Group Blog
 
All blogs
 
Worse than Ghost สิ่งที่น่ากลัวกว่าผี


“กูว่าอีนี่มันนางเอก เก็บไว้ทีหลังดีกว่าเอาเพื่อนมันก่อนส่วนอีอ้วนที่เหลือใครอยากลองของแปลกก็ตามใจกูยกให้”ไอ้ยักษ์หน้าเหียกร้องขึ้นเปลี่ยนเป้าหมายจากณัฐกานต์มาเป็นเพื่อนนางหนึ่งของเธอ

“แคว้กสิ้นคำมันก็เอาสองมือใหญ่หยาบหนากระชากเสื้อยืดสุดแรง

“อย่าทำชั้น ปล่อยนะ ไม่!!” สาวเจ้าได้แต่ร้องห้ามและร้องไห้ไร้ซึ่งหนทางจะปัดป้องของสงวนตนด้วยเพราะโดนมัดมือเท้าไพล่หลังอยู่ ณัฐกานต์พยายามจะรวบรวมสติคิดหาวิธีช่วยเหลือเพื่อนรักเพียงไม่กี่วินาทีเสื้อยืดก็ขาดวิ่นเผยให้เห็นโนมเนื้อขาวตัดกับความมืดในสถานที่แห่งนั้นอย่างเด่นชัดร่างกายท่อนบนที่มีเพียงบราเซียร์สีเบจเล่นลวดลายด้วยลูกไม้สีดำขับให้อกอวบอิ่มเด่นสะดุดตาแสนเย้ายวนใจไอ้ยักษ์กลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่สายตาหื่นกระหายจดจ้องมาที่เนินเนื้อราวกับจะกลืนกินมันไปทั้งสองเต้า นานทีมันจะได้มีโอกาสลิ้มลองของดีขึ้นห้างเยี่ยงนี้

“ลูกพี่ จะรอช้าทำไม “ กระจ๊อกคนหนึ่งร้องเชียร์เร่งเร้าให้กระทำการกับตุ๊กตามีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้มันเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายคลิปเอาไว้เพื่อใช้เป็นสิ่งต่อรองแบล็คเมย์อย่างเคยๆ

“ผ่างมือของไอ้ยักษ์เริ่มปฏิบัติการอีกครั้งคราวนี้มันกระชากชั้นในตัวจิ๋วให้ปลิดปลิว เผยสองเต้าของสาวเต็มวัยให้เห็นเต็มตา

“วู๊ว!! สุดยอดเลยลวกเพี่ย นมแม่..ใหญ่แสรด” ลูกกระจ๊อกกองเชียร์หวีดปากกันลั่น

“ไหนขอกูจับหน่อย มึงทำมารึเปล่าวะ สาดเอ้ย!..ใหญ่ชิบทีแรกกูนึกว่ายัดทิชชู่ไว้” ไอ้ยักษ์นรกส่งมาเกิดไม่รอช้าด้วยเห็นทางไปสู่สวรรค์รำไรมันกำลังจะยื่นมือมารมาขยำขยี้ให้หนำใจ แต่ณัฐกานต์กลับตะโกนสุดเสียงห้ามไว้ได้ทัน

“พวกหนูเป็นโรคนะ! พี่ไม่กลัวเหรอ”คุณหนูไฮโซหวังใจว่าคำขู่ที่น่ากลัวจะหยุดยั้งพฤติกรรมโฉดได้

“อีดอก! มึงอย่ามาแหลพวกผู้ดีอย่างมึงจะเป็นโรคได้ยังไง ก็ดีถุงยางกูจะได้ไม่ต้องใช้ให้เปลือง”ไอ้ยักษ์สบถออกมา

“ว้าย อย่านะ ไม่ๆๆ” นางน้อยผู้โชคร้ายได้แต่ร้องห้ามไม่รอช้าอีกต่อไปสองมือของไอ้ยักษ์ขมูขีเคล้นคลึงไปบนก้อนเนื้อกลมอย่างเมามันและเต็มแรงใส่ไม่ยั้งตามติดด้วยจะเอาหน้าอัปลักษณ์ซุกไซ้หวังละเลงลิ้นให้สาสมใจ

“อีพวกเหี้… มึงปล่อยเพื่อนกูเดี๋ยวนี้”ณัฐกานต์เหลืออดผรุสวาทออกมาเข้าบ้าง ไอ้ยักษ์ก็ชักของขึ้นมีน้ำโหสาวกำปั้นหมายจะตุ้ยท้องน้อยคุณหนูปากร้ายสั่งสอนให้สงบปากเสียบ้างแต่การกระทำดังกล่าวหาได้เกิดขึ้นไม่

“หวออ ปี๊ ป๊อๆๆ”

“เฮ้ย! พ่อมึงมาเผ่นโว้ยเสียงไซเรนจากหน่วยกู้ภัยทำให้ แก๊งค์รุมโทรมสิบกว่าชีวิตเหมือนผึ้งแตกรังต่างวิ่งหนีกระเจิงไปคนละทิศทาง ไอ้ที่ล่อนจ้อนอยู่บ้างก็ฉวยคว้าเสื้อผ้ามาใส่บ้างก็ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมขอหนีตายไว้ก่อนณัฐกานต์ยิ้มออกมาได้เพราะฮีโร่ของเธอมาแล้ว เธอหลุดขำกับภาพอลหม่านตรงหน้าที่กระชากอารมณ์หวาดกลัวเมื่อสักครู่ไปสิ้น

“ดีนะแกที่แค่โดนจับนม ว่าแต่ใหญ่อย่างที่มันบอกจริงๆ”คุณหนูจอมเซี้ยวยังมีแก่ใจแซวเพื่อน ไอ้เรื่องปลอบเป็นไม่มีเพราะซ้ำเติมมันสนุกสำราญใจมากกว่า

“ยัยบ้า! ไม่มาเป็นแบบชั้นไม่รู้หรอกอี๋! น่าขยะแขยงแล้วดูพวกมันแต่ละคนดิ โคตรใหญ่อ่ะโดนเข้าไปฉีกแน่”

“ชอบเหรอ”

“ไอ้เพื่อนทะลึ่งระหว่างที่ต่อปากกันอยู่นั้นเองโหราวิ่งโร่เข้ามาพร้อมกับธีช่วยแกะมัดให้ทั้งสี่สาวเป็นอิสระร่างกำยำยังโชว์แมนด้วยการถอดเสื้อของเขามาเป็นเครื่องปกปิดให้กับเหยื่อสาวผู้โชคร้ายและเธอก็โผเข้ากอดโหนเต็มรักทั้งสภาพเปลือยเปล่าอย่างนั้นด้วยอารามดีใจจนณัฐกานต์ต้องสะบัดหน้าหนี เพราะมันสุดบาดตากู้ภัยทั้งสองวิทยุขอกำลังสนับสนุนและให้เจ้าหน้าที่ออกตามจับคนร้ายและพาทั้งหมดออกมาจากที่เกิดเหตุเหยื่อสาวที่สวมเสื้อแต่ยังเปลือยท่อนล่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นเดินสุดท้ายโหราจึงต้องอุ้มร่างเธอออกมานั่นยิ่งทำให้คนแอบปลื้มยิ่งขุ่นเคืองใจ

“สำออยอ่ะ” ณัฐบ่นออกมาเบาๆแต่เขาก็ได้ยินกันทั้งบางจนเพื่อนตัวต้องยกมือจุ๊ที่ปากให้เพลาๆเก็บอาการหน่อยพอรู้ตัวว่าเป็นใครโดนก็ต้องเป็นแบบนี้ลูกคุณหนูจึงรีบเอามือตบปากตัวเองโหนยิ้มน้อยๆกับอากัปกิริยาดังกล่าว ก่อนจะอบรมเข้าชุดหนึ่ง

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหมครับมันอันตรายมาก”

“เค้ามาช่วยคนนะ ยังจะมาต่อว่าเค้าอีก”จอมแก่นแก้วเถียงคอเป็นเอ็น ก็มันเรื่องจริง

“แล้วถ้าพี่มาช่วยไม่ทันป่านนี้คง..” โหนหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้นเพราะทั้งหมดคงเข้าใจตรงกันดี ด้านคนเอาแต่ใจยังไม่หยุดคำ

“ก็ทันแล้วนี่คะ”

“เมื่อไหร่จะเลิกดื้อครับ” ลูกชายร่างทรงชักเหนื่อยหน่ายใจทำไมถึงได้อยากเอาชนะคะคานกันนักเห็นทีของขวัญปีใหม่คงต้องหาซื้อถ้วยรางวัลเถียงชนะเลิศมาให้กระมัง

“เมื่อพี่โหนมาเป็นแฟน”เสียงกิ๊วก๊าวหัวร่อต่อกระซิกดังลั่น ก๊วนสามสาวนี่ไม่เข็ดขยาดเสียจริงๆทั้งๆที่เพิ่งผ่านความเป็นความตายมาหยกๆนี่นะ?

“พี่จะเป็นแฟนกับคนที่พูดรู้เรื่องด้วยเท่านั้น”ขีดจำกัดความอดทนของกู้ภัยร่างบึ๊กมาถึงที่สุด เขาตะคอกกลับมาด้วยดังสุดเสียงสังข์ณัฐกานต์ถึงกับหน้าชาประหนึ่งโดนตบเข้าฉาดใหญ่มันหนักหนารุนแรงกว่าฝ่ามือหยาบของไอ้ยักษ์แบบที่นำมาเปรียบกันไม่ได้

“ณัฐขอโทษ”คำน้อยหลุดจากปากด้วยน้ำเสียงสลดหล่อนก้มหน้างุดคล้ายว่าจะร้องไห้ด้วยซ้ำแม้จะยังไม่เด่นชัดว่าสำนึกผิด แต่โหนเมื่อเห็นอาการดังว่าก็รู้ตัวเหมือนกันว่ารุนแรงไปนิด

“ที่พี่ว่าก็เพราะรักนะครับถ้าณัฐโดนทำร้ายขึ้นมาจริงๆชีวิตพี่ที่เหลือจากนี้คงอยู่บนโลกด้วยความทุกข์แสนสาหัส”อส.รอรักให้เหตุผล ทั้งหมดเดินมาถึงรถพอดีโหราต้องแยกกับหวานใจเข้าตรงนี้เพราะเขาต้องนำเหยื่อสาวผู้น่าสงสารไปปฐมพยาบาลและแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ

“พี่โหน” ชายในชื่อเดินเข้ามาจับมือน้อยๆของคุณหนูจอมแก่นยิ้มให้จางๆก่อนจะปล่อยและลูบหัวเบาๆอย่างทะนุถนอม

“พี่ให้หน่วยเสริมมาช่วยพาตาลุงไปรักษาตัวแล้วส่วนพี่เองจะพาแม่สาวคนนี้ไปให้ปากคำกับตำรวจที่สน. ณัฐไม่ต้องไปหรอกนะครับประเดี๋ยวพวกโจรมันรู้เข้าแล้วจะโดนหางเลขไปด้วย”ณัฐกานต์ยิ้มหวานให้คำมั่นกับฮีโร่ในดวงใจ

“ณัฐรู้ซึ้งดีแก่ใจแล้วว่าที่น่ากลัวกว่าผีก็คือมนุษย์นี่ล่ะค่ะณัฐสัญญากับพี่โหนต่อไปจะไม่ทำอะไรแผลงๆอีกแล้วค่ะ ใช่มั้ยพวกเรา”สองสหายพยักหน้ารับ หลังจากเดินหากุญแจเจอ ทั้งหมดก้าวขึ้นรถหรูและแยกย้ายกลับเคหะสถานไป…

ที่ร้านของพี่อร สองสาวง่วนกันอยู่ในครัวพี่พิมพ์เท่จังรับพรมองดูพิมพ์ลภัสหั่นหมูออกเป็นชิ้นๆและแล่ให้เป็นเส้นบางๆอย่างคล่องแคล่วโดยที่เธอเป็นลูกมือคอยเตรียมและหยิบประดาเครื่องปรุงต่างๆให้เมื่อใส่ส่วนผสมของเครื่องหมักอันประกอบไปด้วย น้ำมันงา แป้งมัน น้ำมันหอย เกลือยี่หร่า กระเทียม รากผักชี น้ำตาลทรายแดง พริกไทยป่น ซีอิ๊วขาว คลุกเคล้าให้เข้ากันเสร็จก็นำไปแช่ตู้เย็นราวครึ่งชั่วโมงจากนั้นสาวหน้าคมก็ตั้งกระทะบนไฟความร้อนปานกลางน้ำมันพอท่วมแบ่งหมูมาประมาณสามสี่ชิ้นเพื่อทดลองสูตรดูว่ารสชาติพอจะขายได้หรือไม่ เมื่อไฟร้อนดีคือน้ำมันเริ่มจะเดือดเจ้าของสูตรก็เอาหมูมาคลุกเข้ากับแป้งมันฮ่องกงที่ผสมงาขาวบางๆอีกครั้งก่อนจะลงไปทอดเสียงฉ่าและกลิ่นหอมเตะหูเตะจมูกรับพรยิ่งนัก น้ำลายสอกันทีเดียวเชลล์ยังไม่ต้องชิมก็การันตียกดาวล้านดวงให้ไปเลยเมื่อทอดจนเหลืองได้ที่สาวหน้าเข้มก็พลิกกลับรอบหนึ่งก่อนจะยกขึ้นใส่จานเป็นอันแล้วเสร็จ บัณฑิตป้ายแดงไม่รอช้าเธอรีบเสนอตัวเป็นหนูทดลองทันทีมือเรียวหยิบชิ้นหนึ่งที่มีมันติดเล็กน้อยเข้าปาก หลับตาพริ้ม ฟินฝุดๆ

“หร่อยจังฮู้หอมกลิ่นเครื่องเทศรสจัดจ้านมากเลยค่ะ อีหรอบนี้ต้องขายดีแน่ๆ”

“ขอพี่ชิมฝีมือตัวเองบ้างซิคะ”คนเจ้าเล่ห์ส่งสายตาทั้งน้ำเสียงเว้าวอน แต่รับพรก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซ้ำยังแกล้งทำเมิน

“ป้อนน่ะค่ะป้อน” คนขี้อ้อนจำต้องเอ่ยคำอ้าปากกว้างยื่นหน้ามาใกล้ ส่วนคนขี้แกล้งก็ได้ทีหยิบเอาชิ้นหลังสุดที่ร้อนได้ที่ใส่ปากพี่สาว

“อูย…! ร้อนๆๆ แกล้งกันนี่นา”พิมพ์ลภัสน้ำตาเล็ด จะคายหรือก็เสียเชิง กลั้นใจเคี้ยวๆและรีบกลืนเห็นเธอเป็นลิ้นจระเข้หรืออย่างไร ประเดี๋ยวแม่ต้องเอาคืน ชิส์!

“คริ คริ ก็พรไม่รู้นี่คะว่าชิ้นไหนร้อนไม่ร้อน”จำเลยให้การปฏิเสธทั้งๆที่หลักฐานแน่นหนาแต่ยังอุตส่าห์ทั้งดิ้นทั้งแถ

“ป้าบบบพิมพ์ลภัสฉวยโอกาสคนมัวแต่หัวเราะเยาะตีเข้าที่ก้นทีหนึ่ง

“นี่แน่ะ!.. ริอาจแกล้งผู้ใหญ่”นี่ลงโทษสถานเบาแล้วนะ รับพรทำท่าจะวิ่งหนี แต่ก็นะห้องครัวมันแสนคับแคบเกิดตาดีตาร้ายวิ่งไปชนอะไรเข้าจะยิ่งยุ่ง ถือว่าหายๆกันไปละกันแม้สาวเจ้าจะขวยอายอยู่บ้าง แต่คู่นี้เขาหยอกเล่นถึงเนื้อตัวกันมาตั้งนานนม

“ไม่ยักรู้ว่าพี่พิมพ์ทำอาหารก็เป็น”รับพรหยิบอีกชิ้นที่เหลือเข้าปากก่อนจะพูดทำนองชมเชย

“พี่ก็ผู้หญิงนะคะ การบ้านงานเรือนก็ต้องรู้ไว้ประดับตัวเผื่อวันหนึ่งขายออกขึ้นมาจะได้ทำให้คนๆนั้นกินบ้างไรบ้าง”โอกาสมาถึงจะๆเยี่ยงนี้มีหรือที่คาสโนวี่ เอ้ยไม่ใช่ สาวสังคมจ๋าจะไม่ประสาเธอเน้นๆเอากับคำว่าคนนั้นช้าๆชัดๆ น้ำเสียงกระแทกใจทำให้ผู้ฟังอึ้งไปพักหนึ่งก่อนที่จะหาคำต่อหาทางลงให้ตัวเอง

“พูดอย่างกับว่าจะออกเรือน” แต่ยิ่งพูดก็ดูเหมือนยิ่งเข้าทางพิมพ์ลภัสหยอดซ้ำเข้าอีกดอก

“ออกมาอยู่เรือนไทยดีมั้ยน้า”

“จะยึดบ้านพรเหรอ ชิส์รับพรก็ใช่จะยอมให้หล่อนเข้ามาเปิดประตูหัวใจโดยง่ายโต้กลับแบบมึนๆ

“ยึดหัวใจคนอยู่ต่างหาก”มึนจริงๆเพราะแต่ละถ้อยคำของพี่สาวมันเนื้อๆเน้นๆ พี่พิมพ์อ่า เค้าจะต้านทานไม่อยู่แล้วนะ

“ไม่เอาแล้ว พี่พิมพ์พูดอะไรพรไม่รู้เรื่อง”ร่างอรชรเบี่ยงตัวบ่ายหน้าใสๆหนีไปอีกทาง ก็เธอรู้สึกวูบวาบพิกลป่านนี้หน้าคงแดงจนพี่สาวเห็นอาการเขินเข้าแล้วสินะคนเกี้ยวเห็นดังนั้นก็ยอมคลายเกลียวด้วยเธอเองก็ไม่ไหวเหมือนกันใจเต้นตูมตามโครมครามยิ่งกว่าดื่มกาแฟคาเฟอีนจัดๆเสียอีก

“วันนี้ปล่อยไปก่อนก็ได้ค่ะนี่ก็ตีสามแล้วนอนเล่นได้สักงีบค่อยไปขายของ จะกลับไปบ้านพี่มั้ยเอ่ย” เปล่านะเค้าไม่ได้คิดเป็นอื่น อยากจะชวนน้องรักไปพักผ่อนจริงๆ

“จะดีเหรอคะ” คนโดนเชื้อเชิญสิคิดหนักมาก ไม่ไว้ใจพี่สาวเลยที่หนักกว่าหนักมากก็คือไม่ไว้ใจตัวเอง!

“ดีสิคะ ทำไมกลัวพี่จะปล้ำเอาเหรอไร”พูดไกลๆก็ได้ทำไมจะต้องมากระซิบกระซาบเข้าที่ข้างหูแบบนี้ โอยยย! คนโดนต้อนเบี่ยงตัวหลบเลี่ยงการปะทะสายตาประจันหน้าคมเข้มไปมาแทบจะหมุนรอบตัวเองได้สองสามรอบไม่รอคำตอบพิมพ์ลภัสฉวยคว้าข้อมือสาวงามก่อนจะพากันออกมาที่รถมุ่งหน้ากลับบ้านของเธอ...

พี่สาวใจดีพารับพรมาถึงเคหะสถานมุ่งตรงขึ้นห้องส่วนตัวทันที จัดแจงที่หลับที่นอนและอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยทั้งสองก็มานอนบนเตียงรับพรเอาหมอนข้างมากั้นแบ่งเขตแดนเป็นเทือกเขาตะนาวศรีป้องกันพม่ายกทัพมาบุกตีก็เธอเคยฟังมาเขาว่าการลักหลับมีจริง!! เธอยังไม่อยากเสียสาวนี่นะพี่พิมพ์อาจจะอาศัยช่วงที่เธอหลับลึกบุกปล้นค่ายเอาได้เจ้าของห้องขำกลิ้งแต่ไม่ต่อความอันใดแน่ล่ะเธอหาใช่ตะละแม่คนพม่ามอญเสียเมื่อไหร่ก็เธอคนไทยไม่มีเทือกเขาอะไรจะขวางกั้นรักเราได้หรอกสาวน้อย.. แขกผู้มาเยือนพยายามข่มตาให้หลับ แต่หาใช่ทำได้โดยง่ายไม่แม้จะเคยนอนเตียงเดียวกันมาก่อนคราวที่เธอเสียพ่อไปใหม่ๆพี่พิมพ์เอาหล่อนมาอยู่ด้วยที่ห้องนี้ตลอดเพราะกลัวว่ารับพรจะจิตตกและซึมเศร้าอันเป็นสาเหตุปฐมที่สำคัญของการคิดสั้นแต่ก็นะตอนนั้นมันยังเยาว์นักจะไปประสีประสาอะไร ตอนนี้เวลานี้เราทั้งคู่เติบโตพี่พิมพ์แน่ชัดในตัวเองว่าเป็นสาว แอลชอบสมัครรักใคร่ในผู้หญิงส่วนตัวเรานั้นเล่าก็ให้หวามไหวกับพี่สาวเป็นกำลังถ้าพี่พิมพ์เกิดหน้ามืดจู่โจมขึ้นมาจริงเธอก็ไม่แน่ใจหัวใจตัวเองเหมือนกันว่าจะทัดทานมันได้ไหวหรือนานเท่าไหร่อีกประการเราแค่ปลื้มที่พี่พิมพ์เป็นพี่สาวอารีคอยเป็นกำลังใจให้ไม่ห่างหายแค่นั้นจริงๆหรือว่ามันจะเป็นความชอบพอที่มีความพิศวาสเป็นที่ตั้ง รับพรสับสนในใจเหลือเกินอีกทั้งเธอยังนอนไม่ใคร่ถนัดในท่าทางเพราะปกติแล้วชอบนอนตะแคงซ้ายที่ต้องตะแคงขวาเพราะอยากหลบหน้าพี่สาวพอขยับกายมันก็ปะเข้ากับหน้าคมคายของพี่สาวจังเบอร์นันย์ตาใสๆนิ่งๆที่จดจ้องมายังบัณฑิตสาวที่ผูกพันชวนคิดชวนคุย

“พรคะ..ชอบยัยแกงจืดมาตาฮะรีนั่นรึเปล่า”

“หือ? ทำไมไปตั้งชื่อเขาแบบนั้นล่ะคะ อะไรรีๆพรไม่เห็นรู้จัก” สาวน้อยทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามพิมพ์ลภัสก็ไม่อิดออดที่จะเล่าถือซะว่าเป็นนิทานกล่อมเด็กโข่งก็แล้วกัน

“มาตาฮารี(Mata Hari) เธอเป็นนักระบำเปลื้องผ้าระบือโลกทั้งยังเป็นจารชนสาวชื่อกระฉ่อนอีกด้วยค่ะฉายาสายลับส่ายนมสองคมสองหน้า เธอมีชีวิตร่วมสมัยสงครามโลกครั้งที่

“โอ้โหพี่พิมพ์จั่วหัวมาอย่างกับในหนังเลย”บัณฑิตสาวตาสว่างขึ้นมาพลันตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยิน

“ค่ะชีวประวัติของเธอเคยนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เหมือนกัน Sylvia Kristel ราชินีหนังอาร์ยุค ’70 เอิ่ม..คนเดียวกับที่เล่นEmmanuelle คนแรกเธอแสดงไว้น่ะค่ะ”

“หือชื่อเหมือนอาบอบนวดเชียว พี่พิมพ์นี่ช่ำชองบุคคลในประวัติศาสตร์จังนะคะพรว่ามันน่าเบื่อจะตาย”

“ก็เพราะเราเลือกที่จะท่องจำไงคะระบบการศึกษากะลาแลนด์มันก็อีหรอบนี้ที่อังกฤษที่ยุโรปเขาไม่มานั่งท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองกันหรอกนะใครครองราชย์ปีอะไรต่อจากใคร ชื่ออะไร พ.. อะไร พูดไปก็เปล่าประโยชน์อ่ะค่ะ นอกเรื่องไปเยอะด้วย ซีเรียสด้วยเอาเป็นว่าทุกวินาทีที่มันผ่านไปก็คือประวัติศาสตร์เราเรียนรู้เพื่อวิเคราะห์สิ่งใดที่ดีก็จดจำเอามาเป็นแบบอย่างอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรก็เอาไว้เตือนสติ”

“คร้า โปรเฟสเซอร์ เล่าสักทีสิคะ ประเดี๋ยวก็เช้ากันพอดีหรอกพรอยากฟังใจจะขาดแล้ว” รับพรเร่งเร้าเป็นเด็กน้อยอยากได้ของเล่น พิมพ์ลภัสยิ้มหวานคนอะไรน่ารักจุง

“มาตาฮารีเธอมีชื่อจริงว่ามาร์กาเรตธ่าค่ะด้วยความเป็นสาวยุโรปแต่มีหน้าตาที่ผิดแผกจากสาวพื้นถิ่นทั่วๆไป ผมของเธอดำขลับ (brunettehair) นัยน์ตาสีน้ำตาล ผิวพรรณเป็น มองโกลลอยด์คือเหลืองนวลลออเข้าทำนองว่าเป็นลูกครึ่งอินตะระเดียก็ไม่ปาน” จากที่นอนเล่าเห็นทีจะไม่ถนัดเจ้าของห้องลุกขึ้นมาและสาธยายต่อ

“ชีวิตวัยเด็กก็คงเหมือนปุถุชนคนทั่วไปแต่เธอมาฉายแววหยาดฟ้ามาดินสวยสะพรั่งก็ตอนอายุเข้าสิบห้าค่ะ ด้วยรูปร่างสูงโปร่งราว175 เซนติเมตร กิริยาชะม้ายตาจริตจะก้านเพริศพรายทำให้ชายทั้งเมืองต้องมองเหลียวหลังเรื่องเริ่มมาตื่นเต้นเอาเมื่อเธอมีสัมพันธ์สวาทกับครูใหญ่กลายเป็นเรื่องคาวฉาวโฉ่ทอล์คออฟเดอะทาว์นในสมัยนั้น”

“ครูใหญ่กินตับเธอรึคะ”

“ก็น่าจะทำนองนั้นค่ะเป็นพวก pedophile หลงรักเด็กเหมือนคนแถวนี้”หยอดเข้าไปเรื่อยๆ ไม่อ่อนก็ให้มันรู้ไป

“พี่พิมพ์อย่านอกเรื่องสิคะกำลังสนุกเชียว” รับพรยันกายลุกขึ้นมานั่งบ้าง แหงนคอดูหน้าพี่สาวแล้วมันเมื่อย

“สุดท้ายเธอต้องออกจากโรงเรียนเพราะเองนี้พออายุได้สิบแปด ฟ้าก็บันดาลคู่ครองให้กับเธอค่ะจากตลกร้ายที่เพื่อนของนายทหารชาวดัตช์คนหนึ่งลงประกาศหาคู่ในหนังสือพิมพ์โดยที่เจ้าตัวไม่รู้แต่เมื่อแรกเห็นก็กลายเป็นรักแรกพบเข้าจนได้ เพราะนายทหารที่โดนเพื่อนแกล้งกลับหลงรัก มาร์กาเร็ตธ่าหมดจิตหมดใจ..เหมือนใครก็ไม่รู้ฮิ้ววว” พิมพ์ลภัสหยุดวรรคให้หัวใจทำงานบ้างมองจ้องไปที่หน้าสวยด้วยสายตาหยาดเยิ้ม

“นี่ตกลงพี่พิมพ์แต่งเรื่องเองจะมาเกี้ยวพรใช่มั้ยคะนี่ไม่ฟังมันแล้ว” รับพรไม่ไหวแล้วใจ ทำเป็นกระฟัดกระเฟียดแก้เก้อไปอย่างนั้นเอง

“โธ่!ใช่ที่ไหนแม่คุณ ก็แค่แทรกตลกบ้างแก้เบื่อแก้ง่วงไงคะ.. เอาต่อนะ ทั้งคู่ได้แต่งงานอยู่กินกันและมีลูกสองคนกระทั่งสามีของนางลาออกจากราชการมาทำงานกับบริษัทอีสต์อินดีสที่เกาะชวาครอบครัวนี้จึงอพยพมาตั้งรกรากที่นั่น พอหม้อข้าวดำชีวิตคู่ก็เริ่มระหองระแหงต่างมีปากเสียงกัน ฝ่ายผัวก็เริ่มเมาหยำเปและแอบไปมีกิ๊กนอกบ้าน มาร์กาเร็ตธ่าใช่จะยอมเธอเล่นชู้เข้าบ้างกับพวกนายทหารและเศรษฐีเจ้าของไร่ช่วงนั้นเองเธอได้วิชาเต้นระบำจากศาสนสถานของฮินดูติดตัวมาด้วยชีวิตเธอถึงจุดพลิกผันอีกครั้งเมื่อผัวเธอไปเล่นชู้กับเมียชาวบ้านจนกระทั่งหายนะมาเยือนครอบครัว ชายคนนั้นคลุ้มคลั่งและลอบวางยาพิษกับลูกของมาร์กาเร็ตธ่าให้ต้องตกตายเธอสุดโศกาและจำต้องกลับมาบ้านเกิดอีกครั้ง โดยหย่าขาดกับผัวเธอทันที จากนั้นมาร์กาเร็ตธ่าได้มุ่งหน้าสู่ปารีสเมืองสวรรค์ของยุโรปในเวลานั้นเธอเริ่มต้นอาชีพนักเต้นระบำโป๊เอาที่นี่โดยการประยุกต์ระบำของฮินดูเข้ากับลีลายั่วสวาทอันเร่าร้อนเผ็ดฉ่าตอนนี้เองเธอได้เปลี่ยนชื่อเป็น มาตาฮารีที่แปลได้ว่าเป็นดวงเนตรแห่งรัตติกาลและเธอก็ฉลาดพอที่จะเลือกโชว์ให้กับเฉพาะลูกค้ากระเป๋าหนักมาตาฮารีดังเป็นพลุแตก เป็นแม่ยั่วเมืองที่ใครๆก็ต่างถวิลหาหล่อนตระเวนเต้นไปทั่วผืนแผ่นดินยุโรปในหลากหลายประเทศ ลูกค้าของเธอแต่ละคนเป็นถึงระดับนายพลเจ้าชาย ไม่ก็เจ้าของธนาคารแทบทั้งสิ้นแต่แล้วช่วงชีวิตที่รุ่งเรืองสุดขีดกลับเกิดเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่หนึ่งขึ้นแม้ตอนนั้นเธอจะเข้าหลักสี่แล้วแต่รูปร่างของเธอยังแจ่มว๊าวอยู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เอง เธอได้รู้จักกับคนของรัฐบาลฝรั่งเศสและได้จ้างให้เธอเป็นสายลับทำการเสาะหาข่าวด้วยค่าจ้างแพงระยับเป็นล้านฟรังก์(ค่าเงินฝรั่งเศสในสมัยก่อน) แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ถูกจับเพราะเป็นสายลับทำจารกรรมล้วงข้อมูลและส่งต่อให้ศัตรูทั้งสองฝ่ายคือฝรั่งเศส รัสเซียและเยอรมนี โดยข่าวทั้งหมดมาจากคู่นอนของเธอนั่นเองเธอจบชีวิตด้วยการถูกตัดสินประหารชีวิตโดยการยิงเป้าเป็นอันปิดฉากตำนานจารชนสองหน้าด้วยประการฉะนี้”

“สนุกจังค่ะสงสัยพรต้องไปหาหนังมาดูซะแล้ว”

“จะดูฉากโจ๊ะพรึมๆกันล่ะสิ”ก็มันเต็มไปด้วยเรื่องบนเตียงซะขนาดนั้นจะไม่ให้คิดเป็นอื่นได้อย่างไรสาวเจ้าเอย

“ก็ดูทั้งเรื่องล่ะค่ะไม่ได้ใฝ่ขนาดน้าน แหมแต่พี่ภาเขาไม่ได้ใกล้เคียงเรื่องที่เล่าเลยนะคะ”

“อย่าโยกโย้สิคะตอบมาว่าชอบเขารึเปล่า” เล่ามาซะตั้งนานที่แท้ก็จะผูกโยงวกเข้าหาประเด็นนี้

“ชอบค่ะดูนิ่งๆแต่หน้าค้นหา ลึกลับแต่ไม่ซับซ้อนพิลึกพิลั่นแต่ไม่พิกลพิการ”รับพรได้ทีเอาคืนบ้างเธอตอบแบบไม่ไว้หน้ารักษาน้ำใจคนฟังสักนิด พิมพ์ลภัสน้อยใจยาดีดตัวจากที่นอนทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง จนคนแกล้งต้องร้องทักเสียงหลง

“อ้าวพี่พิมพ์จะลุกไปไหน ไม่นอนแล้วรึ

“จะไปซื้อแห้วกระป๋องมากิน” มันเป็นมุกฝืดที่แสนเศร้า สาวหน้าคมเดินคอตกพูดเสียงอ่อย

“พรยังพูดไม่จบเลย..ไม่อยากฟังต่อเหรอ”

“ไม่อ่ะ ตะเตือนไต” รับพรยิ้มกว้างสมใจพี่สาวไม่หนักแน่นเล้ย

“คำว่าชอบไม่ได้หมายความว่าพรจะคิดกับเค้าแบบนั้นซักหน่อย”เธอต่อความให้สมบูรณ์จะได้ไม่คลุมเครือ แต่ก็ไม่ได้ปิดประตูลงกลอนเลยเสียทีเดียวเพราะแม่นางเฉยก็มีมุมที่ทำให้เธอยิ้มแบบนี้ได้เหมือนกัน

“แล้วกับพี่ล่ะคะ”เจ้าของห้องเดินวนกลับมาที่เตียงนั่งเคียงข้างแม่กลอยใจตาหวาน

“ม่ายเอาม่ายพูด” รับพรส่ายหน้าอะไรที่มันยังไม่ชัดเจนมันน่าสนุกดีออก พิมพ์ลภัสก็ไม่คาดคั้นต่อเธอเปลี่ยนแผนกลางอากาศ ก็ตรงนี้มันพื้นที่ส่วนตัวของเธอ จะทำอะไรก็ได้

“พี่พิมพ์จะทำอะไร” ร่างอรชรร้องเสียงสั่นเมื่อจู่ๆพี่สาวก็โน้มใบหน้าคมคายเข้ามาใกล้ใบหน้าของตัวจนปลายจมูกโด่งเป็นสันของทั้งสองชนกัน

“ค่าสอนไงคะ ใครเค้าจะเล่ากันฟรีๆ ขอจุ๊บทีนึงน้านะ”ลูกสาวเจ้าหนี้เอ่ยความประสงค์ นี่มารยาทดีขอกันก่อนแล้วนะจ๊ะไม่ขโมยจูบก็บุญหนักหนาแล้ว

“เปลี่ยนเป็นแค่หอมแก้มไม่ได้เหรอคะ”รับพรต่อรองเป็นซื้อผักขายปลา ด้วยรู้ว่าจะไม่ให้เลยเขาก็ไม่ยอมอยู่ดีเอาแบบเสียหายน้อยที่สุดแล้วกัน เจ้าของห้องหักมุมอีกครั้งเธอถอนใบหน้าออกมาโดยที่ยังมิได้กระทำการอันใด พูดเปลี่ยนเรื่องมันซะอย่างนั้นเพราะอันนี้สิทีเด็ดของจริง!!

“เช้านี้ขายของเสร็จแล้วเราไปเจแปนทาว์นกันนะคะพี่อยากกินเนื้อย่าง ไม่ได้กินมาตั้งนานละ”

“น้องตัวมีก็ไม่ชวนอ่า” รับพรยังก้ำกึ่งโบ้ยเรื่องให้พ้นตัวอยากกินก็อยากนะ แต่มันเกรงใจพี่สาว เนื้อญี่ปุ่น อะไรกิวๆนั่นแพงเอาเรื่อง

“ก็เค้าอยากชวนน้องพรนี่คะ เสร็จแล้วจะเลยไปออนเซ็นด้วยออริจินอลจากนิปปอนเลยนะคะ” สาวหน้าหล่อยังเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษพ่วงท้ายนั่นล่ะดึงดูดความน่าสนใจกับรับพรเข้าเต็มๆ ฟังดูน่าสนุกไม่หยอก

“ออนเซ็น? น่าตื่นเต้นจังค่ะพวกแช่น้ำอุ่นเหรอ”

“ฮ้าว… ง่วงแระ นอนดีกว่า”คนเจ้าเล่ห์เมื่อรู้ว่าเป็นต่อก็หยุดมันไว้ดื้อๆแต่สาวน้อยร้อยชั่งต้องการทำบางอย่างให้จบลงเธอปิดฉากค่ำคืนนี้อย่างบริบูรณ์ด้วยการบรรจงจุ๊บเข้าที่แก้มนวลเนียนของพี่สาวทีหนึ่ง

“ฝันดีค่ะ” เท่านั้นร่างอรชรก็ล้มตัวลงนอน คนโดนขโมยจูบได้แต่นั่งตะลึงอยู่อย่างนั้นเอามือน้อยๆของตนลูบแก้ม พรคะ พี่สัญญาว่าจะดูแลปกป้องพรอย่างนี้ตลอดไปพิมพ์ลภัสเอนกายลงตามในใจครุ่นคิดจะหาวิธีพูดกับป๊าอีกสักครั้งบ้านเรือนไทยในที่ตาบอดป๊าจะเอาไว้ทำไม เราต้องโน้มน้าวป๊าให้ได้สิเพื่อเธอนะรับพร...




Create Date : 13 สิงหาคม 2558
Last Update : 13 สิงหาคม 2558 17:37:59 น. 0 comments
Counter : 498 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.