สิงหาคม 2558
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
25 สิงหาคม 2558

:: ก๋าราณีตอบคำถามน้องเสือย้อมแมว ::







:: ก๋าราณีตอบคำถามเสือย้อมแมว ::




ทัศนคติ เป้าหมาย ความรู้สึก และความคิดแบบไหน
ที่ใช้ในการทำงาน การค้าขาย การใช้ชีวิต
แล้วทำให้เรามีความสุข

ถ้าสมมุติผมค้าขาย
อะไรคือจุดสุดท้ายของมัน
กำไรความสุขของคนซื้อหน้าที่

ถ้าจะมีทัศนคติเดียวติดตัวไป
พี่ก๋าจะเลือกใช้สิ่งไหนครับ




คำถามโดย : เสือย้อมแมว



















น่าแปลกไหมครับ
เกินครึ่งของเวลาในชีวิต
หมดเปลืองไปกับการทำงาน
ถ้าเราตื่นขึ้นมาทุกเช้าโดยไม่มีความสุขกับการไปทำงาน
ชีวิตเราจะมีความสุขได้อย่างไร ?




..............................




ตอนเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ
พี่ก๋าเป็นคนหนึ่งที่ไม่มีความสุขกับงานที่ทำ
เพราะรู้สึกว่าเป็นงานที่ไม่ชอบ ไม่อยากทำ ไม่ใช่งานที่น่าสนใจ
ไม่ได้เรียนจบมาในสาขาที่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำเลย
หลายปีในช่วงนั้นเป็นการทำงานแบบ “ภาวะจำยอม” และ “ภาวะจำทน”

คือ จำต้องทำ และทนทำงานไปวันๆ
วิธีคิดแบบนี้ทำให้ไม่มีความสุขในการทำงานเลย

จนวันหนึ่งเกิดคิดขึ้นมาได้ว่า
ยังไงก็คงเปลี่ยนงานได้ยากแล้ว
ทำไมไม่ลองหาแง่มุมที่ดีจากงานที่ทำ
ทำไมไม่ลองเปิดใจทำงานด้วยความสุขดูบ้าง

ผลของมันคือ แม้จะต้องทำงานเดิมๆ
อยู่กับผู้คนกลุ่มเดิมอย่างที่เคยไม่ชอบ
แต่เมื่อเปิดใจลองมองดูด้านอื่นๆ
กลับทำให้พบว่างานทำอยู่นั้นมีข้อดีมากมาย
ทำให้ได้รู้จักผู้คนหลากหลายนิสัย หลากหลายวิธีคิด
และเราสามารถนำสิ่งต่างๆเหล่านั้นมาฝึกฝนตนเองให้ดีขึ้นได้




................................




รักในงานที่ทำ กับ ได้ทำงานที่ตนเองรัก


อย่างแรกทำง่ายกว่า เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า
ถ้าเราไม่ยึดติดกับความรู้สึกในใจตนเอง
บางคนเรียนจบแพทย์ แต่พอพ่อแม่บอกว่าให้กลับมาช่วยงานที่บ้าน
ก็รู้สึกเหมือนการเรียนที่หนักหนาสาหัสที่ผ่านมานั้นสูญเปล่า
บางคนเรียนสถาปัตย์มาหลายปี ถึงเวลาต้องมาเป็นเจ้าของร้านอาหาร
ก็เกิดคำถามในใจว่าจะทนเรียนมาทำไมตั้งหลายปี เรียนมาแล้วไม่ได้ใช้
ฯลฯ

สำหรับพี่ก๋าในตอนนี้
งานมีสองแบบ คือ งานเลี้ยงชีพ กับ งานเลี้ยงจิตวิญญาณ
ฟังดูเท่นะครับ 555 แต่จริงๆแล้วมันก็คือ
การทำงานเพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงดูชีวิต
แม้จะต้องทนเหนื่อยและไม่มีความสุข
กับงานที่ทำแล้วอาจจะไม่ได้เงินมากนักหรือไม่ได้เงินเลย
แต่ทำแล้วมีความสุข


ถ้าสองอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันได้ก็วิเศษเลย 555
แต่ถ้าไม่ได้....คำถามคือ

เราจะเลือกงานแบบไหนให้ตัวเอง




................................




จุดสุดท้ายของการค้าขาย
ก็เหมือนคำถามด้านบนนั่นล่ะครับ
คือต้องถามตัวเองให้ได้ก่อน
ว่าเราทำงานนั้นเพื่ออะไร ?
ถ้าเพื่อเลี้ยงชีพ คำตอบสุดท้ายของมันต้องเป็น “ผลกำไร”
ต้องเป็นรายได้ที่ตอบแทนกลับมาว่าคุ้มไม่คุ้มกับแรงและเวลา
รวมทั้งเงินทุนที่เราลงทุนไป

ถ้าถามว่าทำอะไรให้รวย อันนี้ตอบง่ายนะครับ
ใครก็ตอบได้ และเชื่อว่าใครก็อยากเป็นอย่างนั้น
ทำงานง่ายๆ สบายๆ แล้วก็รวยเร็วๆ

แต่ชีวิตจริงเราอาจมีทางเลือกที่จะตอบคำถามได้มากกว่านั้น
ในวัยหนุ่มแห่งการเริ่มต้นชีวิตคนทำงาน
พี่ก๋าไม่ค่อยแน่ใจว่าการมุ่งแต่หา “วิธี”
ที่จะทำให้รวยเยอะๆ รวยเร็วๆ อย่างเดียวนั้น
เป็นวิธีที่ดีที่สุดจริงๆล่ะหรือ ?




........................................




หลายปีก่อนตอนที่พี่ก๋ายังไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตและการทำงาน
ตรงหัวเตียงมีภาษาจีนสามคำที่พี่ก๋าเขียนแล้วแปะเอาไว้เพื่ออ่านทุกคืนก่อนนอน


“คุณธรรม ขยัน อดทน”


คุณธรรม คือ การทำงานอย่างซื่อสัตย์ ซื่อตรง
ไม่คดโกงลูกค้า ไม่เอาเปรียบลูกน้อง

ขยัน คือ ให้ตื่นเช้า ตั้งใจทำงาน กล้าที่จะยอมรับผิด กล้าล้มเหลว
และหมั่นศึกษาหาความรู้จากคนที่เขาเก่งกว่า

อดทน คือ อย่ากลัวงานหนัก ถึงเวลาต้องทำงาน ก็ทำจริงๆ
ไม่เหลาะแหละไม่กลัวปัญหา


ณ วันนี้แม้งานจะเหนื่อยมากกว่าเก่า
แต่พอมีความสุขกับงานก็เห็นข้อดีในงานที่ทำอยู่
โดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับคนอื่น ไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะรวยใครจะจน
ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อยๆ

ประสบความสำเร็จบ้าง ลำบากบ้าง
เป็นเรื่องธรรมดาของการค้าการขาย
ไม่มีใครรวยตลอดกาล ไม่มีใครยากจนตลอดไป

ถ้าเริ่มต้นทำอะไรแล้วยังไม่สำเร็จ
บางทีไม่ใช่แค่เราไม่เก่ง แต่เป็นเพราะข้อมูลยังมีไม่มากพอ
ยังไม่จริงจังตั้งใจมากพอ ยังไม่ใส่ชีวิตทั้งชีวิตทุ่มเทลงไปมากพอ
งานจึงยังไม่ประสบความสำเร็จ

เหมือนการเลือกวิธีการที่ไม่ถูกต้อง
ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ถูกต้อง
เมื่อไหร่ที่หาวิธีการที่ใช่พบ
คำตอบที่ได้รับก็ย่อมถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย




......................................





มากกว่าการคิดถึงแต่เรื่องเงินหรือความสำเร็จ
ลองนึกถึง “การเรียนรู้” และ “ประสบการณ์” ที่เราจะได้รับ
จากการลองผิดลองถูกในการทำธุรกิจหรือการทำงาน
ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับชีวิตของเราในอนาคต

วันนี้หากทำอะไรแล้วล้มเหลว
เรียนรู้จากสิ่งนั้น เพื่อไม่ให้ตัดสินใจผิดพลาดอีก

วันนี้หากทำอะไรแล้วไม่เป็นไปอย่างที่คิด
ให้รู้ไว้ว่าบางครั้งโลกก็ไม่ได้หมุนไปอย่างใจเรา

ทุกสิ่งคือประสบการณ์ที่ดี
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเห็นและเรียนรู้อย่างไรจากมัน

ขอให้โชคดีกับการทำงานนะครับ

































Create Date : 25 สิงหาคม 2558
Last Update : 25 สิงหาคม 2558 6:03:18 น. 26 comments
Counter : 1122 Pageviews.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
tuk-tuk@korat Photo Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
รักในงาน ที่ เราทำ และ ซื่อสัตย์ กับ หน้าที่ของเรา
จริงๆ เลยนะคะ พี่ก๋า
ขวัญ เอง แรกๆ ยัง มึนๆ กับงาน ที่ เพิ่งเข้าไปทำ แต่ พอได้ มา ทำอีกจุด ตรงนี้
เรา รัก นะคะ งานจัดซื้อ ได้ ติดต่อกับ ผู้คนมากมาย มีบ้าง ที่ ปวดหัว แต่ สนุก ค่ะ
ได้ประสบการณ์ ทุกวันเลย


โดย: kwan_3023 วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:6:54:29 น.  

 
ผมคิดถึงประโยคนี้ของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข
และ มองแต่แง่ดีเถิด ของท่านพุทธทาส
คุณธรรม ขยัน อดทน ก็น่าสนใจครับ

รูปสุดท้ายมีปุ่ม 2 ปุ่ม ตรงโคนไม้ ทำให้มองแล้วเหมือนสัตว์ประหลาดเลยครับ

โหวต กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog

สวัสดียามเช้าครับ คุณก๋า
ฝนหายไป 4 วัน กลับมาตก 2 วัน


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:8:05:22 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ ในวันทำงาน ^^


โดย: kae+aoe วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:8:11:12 น.  

 
สวัสดีคะคุณก๋า อ่านแล้วให้ข้อคิดทัศนคติกับงานที่ทำเลย
ชีวิตของแต่ละคน ต้องอยู่กับงานที่เลือกทำเกือบทั้งวันจริงๆ
ใน สามสิ่งที่คุณก๋าบอก เราว่าทัศนคติสำคัญสุด
ตลอดช่วงชีวิตของคนเรา หากมีอายุถึง 100 ปี
เราต้องอยู่กับงานเพื่อการดำรงชีวิตที่ดีของเราถึง 60 ปี
ดังนั้น "รักในงานที่ทำ" ...

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Diarist


โดย: Tui Laksi วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:8:33:34 น.  

 
เมื่อคืนหลับสนิท ไม่ได้ลุกมาลุ้นบิกแม็ตซ์ทีมรัก แต่คุณแฟนหงส์ฯ เพื่อนที่น่ารัก
ของแฟนหงส์ฯ ส่งข่าวไว้ให้เสมอ ...ผลเสมอก็ดีใจแล้วนิ
แต่อยากดูฟอร์มปีนี้ของทั้งสองทีม มีแตกต่างกันบ้างมั๊ย
พอจะสูสีเจอกันในครั้งต่อๆไป ได้ดีเพียงใด แฟนๆจะดูลุ้นสนุกนะคะ


โดย: Tui Laksi วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:8:37:13 น.  

 
การทำงาน ถ้าทำแล้ว ใจไม่รัก มันก็หาความสุขยากจริง ๆ เนาะคุณก๋า สมัยเรียนจบใหม่ ๆ พี่ก็พยายามหางานที่มีค่าตอบแทนสูง ๆ ... ช่วงแรกยังหางานมั่นคงไม่ได้ มีอะไรเข้ามา ก็ทำไป ... ใจก็คิดถึงแต่เรื่องรายได้ ไม่คิดถึงเรื่องงาน หรือศึกษางานจริงจัง หาความสุขไม่ได้ 55 ... แต่ช่วงหลัง โชคดีหน่อยได้ทำงานที่ชอบ แม้รายได้ไม่สูงสวยงาม แต่ใจชอบและสนุก พี่เลยได้เปลี่ยนทัศนะคติกับการทำงานเหมือนกัน ... งานอะไรก็ตาม ขอให้ใส่ใจ เรียนรู้ที่จะฝึกฝน ไม่คิดถึงเรื่องเงินทองมากมาย เราก็มีความสุขได้เนาะ แม้ตอนแรกอาจไม่ชอบก็เถอะ

กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog


โดย: Tristy วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:8:46:40 น.  

 
คงจะดีถ้าได้ทำงานที่ตนเองรัก
และรักในงานที่ตนเองทำ
ด้วยคุณธรรม ความขยันและอดทนอย่างที่คุณก๋าบอกค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:9:11:44 น.  

 





ฮู้ยยยยยยยย ..

จริง ค่ะ คุณก๋า ..

ซื่อสัตย์ .. สำคัญ สุด ..

ถ้า ขายของ ไม่ดี ให้ ..

ก็ไปไม่ถึง ข้อ ขยัน อดทน ..


เพราะ .. จะไม่มี ครั้ง ที่ 2 ...



อ่ะ ..




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น












โดย: foreverlovemom วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:9:23:07 น.  

 
ชอบหละค่ะ โหวตข้อคิดแล้วกันนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:9:35:39 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณก๋า

พูดเรื่องดราม่าในบล๊อกก่อน คริ ๆ
มากหรือไม่มากพี่ไม่กล้าตอบ
แต่ที่แน่ ๆ ในเฟสน่ะ ตอบได้ทันทีว่า...เพียบ...เย๊อะะะะะะ
ทั้งนี้ ทั้งนั้น และทั้งโน้น
ดราม่าในเฟสมันก็มาจากคนในบล๊อกนั่นแหละ 555
จบข่าวสั้นประจำเช้านี้...ค่ะ


เอาเรื่องมีสาระมั่ง อิ ๆ

อยากจะโหวตให้ทั้งคนถามและคนตอบคำถามเลย
ส่วนโหวตคนถามเค้าไม่มีกติกาให้โหวต
สำหรับโหวตให้คนตอบ โหวตไม่ได้เพราะโหวตหมดกระเป๋าแล้ว อิ ๆ


พระพุทธองค์ได้ทรงสดับแนวทางในการทำงานให้ประสบความสำเร็จไว้อย่างแยบยล
เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงจะเคยได้ยินธรรมที่เรียกว่า " อิทธิบาท ๔ "
ที่ว่าแยบยล เพราะธรรมทั้ง ๔ ข้อนี้ จะต้องปฏิบัติต่อเนื่องกัน เพราะมันหนุนส่งกันมา
ท่านว่าขาดข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้ เพราะมันจะกระทบการเชื่อมโยงอันเป็นกระบวนการ

ธรรมที่ว่าทั้ง ๔ นี้ ได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา

ฉันทะ ก็คือ การมีใจรักในสิ่งที่ทำ เราจะมีความสุขได้อย่างไรในทุกการกระทำ หากเราไม่ได้รักในสิ่งที่เราทำอยู่ การฝืนใจทำในสิ่งที่เราไม่ได้รัก สำหรับบางคน ทำได้ แต่อยากถามว่าเราจะฝืนใจทำมันไปได้นานสักเพียงใด และจะรู้สึกภูมิใจในผลงานนั้น ๆ มากแค่ไหน แน่นอน การทำด้วยความฝืนใจ ผลงานย่อมไม่งดงาม เพราะมันสำเร็จแบบฝืน ๆ ง่าย ๆ เช่นการวาดภาพสักภาพหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นศิลปินที่เก่งกาจสักเพียงใด แต่ไม่มีอารมณ์ในการวาด เท่ากับ ณ เวลานั้น เขาไม่มีความรักในสิ่งที่กำลังจะวาด แต่ต้องฝืนใจวาด จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ภาพที่สำเร็จออกมาย่อมแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับภาพที่ศิลปินท่านนั้นวาดในขณะที่มีอารมณ์อยากวาด การมีอารมณ์อยากวาด ก็คือการมีความรัก กระตือรือร้น และมีความสุขที่จะวาด นั่นเอง

วิริยะ คือความมุ่งมั่นทุ่มเท การทุ่มเทมันต้องทั้งกายและใจ การที่เราจะทุ่มเทกายใจให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น มันต้องเกิดจากความรักความศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม (ก็คือฉันทะ) ไม่ว่าจะต้องประสบพบอุปสรรคต่าง ๆ มากมายเพียงใด เราก็ต้องไม่ทอดทิ้งอุดมการณ์ ท้อได้ แต่ต้องไม่ถอย เมื่อใดที่พบกับปัญา กลับมาตั้งหลักใหม่ ใช้สติพินิจพิจารณาในปัญหานั้น ๆ เดี๋ยวปัญญามันก็เกิดตามมา คนเราถ้าใจรัก ใจสู้ มีน้ำอดน้ำทน เสียอย่าง การงานหนักแค่ไหน เราก็สามารถฝ่าฟันให้สำเร็จลุล่วงไปได้แน่นอน

จิตตะ คือการที่มีความรับผิดชอบ มีใจจดจ่อต่อการงานหรือสิ่งที่กำลังทำ ถ้าเราทำอะไรก็แล้วแต่ โดยเฉพาะอาชีพการงาน ทำแบบเช้าชามเย็นสองชาม ชีวิตของเราก็คงได้แค่วันละสามชามเป็นอย่างมาก แล้วมันจะอิ่ม มันจะงอกเงยเป็นสี่ห้าชามเพื่อคนที่เรารัก เพื่อครอบครัวหรือ แค่สามชาม กินคนเดียว คนที่กินจุ ยังร้องว่าไม่อิ่มเลย ประสาอะไรกับหน้าที่ที่มีต่อคนที่เรารัก มีต่อครอบครัว บุพการี ถามตัวเองดูว่า สามชามพอไหม บางทีสามชามของตัวเองยังปรุงรสได้ไม่ดี ไม่อร่อยพอ ยังไปวุ่นวายกับชามของคนอื่นเขาอีก หมายถึงการงานของตัวเองรับผิดชอบมีใจไม่จดจ่อดีพอ แต่ยังไปวุ่นวายกับการงานของคนอื่นเขา ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร ต่อตนเอง คนประเภทนี้ก็มีมากในสังคมปัจจุบัน

วิมังสา คือการพินิจพิเคราะห์ในการตรวจสอบงานที่ทำ ต้องใช้สติและปัญญาเป็นเครื่องช่วย งานที่สักแต่ว่าทำ ก็สักแต่พินิจพิเคราะห์ให้มันผ่าน ๆ ไป จะได้จบเรื่องไป การสักแต่ว่าทำนั้น กับการทำด้วยหลักธรรมทั้ง ๔ ข้อนี้ ทำงานแค่ครั้งเดียวจบ ผลงานออกมาดี น่าภาคภูมิใจ ตัวเองภูมิใจในความอุตสาหะของตนเอง เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน ต่างก็ภูมิใจด้วย ส่งผลให้องค์กรเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป กับการที่สักแต่ว่าทำด้วยใจไม่รัก ไม่ขยันหมั่นเพียร ไม่รับผิดชอบ ไม่ตรวจสอบ บางครั้ง งานนั้น ๆ ต้องนำกลับมาทำใหม่ ทำให้เสียเวลา เสียหน้าตาทั้งของตนเองและองค์กรที่ตัวเองทำงานอยู่ด้วยซ้ำไป

การพูดถึงธรรมะของพระพุทธองค์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ถ้าสังเกตกันให้ดี ๆ แล้ว จะพบว่า มี " สติ " เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทุกเรื่อง ด้วยเหตุนี้ ถึงได้พูดให้ฟังกันอยู่เสมอ ๆ ว่า " สติ " คือสิ่งสำคัญที่พระพุทธองค์ทรงตรัสย้ำอยู่ตลอดเวลาที่ทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่

สติมา ปัญญาเกิด

ฝากไว้ด้วยค่ะ










โดย: พรหมญาณี วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:11:24:54 น.  

 





นินทา ..

อ่านเม้นท์ ข้างบน แล้ว .. งง .. งง ..

เอาเป็น สาย มาร อย่างพี่ป๋อง ..

ขอแก้ข้อกังขา .. ให้ คุณก๋า .. ทราบ ..


ว่า ..


อัน บล็อก ของพี่ป๋อง นั้น ลง อาคม ไว้ ..

คุณก๋า จึง โดน คุณไสย ..

ทางแก้ ..

รีบ ไปหา มาดาม ..

หอมแก้ม 1 ครั้ง ..

แล้ว อาการคอมพิวเตอร์ จะดีขึ้นทันใด ..


หาก ยังไม่หาย ..

ให้ หอมซ้ำ อีก 2 ครั้ง ..




โอม .. เพี้ยง ..











โดย: foreverlovemom วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:11:43:15 น.  

 
อิทธิบาทสี่ ใช้ได้ทั้งเรื่องการทำงาน การศึกษา

แต่พี่ว่า ใช้ได้กับทุกเรื่องในการดำเนินชีวิตแหละค่ะ


โดย: พรหมญาณี IP: 124.120.187.163 วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:11:46:12 น.  

 
ทุกวันนี้ทำงานก็เฝ้าบอกตัวเองและลูกน้องเสมอว่า
ต้องมีคุณธรรม ขยัน อดทน
งานบางชิ้นก้ไม่ถูกใจค่ะ แต่ก็ต้องทำ ต้องอดทนทำไป
มีความรู้สึกว่างานบางชิ้นที่ไม่ชอบ
แต่เมื่อทำก็ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มมาอีกเยอะ
ที่สำคัญรายได้ก็เยอะตามมาด้วย นี่แหละชอบมากค่ะ อิอิ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
พรหมญาณี Dharma Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


เฟื่องฟ้าเวลาร่วงก็รกเอาเรื่อง ดีว่าปลูกไว้ริมคลอง
ที่ตรงนั้นไม่ได้ทำอะไร พอดอกร่วงก็ปล่อยไว้อย่างนั้น
ให้ย่อยสลายเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไปด้วยเลย
ขอบคุณโหวตด้วยนะคะ



โดย: mambymam วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:12:07:08 น.  

 
กัมมนีโย นั้น เป็นเรื่องของลักษณะจิตที่รู้เท่าทันตามความเป็นจริง

การรู้เท่าทันตามความเป็นจริงนั้น ต้องประกอบด้วย ๓ อาการ กัมมนีโยเป็นหนึ่งในสามอาการที่ว่านั้นค่ะ สามอาการได้แก่

สมาหิโต จิตที่มีอารมณ์เดียว จะทำให้จิตมั่นคง ไม่หวั่นไหวใด ๆ
ปริสุทโธ เป็นจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยธรรม ว่างจากกิเลสทั้งปวง บริสุทธิ์
กัมมนีโย เป็นจิตที่รู้เท่าทันตามความเป็นจริง จิตจึงพร้อมอยู่ตลอดเวลาที่จะปฏิบัติหน้าที่ หรือทำสิ่งใด ๆ ในขณะนั้น

ทั้งสามอาการนี้ เป็นลักษณะของจิตที่เป็นสมาธิ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เนื่องกันอยู่ภายใน ถ้าไม่ตั้งมั่น ก็ไม่บริสุทธิ์ ถ้าไม่บริสุทธิ์ก็ไม่ตั้งมั่น กัมมนีโยนั้น อยู่ในลักษณะของการพร้อมที่จะลงมือปฏิบัติ บางแห่งก็เรียกง่าย ๆ ว่า ความว่องไว คือ ตั้งมั่น บริสุทธิ์ และว่องไว

ในทางกรรมมัฏฐาน อาการทั้งสามอย่างนี้จะได้มาก็ต่อเมื่อได้สุญญตาแล้วเท่านั้น การจะได้สุญญตา ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่าย ๆ เลย นักปฏิบัติภาวนาย่อมรู้ดีค่ะ บางคนมีของเก่าติดตัวมาเยอะ ได้ง่ายมาก แต่รักษายากยิ่งกว่าการได้มาอีก เหมือนแชมป์พรีเมี่ยลีคนั่นแหละ 555

แต่ถ้าเรารู้และเข้าใจดีพอ กัมมนีโย ที่คุณก๋ามอบให้น้องไปนั้น ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้เช่นกันค่ะ เนื่องจากพระธรรมสามสารถพลิกแพลงใช้ได้ในทุกสถานการณ์ อยู่ที่สติและปัญญาและความรู้ความเข้าใจของคนคนนั้น

จะว่าไปแล้ว พี่เกิดความคิดว่า น่าจะนำเรื่องอิทธิบาท ๔ กับเรื่องของลักษณะจิตที่รู้เท่าทันตามความเป็นจริง มาเขียนในบล๊อกก็ดีเหมือนกันนะคะ


โดย: พรหมญาณี วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:12:45:32 น.  

 
ลืมไปค่ะ

คุณก๋าพูดถึงปฏิจจสมุปบาท

พี่เพิ่งแต่งกลอนเรื่องอิทัปปัจยตา เสร็จเมื่อสองวันนี้เอง

พี่ว่า ถ้าคุณก๋า เอาปฏิจจสมุปบาท ให้น้องไป น้องคงทำความเข้าใจลำบากหากไม่ได้อยู่ในสายธรรมะมานานพอสมควร เพราะปฏิจจสมุปบาท หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อิทัปปัจจยตา หรือ ปัจจยาการ นั้น เป็นธรรมที่ลึกซึ้งมาก และมีการขยายความกันอย่างแพร่หลาย ถึงขนาดข้ามภพข้ามชาติกันก็มี เรื่องนี้แหละที่ทำให้ท่านพุทธทาสถูกวงการสงฆ์โจมตีอย่างรุนแรง ถึงขนาดขับไล่ให้ออกจากคณะสงฆ์ไปเลย

ตัวพี่เองกว่าจะเข้าใจอิทัปปัจยตาได้นั้น ก็ใช้เวลานานพอสมควร มาเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็ตอนที่ได้ศึกษาธรรมะจากพระโอษฐ์ ซึ่งมีเรื่องปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์รวมอยู่ด้วย แต่ภาษาที่พูดกันนั้น ส่วนใหญ่เป็นพระบาลี พี่ต้องค้นคว้าพอสมควร จากการที่ต้องค้นคว้าไปมานั้น กลับเป็นผลดีที่ทำให้เข้าใจได้ รู้สึกปีติมากในขณะนั้นค่ะ

แต่การถ่ายทอดเรื่องอิทัปปัจยตานั้น ไม่ง่ายเลย ถ้าหากคนที่เราถ่ายทอดให้เขาฟัง ไม่มีพื้นฐานทางธรรมะของพระพุทธองค์มาก่อน แม้แต่พระอานนท์ยังโดนพระพุทธองค์ต่อว่าเอาเลยค่ะ

คุยเรื่องธรรมะนี่คุยกันได้ทั้งวันนะคะ ยิ่งคุยกับผู้รู้อย่างคุณก๋า พี่ว่าเหมือนเราได้ทบทวน ลับสมองกัน เอ...มันคล้าย ๆ กับคุยเรื่องบอลไหมเนี่ย 555



โดย: พรหมญาณี วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:12:58:21 น.  

 
มาอีกรอบ อิ ๆ .... คุยแล้วมันส์พ่ะย่ะค่ะ

ที่คุณก๋าเขียนไว้ว่า...

แล้วการอธิบายหลักธรรมบางทีก็เหมือนการอธิบายการอุปมาอุปไมย
อยู่ที่ใครจะอธิบายออกมาให้เข้าใจได้ง่ายกว่ากันนะครับ

ตรงนี้พี่พยักหน้ารับเห็นด้วยพันเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ
บังเอิญ พี่เป็นคนปัญญาค่อนไปทางทึบมากหน่อย
ความรักยาว ความจำสั้น 555

เรื่องการถ่ายทอด พี่ว่าคุณก๋า เด่นอยู่แล้วค่ะ
พี่สังเกตการตอบคำถามของคุณก๋าในระยะหลัง ๆ มานี้
มีพระบาลีเข้ามามากขึ้น ๆ แรก ๆ ที่อ่านคุณก๋ามักจะตอบไปในแนวปรัชญา
ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะปรัชญาที่คุณก๋าตอบนั้น เข้ากับหลักพระพุทธศาสนา

เพราะฉะนั้นการถ่ายทอดเรื่องพระธรรมเป็นสิ่งสำคัญมาก
ถ้าคนเขาศรัทธาในตัวเรา ถึงแม้เราจะมีความรู้ และรู้จริง
แต่ถ่ายทอดไม่เก่ง ตกม้าตายได้ง่าย ๆ ทีเดียว
จากคนที่รู้จริงกลายเป็นคนไม่รู้ไปเลยได้เหมือนกันนะคะ
ตรงนี้ พี่ยอมรับว่ากลัวมาก เพราะพี่เป็นคนที่พูดกับใครไม่ค่อยรู้เรื่อง 555

ขนาดพูดคุยกันเรื่องงานธรรมดา ๆ
คุณสามียังบอกว่า พูดไรฟระ มันยิ่งพูด ตรูยิ่งงง
แต่ถ้าให้พูดเรื่องไร้สาระ เฮฮาปาจิงโกะ รีบ ๆ มาเลย
คุยกะพี่แล้วไม่ฮา ให้เขกเหม่งได้เลย กิ๊กิ๊

ยิ่งให้ไปอธิบายธรรมะ ให้กับคนที่ไม่สนใจธรรมะ
โอย...ยายขอกราบลาเข้าป่าไปเลยดีกว่า ยากมหาโหดเลยนะคะ
พี่ถึงบอกว่า คุณก๋าตัดสินใจถูกแล้วที่เอากัมมนีโย ให้น้องเค้าไป
ป่านนี้น้องจะรู้เรื่องหรือเปล่าน๊อ ????

บอกตามตรงว่า เรื่องเอาหลักธรรมที่สำคัญ ๆ มาเขียนเป็นบทกลอนนั้น
พี่ก็คิดอยู่และพยายามทำไปเรื่อย ๆ แต่คุณก๋ารู้ไหมว่ามันยากโพด ๆ
สำหรับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องกลอนแปดแบบพี่มาก่อน

สองวันที่แล้ว กว่า อิทัปปัจจยตา จะจบลงได้
พี่ต้องกินยาแก้ไมเกรน ทั้งยาอาม่าและยาฝรั่งวันละหลายรอบ
เพราะตัวเองเข้าใจ แต่กลัวว่าคนที่จะมาอ่าน อ่านแล้วไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ
อ่านไป อ่านมา จะนึกค่อนในใจได้ว่า ยัยปอป้าเอาหยังมาเขียนฟระ

แต่ก็ยอมเสี่ยงค่ะ เพราะกลอนอิทัปปัจจยตา เป็นความฝันของพี่มานานแล้ว
ที่ยอมเสี่ยงเขียนออกมา เพราะชีวิตคนเราไม่แน่นอน
คืนนี้นอนไปพรุ่งนี้อาจไม่ได้ตื่นมาอีกแล้วก็ได้ ก็เลยยอมเสี่ยงเขียนทันทีค่ะ

เอาไว้อัพบล๊อกแล้ว คุณก๋าลองอ่านดู อาจจะมึนไปเลยก็ได้ 555
หรืออยากจะอ่านก่อนพี่อัพบล๊อกไหมคะ
เผื่อช่วยพี่แก้ไขให้มันสละสลวยมากขึ้น
พี่จะได้ส่งมาให้อ่านก่อน เอาไหมคะ

บังเอิญเมื่อวานไม่ได้อ่าน กัมมนีโย ที่คุณก๋าเขียน
เดี๋ยวจะกลับไปค้นอ่านดูนะคะ ว่าแต่อยู่ในหมวดไหน หน้าไหนคะ
อยากอ่านกัมมนีโยของคุณก๋าอยู่เหมือนกันค่ะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:15:13:43 น.  

 

...
เครดิต : //www.pinterest.com
มีความสุขมากมากนะคะ
...
เมื่อวันก่อนกับข้อความ
เจ้าเหมียวในรูป
หน้าตาเอาเรื่องมากๆเลยครับน้องนุ้ย 555
...

ดุ เอาเรื่องเลยล่ะค่ะ ^^


โดย: white in the dark วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:15:14:52 น.  

 
ก่อนมื้ออาหารเย็นมาทักทายพี่ก๋าค่ะ


โดย: sawkitty วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:17:49:17 น.  

 


สวัสดีค่ะน้องก๋า วันนี้มาอ่านทัศนะคติดีๆ ในการทำงาน
ทำยังไงทำให้มีความสุขและ อยู่ยั่งยืนในองค์กรเนาะ

คุณธรรม ขยัน อดทน คือสิ่งสำคัญจริงๆค่ะ
มีได้ครบนี่ ทำงานอย่าง มีความสุขแน่ๆ

ทักทานครั้งแรกในสัปดาห์ใหม่นะคะ


โดย: anigia วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:19:10:22 น.  

 




เชื่อเหอะ คุณก๋า ..

หอม 3 ที ..

ก็ เม้นท์ ได้ ..












โดย: foreverlovemom วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:20:03:51 น.  

 
เพิ่งนั่งดูไฮไลต์จบค่ะ สูสีม๊าก... เสียดายลูกยิงงามๆหลายลูกของทั้งสองทีม
แต่ไม่เป็นประตู 555 มิฉะนั้นฟนๆได้ดูลุ้นมันส์ต่อแน่ๆเบย...
ดีน๊ะ ที่ลูกเป็นประตูของทีมนอล...เป็นลูกล้ำหน้า อิ อิ

กองหลังของหงส์ฯ ยังมีจุดบอดเสมอ หุ หุ


โดย: Tui Laksi วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:21:01:18 น.  

 
วันนี้พี่ก๋าพูดเหมือนหัวหน้าผมเลยครับ เราใช้ชีวิตอยู่ที่ทำงานเยอะ ถ้าไม่มีความสุขกับการทำงานแล้วจะมีความสุขได้ยังไง ไหนใครตื่นเช้าแล้วรู้สึกอยากมาทำงานบ้าง ยกมือขึ้น.... (ไม่น่าเชื่อว่ามีคนยกมือด้วยอะ)
แหม่ งานนี้มันได้ตังค์ดีนะครับ มนุษย์เงินเดือนก็เป็นซะยังงี้แหละ 555

ถ้าเทียบแล้วสำหรับผมงานเลี้ยงชีพคืออาชีพนักวิจัย ปตท. ที่ทำอยู่
แต่งานเลี้ยงจิตวิญญาณสงสัยจะเป็นเรื่องเขียนบล็อกครับ มิน่าช่วงนี้จิตวิญญาณดูขาดสารอาหาร เพราะดองบล็อกบ่อยนี่เอง

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


ปืนปีนี้สตาร์ทไม่ดีเลยครับ แต่ก็คงจบแถวๆอันดับ 3-4 เหมือนเดิม It's the same old theme จริงๆ


โดย: ชีริว วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:22:09:55 น.  

 
เกดไม่เคยคิดเรื่องรวยจนเลยค่ะ คิดแต่ว่าอยากมีเงินใช้จ่ายเพียงพอที่ไม่ต้อง ทำ "งานเลี้ยงชีพ" แล้วเอาเวลาไปทำ "งานเลี้ยงจิตวิญญาณ" ให้หมด แต่เพื่อนบอกว่า นั่นแหละคืออยากรวย 555+

เกดว่า การได้ทำสิ่งที่รักคือโชคดีแต่การรู้จักรักในทุกสิ่งที่ทำ คือโชคดียิ่งกว่าค่ะ :)

ปล ช่วงนี้เชื่อฟังหมอค่ะ เพราะอยากหายอาการตาเขม่นกับแก้มกระตุก ตอนนี้หยุดเขียนนิยายไปก่อน เปลี่ยนเป็นอ่านนิยายแทน จริงๆก็ดีเหมือนกันเหมือนได้เปิดโลกทัศน์ไม่งั้นก็วนอยู่แต่กับจินตนาการของตัวเองค่ะ


โดย: Raizin Heart วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:22:11:10 น.  

 
พูดถึงทำงานแล้วนะ.....หนูก็อยากกลับเข้าทำงานเหมือนเดิม แต่ต้องรอให้แนลลีเข้าโรงเรียนก่อน

แต่พ่อบ้านของหนูเนี่ย ตัวขี้เกียจไปทำงานเลย

เห้ออออออออออออออ


โดย: JenNy & Tristan @ The UK วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:22:16:15 น.  

 
อยากจะได้รูปประกอบบล็อค ขนาดเดียวกับของพี่ก๋ามากๆ

แต่ของหนู ย่อให้ได้ขนาดกลาง

พอเอามาลงบล็อคจริงๆ ไหงรูปเล็กจัง

งั้นรอบหน้าจะลองไม่ย่อรูปดูบ้างล่ะ


โดย: JenNy & Tristan @ The UK วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:23:27:24 น.  

 
งานคือเงิน เงินคืองาน ไม่ชอบก็ต้องทำ ชอบก็ต้องทำ ดังนั้นพยายามมองในแง่ดีจะดีกว่า ยังไงมีงานก็ดีกว่าไม่มีงานอะนะ

งานที่ทำน่าจะเป็นเลี้ยงชีพ

งานเลี้ยงจิตวิญญาณคงเป็นบล็อก ทำด้วยใจแบบเน้นๆ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:23:52:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]