Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
26 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน แทนความห่วงใย --- ให้อาหมวย

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่น้ำไม่ท่วมปีนี้ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน แต่ขอแสดงความเสียใจกับโซนตะวันออกที่ปีนี้โดนหนัก ทั้งปราจีน ทั้งกบินทร์ ทั้งนิคมอมตะนครที่ข่าวว่าน้ำเข้าแล้ว ท่วมสูง 50-70 เซ็นฯ ทำเอารถเล็กผ่านเข้าออกไม่ได้ ก็เป็นกำลังใจให้ครับ ถ้าโรงงานไหนน้ำเข้าโรงงานก็เตรียมทีมไว้ให้ดี น้ำลดเมื่อไหร่ให้รีบเข้าไปทำความสะอาด อย่าปล่อยไว้นานจนแห้งเป็นคราบ เพราะจะขัดออกยาก แล้วก็เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงควรเตรียมไว้ครับ เพราะช่วยได้เยอะ ทั้งฉีดน้ำขจัดคราบสิ่งสกปรก ตะไคร่ตามกำแพง จนถึงพ่นโฟมน้ำยาฆ่าเชื้อจากถังที่ผสมไว้ ส่วนไฟฟ้านี่จะไม่มีเพราะส่วนกลางจะตัดไฟก่อนเพื่อความปลอดภัย ดังนั้นพอเข้ามาเริ่มทำความสะอาด จะยังไม่ค่อยสะดวก อาจต้องใช้ตู้ MDB ชั่วคราวก่อนโดยให้วิศวกรโรงไฟฟ้ามาประสานงาน ตรวจเช็คตู้ให้ดี สายไฟก็ดูดีๆนะครับ อย่าใช้สายฝอย-เดี๋ยวไหม้

ตอนเคลียร์ของทิ้ง ควรมีคนที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เจ้าของแผนกเข้ามาดูด้วย เพราะของบางอย่างอยู่สูงอาจจะไม่ต้องรื้อทิ้งก็ได้ - พวกเสาเหล็ก เสาโลหะกลวง น้ำจะเข้าไปขังในเสาด้วย อย่าลืมดูดออก บางส่วนอาจต้องทำใหม่เพราะสนิมกินจากด้านใน - ผนังอ่อนมักจะรื้อออกหมด แต่ผนังปูนจะเอาไว้ได้ - ล้างเสร็จ พ่นยาฆ่าเชื้อโรคหลายๆรอบก่อนอบผนังให้แห้ง - เขาใช้ไฟสปอตไลท์ตั้งส่องไว้นานๆ ผนังจะร้อนจนความชื้น ไอน้ำในเนื้อปูนระเหยออกหมด

ห้องน้ำอย่าลืมทำก่อนครับ เรื่องนี้ใครๆก็รู้ แต่จากที่เคยเจอ มีประเด็นเก็บตกนิดหน่อยจากประสพการณ์จริงคือ ทำความสะอาดจนเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วทั้งพื้น ทั้งผนัง ฝ้ารื้อเปลี่ยนใหม่หมด พ่นยาฆ่าเชื้อ อบแห้งเรียบร้อย ฉีดสเปรย์ปรับอากาศหอมอ่อนๆ โซนฉี่-ห้องน้ำชายเรียบร้อยดี พอจะลองนั่งชักโครกก็ได้กลิ่นอับๆ ลองเช็คดูปรากฏว่าม้วนกระดาษชำระที่แช่น้ำทิ้งไว้ตั้ง 2 เดือนตั้งแต่น้ำท่วมจนล้างโรงงานเสร็จยังไม่ได้ถูกเปลี่ยนออก เริ่มมีราเขียวๆขึ้น เลยต้องให้แม่บ้านเปลี่ยนทิ้งไปทั้งห้องน้ำหญิงและชาย เพราะฉะนั้นหลังจากงานหนักเก็บขยะ-ล้างโรงงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนเอาพนักงานเข้าพื้นที่ อย่าลืมให้ทีมแม่บ้าน พนักงานทำความสะอาดเข้าดูห้องน้ำ ห้องครัวให้เรียบร้อยอีกที หลังจากนั้นงานก่อสร้างทดแทน งานตบแต่งค่อยตามมาอีกที ... ที่บริษัทมีพนักงานรวมไม่ถึง 200 คน พื้นที่ไม่ใหญ่มากยังต้องทำตั้งเกือบ 2 เดือนกว่าจะเรียบร้อย แต่ก็นับว่าเร็วแล้ว เพราะน้ำเข้ากลางเดือนตุลาคม-ลดกลางเดือนพฤศจิกายน เริ่มทำความสะอาด จนเสร็จต้นมกราคมเราก็ฉลองปีใหม่กับโรงงานใหม่ที่สนามฟุตซอลหลังโรงงาน

... ขออภัยครับที่รำลึกความหลังเสียหลายย่อหน้า ตามประสาคนแก่ ก็แชร์ๆประสพการณ์กันเผื่อได้ประโยชน์บ้าง ... แต่ภาษิตฝรั่งเขาว่า ผู้ชายเรา ชีวิตเริ่มต้นเมื่อตอน 40 นี่นา ก็ถือว่ายังได้อยู่นะ ... แต่ผมมักจะถือเอามรณานุสติไว้ว่า ถ้าไม่มีอุบัติเหตุด่วนตายไปเสียก่อน ก็จะตั้งอายุเป้าหมายไว้ที่ 60 ปี แสดงว่าเหลืออีก 20 เท่านั้นเอง

... อ้อ มิน่าล่ะ เคยเห็นหลายๆคนที่เฒ่าชแรแก่ชราแล้ว กลับมาหาคู่เดทที่ย้อนวัยกันเยอะๆ คงจะเพราะถือว่าอายุปูนนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกสักเท่าไหร่ ก็เลยขอทำตามใจ มีความสุขเล็กๆน้อยๆที่ไม่เดือดร้อนคนอื่นเขา ก็ ... 555 แล้วแต่ชอบครับ ไม่ว่า ไม่ว่า ... ไม่ใช่อะไร เดี๋ยวถ้าเกิดเราผ่านเวลาไปถึงจุดๆนั้น เราอาจจะเข้าใจเหตุผลก็ได้ ใครจะรู้ คริ คริ Smiley

กลับมาที่ร้านหนังสือกันดีกว่าครับ ... ก็ยังเปิดร้านอยู่นะครับ รับลมหนาวและท้องฟ้าที่มืดเร็วตามฤดูกาล เดือนก่อน 6 โมงเย็นหรือทุ่มกว่าบางวันจะยังเห็นฟ้าสว่างหรือแดดรำไรอยู่บ้าง กว่าจะมืดสนิทก็เกือบสองทุ่ม แต่ปลายตุลาคมนี้เข้าหน้าหนาวแล้ว 6 โมงกว่าๆก็เกือบจะมืดสนิทพร้อมกับอากาศเริ่มเย็น เห็นตารางงานเทศกาลต่อๆกัน ออกพรรษากับบั้งไฟพญานาค (19 ตุลา - 15 ค่ำเดือน 11) ฮาโลวีนสิ้นเดือนนี้ (31 ตุลา) รวมไปถึงลอยกระทงเดือนหน้า (วันเพ็ญเดือน 12) ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความสนุกสนานปลายปีที่กำลังจะหมุนเวียนเปลี่ยนเข้ามา

ลูกค้าร้านหนังสือเองก็ทยอยเข้ามาเยอะแล้ว เพราะเข้าวินเทอร์แล้ว สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสาวหมวยนางหนึ่งเข้ามาที่ร้าน คุยกันอยู่นานจนได้มีความสัมพันธ์ ... เป็นพ่อค้า-ลูกค้ากัน ... Smiley ... เพราะเธอพูดไทยได้ชัดเจนดี

"สวัสดีค่า พี่ค้า พี่มีแผนที่กรุงเทพไหมคะ อยากได้ที่เป็นภาษาไทยน่ะค่ะ" ทรงผมหน้าม้าปิดหน้าผาก ตายิ้มใสเป็นประกาย สำเนียงออกบอกให้รู้ว่าคนจีนแน่นอน แต่ดันจะเอาแผนที่ภาษาไทยซะงั้น

"โอ้ ... พูดชัดจัง แผนที่ 2 ภาษาได้ไหม ภาษาไทยอย่างเดียวน่าจะไม่มี" ผมตอบก่อนหยิบแผนที่กรุงเทพหลากหลายบริษัทมาให้ดู

"ภาษาอังกฤษ ไม่ถนัดค่ะ แต่ขอดูก่อน" เธอออกตัว แล้วพลิกเปิดแผนที่ฉบับหนึ่งขึ้นดูก่อนถามต่อ "ไหนคะ ถนนข้าวสาร"

"นี่ครับ" ผมเอานิ้วจิ้มให้ดูในแผนที่ ตำแหน่งที่เขียนไว้ชัดเจน "Th. Khaosan"

"อันนี้ภาษาอังกฤษนี่คะ มีภาษาไทยไหม" เธอถามกลับมา

"อันนี้ก็ 2 ภาษาครับ คือที่ใหญ่ๆ สำคัญๆ เขาจะพิมพ์ไว้ทั้ง 2 ภาษา แต่บางที่มันเล็ก เขาเลยพิมพ์ไว้แค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว" ผมอธิบายแล้วชี้ให้ดูตำแหน่งอื่นที่มีทั้ง 2 ภาษาพิมพ์ไว้คู่กัน

"มีอันอื่นไหมคะ" เธอถามต่อพร้อมหยิบแผนที่อันอื่นมาเปิดดู ... ดูท่าเธอไม่ค่อยสนใจที่ผมอธิบายมากนัก จะหาถนนข้าวสาร-ภาษาไทยท่าเดียว

ผมหยิบมาให้ดูอีกประมาณ 4-5 ฉบับ ก่อนถามเธอไปว่า "เอาแผนที่ภาษาจีนไหม ผมมีอยู่ 2 อันไม่เหมือนกัน"

"มีเหรอคะ ไหนขอดูหน่อย" สาวหมวยกระพริบตาปริบๆ ทำตาโต

"มีสิ" ผมหยิบทั้ง 2 แผ่นมาให้ดู แผ่นแรกเป็นเฉพาะใจกลางกรุงเทพ รายละเอียดเป็นภาษาจีนชัดเจนดี แต่มีภาพแผนที่แค่หน้าเดียว ด้านหลังเป็นคำบรรยายทั้งหมด ส่วนอีกแผ่นหนึ่งเป็นแผ่นใหญ่ ด้านหลังเป็นแผนที่ประเทศไทยทั้งหมด ส่วนอีกด้านมี 5 แผนที่ย่อย กรุงเทพ-เชียงใหม่-ภูเก็ต-พัทยา-อยุธยา รายละเอียดของแผนที่ย่อยจะไม่มากนัก

ผมถามไปเพื่อดูว่าอันไหนน่าจะเหมาะกับเธอ "คุณจะอยู่ที่เมืองไทยนี่นานไหม"

"หนูมากับครู อยู่แค่ 2 คืน พักที่หอพักวิทยาลัยครู ตรงข้ามหอสมุดแห่งชาติ พรุ่งนี้ครูพาไปที่ศูนย์วัฒนธรรม พักอีกคืนหนึ่งก่อนไปพัทยาในวันรุ่งขึ้น" เธอตอบ

"ถ้างั้นอันนี้ไม่เหมาะ" ผมพับแผนที่อันใหญ่เก็บพร้อมกับที่เธอพยักหน้า แล้วดูแผนที่ภาษาจีนอันเล็ก เทียบกับแผนที่ไทย-อังกฤษอันแรก "อันนี้เหมือนกันนี่คะ" เธอว่าพร้อมกับชี้ให้ดู

"ใช่ คู่นั้นบริษัทเดียวกัน แต่เขาแปลภาษาคนละภาษา" ผมอธิบายเพิ่ม

"จุฬาอยู่ไหนคะ ศุนย์วัฒนธรรม แล้วก็ ช่อง 3 ด้วย" เธอถามไล่มาในแผนที่

ผมกระพริบตางงๆ "จุฬาอยู่นี่ ศูนย์วัฒนธรรมอยู่นี่ ส่วนช่อง 3 เดี๋ยวขอดูในอินเตอร์เน็ตก่อน ... แต่มันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวนี่ จะไปทำไมเหรอ"

"ชอบดาราค่ะ อยากไปดูดารา" เธอว่ามา สงสัยจะไปตามหาพี่ป้อง ไม่ก็มาริโอ้

"จิม ทอมป์สัน นี่อะไรคะ เห็นมีติดเบอร์สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำด้วย" เธอชี้ในแผนที่

"อ๋อ เขาเป็นฝรั่งเข้ามาเมืองไทยสมัยก่อน ศึกษาเรื่องผ้าไหมไทย พอเขาหายไป-หรือตายก็ไม่รู้ บ้านเขาก็เลยทำเป็นพิพิธภัณฑ์น่ะ แต่บางคนว่าเขาเป็นสปายสืบนั่นนี่" ผมตอบเธอยิ้มๆ


พิพิธภัณฑ์อยู่แถวๆสนามกีฬาแห่งชาติ ใกล้ๆสถานีรถไฟฟ้านี่เอง ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ - 100 / เด็ก - 50

เธอดูแผนที่อื่นอีกเปรียบเทียบกันพร้อมกันเล่าให้ฟัง "หนูเรียนอยู่ที่เมืองจีน อยู่ปี 3 เมื่อก่อนก็เรียนภาษาอังกฤษค่ะ แต่พอได้มาเรียนภาษาไทยแล้วชอบมาก ภาษาอังกฤษลืมหมดเลยค่ะ แล้วนี่ก็มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่เชียงใหม่ 4 เดือน วันนี้ครูพามาเที่ยวกรุงเทพ แต่ไม่ชอบไปเป็นกลุ่มค่ะ ชอบมาเดินคนเดียว นี่เพื่อนๆที่มาด้วยกันกลับไปหมดแล้ว แต่หนูยังไม่อยากกลับ"

ผมหัวเราะขำเธอ "อ้าว แล้วไม่มีเพื่อนที่มาด้วยกันเหรอ"

เธอพยักหน้า "มีค่ะ แต่เพื่อนที่มาด้วยกันกลับไปแล้ว หนูพักอยู่คนเดียว ... แล้วพี่คะ ถ้าหนูจะเรียนต่อโทที่นี่ มีที่ไหนบ้างคะ ที่ไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ"

"อ้าว ทำไมล่ะ" ผมถามกลับอย่างตั้งตัวไม่ทัน หลังจากเธอเปลี่ยนเรื่องกระทันหัน

"หนูถามที่จุฬา ว่าจะมาเรียนโทต้องทำไงบ้าง เขาบอกว่าต้องมีใบรับรองและผลสอบเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ" เธอว่าพร้อมส่ายหน้า ดูท่าเธอจะเข้าตาจน

"ก็น่าจะ ขนาดผมเรียนปริญญาตรีก็ต้องใช้เท็กซ์ภาษาอังกฤษตั้งเยอะ แล้วถ้าโทก็คงจะต้องใช้ตำราภาษาอังกฤษแทบทั้งนั้นละมัง" ผมพยักหน้า คิดตาม

"แล้วมีที่อื่นบ้างไหมคะ ที่เรียนโทได้" เธอถามอีก

"มีหลายที่นอกจากจุฬา อย่างธรรมศาสตร์ก็เน้นเรื่องการเมือง-โพลิติคน่ะ เกษตรก็มี เน้นเรื่องการเกษตร รามคำแหงก็ได้ เรียนทางอินเตอร์เน็ตก็มี แต่ละที่ก็จะมีหลายสาขาวิชาต่างๆกัน ต้องเลือกดูที่ไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเยอะๆ ก็น่าจะได้ อย่างท่องเที่ยว หรือการแสดงก็น่าจะมี แต่อาจจะไม่ใช่ปริญญาโท" ผมกลายเป็นที่ปรึกษาไปแล้ว

"เหรอคะ ถ้าเป็นการแสดงหรือดนตรีละคะ มีไหม ... เครื่องดนตรีไทย หนูชอบ" เธอถามต่อ

"ก็นี่เลย ศิลปากร ใกล้ๆสนามหลวงแค่นี้เอง มีหลายสาขา" ผมตอบพร้อมกับเก็บแผนที่ ที่เธอไม่เอาแยกไว้ ตกลงเธอเลือกแผนที่ของทิงค์เน็ตไป

"แถวนี้มีอะไรให้ดูอีกไหมคะ ข้าวสารเดินมา 2 รอบแล้ว" เธอถามตาใส ... ก่อนค้นกระเป๋า-รับโทรศัพท์ ปล่อยเวลาให้คิด ... ผมเหลือบมองนาฬิกาตอนเวลา 4 ทุ่ม

.... ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ... รามบุตรีก็ครือกัน ถนนสั้นนิดเดียว ... สวนสันติฯปิดแล้ว 4 ทุ่ม ... วัดพระแก้ว ดูได้แต่นอกกำแพง ... ตลาดมืดคลองหลอด จะดีเร้ออออ ... เลดี้โชว์ ฟักกลิ้งโชว์ ... เอ่อมมม ไม่ดี ไม่ดี แถมเดี๋ยวเป็นคดีแบบริฮันนาอีก ... ก็เวลามันไม่ให้แล้ว อ่า แถมจะให้ไปสถานที่อโคจรอย่างนั้น ... เธอ ปี 3 อายุก็แค่ประมาณ 20 เท่านั้นเอง ... กลับหอพักไปนอนดีกว่าไหม ...

"พรุ่งนี้ดีกว่าไหม หลังจากไปศูนย์วัฒนธรรมแล้ว ถ้าจะแยกกับเพื่อนกับครู ก็นั่งรถใต้ดินมาที่สถานีอโศก เปลี่ยนเป็นรถลอยฟ้ามาสยามก็ได้ เป็นช็อปปิ้งโซน ดูสยามโอเชียนเวิลด์ หรือจะไปวีคเอนด์มาร์เก็ตก็นั่งรถไฟฟ้าต่อไปถึงสถานีจตุจักร" ผมบอกเส้นทางไปดีๆให้เธอ ไล่ตามแผนที่เส้นทางรถไฟฟ้ากรุงเทพ

"นี่เพื่อนโทรมาบอกว่าขากลับให้บอกให้ถูก ตรงนั้นมันมีอยู่ 2 วิทยาลัย เพื่อนให้ระวังเพราะเมื่อกี้ไปผิดที่ ... ดีค่ะ สยามโอเชียนเวิลด์ อยากไปๆ แล้วจตุจักรมีอะไรคะ" เธอหมายถึงสวนสุนันทากับสวนดุสิต แล้วสวิทช์กลับมาเรื่องที่เที่ยว

"ก็ขายของที่ระลึก ซูวีเนียร์" ผมชี้ภาพในแผนที่ให้ดู

"ดีเหมือนกันค่ะ ... ไปนะคะ เผื่อพรุ่งนี้อาจจะกลับมาเจอ สวัสดีค่ะ" สาวหมวยยกมือไหว้ขอบคุณ

"โชคดีครับ" ผมโบกมือให้พร้อมลอบถอนหายใจ ... ดูท่าเธอจะกลับที่พัก ... ดีแล้ว ไม่ไปท่องราตรีต่อให้เป็นที่กังวล ... ผมขยับเก้าอี้หวาย 2 ตัวหน้าร้านให้เข้าที่ ก่อนกลับมานั่งเล่น "แคนดี้ ครัช" ต่อ

ค่ำวันรุ่งขึ้น 4 ทุ่มกว่าแล้ว ผมได้ตรัสรู้ว่าเธอไม่ได้ย้อนกลับมาที่ข้าวสารคืนนี้ และขณะเดียวกัน ผมเพิ่งรู้ว่า "แคนดี้ ครัช" ที่เล่นอยู่เนี่ย มันมีด่านให้เล่นไปตั้งสี่ร้อยกว่าด่าน นี่ผมเพิ่งได้ 80 กว่าๆ ... ถ้าติดเล่นต่อไปเรื่อยๆจะจบเมื่อไหร่เนี่ย SmileySmileySmiley

เจตตจัน

02-2820358
085-8035412
087-0719858่

ปล. สัปดาห์หน้า 31 ตุลาเป็นวันฮาโลวีน เห็นข่าวว่าปีนี้จะเป็นปีแรกที่ถนนข้าวสารจัดงานเทศกาลฮาโลวีนเป็นทางการติดต่อกัน 3 คืน ตั้งแต่ 29-31 เวลาหนึ่งทุ่มเป็นต้นไป (กลายเป็นเทศกาลประเพณีประจำปีบ้านเราไปแล้ว) ใครอยากเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศก็เชิญได้นะครับ ... ปิดท้ายด้วยภาพน่ารักๆของฟักทองปิศาจ Jack O Lantern เรียกน้ำย่อยก่อนเจอกันในฮาโลวีนไนท์สัปดาห์หน้า ... ราตรีสวัสดิ์


แจ็คโอแลนเทิร์นหน้าตามาตรฐานทั่วโลก


แจ็คพันธุ์ดุ ฟันคมเต็มปาก


แจ็คตนนี้หน้าตาคล้ายจอมมารบู ... (ขอบคุณอิลลัสเตรทสวยๆจาก 123RF)


แจ็คคิตตี้จากซันริโอก็มากับเขาด้วย ไม่น่ากลัวแต่ออกแนวน่ารักซะ



Create Date : 26 ตุลาคม 2556
Last Update : 26 ตุลาคม 2556 9:44:27 น. 1 comments
Counter : 2207 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 27 ตุลาคม 2556 เวลา:4:01:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.