Group Blog
 
All blogs
 
Two angels’ war ศึกสองนาง

‘แม่ดังแน่ๆ พอถึงตอนนั้นบ้านหลังนี้จะเล็กไปถนัดตา เชื่อหัวพรสิ’ เสียงเชียร์อัพสนับสนุนของลูกสาวหัวใสดังก้องวนเวียนอยู่ในโสตประสาทในขณะที่สุดากำลังจะดูดวงเลขเจ็ดตัวมหัศจรรย์ให้กับลูกค้าที่มารออยู่ เอาวะในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ดูดวงกิ๊กก๊อกต๊อกต๋อยเต็มที่ก็รายละสามร้อยห้าร้อยวันหนึ่งๆได้สักสองเจ้าก็เต็มกลืนเต็มแม็ก แต่หากลองเปลี่ยนวิถีวิธีหากินตามที่ยายพรแนะแนวชี้ช่องรวยการันตีถึงรายได้ที่มากขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ แม่หมอกำมะลอดึงสติให้กลับมาอยู่ ณปัจจุบัน จัดแจงท่านั่งของตนให้ดูสำรวมน่าเชื่อถือไม่ลืมที่จะเอาขวดบรั่นดีไปซ่อนไว้ที่หลังโต๊ะหมู่บูชา! แม้กลิ่นกายจะคละคลุ้งไปด้วยสุรานัยน์ตายังแดงก่ำเพราะฤทธิ์ตกค้างของแอลกอฮอล์สุดาเสยผมสีดอกเลาขึ้นเกล้ารวบไว้อย่างลวกๆและส่งสัญญาณมือให้น้าปุ๊กเรียกลูกค้ารายแรกสาววัยสามสิบปลายๆเดินเข้ามาก้มกราบพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่โต๊ะหมู่บูชาก่อนจะยกมือประนมไหว้มาที่สุดาแม่หมอยิ้มอารีตอบกลับเป็นการรับไหว้

“ว่ายังไงแม่สายใจลูกหายป่วยหรือยัง” คนตรงหน้าดูเศร้าหมองยิ่งนักหล่อนกลุ้มใจเรื่องอาการเจ็บป่วยเรื้อรังของลูกสาววัยสิบสองหลังจากวิ่งโร่พาลูกเทียวเข้าออกโรงหมอยาทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณสุดท้ายมาจบที่ทางไสยศาสตร์สายดำเป็นที่พึ่งพิงทางใจเหมือนกับที่ใครต่อใครหลายคนเป็น

“อะแฮ่ม..เมื่อคืนอาได้นิมิตมาจากพ่อปู่” แม่หมอเกริ่นนำแต่ยังไม่ทำให้เนื้อความสมบูรณ์มโนสำนึกทำให้เกิดความลังเลและละอายแก่การกระทำโฉดของตนแม้สุดาจะรู้อยู่เต็มอกเต็มหัวใจ การหากินกับคนที่ทุกข์ยากนั้นบาปหนักหนา แต่หากเธอไม่มีบ้านให้ซุกหัวนอน จะบุญหรือบาปมันก็ไร้ซึ่งความหมายแม่สายใจก็ใช่ว่าจะลำบากลำบน ถ้าไม่นับว่าลูกต้องมาป่วยด้วยอาการประหลาดชีวิตเธอช่างสุขสบาย ก็ตกถังข้าวสารได้ผัวรวยนี่นะสายใจคงเป็นลูกค้ากระเป๋าหนักที่สุดแล้วกระมัง โดนเธอรีดไถนิดๆหน่อยๆถือเสียว่าแบ่งกันกินน่าสุดาให้เหตุผลเข้าข้างตัวเอง..การต่อสู้ทางจิตด้านดีและด้านมืดยุติลงเมื่อมีตัวแปรจากภายนอกเป็นเสียงสนับสนุน

“สวรรค์โปรด..พ่อปู่ว่าอย่างไรอา ลูกหนูจะหายไหม”หญิงสาวที่ระทมทุกข์ได้ฟังเพียงคำสั้นๆแต่เหมือนชีวิตมีความหวังเห็นแสงสว่างรำไรอยู่ปลายอุโมงค์เห็นได้จากนัยน์ตาเริ่มดูมีชีวิตชีวาขึ้นขยับกายเข้ามาใกล้และเขย่าที่แขนของสุดาแรงพอประมาณเป็นการเร่งเร้า

“พ่อปู่ บอกว่า..”

“โครม!!” จู่ๆเศียรพ่อแก่ก็ล้มลงมากองที่พื้น!! ไม่นะ ไม่ได้จัดฉาก!

“ว้าย! ห..แหก” แม่หมอกำมะลอเผลออุทานออกมาเป็นภาษาหยาบคาย หรือว่าพ่อปู่ท่านจะโกรธ?!! ระหว่างที่ตกตะลึงทำอะไรกันไม่ถูกทั้งแม่หมอและคนดูเป็นจังหวะเดียวกับที่รับพรเดินขึ้นเรือนมาทันได้ยินเสียงเข้าพอดีปกติหากเป็นเวลาที่แม่สุดาทำงานหลังผ้าม่านหนาสีดำจะไม่มีใครถือวิสาสะเข้าไปยุ่มย่ามเด็ดขาดแม้บางครั้งจะมีเสียงเอะอะโวยวาย กรีดร้อง หรืออะไรก็ตาม หากแต่ครั้งนี้มันไม่ปกติเห็นแม่บ่นๆว่าปวดหัว ลูกสาวร่างทรงไม่รอช้า สาวเท้าอย่างไวและเลิกผ้าม่านออกดู

“พ่อปู่!” รับพรร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเช่นกัน แต่บัณฑิตสาวนั้นเรียกสติกลับมาได้เร็ว เธอนั่งคุกเข่าลงจะจับเศียรให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมแต่ทว่า...

“กรี๊ดดด!”ร่างอรชรร้องเรือนแทบแตก เธอเห็นดวงตาของเศียรพ่อแก่ลุกเป็นไฟ!!

“เป็นอะไรของเอ็งวะ”แม่สุดาแปลกใจไม่น้อยในอากัปกิริยาของลูกตัวปกติยัยพรเป็นเด็กจิตแข็งเสียยิ่งกว่าเหล็กน้ำพี้ อย่าบอกนะว่าเห็นอะไรผิดสำแดงเข้า!เห็นทีว่าฤกษ์ผานาทีไม่ประเหมาะเข้าเสียแล้ว ร่างทรงกำมะลอชักทดท้อและเริ่มถอดใจ

“ปะ..เปล่าแม่พรแค่เห็นจิ้งจก” ลูกสาวร่างทรงจำต้องมุสาเพราะไม่อยากให้ใครต้องตื่นตระหนกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกค้า สุดาไม่เชื่อคำลูกตนแต่ไหนแต่ไรมายัยพรไม่เคยกลัวไม่ว่าจะเป็นสัตว์อะไรก็ตามรับพรรีบจัดแจงเศียรพ่อแก่ให้เข้าประจำที่ พยายามปลอบใจตัวเองว่าตาฝาดไปแต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้โดยพลัน เรื่องมันก็เลยเถิดเตลิดมาถึงตอนนี้แล้ว ขอเลยตามเลยนั่งเป็นผู้กำกับแม่เสียน่าจะดีรับพรนั่งจุมปุ๊กอยู่ด้านหลัง ขยิบตายิบๆส่งซิกให้แม่รู้ว่าจัดไปอย่าให้เสียสุดาพอเห็นว่ามีพวกก็ทุเลาความกลัวความกดดันลงไปได้บ้าง หันมาเจรจากับลูกค้าหางตาก็เหลือบมองคนบอกบทไปพลาง

“ต่อเลยนะแม่สายใจ” รับพรอ้าปากพะงาบๆ ‘เจ้ากรรมนายเวร’ แม่หมอลวงโลกอ่านปากลูกสาว นิ่งไปสักสองลมหายใจเข้าออกพยายามปั้นเรื่องให้ดูมีน้ำหนักจัดทรงง่าย

“ที่เห็นเมื่อกี้น่ะพ่อปู่ท่านมาเตือน บอกว่าสายใจมีเจ้ากรรมนายเวรเขาอาฆาตแค้นหนักมาก ตามสายใจไปทุกที่ทุกหน และที่ลูกต้องไม่สบายก็จากสาเหตุนี้เขาสาปแช่งเอาไว้” คนถูกทักเชื่อหมดหัวใจ ตื่นตระหนกลุกลี้ลุกลน เหลียวซ้ายแลขวามองหา บางสิ่งตามคำเล่าอ้าง

“ไม่ต้องกลัวหรอก ตำหนักนี้เต็มไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์อำนาจชั่วร้ายมิอาจเล็ดรอดเข้ามาได้”ร่างทรงต่อเรื่องราวเสริมแต่งให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น

“แล้วฉันต้องทำยังไงเล่าอา จึงจะหลุดพ้นจากเจ้ากรรมนายเวรพ่อปู่ท่านบอกวิธีแก้ไว้อย่างไร จะบุกป่าฝ่าดงลุยน้ำลุยไฟฉันจะไม่เกี่ยงเลยขอให้ลูกหายเท่านั้นเป็นพอ” หัวอกของผู้เป็นแม่ที่แสนสงสารลูกพร้อมที่จะทำทุกอย่างช่างเข้าล็อคเข้าทาง ผู้อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำยิ้มเห็นฟันขาว ยกนิ้วโป้งให้มารดาเจ๋งอ่ะแม่ ปากก็ขยับบอกบทต่อ ‘เปลี่ยนชื่อ’

“ซื่อบื่อ!” สายใจตกตะลึงกับชื่อแสนประหลาด รับพรส่ายหัวพัลวันจวนเจียนจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ แม่หมอกำมะลอเลิ่กลั่กหน้าตาตื่นอ่านปากลูกสาวจอมแผนการอีกครั้ง ‘เปลี่ยนชื่อ’ สุดากะพริบตารับสองครั้งเป็นอันว่าเข้าใจ

“สายใจต้องเปลี่ยนชื่อตัวเองและลูก เจ้ากรรมนายเวรเขาจะจำไม่ได้และเลิกตามรังควาญเอ็งไปในที่สุด”แม้จะแคลงใจว่าวิธีแสนง่ายดายกับการแค่เปลี่ยนชื่อจะสามารถหลุดพ้นจากการตามจองเวรจองกรรม หากเป็นสภาวะปกติสายใจคงต้องฉุกคิดและพิจารณาไตร่ตรองถ้วนถี่แต่บรรยากาศรอบตัวมันช่างเป็นใจให้เกิดศรัทธาและสิ้นสงสัยเพื่อลูกรักกับการแค่เปลี่ยนชื่อไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่โตแม่หมอลวงโลกเห็นเป็นเช่นนั้นจึงรีบทำการปิด จ๊อบ

“ถ้าแม่สายใจไม่ขัดข้อง อาก็ขอคิดค่าบูชาครูเอ่อ..สองพัน ใส่พานไว้เสร็จแล้วอาจะถามพ่อปู่ให้” มีหรือที่จะปฏิเสธมันไม่ใช่เดชอำนาจของสาริการลิ้นทองหรือสีผึ้งอะไรหรอกมันคือฤทธานุภาพของความรักที่มารดามีให้แก่บุตรต่างหากที่ทำให้สายใจตามืดบอดเธอไม่ลังเลที่จะควักสตางค์มาวางใส่พานทองรับพรที่นั่งเป็นทั้งกองเชียร์และคนบอกบทถึงกับสลดใจ ขอโทษนะพี่สายหนูก็แค่จนทางทำมาหากินดอก ไม่อยากจะเป็นคนเลวหลอกลวงใครเลย ร่างอรชรเปิดโทรศัพท์เข้าเวบไซต์ตั้งชื่อมงคลเพราะคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าว่าคนไร้ประสบการณ์อย่างแม่ในการตั้งชื่อนามอาจจะตกม้าตายเอาได้..สุดานั้นเล่ายังคงแสดงได้สมบทบาท หลังจากเห็นเงินก็หลับตาพริ้มปากเริ่มบริกรรมคาถาพิสดารเช่นเคย “โอม โอริโอ้ โอโจ้ โกโก้ ซิโก้ โรนัลโด้...”ราวครึ่งนาทีแม่หมอก็เบิกตาโพลงและพูดขึ้น

“เดือนฉาย เป็นยังไง พ่อปู่ว่าชื่อนี้เป็นมิ่งมงคลแก่สายใจยิ่งนัก”

“หนูเกิดวันพฤหัสอา เท่าที่หนูรู้มามันเป็นอักษรกาลกิณีไม่ใช่เหรอ”หน้าแหกแหวกชิมิกันเลยทีเดียว แม่หมอจอมลวงถึงกับหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัดลูกสาวหัวใสที่รู้อยู่แล้วว่าแม่ตัวจะพลั้งพลาดก็รีบเข้าแก้สถานการณ์คาบลูกคาบดอกให้ดรรชนีนางจิ้มที่หน้าจอ ขึ้นชื่อนามมงคลสำหรับคนเกิดวันพฤหัสเข้าพอดี ‘กุลยา, เก็จมณี, เกณิกา’..’กุน-ละ-ยา’ ปากขยับช้าๆทีละพยางค์บอกแม่สุดา คนที่แอบอ้างว่าติดต่อสื่อสารกับพ่อปู่ได้รับลูกนั่งหลับตาลงอีกครั้ง แต่ครานี้ไร้การบริกรรมคาถา ราวสิบวินาทีก็เปิดเปลือกตาบอกกับคนตรงหน้า

“กุลยา”สายใจก้มหน้ารับ ค่อนข้างพึงใจกับชื่อนามใหม่ อย่างน้อยก็ดูโก้เก๋กว่าชื่อเดิมเธอร้องเรียกเอาชื่อให้ลูกสาวตัวด้วย สุดาจึงได้จังหวะฉวยโอกาสขอค่าบูชาครูเพิ่มอีกสองพันบาทหญิงสาวในชื่อใหม่ก็ไม่อิดออดเต็มใจให้โดยง่าย หนังม้วนเดิมฉายซ้ำเป็นครั้งที่สองเมื่อผู้อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำอย่างรับพรเป็นผู้บอกบทและกระทำการแบบเดิมเช่นเดียวกับลูกค้ารายที่สองจนกระทั่งแล้วเสร็จ..

“ใจคอแกอยากจะเชือดแม่ให้ตายคาเรือนเลยใช่มั้ย”สุดานั่งนับเงิน เพียงชั่วไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงดี เธอหาเงินได้ตั้งครึ่งหมื่นแม่หมอลวงโลกเก็บเงินเข้าชายพก แต่ก็ไม่เว้นวายหันมาบ่นกับลูกสาวหัวหมอ

“เอาน่าแม่ไว้คืนนี้พรจะพิมพ์รายชื่อเอาไว้ให้ แต่เห็นหรือยังล่ะว่าวิธีนี้มันแจ่มแมวมาก”

“แล้วถ้ามันไม่ได้ผลเขากลับมาโวย แกจะให้แม่ทำยังไง ถึงตอนนั้นได้กลายเป็นแจ่มหมาแม่หมาล่ะไม่ว่า”

“แม่ก็แก้ตัวแถไปเรื่อยตามถนัดสิจะไปยากอะไร” รับพรพูดส่งๆตัดบทเดินออกมาจากผ้าม่านเข้าห้องส่วนตัวคว้าโทรศัพท์มากดอักษรพิมพ์รัวๆหาพี่สาวหน้าหล่อ เสียงจิ้งจกร้องกันระงมไม่รู้ตัวไหนเป็นตัวไหนบัณฑิตสาวละสายตาจากหน้าจอเพราะรับรู้ได้ถึงลางประหลาด ลมพัดกรรโชกแรงมาวูบใหญ่“ปัง!!” หน้าต่างปิดพับเข้ามา ปอยผมสลวยปลิวไปตามแรงลมนั้นคนหน้าสวยถึงกับสะดุ้ง เริ่มกระสับกระส่าย นี่มันอะไรกัน! ระหว่างที่เธอมองไปรอบๆห้องนั้นเอง...

“ตึ๊งตึ่งๆๆๆๆๆๆ”จู่ๆเสียงจากแอพพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นร้อยๆข้อความและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดรับพรแทบอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งคิดในใจว่าใครวะแม่มส่งมาแกล้งกันหรือว่าจะเป็นเพราะโทรศัพท์รวน?นั่นสินะเครื่องนี้ซื้อมือสองมือสามมาเสียด้วยบัณฑิตสาวกดปุ่มปิดเครื่องและรีสตาร์ทอีกครั้ง เสียงตึ๊งตึ่งๆเจ้ากรรมยังดังไม่หยุดหย่อน เธอไม่ได้สนใจจะดูข้อความสักนิดเพราะสุดแสนจะรำคาญสุดท้ายก็ปิดเครื่องและวางไว้บนเตียงไม่สนใจใส่ใจมันอีกต่อไป...

“ตรู๊ดๆๆๆ” หลังจากพิมพ์ลภัสเพียรพยายามโทรหาแม่กลอยใจหลายครั้งหลายหนแต่ดูเหมือนว่ารับพรจะปิดเครื่อง..ติดต่อไม่ได้ นึกถึงใครไม่ออกนอกจากน้องตัวมือเรียวจึงกดสายหาเร็วเท่าที่จะทำได้

“พรปิดเครื่องอ่า ติดต่อไม่ได้เลย ณัฐโทรหาโหนให้ทีสิ พี่เป็นห่วงจัง”

“เค้ามีเบอร์พี่โหนเสียที่ไหนเล่า ทำไมไม่ไปหาที่บ้านล่ะเจ้าคะใกล้ๆแค่นี้เอง”

“นั่นสินะ เคร..บาย” พิมพ์ลภัสวางสายมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางของหัวใจทันที…

รับพรออกไปเร่ขายเบอร์ทองตามชุมชนรอบๆบ้านละแวกใกล้เคียง แต่มันก็ไม่เป็นไปตามเป้านักเพราะช่วงนี้ชาวบ้านเงินตึงมือซื้อไม่ง่ายขายไม่คล่องจากพิษเศรษฐกิจและมันคงจะเป็นเช่นนี้ไปอีกพักใหญ่สงสัยเธอต้องยกเครื่องคิดแผนการตลาดคลอดโปรโมชั่นแรงๆกระตุ้นยอดให้กระเตื้องใหม่ร่างอรชรกลับบ้านตรงไปที่เรือนเล็ก ตรวจตราดูความเรียบร้อยเสียหน่อยนี่ก็ช่วงโปรโมชั่นเช่นกันหรอกนะ หวังใจให้พี่ภาอยู่นานๆดูแล้วน่าจะกระเป๋าหนักไม่น้อย แม่นางเฉยอาจจะทำตัวเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทองแกล้งจนพิสูจน์รักแท้แหงแซะรับพรเดินมาตามทางที่ถูกถางให้โล่งเตียนจนมาถึงตัวเรือนที่สะอาดสะอ้านแปลกตานี่ถ้าหากได้ทาสีใหม่ล่ะก็นะ แจ่มจรัส ระหว่างที่ชื่นชมกับความงามสายตาก็เหลือบไปเห็นสาวหน้านิ่งกำลังต่อเก้าอี้ยืนจับๆอยู่ที่หลอดไฟตรงหน้าระเบียงรับพรส่ายหน้า เกิดพลัดตกลงมากระดูกกระเดี้ยวได้หัก ยิ่งบอบบางอ้อนแอ้นอยู่เจ้าของเรือนไม่รอช้า ตะโกนโหวกเหวกร้องทัก เร่งฝีเท้าจ้ำขึ้นมาบนเรือน

“อ้าวแม่คู๊ณ! ปีนป่ายเป็นลิงทะโมนเชียวทำไมไม่เรียกพี่โหนให้มาช่วย”

“อื้อ ไม่เห็นจะต้องตกใจเวอร์ขนาด กะแค่เปลี่ยนหลอดไฟอีกอย่างพี่เธอน่ะพอดายหญ้าเสร็จก็หายต๋อมไปไหนแล้วก็ไม่รู้”แม่นางเฉยตอบกลับมือก็ยังขยับๆอยู่ที่โคมไฟ

“อย่างนั้นก็เถอะ จะรอคนมาช่วยบ้างไม่ได้เชียวหรือ เรามันเป็นผู้หญิงเรื่องไฟเรื่องช่างจะไปถนัดถนี่เท่าผู้ชายได้ยังไง แล้วนี่สับคัทเอาท์แล้วหรือยัง”

“หึ” สั้นๆแต่สร้างความตกใจให้กับคนรับฟังยิ่งประเดี๋ยวได้มาตกตายกลายเป็นผีเฝ้าเรือนเสียก่อนจะตามหาคนเจอหรอกแม่ทูนหัวไม่มีเวลาให้บ่นรับพรรีบวิ่งไปสับสวิทช์ตัดไฟทันที ก่อนจะหันกลับมาดูคนหัวรั้นนั่นไงกะไว้อยู่แล้ว ยัยพี่ภา

“เฮ้ย! เก้าอี้ตัวนี้มันโยกทำไมทำอะไรไม่เคยดูความปลอดภัยตัวเองเล้ย” ก็ดูสิแม่นางเฉยเอาเก้าอี้บุโรทั่งจะพังมิพังแหล่มาวางต่อบนตั่งที่มีสภาพเก่าเก็บไม่ต่างกันเสียงเอี๊ยดอ๊าดๆของไม้ดังประชันกับเสียงคนบ่นเหมือนกับว่าจะไม่ยอมแพ้

“ก็แปบเดียว หยุดโวยสักทีได้มั้ย น่ารำคาญ” สาวหน้านิ่งชักเริ่มมีอารมณ์เมื่อโดนคนเยาว์กว่าระดมพร่ำไม่หยุดปากเอี้ยวตัวหันมาแหวกลับบ้าง

“ว้ายนั่นปะไรคนเขาเตือนแล้วไม่ฟังเก้าอี้คร่ำครึโอนไหวไปมา เมื่อสมดุลของร่างกายเสียภารตีพยายามจะประคองร่างของตนไว้รับพรตกใจรีบถลาเข้ามาด้วยกลัวว่าพี่สาวหน้านิ่งจะร่วงหล่น

“ตุ้บ!”... ร่างแม่นางเฉยพลัดตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกหล่นลงมาทับร่างที่บอบบางกว่า

“โอย!..อูย!...”

“เจ็บมั้ย”ปากน่ะถาม แต่ดูเหมือนว่าร่างทั้งสองยังทาบทับกันอยู่อย่างนั้น ไม่เพียงร่างที่แนบชิดใบหน้านวลผ่องแผ้วยังห่างกันชนิดที่สามารถยินเสียงลมหายใจที่ราดรดของอีกฝ่ายนัยน์ตาใสๆของทั้งสองสตรีเพ่งพิศกันและกันประหนึ่งต้องการค้นหาความหมายที่ลึกลงไปข้างในระดับชั้นความลับ..เปล่า รับพรมิได้รู้สึกไปในทางหวามไหว ชู้สาวความรู้สึกมันช่างเหมือนกับตอนนั้น..เฮ้! จะคิดมากไปทำไมลูกสาวร่างทรงตัดบทความคิดของตน

“เจ็บสิคร้าถามมาได้..บอกแล้วห้ามแล้วเตือนแล้วก็ไม่ฟังเลยอ่า นี่ยังมาล้มทับพรอิ๊ก”เห็นว่าร่างอ้อนแอ้นแบบนี้แต่พี่สาวหนักเอาการ กระดูกกระเดี้ยวจะหักมั้ยนะเรารับพรทำท่าจะขยับหากด้วยน้ำหนักของอีกร่างที่อยู่ด้านบนทำให้เคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้

“ก็อยากมารองรับไว้เอง”แม่นางเฉยยังสนุกกับการต่อล้อต่อเถียง

“ฮึ!ใจคอจะสำนึกบ้างไม่มีอ่ะ แล้วเมื่อไหร่จะลุกคร้าแม่คุณ” รับพรเริ่มต้นจะขยับเขยื้อนอีกครั้ง..ไม่สำเร็จตามเคย

“อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว”ภารตียังตีหน้ามึนไหนๆก็จ่ายมัดจำค่าเช่าบ้านไปแล้วขอของสมนาคุณบ้างเล็กๆน้อยๆจะเป็นไรไปแต่แล้ว..เสียงใบไม้กิ่งไม้แห้งที่หักเพราะน่าจะมีสิ่งมีชีวิตเหยียบย่ำก็ทำให้ทั้งสองหูผึ่งยังไม่ทันจะละจากอ้อมกอดของกันและกัน แต่คนที่เดินขึ้นบันไดเรือนมานี่สิ ทันเห็นภาพบาดตาช็อตสำคัญมือที่ถือถุงชามาแทบร่วงหล่นพร้อมๆกับหัวใจที่แตกสลายกระจายกลิ้งหลุนๆลงกระไดไปกองรวมกับเศษฟอนหญ้า

“พี่พิมพ์!!” ร่างอรชรดีดตัวออกมาจากร่างที่ทับอยู่ด้วยความตกใจก่อนจะลุกพรวดขึ้นมา ปั้นหน้าให้ดูประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่หลักฐานมันตำตาแทงใจกระจะๆเสียขนาดนี้ จะไม่ให้เสียใจใจเสียได้อย่างไรกันพิมพ์ลภัสยังคงตาค้างขาแข็ง ยืนเป็นหุ่นขี้ผึ้งมาดามทรุสโซ ไอ้ที่เขาว่าอาการหน่วงๆมันเป็นอย่างนี้นี่เอง สาวป๊อบรู้สึกเจ็บแปลบที่บริเวณหน้าอกทั่วสรรพางค์ไร้เรี่ยวแรง แต่ก็พยายามขืนฝืนตัวเอาไว้

“พี่พิมพ์ พี่พิมพ์ มาได้ยังไงคะ”รับพรรี่เข้ามาเขย่าแขนพี่สาวหน้าหยกทำเป็นตลกหน้าตายแต่สำหรับคนที่ยืนค้างมันดูเหมือนตลกร้ายมากกว่า

“พี่เอ่อ..” เมื่อโดนเขย่าตัวสติก็กลับมาแต่เสมือนว่าจะยังไม่ครบสมบูรณ์เท่าไหร่

“อ๋อ นี่พี่อวดดี เอ้ยภารตี เขามาเช่าบ้านอยู่ พอดีแกเป็นคนดื้อน่ะค่ะต่อเก้าอี้ปีนมาทำไฟ ผลก็เลยเป็นอย่างที่เห็น”เจ้าของเรือนรีบแจงเหตุผลผายมือน้อยๆไปที่ผู้ถูกแนะนำตัวลุกขึ้นยืนเก๊กหน้าสวยอยู่จุดเดิมไม่ต้องมองให้เสียเวลาและสายตา คนนี้มาแรงสัญชาตญาณบอก! สาวหน้าสวยตรงหน้าเป็นสาว แอลเช่นเดียวกับเธอ!

“พี่จะคุยเรื่อง.. เอ่อเรื่องขนมปังน่ะ เมื่อเช้ามีธุระด่วนนึกขึ้นได้ว่ายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย แวะมาที่เรือนใหญ่น้าสุดาบอกว่าพรอยู่ที่นี่ พี่ก็เลยมาตาม ไม่นึกว่า..” เจ็บเกินกว่าที่จะเอื้อนเอ่ยออกไปพิมพ์ลภัสหยุดประโยคลงแค่ตรงนั้นบัณฑิตป้ายแดงยังไม่เฉลียวใจว่าพี่สาวแสนเท่มีอาการผิดปกติชิงแนะนำตัวให้รู้จักกันให้เรียบร้อย

“นี่พี่พิมลภัส ลูกสาวของเฮียเลี้ยงเจ้าหนี้ของพรเอง”จะแนะนำทั้งทีทำไมตีราคาให้ความสำคัญเราน้อยแบบนี้ คนใจสลายชักจะเฮิร์ทหนักขึ้นแต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ ด้วยเพราะมีศึกใหญ่ประชิดกำแพงแห่งรักอยู่เบื้องหน้าสาวหน้าหล่อคิดหาวิธีรณยุทธ์ศัตรูหัวใจคนนี้นัยน์ตาแข็งกร้าวจดจ้องไปที่ภารตีส่งความหมายท้ารบ แม่นางเฉยเล่าใช่จะกลัวเกรงสองนารีเขม่นกันอยู่พักใหญ่ พิมพ์ลภัสชัดเจนว่าค่อนไปทางไม่ชอบน้ำหน้ากันเลยทีเดียวแม่นางเฉยปั้นหน้านิ่งคุมเชิงไม่ให้เสียทรง รับพรเริ่มรับรู้ถึงรังสีอำมหิตของทั้งสองที่แผ่ซ่านไปทั่วเรือน

“พี่พิมพ์คะ พี่ภาเธอเล่นขิมเก่งมาก พรโค่นไม่ลงเลยทีเดียวค่ะ” นั่น..แม่หน้าจืดนี่มาไม่ทันไรได้รับคำชมเสียยกใหญ่ ใช่สิ!เราก็เป็นแค่เจ้าหนี้ ดนตรีการเรือนรึก็ไม่เป็น แต่ถ้าเป็นงานสังคมแม่สู้ไม่ถอยพิมพ์ลภัสหน้างอชัดเจน เก็บอาการไม่อยู่รับพรยิ้มกริ่มก่อนจะต่อประโยคของตนให้จบความ

“ส่วนพี่พิมพ์เห็นเป็นนักเรียนนอกอย่างนี้ ด้นกลอนสดเก่งมว๊าก หาตัวจับยากเลยหล่ะค่ะ”คนหน้านิ่งเลิกคิ้วขึ้นน้อยหนึ่งกลอกตาล้อเลียน ประหนึ่งว่าจะเท่าไหร่กันเชียว

“พูดแบบนี้เดี๋ยวเขาจะหาว่าคุยโตเอานะคะ” แม้คำพูดดูว่าจะเป็นการถ่อมตัวแต่แท้ที่จริงแล้วแฝงนัยว่าเป็นการส่งสาส์นท้าประลอง มีหรือที่ภารตีจะไม่กล้ารับคำ

“จะไม่ลองสักบทหรือ?”

“สักหน่อยนะคะพี่พิมพ์” เจ้าของบ้านคนกลางเห็นเป็นเรื่องสนุกตามวัยไม่ได้ห้ามปรามซ้ำยังยุยง เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นสาวหน้าหล่อก็ขอไว้ลายด้นกลอนด้วยเสียงเสนาะโสต

“พิมพ์ลภัสนี้ยินดีที่รู้จัก

อยากทายทักพักตร์เนื้อนวลชวนหลงใหล

แม่นางเล่าอย่าชักช้าพิรี้พิไร

โปรดเปิดใจให้ไมตรีดีกว่าเอย”

ภารตีไม่น้อยหน้า เธอสวนกลับทันควัน โปรโมเตอร์อย่างรับพรก็ลุ้นระทึกสนุกสมใจไม่รู้จะเทคะแนนให้ฝั่งไหน

“ขอบน้ำใจในไมตรีที่ยื่นมา

ที่รอช้าเพราะกังขาโปรดเฉลย

หากจริงใจและจริงจังอย่าละเลย

ความเฉยเมยจักเปลี่ยนแปรเป็นแคร์กัน”

“ฮิ้วววว! เก่งกันทั้งคู่เลยค่ะเมพขิงๆ” รับพรปรบมือลั่นแต่ความสนุกก็ต้องยุติลงเมื่อชักสังหรณ์ใจว่านานเข้าบรรยากาศยิ่งมาคุศึกสองนางทำท่าจะไม่จบลงโดยง่ายเจ้าบ้านอย่างเราจะต้องไม่ชักน้ำให้ลึกชักศึกเข้าบ้านเสียเองสิคิดได้ดังนั้นก็แปรเปลี่ยนจากโปรโมเตอร์เป็นผู้เจรจาหย่าศึกยุทธการขนเม่นแบบนี้พลิกไปข้างไหนมิติใดก็โดนหนามทิ่มตำให้เจ็บปวดทั้งสิ้น

“พี่พิมพ์ เราไปคุยกันที่เรือนใหญ่ดีกว่านะคะตรงนี้มันบ้านเช่าพี่ภาเขา อย่าได้รบกวนเธอเลย” สองนางจูงมือกันจะเดินลงบันไดแต่เหมือนอีกคู่กรณีจะยังไม่อยากยอมความ ยังไม่หายหมั่นเขี้ยวเลยตัวเธอว์

“ไฟยังซ่อมไม่เสร็จเลย นี่ก็เย็นย่ำแล้ว พี่จะอยู่มืดๆได้ยังไง”นั่นสินะ จะทิ้งไปแบบนี้เห็นทีจะใจไม้ไส้ระกำไปมาก ร่างอรชรแหงนหน้าดูที่หลอดไฟกลมกระหวัดถึงตอนที่บิดาทำให้ดู..

“หลอดมันคงขาดน่ะ ประเดี๋ยวพรไปซื้อให้”

“ไปค่ะเดี๋ยวพี่ไปส่งที่โฮมโปร” สาวหน้าหล่อยื่นมือเสนอตัวให้ความช่วยเหลือแต่เจ้าของบ้านกลับไม่ตอบรับ

“ไม่เอาอ่ะค่ะพี่พิมพ์ เทียวไปเทียวมาให้ลำบากเปล่าๆรถก็ติดใช่ย่อยเลยนะคะตอนนี้ พรวิ่งไปซื้อร้านโกไจ๋ห้านาทีก็ได้มาแล้วพี่พิมพ์ไปคุยเล่นกับแม่ก่อนดีกว่าค่ะ”

“พี่ว่าพี่รอตรงนี้ดีกว่าค่ะ อยากเดินไปดูบัวที่สระ สวยดีออก” พิมพ์ลภัสให้เหตุผลที่ดูมีน้ำหนักแท้จริงแล้วเธอเท่าทันคนหน้านิ่งต่างหาก กะแค่ไฟหน้าระเบียงทำไมจะอยู่ไม่ได้ที่แท้ยัยหน้าจืดคงอยากมีเรื่อง..คุยกับเราเท่านั้น

“ค่ะๆ งั้นพรจะรีบไปรีบกลับนะคะ” รับพรเองก็ไม่อยากดึงดัน เธอเหนื่อยมาทั้งวันแถมนี่มันก็โพล้เพล้ใกล้ยามวิกาลเต็มทนร่างอรชรวิ่งลงบันไดออกจากเรือนไปได้ราวห้าเมตรก็ต้องวิ่งย้อนกลับมาสร้างความประหลาดใจให้พิมพ์ลภัสส่วนแม่นางเฉยรึ หล่อนเข้าใจถึงกริยาอาการนี้ดี

“ขอตังค์หน่อยสิ” รับพรนึกขึ้นได้ ไถเงินมันต่อหน้าคนอื่นยังไงก็ไม่พลาดแม่นางเฉยก็ล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ยื่นแบงค์ร้อยสามใบให้แต่โดยดุษฎีเท่านั้นบัณฑิตสาวก็เดินฉับๆออกไป เพี้ยง!อย่าให้ราวีกันถึงขั้นหัวล้างคางแตกเล้ย รับพรภาวนาในใจแต่ส่วนลึกกลับชอบที่จะเห็นสองกานดาประดาบเชือดเฉือนกันเราเป็นพวกฮาร์ดคอชอบเห็นคนต่อตีกันหรืออย่างไร?ก็นะคนหนึ่งน้ำนิ่งไหลลึกยากจะคาดเดา อีกคนก็เจนจัดสนามรักเอ้ยสนามสังคม ขนมพอสมน้ำยา...




Create Date : 05 กรกฎาคม 2558
Last Update : 5 กรกฎาคม 2558 10:03:05 น. 0 comments
Counter : 443 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.