Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
8 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน "Unexpected Matter"

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ครับ ครบ 32 กินได้ นอนหลับ และได้พบกันอีกกับเรื่องเล่าเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลาจากร้านหนังสือเล็กๆในถนนนข้าวสาร ร้านที่อึด ถึก ทนอยู่และทนขายมาได้ 5 ปีแล้ว และคาดว่าน่าจะทนๆกันต่อไปได้อยู่ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุนอกเหนือการควบคุมอะไรเกิดขึ้น ... ซึ่งไหนๆก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้ขนาดนี้แล้ว หวังว่าคงจะผ่านได้ต่อไป จะได้มีเรื่องราวไร้สาระมาให้อ่านเล่นกันทุกสัปดาห์ เพราะวัตถุดิบสำหรับเขียนเนื้อหาในบล็อกส่วนใหญ่ ก็เอามาจากร้านหนังสือนี่เอง ทั้งเรื่องราวที่ได้คุยกับลูกค้า ทั้งรูปที่แคปไว้ในร้าน เติมๆเอาจากอินเตอร์เน็ตบ้างนิดหน่อย ... ถ้าไม่มีร้าน ก็คงไม่มีเรื่องราวมาเล่าให้อ่านกัน และผู้อ่านที่เป็นนักเลงบล็อกทั้งหลาย ก็คงจะไม่อยากอ่านเรื่องของผู้ชายหลักสี่ คุณพ่อลูกสอง ลูกจ้างมืออาชีพ เป็นแน่แท้

เขียนแล้วก็ให้นึกถึงสิ่งที่ได้มาจากลูกค้า นอกเหนือไปจากเรื่องราวอันเป็นนามธรรมแล้ว ก็คงจะมีหนังสือกับเงินอันเป็นวัตถุประสงค์หลัก แต่บล็อกวันนี้เล่าเรื่อง "Unexpected matter" จากลูกค้าดีกว่าครับ แปลตรงตัวก็ "สสารที่ไม่ได้คาดหวัง" หรือถ้าภาษาบ้านๆก็ "ของที่ลูกค้าทิ้งไว้" นั่นเอง จะตั้งใจหรือ "ลืม" ก็เดี๋ยวมาว่ากัน

ตั้งแต่เปิดร้านมาร่วม 5 ปีนี้ ลูกค้านักท่องเที่ยวผ่านมาไม่รู้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ที่ลืมไว้ก็ขวดน้ำขนาด 1 ลิตรที่เดินถือดื่มกันเป็นปกติ บางคนลืมไว้ครึ่งค่อนขวด พอเดินออกไปไม่นานแล้วนึกขึ้นได้ คงเสียดายก็เลยเดินกลับมาเอาไป บางทีก็จะเป็นขวดโซดาสิงห์ที่ทำเอาคนขายงงไปเหมือนกัน เพราะปกติไม่เคยกินโซดาเปล่าๆ ไม่รู้ว่าฝรั่งดื่มแก้ท้องอืดกันหรือไง ใครรู้ช่วยบอกที

1) อันแรกสุดน่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือพร้อมซิมที่ถูกลืมไว้ น่าจะเป็นโนเกียถ้าจำไม่ผิด ผมไปเห็นมันแทรกวางอยู่บนชั้นหนังสือในร้านตอนเย็น หลังจากกลับไปตอนค่ำ ประมาณปี 09 ซึ่งตอนนั้นสมาร์ทโฟน จอสไลด์ยังไม่เข้ามา เปิดเข้าไปดูปรากฏว่าตัวหนังสือเป็นภาษาอิสราเอลซึ่งอ่านไม่ออก มีรูปภาพเด็กน้อยกับครอบครัว น่าจะถ่ายเล่นทั่วไป เลยเก็บไว้รอเจ้าของประมาณ 2 เดือน เผื่อจะมีคนกลับมาตามหา ปรากฏว่าไม่มา ผมเลยเอาไปถามร้านอาหารอิสราเอลข้างๆ พร้อมโชว์รูปในโทรศัพท์ให้ดูว่าเคยเห็นไหม ก็ไม่ได้ความอะไร สุดท้ายเลยถอดซิมเก็บไว้ (ตอนนี้ซิมคงหายไปแล้ว) ส่วนตัวโทรศัพท์ ผมลองเอาไปถามร้านรับซื้อ ปรากฏว่าได้ราคาไม่ประทับใจที่ 500 บาท เลยให้คนรู้จักที่พอดีอยากได้เครื่องสำรองเอาไปใช้ แต่ต้องไปเปลี่ยนฟ้อนท์เอาเอง ผมหมดปัญญา ปรากฏว่าคุณเธอคงชำนาญกับเมนูของโทรศัพท์โนเกียเป็นอย่างดี กดๆอยู่ในมือพักเดียวก็เปลี่ยนเป็นภาษาไทยเฉยเลย โทรศัพท์เครื่องนั้นเลยเสร็จโจรไป 55

2) ถัดมาเป็นนักท่องเที่ยวสาวออสซี่ที่ให้ของฝากไว้หลังจากที่เธอกลับมาจากพม่า ในบล็อก "ฝันร้ายในพม่า" ที่เขียนไว้แรกๆ (ตุลาคม 2010) ม้วนเชือกสีขาวถูกตัดเอามาใช้บ้างตอนแขวนปืนฉีดน้ำขายในเทศกาลสงกรานต์ยังไม่หมด ถาดสีน้ำที่เธอให้ไว้ก็ยังอยู่ดี เพราะพอไปได้งานที่ออสเตรเลียก็คงไปซื้อใหม่ที่นั่นได้ ส่วนกระดิ่งพวงนั้นผมเอาไปแขวนประตูอยู่พักนึงก่อนที่มันจะหายไป

3) ของที่ไม่ได้คาดหวังมากที่สุดน่าจะเป็น ยางล้อจักรยานซึ่ง จีซัส โรดริเกวซ ให้ไว้เผื่อสำหรับนักปั่นคนอื่นที่อาจจำเป็นต้องใช้มัน ผมถ่ายภาพติดไว้ให้ดูอยู่ในบล็อก "ลูกค้าสเปน" ถ้าจำไม่ผิด



"Unexpected matter" ที่ยังเหลืออยู่บางรายการ ... พัดสีชมพูของนักศึกษาสาวชาวจีน ยังมีกลิ่นหอมอยู่จางๆ

4) ของฝากที่เป็นเครื่องดนตรีก็มีนะครับ มันเป็นขลุ่ยไม้ไผ่ที่ลูกค้าให้ไว้ หลังจากที่ไปเที่ยวเวียตนามแล้วกลับมาไทยก่อนแวะที่ร้าน จำได้ว่าลูกค้าหนุ่มตัดสินใจสละของฝาก อารมณ์ประมาณว่าซื้อๆมาเผื่อๆเอาไปฝากเขา แล้วเกิดเห็นว่ามันเยอะเกินไป ขี้เกียจแบกแล้ว วันนั้นจำได้ว่าลูกค้าชั่งใจเลือกอยู่ว่าจะให้อะไรระหว่าง น๊อนลา (หมวกญวน) กับ ขลุ่ยไม้ไผ่ ... ลูกค้าถามว่าจะเอาอะไร ... ใจผมอยากได้หมวกมากกว่า แต่ปากไม่ตรงกับใจบอกไปว่าแล้วแต่ยู ... ลูกค้าคงเห็นว่าหมวกมันสวมหัวไปได้ ไม่ต้องยัดใส่เป้ก็เลยยื่นขลุ่ยไม้ไผ่มาให้ ปัจจุบันขลุ่ยเลานั้นก็ยังแขวนอยู่ในร้านให้ได้ระลึกถึง



ขลุ่ยเลานี้มีลายช้างน้อยสลักไว้ให้ด้วย ... ใส่มาในซองหวายถักทรงพอดีตัว

5) ถัดมาเป็นของฝากที่ลูกค้าเยอรมันไม่ใช้แล้ว กำลังจะจบทริปกลับบ้าน ผมจำได้ดีและยังเก็บไว้อยู่เพราะมันคืออะแด๊ปเตอร์ปลั๊กไฟเยอรมันดีไซน์ ที่ออกแบบไว้สำหรับเต้าเสียบ 5 แบบในชิ้นเดียวกัน นับเป็นฝีมือในการออกแบบของชนชาตินี้คิดเผื่อไว้ได้เป็นอย่างดี พกติดตัวไปอันเดียว สามารถใช้ได้เกือบทุกประเทศตลอดการเดินทาง



Adapter "KORJO" 2 ชิ้น / Total loading IOA / 250V AC ... ชิ้นสีขาว สกรีนข้างๆหลายภาษา ระบุว่าใช้ได้ทั้งในอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส กรีซ และอื่นๆ ... ชิ้นใหญ่ 5 หน้านั้นเป็นยี่ห้อ "Kupp" ครอบคลุมการใช้งานทั่วภาคพื้นยุโรปเช่นกัน

6) สลับกันบ้างครับ ของชิ้นนี้เป็นของ "ลืม" ชิ้นที่ 2 ต่อจากโทรศัพท์มือถือชิ้นแรก มันคือพัดสีชมพูจากนักศึกษาสาวชาวจีนที่เข้ามาในร้านยามดึก เพื่อถามซื้อแผนที่กรุงเทพพร้อมกับเพื่อนหนุ่มหน้าตี๋อีก 2-3 คน หลังจากได้แผนที่แล้วก็มีการซักถามสถานที่ท่องเที่ยว แหล่งชอปปิ้งกลางกรุงอยู่พักใหญ่ คุยกันเสร็จก็ยกโขยงกันออกไป โดยสาวเจ้าเดินกลับมาถามหาพัด ผมเองไม่ได้สังเกตุอยู่ตอนนั้น ก็เลยส่ายหน้าไม่รู้ เธอเพียรมองหาอยู่หน่อยนึงก็ยอมแพ้เดินออกไป ก่อนที่ผมจะมาเห็นอีกทีตอนเก็บโต๊ะปิดร้าน ปรากฏว่ามันไปซุกไว้ข้างกองหนังสือ ไม่รู้เธอเอาไปวางตอนไหน กลัวแต่เธอจะหาว่าผมเห็นแล้วแต่อยากได้ เลยยึดไว้ไม่คืน จะเสียชื่อเปล่าๆ แต่ก็ไม่รู้จะไปบอกยังไง เพราะผมไปเห็นหลังจากเธอไปแล้วเกือบชั่วโมง

7) ของชิ้นนี้เป็นงานศิลปะที่ลูกค้าลืมไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นภาพสีน้ำจากเวียตนามและภาพวาดสีน้ำมันลงบนผืนผ้าใบ ม้วนใส่กระบอกไว้อย่างดี ภาพสีน้ำมันนั้น ดูป้ายเห็นว่าเป็นภาพวาดจากศิลปินชาวอบอริจินส์จากออสเตรเลีย ตอนเห็นนั้นกระบอกภาพนอนกลิ้งอยู่หน้ากระจกหน้าร้าน หลังจากที่ลูกค้าวางกระเป๋าสะพายหลังหนักอึ้งไว้ด้วยกัน ก่อนจะเดินเข้ามาแลกหนังสือด้านใน ลูกค้าน่าจะลืมไว้ตอนที่ออกจากร้านไปโดยไม่ได้หวนกลับมาอีกเลย ปล่อยให้ภาพถูกม้วนเก็บไว้ในกระบอกมา 3 ปีแล้ว น่าเสียดายจริงๆที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเที่ยวถึงออสเตรเลีย แต่มาลืมภาพของฝากหลักฐานไว้ที่ร้านหนังสือเมืองไทย ... ว่าแต่เดี๋ยวผมสวมรอยใส่กรอบโชว์ไว้ในร้านเลยละกัน อวดว่าเป็นที่ระลึกจากไปแบ็คแพ็คในแดนจิงโจ้มาครึ่งปี ... คงไม่ต้องกระซิบนะครับ ว่าอย่าบอกใคร อิ อิ







ภาพสีน้ำมันจาก "Maruku Gallery" - Millie Pei Pei ราคาลด 20%



ภาพวาดสีน้ำบนผืนผ้าจากเวียตนาม ดูธรรมชาติดี

8) ของฝากอันไม่ได้ตั้งใจชิ้นนี้เป็นของที่ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่เดาได้ว่าเสี่ยงคุกตะรางมากที่สุด คือหลังจากกลับจากที่ทำงานไปตอนค่ำ เดินสำรวจร้านดู ก็เห็นม้วนผ้าสีส้มๆอยู่ม้วนนึง คลี่ออกดูเป็นแว่นกันแดด 4-5 อันที่ถูกซุกอยู่ในเสื้อยืดตัวใหญ่ ถามใครที่ร้านก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของมัน แต่พอมานั่งคิดๆดู ก็ให้เกิดข้อสงสัยหลายประการว่า คนปกติที่ไหนจะพกแว่นกันแดดติดตัวอยู่ 4-5 อันพร้อมกัน แถมซุกอยู่ในม้วนเสื้ออีก ส่อเจตนาน่าสงสัยผิดปกติ (ก่อนหน้านี้ก็มีบ้างครับ ที่ฝรั่งมาลืมแว่นกันแดดทิ้งไว้ในร้าน นานๆทีอันนึง ถ้าจำไม่ผิดก็สัก 2-3 ครั้ง ไม่เกินนี้) ผมเดาว่าอาจเป็นแว่นที่ฝรั่งมิจฉาชีพจิกมาจากร้านขายแว่นไหนสักแห่งแถวนี้ แล้วเข้ามาวางไว้ที่ร้าน ไม่ได้เอาออกไปด้วย สาเหตุที่เหมาะสมประการเดียวก็คือน่าจะจวนตัว เลยหลบเข้ามาแล้วทิ้งของขโมยที่จะเป็นหลักฐานเอาผิดให้ไกลตัวออกไป ... ไม่งั้นถ้าเป็นหัวขโมยที่ไปขโมยแว่น-แล้วไปลั้ลลาต่อในร้านหนังสือ-จนลืมแว่นที่ขโมยไว้ในร้านหนังสือ ผมว่าหมอนี่ต้องเป็นมือสมัครเล่นแน่ๆเลย ... เพื่อความสบายใจ เสื้อตัวนั้นผมเอาไปวางทิ้งให้คนจรที่ผ่านไปมาตรงตู้โทรศัพท์ข้างวัด ส่วนแว่นกันแดดถูกแจกจ่ายกระจัดกระจายไปไหนบ้างก็ไม่รู้เหมือนกัน

9) ของตั้งใจฝากชิ้นสุดท้ายและเซ็กซี่ที่สุดด้วย ก็คือเสื้อกล้ามสีดำตัวเล็กกระทัดรัด จากสาวสวยลูกค้านักท่องเที่ยวที่ขอฝากกระเป๋าแบกหลังหนักอึ้งไว้หลายอาทิตย์ หลังจากมาซื้อของอะไรสักอย่างที่ร้าน แล้วเธอจะเดินทางต่อไปแต่ไม่อยากแบกของทั้งหมดไปให้หนัก อาจจะมีของฝากและของที่ไม่จำเป็นสำหรับทริปย่อยนั้น เธอก็เลยออกปากขอฝากของดื้อๆ ผมเองให้ฝากแต่ก็ขอให้รื้อให้ดูก่อนว่าไม่มีอะไรผิดกฎหมายยัดไว้ ก่อนที่เธอจะกลับมารับของไปหลังจากจบทริป ... จำได้ว่าวันนั้นเธอมารับของฝากเสร็จ เธอก็ค้นๆกระเป่าแล้วก็ยื่นของในมือมาให้ ผมรับมาอย่างงงๆ ก่อนจะคลี่ออกดูเห็นเป็นเสื้อกล้ามลายดอกไม้เล็กน้อย แต่กลิ่นหอมฟุ้ง เธอยิ้มให้และบอกว่า "ฉันไม่ใช้แล้ว เผื่อคุณจะเก็บไว้" ... ผมเลยยิ้มและพยักหน้าตอบกลับไป "For donation" พร้อมกับหยิบถุงพลาสติกมาใส่และยัดไว้ในลิ้นชัก แต่ในใจบอกว่า "คิดอะไรกับกรูหรือเปล่าเนี่ย ... ยังดีนะ ไม่หยิบเป็นบราหรือแพนตี้มาให้ 555" ... (ค่ำวันนั้น ผมก็เอาถุงใส่เสื้อกล้ามตัวนั้นไปวางทิ้งไว้แถวตู้โทรศัพท์หน้าวัด ที่ผมเคยเอาของกิน ของไม่ใช้ไปวางทิ้งไว้บ่อยๆ เผื่อให้คนจรที่ผ่านไปมาหยิบไป)

10) ของ "ลืม" อีก 1 ชิ้นที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ เพราะเป็นของชิ้นล่าสุดที่ร้านได้รับเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เสียดายมาก เพราะคนซื้อไม่ได้ใช้ คนที่ได้มาก็ไม่ได้เอาไปใช้ มันคือ "ชุดเซ็ตผลิตภัณฑ์ทำให้ขนร่วง - Smooth care / Bikini & Underarm Hair Removal Cream & Moisturising Finishing Cream" ของร้านบู๊ทส์ ที่ผมเห็นทีแรกก็งงๆอยู่ ขนาดกล่องมันประมาณยาธาตุน้ำขาวแก้โรคกระเพาะหรืออะลั่มมิลค์ ที่เคยเห็นเพื่อนๆกินสมัยก่อนตอนเด็กๆ แต่ตัวหนังสือบนกล่องมันวิจิตรเกินเหตุ ดูว่าคงไม่ใช่ยากินทั่วไปแน่ๆ พออ่านคำอธิบายเป็นจริงเป็นจังถึงได้รู้ความจริง ก็หัวเราะแทบตกเก้าอี้ (อ่านจากวิธีใช้แล้ว ไม่มีการกระชาก ดูนุ่มนวลน่าใช้กว่าการแว๊กซ์ขนออก เคยเห็นคลิปในยูทูป สาวๆร้องโอ้กกันเป็นแถว ตอนโดนกระชากแผ่นดึงออก คงเจ็บไม่ใช่เล่น ... แต่อาจจะสะใจคอซาดิสม์) ..... แต่คิดไปคิดมาเอาเป็นว่า ผมให้ฟรีแล้วกันครับ ใครอยากได้ให้โทรมาตามเบอร์ข้างล่าง และมารับด้วยตัวเองที่ร้าน ... แต่ ...

... เงื่อนไขคือผมจะขอถ่ายรูปเอาไว้ลงในบล็อกให้ได้ดูกัน (หน้าตรงชัดๆแค่ 1 ใบ พร้อมบัตรประชาชนตัวจริง) ให้เวลา 1 เดือน นับจากวันนี้เป็นต้นไป 555 ... รีบหน่อยครับ เพราะของมีจำนวนจำกัด 555



ชุดเซ็ทประกอบด้วย 1) Hair removal cream - ใช้พายป้ายครีมมาทาบริเวณที่ต้องการกำจัดขนให้คลุมเส้นขนให้ทั่ว ห้ามนวด ทิ้งไว้ 3-4 นาที จนขนหลุด ทดสอบโดยเช็ดครีมย้อนแนวเส้นขน หรือต่อไม่เกิน 6 นาที แล้วล้างออกโดยไม่ใช้สบู่ 2) Finishing cream - ทาสมานผิวหลังกำจัดขน (ข้อห้ามคือ ห้ามใช้น้ำร้อน สบู่หรือน้ำหอม หลังกำจัดขน 24 ชั่วโมง ... มันคงแสบ แซ้บ แสบ ละครับ)

เจตตจัน
02-2820358
085-8035412
087-0719858
jettajan227@yahoo.com



Create Date : 08 มิถุนายน 2557
Last Update : 8 มิถุนายน 2557 23:44:17 น. 0 comments
Counter : 1271 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.