ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน เที่ยวไทย Insider
สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ครับ กินได้ นอนหลับ ครบ 32 และก็ยังสามารถมาเขียนเล่าเรื่องราวเรื่อยเปื่อยจากร้านหนังสือเล็กๆในถนนข้าวสารให้ได้อ่านกันอีกครั้ง โดยในสัปดาห์นี้เรายังอยู่ที่เดือนกันยายน ปลายฝนต้นหนาวแล้ว สองอาทิตย์ก่อนฝนตกเกือบทั้งอาทิตย์ ขณะที่อาทิตย์นี้มีฝนน้อยลง บางวันก็แดดร้อนเปรี้ยง แต่ที่สังเกตุได้อย่างหนึ่งคือ บางวันน้ำที่อาบตอนเช้าจะเย็นมากๆ และสนามหญ้าหลังโรงงานเริ่มมีฝูงแมลงปอออกมาบินโฉบเหยื่อกันบ้าง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเดือนหน้า-ตุลาคม จะเจอพายุฝนเข้ามาเมืองไทยหนักๆอีกหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็อาจจะเข้าหน้าหนาวไปเลย คงต้องลองลุ้นกันครับ แต่ที่หนาวแน่ๆ ก็น่าจะเป็นเหล่าคุณตำหนวดสวมหมวกทั้งหลายแหล่ ที่ยังควานหาฆาตกรเกาะเต่าที่ฆ่า 2 หนุ่มสาวชาวอังกฤษไม่เจอครับ นิตยสารไทม์เล่นเราแล้วหลังจากผ่านไป 10 วันโดยยังไม่ได้อะไร พร้อมกับต้องย้อนกลับไปตั้งต้นที่ศูนย์กันใหม่ หลังจากที่มีการออกข่าวแล้วหลายครั้ง และหว่านแหตรวจดีเอ็นเอไปเยอะ แต่ก็ยังไม่เจอ "คนที่ใช่" สักที เห็นข่าวบอกว่าระดมมือดีที่สุดลงพื้นที่ไปเพียบ พร้อมๆกับที่โดนเกาะติดจากสำนักข่าวต่างประเทศ นึกไม่ออกครับว่าบรรยากาศบนเกาะเต่าตอนนี้เป็นยังไงกัน ทีมสืบสวนสอบสวนทำงานกันตลอดเวลา กระทบไปหมดกับคนทั้่งเกาะ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า แม่ค้า ลูกจ้างต่างชาติ ชาวบ้าน ผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว เรียกว่าฆาตกรกลุ่มนี้ทำสิ่งที่มีผลกระทบวงกว้างระดับประเทศทีเดียว ... ขอให้โดนจับได้เร็วๆเสียทีเถอะ เพี้ยง แต่จะว่าไปนักท่องเที่ยวบางคนก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ อย่าง 2-3 วันหลังจากที่ข่าวจากเกาะเต่าออกมา ผมเจอลูกค้าหนุ่มอิตาลีคนหนึ่งเข้ามาถามหาโลนลีแพลนเน็ตไต้หวันบ้าง ฟิลิปปินส์บ้าง ซึ่งผมก็ชี้ให้ดูว่าฟิลิปปินส์น่ะมี ทั้งมือหนึ่งและมือสองนั่นแหละ แต่ไต้หวันนั้นไม่มี ถ้าจะเอาจริงก็ต้องสั่งมาใหม่ จ่ายเงินก่อนและรอสัก 2 อาทิตย์ รับรองว่าเป็นของจริงแท้ ไม่ใช่ของก็อปปี้แน่นอน "ไต้หวันมีอะไรให้เที่ยวเหรอ" ผมยิงคำถาม จากที่เคยไปพบลูกค้าทีนึงสมัยที่ยังทำงานอยู่ที่เก่า อันเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ ลูกค้า "Texas Instrument Taiwan" ร้องเรียนเรื่องสินค้ามีปัญหา ทำให้ผมถูกนายญี่ปุ่นเหน็บไปด้วยอีกคนเพื่อรับมือกับเมเนเจอร์ไต้หวัน ในส่วนที่นอกเหนือไปจากเรื่องทางเทคนิคของทูลลิ่ง ทริปนั้นน่าจะเป็นงานที่ฉุกละหุกงานหนึ่ง เพราะเฮียแกไม่อยากนอนค้างที่นั่น ทำให้เกิดการบิน 4 ชั่วโมง ไปเช้า-เย็นกลับ โดยที่ไม่ทันได้เห็นอะไรมากนัก นอกเหนือไปจากโรงงานห้องแถว ตึกเป็นบล็อกๆของบริเวณบริษัท กับบะหมี่ 1 ชามที่โรงอาหารของลูกค้า แถมพอไปถึงแล้ว ด้วยความฉุกละหุกทำให้ ผมลืมปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้นประมาณ 2 ชั่วโมง มารู้ตัวอีกทีก็ตอนเย็นเกือบตกเครื่อง เพราะจวนเจียนเวลาเครื่องบินออก ยังดีที่รถไม่ติดเหมือนบ้านเรา "ก็คุณว่ามีอะไรบ้างล่ะ" หนุ่มอิตาลีถามกลับยิ้มๆ "ไม่รู้สินะ แค่เกาะ 1 เกาะ ตึกโรงงาน ... นึกไม่ออกแล้ว" ผมพึมพำ กอ่นส่ายหน้าหมดปัญญา "เกาะใหญ่นะ ต้นไม้ก็เยอะ แล้วก็ถ้าคุณเลาะเลียบไปทางชายหาดฝั่งตะวันออก ที่นั่นคลื่นแรงพอที่จะเล่นเซิร์ฟบอร์ดได้เลยล่ะ" ชายหนุ่มว่า ผมคิดตามพลางจินตนาการถึง ชายหาดตะวันออก ... อ๋อ ... ด้านที่รับลมมรสุมจากทะเลแปซิฟิก เกาะไต้หวันนั้นอยู่เหนือฟิลิปปินส์ขึ้นไป และแน่นอน พายุหลายสิบลูกจากทะเลแปซิฟิกที่พัดขึ้นสู่แผ่นดินใหญ่ในแต่ละปี ย่อมต้องมีผ่านเกาะไต้หวันบ้างอย่างแน่นอน "คนที่นั่นไม่ใช่คนจีนทั้งหมดนะ คุณรู้ใช่ไหม และคนไต้หวันก็เกลียดจีนด้วย" ชายหนุ่มว่าต่อ "อ๋อ พอรู้นิดหน่อย เจียงไคเช็คหนีคอมมิวนิสต์ออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ไปยังเกาะไต้หวันสมัยก่อน" ผมพยักหน้า "ก่อนหน้านั้น คนท้องถิ่นก็เป้นพวกชาวเกาะ ประมาณ อินโด หรือ ฟิลิปปินส์ นั่นแหละ หลังจากนั้นก็มีคนอพยพเข้าไปมากขึ้น ก็ค่อยๆกลายออกไป" ชายหนุ่มว่าต่อ "ขนาดเศรษฐกิจ ความเจริญล่ะ ใหญ่พอจะเทียบกับฮ่องกงได้ไหม" ผมถาม ยักคิ้วยิ้มๆ "ไม่ขนาดนั้น ถ้าจะเทียบกับฮ่องกงละก็ คนละคลาสกัน ฮ่องกงควรจะเทียบกับสิงคโปร์มากกว่า ไต้หวันยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ... เอ้อ ... ว่าแต่ผมจะไปสิงคโปร์ด้วย คุณมีโลนลีแพลนเน็ตสิงคโปร์ไหม ผมไม่อยากได้เล่มรวมมาเลเซีย-สิงคโปร์-บรูไน มันใหญ่ไป" หนุ่มอิตาลีตอบพร้อมกับถามตามมา "สิงคโปร์เล่มแยกเหรอ มีสิ ว่าแต่คุณไปกี่วันล่ะ" ผมพยักหน้าพร้อมกับหยิบโลนลีแพลนเน็ตสิงคโปร์มือหนึ่งขึ้นมาถือไว้ในมือ กะว่าน่าจะได้ขายแน่ๆ "3 วัน ผมไปที่นั่น 3 วันเท่านั้น" ชายหนุ่มตอบพร้อมกับชู 3 นิ้ว ผมเบ้หน้า พร้อมกับพลิกราคาด้านหลังให้ดู "พูดตรงๆ ถ้าแค่ 3 วันละก็ ไม่ต้องซื้อไกด์บุ๊คเป็นเล่มก็ได้ คุณไปเอาแผนที่แจกฟรีที่รถไฟฟ้าก็ได้ สิงคโปร์เดินทางสะดวกมาก ถ้าจำไม่ผิดรถไฟฟ้าจะพาดผ่านจากเหนือจรดใต้ และตะวันออกจรดตะวันตกทีเดียว" "ฮืม เป็นไปได้ คุณเคยไปแล้วเหรอ ที่นั่นเป็นไงมั่ง" หนุ่มอิตาลีพยักหน้า "ก็ 20 ปีก่อนละมั้ง ผมไปอยู่ที่นั่นเป็นเดือนๆ เสาร์-อาทิตย์หยุดงานก็ บินเดี่ยวไปเที่ยวเองคนเดียว มีเยอะ จูล่งเบิร์ดปาร์ก เซ็นโตซา ถนนออร์ชาด แต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปเยอะนี่ โดยเฉพาะยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ สวนพฤกษศาสตร์จำลอง" ผมตอบพร้อมรำลึกความหลัง สมัย 20 ปีก่อน ไปต่างประเทศครั้งแรกที่นั่น นั่งรถไฟฟ้าครั้งแรกที่นั่น โดยเฉพาะตอนที่ตั้งใจนั่งรถเมล์เลยป้าย เพื่อจีบกับสาวจีน-มาเลย์ที่ทำงานในบริษัทเดียวกัน ... ข้ออ้างอย่างเดียวตอนนั้นคือ อยากฝึกภาษาอังกฤษให้คล่องๆ ... แน่สิ อุตส่าห์ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเป็นเดือนๆ จะให้คุยกับคนไทยทั้งโขยงที่ไปด้วยกัน จะได้ประโยชน์อะไร ... เอาไว้ ถ้ามีเวลาจะเล่าให้ฟังครับ อิ อิ ... ต้องระมัดระวังตั้งใจหน่อย เล่าไม่ดีอาจมีปัญหา ... ถึงจะเป็นเรื่องนอกร้านหนังสือ แต่ก็คงอ่านฆ่าเวลา อ่านเอาขำๆได้เหมือนกัน ... "... แล้วก็ ... บางทีคุณอาจหาจักรยานสักคันไปขี่รอบเกาะสิงคโปร์ก็ได้อยู่นะ ผมเคยมาแล้ว ที่สะพานปลาลมตึงเชียวล่ะ แต่ถ้าคุณชอบช็อปปิ้ง ออร์ชาดก็เผาเวลาได้ครึ่งวันเป็นย่างน้อย เซ็นโตซาก็ครึ่งวันที่เหลือ ยูนิเวอร์แซลครึ่งวันอาจจะไม่พอ สวนนก สวนพฤกษศาสตร์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ... เอ้อ ... แต่ถ้าคุณอยากจะไปดูน้ำตกจำลองที่นั่น ผมว่าไปดูน้ำตกเมืองไทยดีกว่า ใกล้สุดแค่ 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพนี่เอง" ผมเพิ่มเติมให้ยิ้มๆ "แล้ว ... คุณมาเมืองไทยนี่คงไม่ใช่ครั้งแรกมั้ง" ผมถามกลับไปบ้าง "ใช่ ผมมานี่หลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ 5 ปีก่อน ผ่านไปผ่านมาก็อีกหลายรอบ ผมทำธุรกิจค้าขายด้วย เริ่มต้นจากเสื้อทีเชิร์ต ตอนนี้ก็ขยายไปยังสินค้าอื่น ของที่นี่ราคาถูก ซื้อมาขายไป" หนุ่มอิตาลีเล่าเรื่องของตัวเอง "แล้วคุณรู้เรื่องคดีนักท่องเที่ยวอังกฤษ 2 คนเสียชีวิต ที่เกาะเต่าตั้งแต่ 2-3 วันก่อนหรือเปล่า" ผมถาม ยิงตรงประเด็น "เรื่องอะไรเหรอ ไม่รู้สิ ข่าวว่ายังไง" หนุ่มอิตาลีถามกลับ "ก็ ... คืนวันฟูลมูนที่เกาะเต่า มีคนตายที่นั่น 2 คน เป็นนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ แล้วสมมุติว่าคุณรู้ข่าวแล้วตอนนี้ คุณว่ามันจะกระทบกับคนที่มาเที่ยวไหม" ผมบอกได้แค่นั้น ... ใช่ ข้อเท็จจริงก็มีอยู่แค่นั้นเอง "ไม่สิ ผมว่ามันแบ่งเป็น 2 กลุ่มนะ อย่างพวกมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ พวกนี้ถ้าบริเวณไหนมีปัญหา ก็จะเปลี่ยนที่ไป อย่างตอนที่มีปัญหาการเมืองนั้น พวกกรุ๊ปทัวร์ก็จะเลี่ยงพื้นที่มีปัญหา จังหวัดที่มีปัญหา เพราะฉะนั้นพวกกรุ๊ปทัวร์ที่ไปเกาะเต่า อาจจะเปลี่ยนเป้าหมายก็ได้ เพราะเอเจนซีก็ไม่รู้ว่าจะพบกับความไม่สะดวกจากขั้นตอนการทำงานของตำรวจหรือไม่ ส่วนอีกพวกหนึ่งเป็นพวกแบ็คแพ็ค ซึ่งน่าจะเป็นลูกค้าหลักของคุณ ผมว่าน่าจะกระทบกับคุณมากกว่า ... แต่ผมว่าไม่มากหรอก ... ผมว่าแบ็คแพ็คเกอร์พวกนี้มันไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือพิมพ์กัน ... และผมว่าฟูลมูนรอบหน้า แบ็คแพ็คเกอร์ก็อาจจะเต็มอีก ... เหมือนเดิม" หนุ่มอิตาลีกล่าว พร้อมกับหัวเราะ จากนั้นชายหนุ่มก็เม้าท์ต่อน้ำไหลไฟดับ ประมาณว่ามันเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องระวังตัวเอง ไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงจนเกินไป ถ้าพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ ช่วงนี้เขาคิดว่ามันเป็นโลว์ซีซันอยู่ นักท่องเที่ยวมาใช้เงินน้อยเป็นธรรมดา เศรษฐกิจยุโรปไม่ค่อยดีนัก เยอรมันดี สวิสดี สเปน ฝรั่งเศสไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เนเธอร์แลนด์นั้นดร็อปลงบ้าง ไม่มากนัก แต่เดี๋ยวปลายปีเข้าหน้าหนาว ผู้คนก็หนีหนาวมาที่นี่เหมือนเดิม สำหรับเขาเอง ตอนนี้เขาให้ความสนใจเรื่องขั้วอำนาจใหม่จากการที่จีนกับรัสเซียจับมือกันมากกว่า ชายหนุ่มออกอาการไม่ชอบสหรัฐอย่างชัดเจน เขาพูดถึงอเมริกาที่อีเดียท พิมพ์แบงก์ดอลลาร์ออกมาเรื่อยๆ อย่างไม่มีเหตุผล เอาตัวรอดแต่ทำให้เศรษฐกิจประเทศอื่นปั่นป่วน เขาพูดถึงสงครามปลอมๆที่มีผู้ได้ประโยชน์จากการค้าอาวุทธหลายคนพยายามสร้างขึ้น เขาบอกว่าผู้ชนะสงครามคือคนที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่า และตอนนี้ดูเหมือนรัสเซียกับจีนกำลังมีเทคโนโลยีทางทหารที่แซงหน้าไปแล้ว สงครามในยูเครนที่สหรัฐสนับสนุนก็ไม่ได้ชนะอย่างเด็ดขาด บลาๆๆๆๆๆๆๆ ...... หลังจากน้ำไหลไฟดับกว่าครึ่งชั่วโมง โดยไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องข่าวคราวนักท่องเที่ยวเสียชีวิตที่เกาะเต่ามากนัก หนุ่มอิตาลีก็บอกลาไปโดยไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มเติม ผมเก็บหนังสือเข้าชั้นและมานั่งเล่นสแครบเบิ้ลต่อ ... เช่นกันกับวันนี้ ดูเหมือนจะโชคดีแต่เช้ากับลูกค้า 3-4 ที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้าสาวยุโรปที่ซื้อซูโดกุ / หนุ่มเฟรนช์กับรุทตาร์ทไทยแลนด์ 2012 / หนุ่มยิวที่ซื้อหนังสือภาษาฮีบรูไปตอนบ่าย จนกระทั่ง 2 สาวแคนาดาที่มาคว้าเฟรสบุ๊คอิงลิช-ไทยของโลนลีแพลนเน็ตไป "คุณได้ข่าวเกี่ยวกับเมืองไทยบ้างไหม" ผมถามหยั่งเชิงข่าวจากลูกค้าตามฟอร์ม "ได้สิ ข่าวการเมืองที่ประเทศคุณมีปัญหามานาน แต่ทุกคนที่รู้จักบอกว่ามาเที่ยวได้ ที่นี่โอเค ไอ้ที่น่ากลัวน่าจะเป็นทางมิดเดิ้ลอีสต์มากกว่า ที่พวก "IS" มีปัญหาอยู่ ฉันมีแผนมาเที่ยวทั้งหมด 4 เดือน ก็คงจะลงใต้ชายทะเลก่อน แล้วค่อยวกย้อนขึ้นมาอีกที ก่อนไปลาว-เวียตนาม-กัมพูชา ทริปนี้สำหรับฉันเป็นครั้งแรกที่มาเมืองไทยนะ แต่เพื่อนฉันเคยมาที่นี่ก่อนแล้ว เธอมาเป็นครูอาสาสมัครที่นี่" หญิงสาวบอกพลางเปิดเฟรสบุ๊คในมือ พลิกหน้าอยู่ไปมา "อือ ... " ผมพยักหน้า หลังจากได้ข้อมูลที่น่าพอใจ ... แบ็คแพ็คเกอร์บางคนไม่อ่านหนังสือพิมพ์จริงๆ .... "อากาศที่แคนาดาเป็นยังไงบ้าง หนาวหรือยัง" ผมถามต่อ "ก็กำลังดี แต่ก็กำลังจะหนาวเร็วๆนี้ ที่นั่นจะมีหิมะตกเต็มไปหมด ซึ่ง 4 เดือนที่นี่จะเป็นสวรรค์สำหรับฉัน อากาศอุ่นสบาย อาบแดดผิวสีแทน" เธอว่าพร้อมยิ้มสดใส "4 เดือนนี่นานนะ คุณทำงานแล้วใช่ไหม หรือว่ายังเรียนอยู่" ผมพยักหน้าถามต่อ "ฉันทำงานแล้ว แต่ฉันลาออกมา อีก 4 เดือนกลับไปพอดีกับที่ฉันมีแผนย้ายไปมอนทรีออล ก็คงหางานใหม่ ฉันเป็นพนักงานเสิร์ฟ ที่นั่นหางานไม่ยากหรอก" เธอว่าพร้อมยิ้มแล้วถามต่อเรื่องหางเสียง "ครับ/ค่ะ ... สวัสดีค่ะ ... ขอบคุณค่ะ" หลังจากเพื่อนเธอทำธุระเสร็จ ทั้งคู่ยกมือไหว้ พร้อมกับออกเสียง "ขอบคุณค่ะ" แปร่งๆ แต่ชัดเจนได้ใจความ เช่นกันกับผมที่อวยพรให้เธอเดินทางโดยสวัสดิภาพ ก่อนที่ทั้งคู่จะแบกเป้หลังออกจากร้านไป เจตตจัน 02-2820358 085-8035412 087-0719858 jettajan227@yahoo.com
"11. Station : Chiang mai"
Create Date : 27 กันยายน 2557 |
Last Update : 27 กันยายน 2557 23:11:20 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1369 Pageviews. |
|
|