจากญี่ปุ่นเลยสินะ เอาล่ะ วางคัมภีร์ไว้ตรงหน้าส่วนจังหันก็ให้โยมน้ำผึ้งที่มาด้วยจัดสำรับไว้ให้อาตมาก็แล้วกัน”หลวงตายังคงไม่ลืมตาเช่นเดิม

จังหันคือ ภัตตาหารที่ถวายแก่พระสงฆ์

สองสาวขนลุกซู่ หลวงตารู้รายละเอียดของเธออย่างน่าอัศจรรย์ใจเก๋วางคัมภีร์ไว้ข้างกาย ปิติยินดีที่ปริศนาทั้งหมดทั้งมวลจะถูกเปิดเผยเสียที




Create Date : 16 มีนาคม 2558
Last Update : 16 มีนาคม 2558 11:25:39 น. 0 comments
Counter : 399 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.