ตอนที่ 1



ตอนที่ 1 หน้ากากมาร


ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิหนาแน่นไปด้วยผู้คนพลุกพล่านเดินสวนกันราวกับสวนสนุก ‘รมรวีย์’ พยายามเดินเบียดเสียดผู้คนที่ล้นหลามพร้อมป้ายกระดาษในมือเรียวเล็กที่คอยประคบประหงมตลอดทางเหมือนมันเป็นของสำคัญประจำตระกูลที่ห้ามหล่นห้ามหาย ร่างบางโค้งเว้าได้รูปถูกแขนขาวเนียนกลมกลืนคอยปัดป้องเนื้อส่วนหน้าให้ห่างจากร่างของชายที่เบียดหมายได้เสียดสีพอเป็นกระสาย กว่าเธอจะพาร่างบางที่ซ่อนเร้นภายใต้เสื้อแขนกุดพอดีตัวสีฟ้าอ่อนทรงสุภาพออกมาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบกันไปข้าง ทว่านัยน์ตาหวานสีน้ำตาลราวกับแกะพิมพ์มาจากตุ๊กตาตาโตภายใต้ขนตาแพรยาวเด่นยังสอดส่ายหาผู้โดยสารคนสำคัญที่ไม่เคยเจอหน้าค่าตากันมาร่วมเกือบยี่สิบปี และนั่นล่ะคือปัญหาใหญ่สำหรับเธอ ไม่ได้เจอกันเกือบยี่สิบปี จะหน้าตาเปลี่ยนยังไงก็ไม่รู้ หวังพึ่งได้ก็แค่ป้ายในมือกับรูปถ่ายพออ้างอิง แต่กับจำนวนคนที่ละลานตาขนาดนี้ บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อยตา


“วันนี้มันวันรวมญาติรึไงนะเนี่ย คนถึงได้เยอะขนาดนี้ จะไปหาที่ไหนเจอล่ะทีนี้”


ถึงปากจิ้มลิ้มจะบ่นอุบอิบแต่ ป้ายตัวหนังสือสีแดงตัวโตที่เขียนว่า ‘ธนวัตร หิรัญอัครกุล’ ก็ยังถูกชูขึ้นหาเจ้าของชื่อให้เห็นถนัด ไม่เว้นแม้แต่เอวบางร่างเล็กที่ขาวผ่องเป็นยองใยภายใต้เสื้อพอดีตัวสีฟ้าที่กำลังปรากฏต่อสายตาผู้คนผ่านไปมา ก่อนเจ้าตัวจะได้ทันระวังแล้วรีบลดระดับแขนลง กระโปรงยีนทรงเอเอวต่ำน่ารักสมวัยสีเข้มตัวนี้ช่างไม่เป็นมิตรกับการชูแขนสูงๆ เอาเสียเลย แอบบ่น แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไปอย่างไม่ลดละ แม้ว่าหน้าตาสวยใสของเจ้าหล่อนจะเริ่มง่ำงออย่างรำคาญใจกับจำนวนผู้โดยสารที่แน่นตาก็ตาม


“เฮ้! ไอ้หนึ่ง ทางนี้”


“คุณหนึ่ง”


แค่ได้ยินชื่อก็ตาโตลุกวาวใจเต้นถี่ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ รมรวีย์หันขวับตามเสียงเรียกทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าคนชื่อ ‘หนึ่ง’ ที่ว่าใช่คนเดียวกันกับคนที่เธอกำลังมองหาอยู่รึเปล่า รู้แค่ว่าชื่อนี้มีอิทธิพลต่อหูราวกับแสงเรด้า พอได้ยินปุ๊บเป็นต้องหันปั๊บ แต่ทว่าแทนที่จะเจอผู้คนเดินขวักไขว่หรือเป้าหมายที่กำลังมองหา กลับเป็นได้จ้องตากับกล้ามแน่นๆ ของแผงอกผู้ชายที่เด่นชัดภายใต้เสื้อยืดพอดีตัวสีดำเข้มแทน ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้มายืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไร แต่ด้วยสัญชาตญาณรมรวีย์ถอยห่างอย่างไว กลิ่นน้ำหอมเซ็กซี่ในแบบผู้ชายลอยตามจมูกเธอมาติดๆ ทั้งที่ระยะห่างมากพอที่เธอจะเห็นหน้าพ่อส่วนสูงเสาไฟฟ้าคนนี้แล้ว


“ขอโทษค่ะ”


“ไม่เป็นไรครับ”


สิ้นเสียงทุ้มตอบกลับ รมรวีย์เงยหน้าอัตโนมัติ และเพียงสบดวงหน้า หัวใจดวงน้อยที่ไม่เคยเกเรของผู้หญิงคนหนึ่งก็ถึงกับสั่นวูบวาบราวกับต้องแสงสะท้อนของอัญมณีเม็ดงามอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ยอมรับว่ามันไม่ใช่อาการแปลกประหลาดผิดปกติใดๆ  หากแต่เป็นอาการโดยทั่วไปของผู้หญิงปกติธรรมดาที่เจอผู้ชายหน้าตาดีที่มักมีสรรพนามเรียกกันว่า หล่อ!


ใช่ ผู้ชายตรงหน้าเธอมีดีกรีความหล่อที่กระชากใจทันแรกพบสบตาเหมือนต้องมนต์สะกดเลยก็ว่าได้ ร่างสูง ผิวขาวเนียน หน้าคมเรียวเข้ารูปชัดสวยยิ่งกว่าผู้หญิง ดวงตาสีนิลเข้มเฉี่ยวให้ความรู้สึกเหมือนพวกเหยี่ยวดุดันที่กำลังโผบินเหลือบล่าอาหาร แต่ถึงจะดุก็ดุแบบมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาอย่างร้ายกาจ คิ้วที่หนาดกดำเข้ม จมูกที่โด่งคมเป็นสัน แม้แต่ริมฝีปากรูปกระจับที่ดูสดฉ่ำราวกับสีผลเชอร์รี่ก็ล้วนแล้วแต่ถูกจัดวางในตำแหน่งที่ทำให้เขาดูดีมีเสน่ห์ทุกองศา หน้าตาดีหุ่นเป๊ะเวอร์ซะขนาดนี้ หรือจะเป็นพวกนายแบบ...


รมรวีย์เริ่มตั้งข้อสังเกตหลังจากพินิจรูปหน้ากับทรวดทรงองเอวที่บอกได้คำเดียวว่าแซ๊บเวอร์ ถึงจะแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดกางเกงยีนสีเข้ม แต่ความกำยำของเขาก็อวดโชมได้ทะลุเนื้อผ้าจนไม่อาจละสายตา และเชื่อเถอะว่าไม่ได้มีแค่เธอหรอก สาวคนไหนได้เห็นก็เป็นต้องได้ตะลึงหลงใหลหุ้นห้างหน้าตาเขาทุกคน


ว่าแต่... นายแบบนิตยสารเล่มไหนนะ ไม่ยักกะเคยผ่านตาว่ามี หรือบางทีอาจจะเพิ่งมาถ่ายแบบที่ไทย มีความเป็นไปได้สูงมาก และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงยัยจินเพื่อนสนิทเธอต้องเป็นคนแรกที่ซื้อเก็บไว้เชยชมแน่ เล่นหล่อเวอร์สะดุดตาซะขนาดนี้


รมรวีย์นึกพินิจเขาอยู่ในใจ หากแต่ใช่ว่าเธอเป็นผู้พินิจพิจารณาเขาเพียงฝ่ายเดียว อีกฝ่ายก็ไม่ลดน้อยไปกว่ากัน นัยน์ตาคมไล้มองผู้หญิงตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าขณะที่เธอเองก็ยังคงจ้องหน้าเขาตาไม่กะพริบ


ไม่เลว... สัดสวนของสาวเจ้าไม่ใช่เล่น ถึงจะแต่งตัวไม่เด่นไม่เน้นแน่นแต่ก็พอมองออกว่ามีของข้างในให้เล่นไม่ใช่น้อย  หน้าตาก็ใช่ขี้ริ้วขี้เหล่ ตาโตหวาน ริมฝีปากอวบอิ่ม จมูกโด่งรั้นนิดๆ แต่งหน้าโทนอ่อนใสบ่งบอกความเป็นสาวแรกรุ่นอายุอานามคงไม่เกินยี่สิบต้นๆ เขาคาดเดาหลังจากที่เดาผิดก่อนหน้าด้วยผมลอนปล่อยสยายม้วนตัวสวยยาวถึงกลางหลัง หากมองจากข้างหลังดูเหมือนสาวรุ่นใหญ่เสียมากกว่า


แต่ที่ตงิดติดใจอยู่ตอนนี้คือ สายตาเจ้าหล่อนที่มองเขานี่สิน่า ถึงจะรู้ว่าสายตาคู่นั้นแค่พินิจไม่ได้จ้องจะจับเขมือบกินเหมือนอย่างที่ผู้หญิงหลายคนชอบแสดงออกเวลาพบหน้า แต่เขาก็ไม่ชอบให้แววตาซื่อๆ ใสๆ คู่ไหนก็ตามจับจ้องเหมือนกำลังล้วงลับข้อมูลเขาแบบนี้ ให้เกียรติหน้าเขาบ้าง


“คุณ” ชายหนุ่มกระแอมให้รู้ตัว แต่ทว่า เสียงนั้นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เขายังคงตกเป็นโจกย์ให้ละเมิดสิทธิ์ทางสายตา งั้นต้องเพิ่มเสียงที่ดังขึ้น “คุณครับ จะมองหน้าผมอีกนานมั้ยครับ”


“คะ” เธอยังเหมือนคนไม่อยากตื่น ประเภทหูมีปัญหา ชายหนุ่มพ่นหายใจแรงหนึ่งที พร้อมขยับเป้ที่สะพายบ่าไปอีกข้าง บอกได้คำเดียวว่าตอนนี้เขากำลังหงุดหงิด จ้องเหมือนเขาเป็นโจกย์ตัวเลขอยู่ได้


“เลิกจ้องหน้าผมแล้วไปกันได้แล้วครับ ผมเหนื่อย อยากพัก คุณได้ยินมั้ยครับ”


เสียงที่ดังกระหึ่มออกแนวขุ่นข้นนี่เองที่ทำให้คนไม่อยากตื่นตาสว่างวาบเหมือนถูกกระชากสติกลับคืนมาเข้าร่าง ตากลมโตที่เคยนิ่งกะพริบปริบๆ ตั้งสติ ก่อนจะรู้สึกถึงความอายที่ร้อนวูบวาบบนใบหน้า ตายๆ! นี่เธอยืนจ้องหน้าเขานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย ยัยบีเอ๊ยยัยบี เสียมารยาทได้ขายขี้หน้าจริงๆ เล้ย!


“ขะ ขอโทษค่ะคือฉัน” ลนลานเพราะอายสุดขีด จะแก้ตัวไงดี โกหกว่าหน้าเขามีรอยตีนกาขึ้นดีมั้ย


ทว่าช้าไป อีกฝ่ายสวนตัด เสียงติดรำคาญ


“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เราจะไปกันได้รึยังครับ”


“คะ” มาอีกแล้ว ประเภทหูมีปัญหากับทำหน้างง นี่เขายังพูดอะไรที่เข้าใจยากนักรึไง


“คุณไม่เข้าใจอะไรตรงไหน ผมบอกว่าผมเหนื่อย อยากพัก เราจะไปกันได้รึยัง”


“เดี๋ยวๆ นะคะ” เธอขอจูนสมองก่อน “เมื่อกี้คุณบอกว่าเรา...” หน้าตาเขาบ่งบอกชัดว่า ถ้าเธอฟังผิดก็ไปปรึกษาแพทย์ทางหูซะ จะได้ไม่มีปัญหา แต่นั่นมันใช่ซะที่ไหนล่ะ ต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ๆ ระหว่างเธอกับผู้ชายคนนี้ “คือไม่ใช่นะคะ ฉันว่าคุณจำคนผิดแล้วล่ะค่ะ ฉันมารับเพื่อน ไม่ได้มารับคุณ”


ไม่ได้มารับเขางั้นหรือ ผู้หญิงคนนี้พูดเรื่องอะไรอยู่


“ไม่รู้นะคะ ญาติหรือเพื่อนคุณอาจจะหน้าตาคล้ายฉันก็ได้ แต่ไม่ใช่ฉันแน่นอนค่ะ ชัวร์” การันตีด้วยรอยยิ้มแห้งๆ กับสัญลักษณ์มือโอเค แต่ดูท่าอีกฝ่ายไม่โอเคด้วยสักนิด เขาพ่นหายใจแรงหนึ่งทีกับอารมณ์หงุดหงิด


“คุณทำงานแผนกไหน ชื่ออะไร”  จู่ๆ ก็ถูกตั้งคำถามแบบงงๆ คนฟังก็ยิ่งงงไปใหญ่ “ผมไม่ได้กำลังกระซิบคุณอยู่นะ อย่าทำเหมือนไม่ได้ยิน”


“ได้ยินค่ะ แต่ฉันไม่เข้าใจ” คราวนี้เป็นรมรวีย์บ้างที่มีน้ำเสียงผิดแปลกไป “ทำไมคะ ถามแบบนี้ คุณจะจีบฉันเหรอ” คิดไปได้ แต่ก็เป็นวิธีตัดหน้าง่ายๆ สำหรับผู้ชายที่ชอบเข้ามาขายขนมจีบ ไม่ปฏิเสธว่าอานุภาพเสน่ห์เธอก็พอดึงดูดใจหนุ่มๆ ได้มากโขอยู่ แต่เธอก็ใช่จะคบใครเพราะรูปร่างหน้าตาเพียงอย่างเดียว คนเราเดียวนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ ยิ่งหล่อๆ แบบนี้ล่ะร้ายเข็ดฟันนัก แต่นี่ก็เพิ่งเคยเจอ มาแบบดิบๆ ห่ามๆ จะมาลูกไม้ไหนกัน “พูดกันตรงๆ เลยแล้วกันนะ อย่าเสียเวลาเลยค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดหรอก ไปหาคนอื่นเถอะ” บอกหน้านิ่งๆ อย่างมั่นใจ กะจะจับจุดสะดุดเขาเสียหน่อย แต่ทว่าเบื้องหน้าเธอกลับไม่มีโครงเค้าผู้ชายประเภทตกเหยื่ออย่างที่คิด แววตาที่สะท้อนโทสะของเขากำลังทำให้ความมั่นใจของรมรวีย์สั่นสะเทือน


“ทำไมคะ คุณกำลังจะบอกว่าฉันหลงตัวเองงั้นสิ ก็คุณมาถามแบบนี้จะให้ฉันคิดยังไงล่ะ และยังท่าทางมาตีสนิทเหมือนคนรู้จักนั่นอีก มาทำแบบนี้เป็นใครก็มีสิทธิคิดได้ไม่ใช่หรือไงว่าคุณกำลังคิดจะจีบฉันอยู่ หรือไม่จริง” เป็นการเอาตัวรอดที่เยี่ยมยอดมาก เพราะไม่ได้บั่นทอนอารมณ์หงุดหงิดของเขาให้ลดลงแม้แต่นิด


“ดูคุณมั่นใจตัวเองดีนะ แต่ผิดที่ ผิดเวลา ผิดคน!”


คนมั่นใจตาลุกวาว “นี่คุณ...”


“หรือไม่จริง ผู้หญิงแบบคุณสมัยนี้ก็มีเยอะ คิดอะไง่ายๆ ชอบแปลความหมายเข้าข้างตัวเองจนน่าเกลียด” แววตาเขานิ่งๆ เย็นๆ แต่บวกกับคำพูดแล้วมันเจ็บจี๊ดวิ่งขึ้นสมองเชียวล่ะ รมรวีย์กลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ ทั้งหวาดทั้งโกรธในเวลาเดียวกัน ถึงจะเห็นร่างอรชรบอบบางแต่ก็ไม่เคยก้มหัวยอมใครง่ายๆ นะจะบอกให้ เธอตีหน้าบึ้งเชิดใส่แบบไม่ยอมใคร แต่คราวนี้เขาก็ไม่ยอมให้ขยับปากแซงหน้าเขาขึ้นได้มาเหมือนกัน “นี่ยังไม่นับไอ้พฤติกรรมแสดงออกชัดว่าอยากได้ผู้ชายนั่นอีกนะ ที่จ้องเหมือนจะเขมือบผมลงไปทั้งตัวอยู่ตั้งนานสองนาน คุณจะแก้ตัวว่ายังไง”


เอาแล้วไง ถูกโจมตีด้วยข้อมูลชุดนี้ รมรวีย์ถึงกับสะอึกพูดไม่ออก แถมยังอายจนหน้าชาไปทั้งแถบอีกต่างหาก แถวนี้คนน้อยเสียที่ไหน ยังไงก็ต้องจบเรื่องบ้าๆ นี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่เธอจะเสียหายไปมากกว่านี้


“ที่พูดไม่ออก เพราะผมพูดถูกใช่มั้ย”


“ไม่ทั้งหมด!” เธอเถียงสู้ “คุณเองก็มองฉันเหมือนกันนั่นแหละ ไม่งั้นคุณจะรู้ได้ไงว่าฉันกำลังมองคุณอยู่ และฉันขอแก้ข่าว ที่ฉันมองคุณไม่ใช่เพราะฉันคิดอยากพิศวาสกลืนร่างโตๆ ของคุณลงไปสร้างพุงในท้องหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด ฉันมองเพราะฉันแค่เห็นว่าคุณหน้าตาดี ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของผู้หญิงอยู่แล้ว หรือคุณว่าไม่จริง” เธอพูดความจริงไม่คิดอายอยู่แล้ว “เห็นผู้หญิงสวยคุณไม่มองเหรอ ก็ไม่ ฉันเชื่อว่าคุณมอง” ทำนองเสียงเย้ยหยันนิดๆ ของเธอมันเข็ดฟันได้ใจดีจริงๆ  “และตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคนหน้าตาดี ไม่จำเป็นต้องคิดดีไปซะทุกคน แต่ก็โอเคนะ ฉันรู้ว่าฉันเสียมารยาทที่จ้องหน้าคุณแบบนั้น และก็ขอโทษนะคะที่เผลอเข้าใจผิด คิดว่าคุณเป็นประเภทพวกผู้ชายพันธุ์ปากว่ามือถึงที่ตกเกลื่อนอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองในสมัยนี้” เขากำลังจะอ้าปาก แต่มีหรือเธอจะยอมให้ริมฝีปากอีกฝ่ายขยับทัน “อ้อ เตือนไว้อย่างนะคะ ถ้าไม่อยากให้ใครคิดว่าคุณเป็นหนึ่งในพวกตระกูลไม้เลื้อยพวกนั้น ทีหน้าทีหลังก็อย่าไปเผลอเที่ยวไปถามชื่อผู้หญิงมั่วๆ ตีสนิทแบบนี้อีก เพราะพวกเธอคงคิดไม่ต่างจากฉันว่าคุณกำลังคิดไม่ซื่ออยู่ข้างใน”


“นั่นไม่ใช่วิธีของผมแน่” แววตาคู่นั้นดูอันตรายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกจนอยากถอยห่าง


รมรวีย์ยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ “ก็ดีค่ะ งั้นฉันขอตัวนะคะ ไม่อยากยืนนานเดี๋ยวไปทำให้ใครแถวนี้เข้าใจผิดอีก”  ว่าแล้วก็คิดจะก้าวหนีไปทางอื่นอย่างผู้กุมชัยชนะ แต่...


“เดี๋ยว”


หญิงสาวหันมาเผชิญหน้าเหมือนไม่กลัว แต่ใจก็แอบหวั่นกับแววตาคู่นั้นอยู่ไม่น้อย


“ทำไมคะ มีอะไรที่ฉันยังเข้าใจผิดอีก นี่อย่าบอกนะว่าฉันคิดไปเองว่าคุณเรียกฉันน่ะ” เธอดักทางไว้ แต่เห็นโทสะบนดวงตานั้นแล้ว ต้องหาทางหนีทีไล่ “ที่นี่มี รปภ. มีกล้องวงจรปิด  ถ้าคิดจะทำอะไร คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนนะคะ นี่ไม่ได้ขู่นะ ฉันพูดจริง และจะทำจริงด้วย” ดุดันเอาการน่าดู แต่ดูเขาจะไม่สนใจ รอยยิ้มที่มุมปากช่างให้ความรู้สึกว่าอันตรายมากกว่าความหล่อที่เห็น


           “ไม่ต้องกลัว ผมไม่เสียเวลามีเรื่องกับคุณหรอก แค่อยากจะฝากบอกผู้ชายที่ชื่อวรยุทธหน่อย ว่าทีหน้าที่หลังถ้าคิดจะส่งคนมารับใครสักคน อย่าส่งไอ้ประเภทโง่ๆ งี่เง่าปากจัดไม่มีสมองมาอีก เสียอารมณ์”


รู้สึกเหมือนใจมันเจ็บหนึบขึ้นวูบหนึ่งกับคำพูดเรียบๆ แต่เหมือนใบมีดเล่มคมที่บาดลึกไปถึงเยื้อหัวใจ หากแต่ที่ร้ายกว่านั้นคืออีกความรู้สึกที่หวาดหวั่นและสั่นกลัวขึ้นมาในหัวใจ เสือร้ายยกมุมปากยิ้มหยันอีกครั้ง เมื่อสัมผัสถึงความหวาดกลัวของลูกแกะตรงหน้าที่ค่อยๆ เผยอออกมาให้เห็น “คงไม่ถามใช่มั้ย ว่าไอ้ประเภทโง่ๆ ที่ว่า ผมหมายถึงใคร”


ใช่ ไม่ถาม ไม่ด่า ไม่ว่า แต่โกรธและสับสนจนพูดไม่ออก ตาสบตามีแต่ความหยามหยันในแววตาคู่นั้น มันเหมือนมีภาพของใครบางคนซ้อนทับไว้


“งานประเภทนี้มีแต่คนฉลาดมีไหวพริบเขาทำกัน ไอ้พวกโง่ๆ ที่สุ่มสี่สุ่มห้ารับงานเอาหน้าแต่ไม่มีปัญญาหาข้อมูลบุคคลมาทำงาน ก็เลิกทำซะเถอะ มันทำให้คนอื่นเสียเวลา เสียอารมณ์!”


 ชายหนุ่มหยันเยาะในลำคอทิ้งท้ายก่อนจะปล่อยให้ความห่างเข้ามาขวางระหว่างเธอกับเขา รมรวีย์ยืนตะลึงนิ่ง หากยังคงจ้องมองแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆ เคลื่อนไกลออกไป ใจที่หวาดหวั่นมันสะกดชื่อใครคนหนึ่งขึ้นมาก้องข้างในใจ


คุณหนึ่ง....


“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ” เธอบอกกับตัวเองราวกับรบแพ้อยู่ข้างใน “มันจะเป็นไปได้ยังไง ก็ในเมื่อเขา..” เปลี่ยนจากเอาอารมณ์เป็นใหญ่ ตั้งสติ มองป้ายชื่อ และเพื่อความแน่ใจและมั่นใจ รูปถ่ายถูกคว้าขึ้นมาจากกระเป๋าสะพาย มันเป็นรูปถ่ายตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย กำลังย่างเข้ายี่สิบ วัยละอ่อนน่าขบเผาะของเป้าหมาย วรยุทธพ่อเลี้ยงของเธอบอกแค่ว่านี่เป็นรูปถ่ายใบเดียวที่หน้าชัดที่สุด เพราะหันข้างน้อยที่สุด และเป็นใบล่าสุดเท่าที่มี เพราะเจ้าของรูปไม่ชอบถ่ายภาพ และเกลียดการเข้าสังคมอวดหน้าตาผ่านกล้องถ่ายรูปเป็นที่สุด เธอเลยต้องมางมหาเจ้าของรูปหน้าที่คล้ายกับคนในภาพมากที่สุด และเด่นสุดคงจะหนีไม่พ้นไฝเม็ดโตที่ข้ามแก้ม นั่นล่ะคือจุดพิกัดแรกที่เธอจะใช้พิจารณาอีตาผู้ชายบ้าคนนี้ ซึ่งหน้าเขาไม่มีเลยแม้แต่เม็ดเดียว ถึงเค้าโครงหน้าจะมีส่วนละม้ายคล้ายกันหลายจุดก็เถอะ


“ถึงมันจะหลายสมัย แต่มันก็อ้างอิงได้ว่าคุณไม่ใช่คนที่ฉันมารับแน่ อย่ามามั่ว”


ปากบ่น นิ้วเขี่ยไปสัมผัสโดนจุดไฝ ทันใดนั้นเองที่ความรู้สึกหนึ่งมันวูบขึ้น สัมผัสที่แตกต่าง! รมรวีย์จ้องไฝเม็ดนั้นก่อนจะลองเอานิ้วสะกิด เท่านั้นล่ะอาการชาที่หน้าเพราะความโกรธกลับซ่านไปทั่วทั้งตัวแทน


งานเข้าแล้วยัยบี!


“คุณหนึ่ง!”



ไม่มีเวลาให้คิดทบทวนอะไรมาก คราวนี้เป็นฝ่ายรมรวีย์ที่วิ่งไปดักหน้าเขาไว้ และดูสีหน้าเขาไม่อยากจะรับฟังอะไร หงุดหงิดเธอเสียเต็มประดา


“มีอะไรอีก จะเรียก รปภ. มาลากผมเข้าคุกรึไง ข้อหาอะไรไม่ทราบ”


ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ทำหน้าไม่ถูก รมรวีย์ยื่นรูปที่มีให้อีกฝ่าย แต่เขาไม่รับ และทำไม่สนใจจะเดินหนี รมรวีย์รีบขวางไว้


“ก็ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าคุณกับคนในรูปใช่คนเดียวกันหรือเปล่า”


“จะบอกว่าไม่รู้ก็ไม่ผิด หรือไม่ใช้ตามองกันแน่”


ปากจัดจ้านเหมือนเดิม แต่คราวนี้รมรวีย์ไม่ขอตีฝีปากกล้าด้วยอารมณ์ แต่งัดเหตุผลขึ้นมาพูด “ก็รูปถ่ายคุณหนึ่งที่ฉันมี มันมีปัญหานิดหน่อย” เธอชี้ให้ดูรอยจุดที่สะกิดออกไม่หมด “ฉันเลยเข้าใจผิด ขอโทษนะคะ”


“เรื่องแค่นี้ใช่มั้ยที่ทำให้ผมกลายเป็นคนอื่น ถ้าเรื่องแค่นี้คุณยังแยกแยะไม่ออก...”


 “จะโทษฉันทุกอย่างก็ไม่ได้นะคะ” รมรวีย์ตัดบทเขาเสียก่อน ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับอึ้ง ไม่เคยมีใครกล้าตีฝีปากกับเขาได้มากเท่าผู้หญิงคนนี้เลย “คนในรูปกับคุณในตอนนี้ห่างกันตั้งหลายปี และยังเป็นภาพด้านข้างที่มองไม่ชัดอีก เป็นใครก็มองกันพลาดได้ทั้งนั้นแหละค่ะ อันที่จริง” น้ำเสียงเธอเริ่มอ้อมแอ้ม “ถ้าคุณหนึ่งไม่เอ่ยชื่อคุณลุงขึ้นมา ฉันก็คงไม่เอะใจ แล้วก็หาคุณหนึ่งไม่เจอ”


“แน่ล่ะ เพราะถ้าคุณมีไหวพริบอีกสักนิด เราคงไม่ต้องเสียเวลาพูดกันยืดยาว พาสปอร์ต บัตรประชาชนผมก็มียืนยันข้อมูลได้ ไม่ใช่คนเถื่อนที่ไหน คุณมันพลาดเองที่ทำให้ผมหงุดหงิด ไม่สิ ต้องโทษที่พ่อผมใช้คนผิด ที่ส่งคุณมา”


ใช่ เธอมันพลาดเองยอมรับ ทั้งที่ตอนแรกก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนั้นกำลังของขึ้นนี่นา เลยไม่ทันได้ฉุกคิดถึงเรื่องนี้ เหวี่ยงซะก่อน


“อย่าโทษคุณลุงเลยค่ะ ฉันผิดเองที่ไม่ดูให้ดีเสียก่อน ขอโทษนะคะที่ทำให้หงุดหงิด และก็ขอโทษที่เสียมารยาทพูดอะไรไม่ดีออกไป ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้อนรับคุณหนึ่งให้ดีที่สุด”  


เห็นหน้าสำนึกผิดเหมือนเด็กยอมจำนนต่อโทษนั้นแล้ว ธนวัตรปล่อยลมหายใจแรงหนึ่งที เหมือนไม่อยากใส่ใจ แล้วล้วงเอาพาสปอร์ตส่งให้ รมรวีย์มองพาสปอร์ตก่อนจะเหลือบขึ้นมองเจ้าของมันด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ


“คุณตั้งใจจะมาดูมันให้เห็นกับตาไม่ใช่รึไง เอาไปสิ แล้วก็ดูหน้ากับพาสปอร์ตผมให้ชัดๆ จะได้ไม่ต้องเคลือบแคลงใจว่ามารับถูกคนรึเปล่า”  เขารู้แบบขัดไม่ออกเชียวล่ะ ถึงไม่บอกก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ อันตรายไม่ใช่เล่นเลยผู้ชายคนนี้” รมรวีย์รับพาสปอร์ตมาเปิดดูข้อมูลเพื่อความแน่ใจ ชัดเต็มสองตา ทั้งชื่อทั้งหน้าตรงเป๊ะ คนนี้ล่ะ นายธนวัตร หิรัญอัครกุล พี่ชายต่างบิดามารดาที่หายสาบสูญไปจากชีวิตเธอกับแม่กว่ายี่สิบปี


“พอ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” เธอกำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่โดนเขาเบรกไว้พร้อมกับพาสปอร์ตที่ถูกเก็บไว้ที่เดิม “ผมเหนื่อย อยากพัก รถจอดอยู่ไหน”


“ทางนี้ค่ะคุณหนึ่ง”


           รมรวีย์รีบนำทาง ใจก็นึกหวั่นกับอารมณ์ชายหนุ่ม ตอนนี้ภาพเด็กชายผู้แสนร้ายกาจในความทรงจำสมัยเด็กของเธอเริ่มทำงานอีกครั้ง ดวงตาที่เชี่ยวกรากกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเดือดดาลแทบจะทุกครั้งที่สบหน้ากัน ดีกรีความร้ายกาจระดับโล่ทองคำ ยังฝังลึกแน่นอยู่ในความทรงจำของรมรวีย์ตลอดมา

            ห่างนานเป็นเกือบยี่สิบปี จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอกับแม่จะยังร้ายกาจเหมือนเดิมหรือเปล่า เป็นคำถามที่หวั่นกับคำตอบทุกก้าววินาทีจริงๆ




Create Date : 13 กันยายน 2559
Last Update : 13 กันยายน 2559 11:19:43 น.
Counter : 554 Pageviews.

1 comments
  
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:13:07:44 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3409013
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กันยายน 2559

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
13 กันยายน 2559