Group Blog
 
All blogs
 
Coffee-maker Girl เด็กชงกาแฟ


“ไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย?”

“ไหมรีบมาเลยนะบอกรปภ.ด้านล่างให้รีบมาช่วยหน่อยลิฟท์มันติดอยู่ที่ชั้นสี่นุชหายใจไม่ค่อยออกแล้ว ตู๊ดๆๆ” สายถูกตัดไป ไหมเงินหน้าเครียดทันทีหันมาบอกกับคนข้างๆถึงสถานการณ์เลวร้าย

“นุชกับคุณบอสติดอยู่ในลิฟท์ที่ออฟฟิศ เราต้องรีบไปช่วย” ขวัญข้าวเพียงรับฟังเป็นห่วงพี่นุชจับใจที่จริงอยากจะเอ่ยปากถามเป็นที่สุด แต่ก็กลัวเกรงว่า ผู้อุปการะจะยิ่งหงุดหงิด ไหมเงินหักพวงมาลัยเลี้ยวขึ้นทางด่วนที่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ด่วนเอาเสียแล้วเพียงเพราะพ้นด่านจ่ายเงินมาได้สักพักรถก็ติดแหงกไม่ขยับเขยื้อนตัดสินใจผิดชีวิตก็เปลี่ยน คำนี้ใช้ได้ดีกับการขับขี่ในเมืองกรุงข้อเสียของทางด่วนก็คือยามที่รถติดการจราจรไม่ไหลลื่น เราไม่สามารถจะกลับรถหรือหาทางซอกแซกตามตรอกซอกซอยไปไหนต่อไหนได้เลยกลายเป็นเพียงแค่ที่จอดรถลอยฟ้ายาวเหยียดเท่านั้นที่ทำได้คือต้องรอให้สภาพการจราจรคลี่คลายไปเอง

“โอ้ยย!ทำไมวันนี้รถติดจังนะ วันอาทิตย์แท้ๆ สงสัยว่าจะมีอุบัติเหตุแน่ๆเลย ให้ตายสิ”ไหมเงินร้อนใจเป็นอย่างมาก ชะเง้อไปมองรถข้างหน้าที่จอดนิ่งสนิทเป็นสายยาว

“พี่ไหมไม่ลองแจ้งหน่วยกู้ภัยล่ะคะ ให้เขาเข้าไปช่วยน่าจะเร็วกว่าเรา”ไหมเงินสงบสติอารมณ์คิดตามคำแนะนำ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

“กู้ภัย? ใครเขาจะมาสนใจเรื่องพรรค์นี้”

“เอ้าแล้วกัน! ขนาดพวกงูเงี้ยวเข้าบ้านเขายังโทรเรียกให้ไปจับเลยไม่เคยดูเก็บตกหรือสะเก็ดข่าวเหรอคะ”

นักเขียนสาวส่ายหน้าอีกครั้ง เธอไม่เคยดูทีวีเมืองไทยมาสามปีแล้ว!!

..............................

ในลิฟท์คับแคบที่มืดมิดมีเพียงแสงไฟขาวจากหน้าจอมือถือของทั้งสองชายหนุ่มหญิงสาวที่ติดอยู่ในนั้น อากาศที่น้อยนิดเสียงลมหายใจฟืดฟาดของทั้งสองเป็นเพียงเสียงเดียวเท่านั้นที่โสตประสาทการได้ยินสัมผัสได้ชายร่างสูงเหงื่อแตกซิกด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวหนาเข้ารูปตึงเปรี๊ยะที่ห่อหุ้มกายเขาอยู่มือเรียวที่โดนไหมเงินแซวว่างามอย่างกับมือของผู้หญิง ขยับมาที่หน้าอกเสื้อทำท่าจะกระทำการบางอย่าง

“คะ..คุณคมเดชน์จะทำอะไรคะ”น้องนุชพูดเสียงสั่นเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังปลดกระดุมเม็ดบนสุดและไล่ลามลงมาเรื่อยๆจนครึ่งค่อนตัว ‘อร๊ายยแม้จะเคยดูหนุ่มๆเปลือยอกตามแมกกาซีนผ่านตามาบ้างแต่นี่มันต่อหน้าต่อตาเธอเลยนะ ห่างเพียงคืบศอก แถมยังเป็นคนที่แอบปลื้มสุดๆเสียด้วยจากเดิมที่มันร้อนอยู่แล้ว การกระทำของคุณบอสเสมือนเพิ่มองศาเข้าไปเสียอีก

“นุชไม่ร้อนหรือไง จะถอดบ้างก็ได้นะผมไม่ถือ”หนุ่มรูปงามตอบไปพลางก็เขย่าเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของตนเองอย่างแรงหวังให้อากาศพัดผ่านพอให้คลายเหนอะหนะไปได้บ้าง

“คุณคมเดชน์ยังมีอารมณ์ขันได้อีกนะคะนุชเป็นผู้หญิงนะจะให้มาถอดผ้าผ่อนได้อย่างไรกัน” สาวสวยต่อความหวังฝังกลบความอายของตน

“ผมพูดจริง มืดแบบนี้จะไปเห็นอะไร” ใครว่าล่ะ ใช่มันมืดแต่ก็ไม่มิดเสียทีเดียว แสงไฟจากโทรศัพท์สาดส่องให้เห็นไรขนบนเนินอกกว้าง แม้จะไม่กว้างขนาดอกสามศอกอย่างที่สำนวนเขากล่าวกันแต่เท่านี้มันก็เพียงพอ ต่อความหวามไหวให้กับสาวสวยเป็นที่สุดแล้ว

“แต่ถึงจะเห็น... คุณคมเดชน์ก็คงไม่คิดอะไรกับสาวบ้านๆแบบนุชหรอกใช่มั้ยคะ” พูดไปเพื่อตัดความหวังอันน้อยนิดและมืดมนเหมือนกับสถานการณ์ในตอนนี้ แล้วก็พลันนึกขึ้นได้ว่าเธอมีน้ำดื่มขวดเล็กๆอยู่ในกระเป๋า ไม่รอช้าทันทีที่ควานหาเจอเธอก็ยื่นให้คนตรงหน้า

“ขอบคุณนะ นุชกินก่อนเถอะ” ชายหนุ่มแม้จะรู้สึกคอแห้ง กระหายน้ำแต่ก็มีมารยาทพอที่จะให้สุภาพสตรีได้ดื่มเสียก่อน น้องนุชส่ายหน้ายิ้มเจื่อนๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้นุช.. ปวดฉี่มากกว่า”

“นุชเป็นคนตรงดีนะ ผมชอบ” ชายร่างสูงพูดกินนัยเปิดขวดน้ำดื่มซดไปได้สองอึก แม้จะยังไม่หนำใจ แต่ต้องกินไว้เผื่อแล้งบ้าง

‘ชอบ? หมายถึง...ชอบที่เราตรงๆ ละม้าง อย่าคิดเวิ่นเว้อไปซี่ยัยทึ่มเอ้ย’ น้องนุชพยายามแหงนมองผ่านแสงสีขาวไปยังนัยน์ตานิ่งเพื่อค้นหาความหมายแต่ก็ต้องบังคับให้หยุดความคิดตัวเองไว้เท่านั้น

“เอ่อ... ทำไมยัยไหมยังไม่มาอีกนะ อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว”น้องนุชกดโทรศัพท์ในมือ หล่อนไม่อยากอยู่ต่อในนี้อีกแล้วเพราะไม่รู่ว่าอย่างไหนจะเกิดก่อนกัน ระหว่างขาดใจตายหรือขาดอากาศตาย

“อยู่หน้าตึกแล้ว ชั้นสี่ใช่มั้ย ทนไว้นะ”

สายถูกตัดไปรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าใสทำให้คมเดชน์เข้าใจความโดยไม่ต้องซัก

“ปัง ปัง ปัง นุช คุณบอส ได้ยินมั้ยคะ” เสียงเคาะประตูลิฟท์และร้องเรียกของญาติสนิทดังมาจากข้างบน

“ได้ยิน” เสียงทุ้มของคมเดชน์ตอบกลับไป

“ถอยห่างออกจากประตูนะครับ เราจะงัดเข้าไปแล้ว หนึ่ง สอง สาม”ชายหนุ่มผู้เข้ามาช่วยเหลือตะโกนบอก สองคนที่ติดอยู่ในลิฟท์ก็ถอยกรูดออกมาจนหลังพิงอยู่ที่มุมสุดของห้องสี่เหลี่ยม

เสียงเอี๊ยดอ๊าดของเครื่องมืองัดแงะกระทบเข้ากับโลหะประตูลิฟท์ทำให้สาวสวยต้องเอามืออุดหู ทั้งสองยืนเคียงไหล่กันน้องนุชเผลอจ้องมองที่ใบหน้าเคร่งเครียดของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว

“เอี๊ยดดดด” สำเร็จแสงสว่างจากภายนอกลอดเข้ามาประตูลิฟท์ถูกง้างเปิดออก ไหมเงินก้มลงมามองดูคนโชคร้ายพร้อมๆกับคนที่ติดอยู่ในนั้นแหงนหน้าขึ้นไปมอง ลิฟท์เจ้ากรรมค้างคาอยู่ระหว่างชั้นเพดานชั้นสามต่อกับชั้นสี่

“โอเคแล้วนะนุช คุณบอส ปีนขึ้นมาไหวมั้ย”โชคยังดีที่ช่องว่างมันกว้างเพียงพอที่ร่างทั้งสองจะปีนออกมาได้คมเดชน์ดันร่างเล็กให้ปีนขึ้นไปก่อนโดยที่ไหมเงินคอยรับอยู่ด้านบนส่วนคุณบอสร่างสูงก็ใช้เวลาไม่นานในการออกมาจากช่องประตู

“โอย! ใจหายใจคว่ำ ดีนะที่ยัยผมยุ่งให้ตามหน่วยกู้ภัยมาช่วยไม่อย่างนั้นไหมไม่รู้จะเอานุชกับคุณบอสออกมายังไงเลย” ไหมเงินเป่าปากโล่งอกสวมกอดญาติสนิทที่ตัวเปียกชุ่มแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ได้แสดงอาการตกอกตกใจเท่าที่ควร น้องนุชหน้าแดงก่ำรีบเดินสะโพกไหวไปที่ห้องน้ำทันที ไหมเงินหันมามองที่คุณบอสที่สภาพตอนนี้เหมือนกับไปฟัดกับหมาแมวข้างถนนมา ผมที่เคยเรียบแปล้กลับเสียทรงเนื้อตัวมอมแมม แถม... ท่อนบนยังอยู่ในสภาพกึ่งเปลือยเข้าเสียอีก

“แล้วทำไมเสื้อแสงคุณบอสมันหลุดลุ่ยแบบนี้คะหรือว่า...”

“เสียเวลากันมามากแล้ว ขอบคุณนะครับ” ชายร่างสูงไม่ตอบหันมาควักแบงค์พันสองใบออกมาจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือเมื่อแน่ใจแล้วว่าสถานการณ์ปกติ เจ้าหน้าที่ก็ขอลากลับไปคมเดชน์กำชับกับพนักงานรักษาความปลอดภัยของออฟฟิศว่าให้เรียกหน่วยบำรุงรักษาเข้ามาตรวจสอบโดยด่วนเพราะหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับลูกค้า เขาคงเสียหายและเสียหน้ามาก พนักงานทั้งสองรับคำสั่งก่อนจะกลับไปปฏิบัติหน้าที่

ไหมเงินเดินมาตามน้องนุชที่ห้องน้ำ เสียงตะโกนไล่หลังมาจากคมเดชน์

“เรารออยู่ที่ห้องนะ เสร็จแล้วรีบมา” ไหมเงินไม่ได้หันไปตอบรับ มุ่งตรงมาที่ห้องน้ำก็เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับญาติสาวกันแน่ระหว่างที่ติดกันอยู่ในสถานที่คับแคบและมืดเช่นนั้น

“ยัยนุช เล่ามาเลย ทำไมต้องอายหน้าแดงขนาดนี้” นักเขียนสาวฉุดร่างเล็กที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาจัดแจงเสื้อผ้าของตนให้เข้าที่อยู่ที่หน้ากระจกด้วยหลักฐานแน่นหนาบนใบหน้าใสที่ผาดไปด้วยสีแดงระเรื่อ ก็จนใจที่จะปฏิเสธหันมาสารภาพกับลูกพี่ลูกน้อง

“ก็คุณบอสเขา... เขาจับก้นนุช เต็มๆมือเลยอ่า” ก็ตอนดันร่างเล็กออกมาจากประตูลิฟท์เฮงซวยนั่นไงคมเดชน์ใช้มือของเขา ดันเข้าที่ก้นงามงอนของนักเขียนบทเพื่อส่งร่างให้ปีนลอดช่องออกมาได้น้องนุชตอบขวยอายเดินเข้าห้องน้ำปิดประตูปังส่วนสำคัญกลมกลึงของเธอเคยต้องมือชายเสียเมื่อไหร่กัน คิดแล้วก็ ‘อร้ายย

ไหมเงินนึกภาพตามเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ยิ้มเยาะที่มุมปากแขวะกลับไปอย่างเคยๆ ก็หล่อนมันขาซ้ำอยู่แล้ว

“สมน้ำหน้า โดนเปิดซิงกับเกย์ แน่ล่ะสิคุณบอสเขาชอบอะไรที่เป็นด้านหลังอยูแล้ว คราวหน้าระวังให้ดี จะโดนมากกว่าจับ!!” ไหมเงินยังหมกมุ่นกับความคิดตนว่าเจ้านายไม่ใช่ชายแท้ต่างกับความเป็นจริงที่น้องนุชรับรู้และสัมผัสสองสาวเริ่มงัดข้อปะทะคารมเรื่องนี้อีกคำรบ

“ไหมนี่ทะลึ่งจริง เปิดซงเปิดซิงบ้าไรยะ แล้วนุชขอยืนยันคำเดิมฟังช้าๆชัดๆนะ คุณบอสไม่ได้เป็นเกย์สักหน่อย” น้องนุชส่งเสียงออกมาจากห้องน้ำไหมเงินฟังเข้าทีแรกก็ว่าจะต่อฝีปากด้วยแต่เมื่อนึกถึงหน้าโหดของบอสจอมแอ๊บที่ไม่วายจะต้องจิกเธอตลอดๆหากไปช้าจึงตัดบทสงบศึกชั่วคราว

“เอาล่ะๆ พูดไปก็วกเข้าเรื่องเดิม ไหมไปก่อนนะนั่งเล่นนอนเล่นรอกับยัยหัวยุ่งแล้วกัน”

ปลีน่องเรียว เดินฉับๆมายังห้องทำงานส่วนตัวของคมเดชน์ไหมเงินรู้สึกว่าเดินไม่ถนัดเอาเสียเลยมันน่าเขกกระโหลกตัวเองที่ดันลืมหยิบรองเท้าที่ตากไว้ที่ห้องน้ำมาจากวัดเสียอีกนี่ก็ยุ่งเสียจนไม่มีเวลาแวะซื้อรองเท้าให้ยัยตัวแสบ ที่ตอนนี้ยังเท้าเปล่าก่อนจะเข้าห้องเย็น จึงร้องเรียกสาวรุ่นที่นั่งรอตรงโซฟายาวในส่วนรับรองลูกค้า

ขวัญข้าวกระวีกระวาดลุกขึ้นมา เตรียมรับฟังคำสั่งของผู้อุปการะไหมเงินเดินไปหยิบรีโมททีวีที่โต๊ะของเลขามาส่งให้สาวรุ่น พร้อมกดปุ่มเปิดเครื่องให้มือก็ชี้ไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์

“จะใช้คอมหรือจะดูทีวีก็ตามใจ แต่ปิดให้เรียบร้อย พี่คงเข้าไปคุยนาน”

“ค่ะ” ขวัญข้าวรับคำสั้นๆ ห้วงอารมณ์เดิมที่อยากจะซักแต่ก็กลัวโดนเอ็ดเอา ไหมเงินล้วงไปในกระเป๋าหยิบธนบัตรสีเทาออกมาใบหนึ่ง ยื่นให้สาวผมยุ่ง

“เดี๋ยวเดินไปซื้อรองเท้าแตะที่เซเว่นข้างๆออฟฟิศมาใส่ก่อนนะหรือถ้าจะรอนุชออกมาก่อนก็ได้...ไม่เลย ไม่ต้องปฏิเสธ เอ้าเร็วซี”ขวัญข้าวจำใจรับเงินมาทั้งๆที่ไม่อยากจะรบกวน นักเขียนสาวรีบเดินไปที่หน้าห้องเตรียมแฟ้มเอกสารออกมาถือแนบอก เป่าปากยาวหนึ่งครั้งจนตัวโยนก่อนจะเคาะประตูกระจกฝ้าก้าวเท้าเข้าไปขวัญข้าวมองดูอากัปกิริยาดังกล่าวก็ยิ้มออกมาพี่สาวแสนสวยดูท่าทางจะเกรงและกลัวคุณคมเดชน์นี่เอาการแต่...มันก็คงเหมือนกับที่เราเกรงและกลัวพี่ไหมนั่นล่ะมั้งพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเครื่องทำกาแฟ แบบเดียวสีเดียวกันกับที่คอนโดของพี่สาวเป๊ะๆไม่นานน้องนุชก็เดินออกมา เธอเตรียมงานมาทำด้วยจึงเอ่ยปากกับสาวรุ่นว่าขอแยกไปนั่งที่มุมของนักเขียนซึ่งมีพาร์ทิชั่นกั้นอยู่ขวัญข้าวสงสัยจึงเดินตามมาดู มันเป็นเหมือนโลกในฝันของเธอเลยทีเดียว

“สวยใช่มั้ย ฝีมือคุณบอสเค้าล่ะ” คนถามก็อดปลื้มไม่ได้กับมุมที่คมเดชน์รังสรรค์ไว้สำหรับป็นสถานที่ให้นักเขียนในสังกัดเข้ามาใช้นั่งทำงานข้าวของเครื่องใช้ล้วนเป็นสีขาวทรงโมเดิร์นผสานเข้ากับเส้นสายลายโค้งมนของโต๊ะทำงานตัวกลางรูปตัวเอส บนพื้นไม้สวยสะอาดตา บริเวณรอบๆถูกแต่งเติมด้วยสีเขียวของต้นไม้ทั้งเล็กใหญ่เพื่อสร้างบรรยากาศสบายๆให้กับการทำงานที่สุดมุมห้องมีตู้หนังสือโปร่งตาสำหรับเก็บผลงานของสำนักพิมพ์

ภาพเดิมๆ ของสำนักงาน ที่ขวัญข้าวเคยรับรู้มาตลอดว่าต้องมีโต๊ะเหลี่ยมๆและเก้าอี้นั่งเรียงกันไปในห้องนั้นหมดไปทันทีเพราะสถานที่แห่งนี้เหมือนรีสอร์ทเสียมากกว่า

“สวยค่ะ มากด้วย แต่ทำไมพี่ไหมไม่มาทำงานที่นี่ล่ะคะ”เจ้าหนูจำไมเริ่มตั้งคำถามตามเคย น้องนุชเปิดคอมพิวเตอร์และเสียบแฟลชไดร์ฟเริ่มต้นทำงานก่อนจะหันมาตอบ

“ไหมเขาก็เหมือนพี่แหล่ะ โลกส่วนตัวสูง ค่อนไปทางเกลียดผู้คนด้วยซ้ำเลยชอบทำงานในที่ของตัวมากกว่า”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง มิน่า เวลาหนูถามเลยโดนแว๊ดใส่บ่อยๆ...งั้นเดี๋ยวหนูออกไปนั่งรอข้างนอกนะคะ จะได้ไม่กวน” ขวัญข้าวเข้าใจความหมายพยักหน้ารับแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไป ปล่อยให้นักเขียนบทได้มีโลกส่วนตัวอย่างต้องการ

“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ แต่ก็เอาเถิด อยากจะทำอะไรก็ตามสบายคอนเซ็ปต์ที่นี่เขาเหมือนบ้านอยู่แล้ว”น้องนุชไม่อยากให้สาวรุ่นคิดไปว่าเป็นคนอื่นคนไกล และรบกวนเธอแต่ขวัญข้าวก็เดินออกไปข้างนอกเสียแล้ว เธอจึงก้มหน้าก้มตาทำงานของตนต่อไป...

“เป็นไงคะบอส นามปากกาที่ส่งให้ ผ่านมั้ย?” หลังจากที่ไหมเงินเข้ามาที่ห้องส่วนตัวของคมเดชน์เธอก็เปิดการเจรจาทันที อยู่กับบอสนานๆความเครียดมันจะลงกระเพาะ

“ก็ดี ว่าแต่ชอบชื่อไหนมากกว่ากัน แต่ช่างเถอะ เราคิดอะไรออกแล้ว”ไหมเงินตามอารมณ์ที่ขึ้นลงแปรเปลี่ยนของคุณบอสไม่ทันได้แต่ทำหน้าเป็นเครื่องหมายปรัศนีย์

“คุณบอสจะคิดชื่อให้ไหมเหรอ ดีใจจัง” ไหมพยายามเดาใจนายอีกครั้ง

“เปล่า.. ก็เอาสองชื่อนี้แหล่ะ เราจะจัดงานเปิดตัวไหมเงิน รัตนพรวดีในนามปากกาใหม่เพื่อการเขียนนิยายยูริ โดยให้แฟนคลับหนังสือหรือผู้อ่านมีส่วนร่วมในการเลือกสองชื่อนี้ โหวตผ่านแฟนเพจ และผู้โชคดีสองคนจะได้รับสิทธิพิเศษจากทางสำนักพิมพ์พร้อมทั้งเป็นสมาชิกวีไอพีตลอดชีพ” หัวการตลาดของคมเดชน์คมสมชื่อไอเดียบรรเจิดพรั่งพรู ไหมเงินอ้าปากค้างทำหน้าเหวอ ไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินคุณบอสยอดคนจริงๆ พอหันมาดูตัวเองก็สังเวชใจนี่เธอจะจริงจังกับงานได้ครึ่งหนึ่งของคนตรงหน้าได้บ้างไหมนะ

“คุณบอสนี่มาใหญ่จัดเต็มไม่เคยเปลี่ยนเลยนะคะ เอ่อ...นี่ค่ะร่างพล็อตเรื่อง บอสพอมีเวลาจะช่วยดูให้ไหมสักนิดมั้ยคะ”นักเขียนบทมือทองยื่นเอกสารให้เจ้านาย ใจก็ตุ้มๆต่อมๆ รอฟังคำวิจารณ์ด้วยระทึกคมเดชน์รับมาแต่ก็วางไว้เหมือนจะไม่ใส่ใจ ตอบกลับกับลูกน้องสาว

“เวลาน่ะมีเหลือเฟือ แต่เราไม่อ่านหรอกรอไหมเขียนให้เสร็จมาเป็นเรื่องเลยดีกว่า”

“อ้าวแล้วกัน แล้วถ้าเริ่มต้นมันห่วยมันจะไปรอดได้ยังไงคะคุณบอสขา”ไหมเงินยังคงไม่เข้าใจความคิดอ่าน มันก็จริงที่เขาบอกกันมาว่าเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่งนั้นจริงเสมอ แต่ถ้า บอสไม่บอกว่ามันดีไม่ดีอย่างไรแล้วจะเริ่มต้นยังไงกันล่ะนั่น

“เราเชื่อมือไหมเสมอ...ตลอดมา ด้วยสัญชาตญาณและพรสวรรค์หน้าที่ของเราคือการให้คำแนะนำและทำตลาดให้ไหมเท่านั้น” คมเดชน์พูดเสียงเรียบอย่างเคยเสื้อที่เปียกชุ่มก็เริ่มแห้งแล้ว เขาจึงกลัดกระดุมให้เรียบร้อย รู้สึกคอแห้งก็ไม่มีเลขามา เสิร์ฟกาแฟอย่างเช่นทุกๆวัน ครั้นจะไหว้วานคนตรงหน้าก็กะไรอยู่ไหมเงินเหลืออดแล้วกับอาการเฉยชาของบอสจอมเก๊ก แหวใส่เข้าให้ไม่ยำเกรง

“ก็คำแนะนำนี่ไงคะ ที่ไหมอยากได้ บอสไม่อ่านแล้วจะแนะนำไหมได้อย่างไรบอสเอาแต่สั่งนู่น นี่ นั่น ไหมก็ทำตาม เคยเห็นใจเข้าใจไหมบ้างหรือเปล่า”

“ทุกการเคลื่อนไหว เราเห็นไหมอยู่ตลอด สิ่งที่เราจะแนะนำก็คือพลังที่มีอยู่ในตัวมากมายก็ปลดปล่อยออกมาให้เต็มที่ อยากจะเขียนอะไรก็ลงมือเลยอย่าได้ลังเล”

“เอ๊ะ บอสนี่พูดไม่รู้ฟังเลย ไหมว่า...”

“ก๊อก ๆๆ” เสียงเคาะประตูกระจกดังขึ้นขัดจังหวะและอารมณ์พลุ่งพล่านของไหมเงินเข้าพอดีประตูถูกเลื่อนออกมาพร้อมกับขวัญข้าวที่เหมือนจะรู้ใจคมเดชน์มากเสียกว่าคนที่รู้จักกันมานานนมอย่างผู้อุปการะเธอเสียอีกสาวรุ่นถือถาดกาแฟเดินค้อมหลังเข้ามา วางถ้วยกาแฟควันฉุยกลิ่นหอมเตะจมูกของคนทั้งสองที่กำลังจะ ปะ ฉะ ดะ กัน

“เด็กของไหมนี่รู้งานดีนะ...อืม ชงกาแฟอร่อยกว่าเลขาเราอีก”เสียงทุ้มกล่าวชมเชย ทำให้สาวรุ่นที่กำลังจะเดินออกไปชะงัก หันกลับมาไหว้สวยขอบคุณ

“ก็ถ้าเป็นอย่างนั้น บอสจะรับเด็กนี่มาคอยชงกาแฟแทนแม่เลียขา เอ้ยเลขาที่เอาแต่สวยไปวันๆเลยดีมั้ยคะ”ไหมเงินรับลูกไปส่งๆ หล่อนแค่อยากจะค่อนขอดแม่เลขาแหวนอะไรนั่นสะดีดสะดิ้งที่แสนจะไม่ถูกชะตาคนนั้น สวยใสแต่ไร้สมองสิ้นดีการงานไม่เอาอ่าวเอาทะเลเลย คิดไปแล้วก็ยิ่งโมโห ทั้งเจ้านายทั้งเลขาหล่อนหยิบถ้วยกาแฟมาจิบ มันก็จริงอย่างอีตาบอสชมขวัญข้าวเรียนรู้การใช้งานเจ้าเครื่องหรูนี่ได้เร็วกว่าที่เธอคาด

“งั้นพรุ่งนี้มาเริ่มงานเลยแล้วกัน” ผู้เป็นนายใหญ่ซดกาแฟจนหมดแก้วพูดขึ้นลอยๆ ไหมเงินยังคิดไปว่าอีตาบอสล้อเล่น

“หา อะ..เอาจริงเหรอเนี่ย ไหมแค่ประชดน่ะค่ะ”

“จริง”

“บอสคะ แต่เด็กขวัญนี่เรียนยังไม่จบมัธยมเลยนะคะ” เมื่อเห็นว่าคนที่มีความคิดสุดขั้วโลกแสดงความจำนงค์จริงจังจะเอาเสียให้ได้ ไหมเงินต้องรีบแจงประวัติความรู้สึกหวงเด็กของตัววาบมาเต็มหัวใจ

“อย่างนั้นยิ่งดีเลย มาฝึกประสบการณ์จริงถือว่าเป็นการเรียนนอกหลักสูตร แล้วค่อยเรียนกศน.เอาวุฒิก็ยังได้” คมเดชน์ยังยืนยันว่าจะเอาตัวขวัญข้าวมาให้ได้เหมือนจงใจแกล้งลูกน้องสุดโปรด ไหมเงินไม่เห็นความสมเหตุสมผลของบอสจอมบงการ

“แล้วบอสจะเอามาทำอะไรมิทราบคะ? อย่าบอกนะว่าแค่เอามาชงกาแฟ”

“อือ เรายังขาดพนักงานต้อนรับลูกค้าด้านล่าง หน่วยก้านดี ไหวพริบเลิศแบบนี้ทำได้อยู่แล้วว่าไงเรา..ทำได้ใช่มั้ย” เจ้านายตอบ ก่อนจะหันมาถามความสมัครใจกับสาวรุ่นขวัญข้าวอึกอัก นั่งไม่ติดเบาะ เผลอไผลเอามือถูกระโปรงแบบไม่รู้ตัวแม้จะรู้สึกปลาบปลื้มที่มีคนเห็นค่าในตัวเธอและหยิบยื่นโอกาสสำคัญให้ แต่จะให้กระดี๊กระด๊า ตอบรับไปโดยพลันก็ให้เกรงใจผู้อุปการะขวัญข้าวจึงแบ่งรับแบ่งสู้รักษาน้ำใจพี่สาว

“เอ่อ...ต้องแล้วแต่พี่ไหมค่ะ พี่ไหมเป็นผู้ปกครอง” สาวรุ่นพูดเบากว่าเบาเหลือบไปมองผู้อุปการะที่แสดงอาการว่าโมโหเข้าแล้ว

“ขอไหมคิดดูก่อนแล้วกันนะคะ ไปยัยหัวยุ่ง” ไหมเงินตอบคมเดชน์ไปแบบเสียงขุ่นๆคว้าข้าวของ ออกคำสั่งกับผู้ติดตาม และเดินกระแทกส้นเท้าออกไปด้วยหัวเสียสุดขีดขวัญข้าวก็ทำหน้าเจื่อน ได้แต่ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ใจดี ก่อนจะรีบจ้ำตามผู้อุปการะไป

คมเดชน์พึงใจเป็นอย่างมาก นอกจากจะคิดแผนการตลาดสำหรับสำนักพิมพ์ได้เขายังคิดแผนการปราบคนหัวดื้ออย่างไหมเงินได้อีกด้วย

ไหมเงินเดินออกมาจากห้องตรงรี่ไปหาลูกพี่ลูกน้องเพราะเธอรู้ดีว่าหล่อนต้องนั่งทำงานอยู่ที่นั่นทันทีที่ปะหน้า นักเขียนสาวก็เอ่ยปาก

“ไปนุช เรากลับกันได้แล้ว”

“อ้าว! เสร็จเร็วจัง”น้องนุชที่กำลังนั่งพิมพ์งานอย่างได้ฟีลเงยหน้าขึ้นมามองญาติสนิทแบบงงๆแต่พอเห็นใบหน้าที่บูดบึ้งเท่านั้นก็พอจะเดาได้คงพ่ายแพ้ปราชัยจากการปะทะคารมกับคุณบอสยอดรักมาเป็นแน่แม้จะเป็นคนที่แอบปลื้มสุดๆ แต่ถ้าจะต้องเลือกแล้วล่ะก็ น้องนุชต้องเลือกญาติสนิทที่โตคลานตามกันมาอย่างแน่นอนคิดได้เท่านั้นก็รีบเซฟงานและปิดเครื่องเก็บแฟลชไดร์ฟ รีบจ้ำตามไหมเงินออกไป 




Create Date : 14 มิถุนายน 2558
Last Update : 14 มิถุนายน 2558 12:40:22 น. 0 comments
Counter : 548 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.