ตุลาคม 2557
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
4 ตุลาคม 2557

:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณมัดใจ ::





:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณมัดใจ ::




กรรม คือ การกระทำ
มนุษย์ทุกคนย่อมมีการเกิดมาในภพแรกชาติแรกใช่ไหมคะ
ทีนี้ในจุติแรกที่ทุกคนเกิดมา “กรรม” ก็ต้องเริ่มจาก 0 เหมือนกันทุกคน
แล้วกรรมสั่งสมครั้งแรกของแต่ละคนเกิดขึ้นได้ยังไง
ในเมื่อต้นทุนทั้งบุญและกรรม เริ่มมาจาก 0 เท่ากันหมด




คำถามโดย : มัดใจ















ชีวิตของคนทุกคน
เหมือนการเดินทางที่เริ่มต้นจากศูนย์
เพื่อไปสู่.... ?











ใช่..ทุกชีวิตเริ่มต้นจากศูนย์
แต่ชีวิตเราไม่ได้เดินทางจากศูนย์เพื่อไปหา 1..2...3
หรือไปสิ้นสุดที่แสน ล้าน ล้านล้าน...

จำนวนนับของตัวเลขไม่เคยสิ้นสุด
เหมือนชีวิตของมนุษย์ที่นับเนื่องหมุนวนไม่รู้จักจบสิ้น

เราไม่ได้เดินทางจาก 0 ไปหา 1
แต่เดินทางจาก 0 ไปหา 0
เพียงแต่ระหว่าง 0 กับ 0 นั้น
ตัวเลขมันมากมายมหาศาล
แค่จาก 1 ยังแยกย่อยเป็น 1.1 เป็น 1.11 หรือเป็น 1.11111111111
กว่า 1 จะเดินทางไปหา 2 ได้นั้น
อาจใช้เวลานานจนไม่รู้จุดสิ้นสุด

เว้นเสียแต่เราเบื่อหน่ายการนับ
และอยากจบการนับ
โดยไม่นับอีกต่อไป









คนเรามักอยากรู้ว่าชาติที่แล้วตนเองเคยเป็นใคร
เคยทำอะไรไว้
นั่นเป็นความสงสัย เพราะชาตินี้เรามีปัญหา
มีปัญหากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
ทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นทางร่างกาย เช่น เกิดมายากจน เกิดมาพิการ เป็นโรคร้าย ฯลฯ
และปัญหาที่เกิดขึ้นกับความคิด เช่น ทำไมทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ชีวิตคู่มีปัญหาตลอดเวลา ครอบครัวแตกร้าว ถูกหลอกถูกโกง ฯลฯ

เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในชีวิต
แล้วหาคำตอบไม่ได้
คนจึงอยากรู้ว่าในอดีตเคยทำอะไรไว้
อยากย้อนกลับไปดูต้นธารว่าแม่น้ำสายนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?











กรรมเก่า คือ สิ่งที่เคยเกิดขึ้นไปแล้ว
เหมือนน้ำที่ถูกเทลงไปบนพื้นดิน
ซึ่งกอบเก็บน้ำคืนใส่แก้วไม่ได้

กรรม คือ การกระทำ
กรรมของเราเกิดขึ้นที่ความคิด เกิดขึ้นที่คำพูด และการกระทำ
คิด พูด ทำ
ทำซ้ำๆจนเกิดเป็นความเคยชิน
ความเคยชินกลายเป็น “อัตโนมัติ” ในตัวเรา
เช่น นิสัย สันดานต่างๆที่เกิดขึ้น
ความชอบ ความเกลียด ความละโมบ ความหลงผิด ฯลฯ

สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาในคราวแรกที่เราจุติ
แต่เกิดจากการสั่งสม สะสม และสร้างขึ้นที่ “จิต”
คิด พูด ทำซ้ำๆจนกลายเป็นความเคยชิน


“จิต”
หรือ “ความคิด”
จึงเป็นตัวสร้าง “ตัวตน” ของเราขึ้นมา


“ความคิด” นี่เองที่พาเราเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบสิ้น
“ความคิด” นี่เองที่คล้ายเป็นกล่องบันทึกความทรงจำ
และนำความเคยชินบางอย่างในตัวเรา
นำติดตัวข้ามภพข้ามชาติไปเรื่อยๆ

“จิต” หรือ “ความคิด” จึงเป็นเสมือน “กล่องฮาร์ดดิสก์” ในคอมพิวเตอร์
ซึ่งเป็นที่เก็บบันทึกข้อมูล ภาพจำ หรือแม้แต่อุปนิสัย สันดานต่างๆของเรา

“กาย” จึงเป็นเหมือนตัวคอมพิวเตอร์
ซึ่งเปลี่ยนรูปไปได้เรื่อยๆ เปลี่ยนสี เปลี่ยนแบบ
เปลี่ยนขนาด เปลี่ยนรุ่น เปลี่ยนราคา

แต่ถึงรูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนไปมากเช่นใด
“ฮาร์ดดิสก์” อันเดิมที่เราเปลี่ยนใส่เข้าไปในคอมฯ
ก็ยังประมวลผลด้วยข้อมูลเดิมๆที่เรามีอยู่


คนแต่ละคนจะนำกรรมที่ตนทำและสั่งสมเอาไว้
ติดตัวข้ามภพข้ามชาติไปเรื่อยๆ
ถ้ายังคงชินอยู่กับความเคยชินเดิมๆ
“จิต” นั้นก็จะบอดใบ้ เมามัวไปเรื่อยๆ
ด้วยสิ่งที่ “ความคิด” สร้างขึ้นและสั่งสมไปด้วยความเคยชิน











จุดเริ่มต้นของมนุษย์ทุกคนนั้น
เริ่มต้นตรง “จิตเดิมแท้” ซึ่งสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์
แต่เมื่อ “ตัวตน” เกิดขึ้นจาก “ความคิด”
ความคิดนั้นสร้างขึ้นจากการคิด พูด ทำ
ทำซ้ำๆทั้งสิ่งที่ถูกและผิด
สิ่งที่ผิดเป็นเหมือนการก่อรูปของเมฆดำ
ความหลงผิด ความโลภ ความโกรธ ความหลง
ราคะ กิเลส ตัณหา อวิชชา ฯลฯ

ทุกสิ่งไม่ได้ถูกส่งผ่านมาจากใคร
แต่สร้างขึ้นจากจิตใจของเราเอง
และสิ่งต่างๆเหล่านั้นก็เข้าบดบัง “จิตเดิมแท้” ของเรา
จนมิอาจเปล่งแสงสว่างอย่างที่เคยเป็น











บุญและกรรม
ถูกสร้างขึ้นจาก “จิต” หรือ “ความคิด” ของเรานั่นเอง

กิเลสเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น
เพื่อกระตุ้นให้กายของมนุษย์ทำงาน สร้างสรรค์และทำลาย
ให้เกิดความอยากในการสืบพันธุ์
ให้เกิดความคิดที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆขึ้นมา
ไม่มีความโลภ คนเราก็อาจเฉื่อยชา
ไม่มีตัณหา คนก็ไม่สืบสายพันธุ์เพื่อรักษาเผ่าพันธุ์
ฯลฯ

ทำไมคนเราเกิดมาไม่เท่าเทียมกัน
จึงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม

แต่เมื่อใดที่รู้ซึ้งถึง “ความเท่าเทียม” กันของสรรพชีวิต
เราจะรู้ว่าคนทุกคนนั้นมี “จิตเดิมแท้” ที่สว่างไสวไม่ต่างกัน
แต่ที่ทำให้คุณภาพชีวิต คุณภาพความคิดต่างกัน
นั่นคือ สิ่งที่กำลัง “บดบัง” จิตเดิมแท้ของเราอยู่นั่นเอง


การแก้ไขกรรมเก่า
จึงไม่ใช่การพยายามหาวิธีเพิ่มแสงสว่างให้กับชีวิต
แต่ต้องใช้วิธีการนำเมฆหมอกดำที่บดบังชีวิตให้เคลื่อนตัวออกไป
เมื่อเมฆดำเคลื่อนตัวผ่านไป
จิตใจก็กลับมาเปล่งแสงสว่างได้ดังเดิม

แล้วจะทำอย่างไรให้ “จิตเดิมแท้” ปราศจากการบดบัง ?










มีเพียง “การฝึกฝนตน” เท่านั้น
ที่จะเคลื่อนย้ายอวิชชาเหล่านั้นที่บดบังชีวิตอยู่

การแก้ไขกรรม
ไม่ใช่การไปรู้ไปเห็นว่าเคยเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต
แต่คือการน้อมยอมรับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นไปแล้ว
เคยผิดพลาดไปแล้ว
และเราอยากทำให้มันถูกต้องดีงามตามวิถีทางแห่งธรรมชาติ

การปฏิบัติธรรม จึงไม่ใช่การทำสิ่งที่เหนือธรรมชาติ
แต่เป็นการฝึกฝนตนเพื่อให้อยู่ในสภาวะเดียวกันกับ “ธรรมชาติ”
ธรรมชาติที่สร้างเราขึ้นมาจาก “ความว่าง” หรือ “สุญญตา”

ทุกการฝึกฝนตนเป็นการลด ละ และวางสิ่งต่างๆ
ที่สร้างขึ้นจากความคิด คำพูด
และการกระทำด้วยความเคยชินที่ผ่านมาโดยตลอด


เหมือนทุกสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น
ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปในที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ
เราเองก็ไม่ต่างกัน
เมื่อใดที่ตระหนักรู้ได้ถึงสภาวะนั้น
รู้การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปของกาย
ความรู้สึก ความทรงจำ และความคิด
เราจะเริ่มลด ละ และวางสิ่งต่างๆที่ “จิต” สร้างขึ้น
เริ่มรู้ถึงความไม่เที่ยงทนของสิ่งต่างๆ


เมื่อรู้ถึงความไม่คงทนถาวร (เพราะทุกสิ่งสร้างขึ้นจากจิต)
ความโลภจะหายไป


เมื่อรู้ถึงความไม่แน่นอน (เพราะทุกสิ่งสร้างขึ้นจากจิต)
ความหลงจะหายไป


เมื่อรู้ถึงความไม่มีตัวตนที่แท้จริง (เพราะทุกสิ่งสร้างขึ้นจากจิต)
ความโกรธจะหายไป



เมื่อรู้แจ้งแก่ใจแล้วว่า
ไม่มีสิ่งใดเลยที่เป็นของเราอย่างแท้จริง
แม้แต่ตัวเราเองก็ยังยึดถือยึดอยากเอาไว้ไม่ได้
เราจะกลายเป็นผู้ให้ ไม่ใช่ผู้ครอบครอง
เราจะเป็นผู้ให้ ไม่ใช่ผู้สะสม
เราจะกลับมาใช้ชีวิตเพื่อให้คืนสู่ “ธรรมชาติ”
เหมือนกับ “จุดเริ่มต้นของชีวิต” ที่เราได้เกิดขึ้นมา










“ความรู้” เช่นนี้ต้องทำด้วยตัวเราเองเท่านั้น
ใครทำแทนไม่ได้ คิดแทนไม่ได้
พูดให้เราบรรลุความจริงแห่งสัจธรรมชีวิตไม่ได้
กราบไหว้ครูบาอาจารย์มากมายแค่ไหนไม่อาจรู้ธรรม

ต้องทำด้วยตัว ต้องทำด้วยตน
ต้องรู้ด้วยตน

หนทางมีอยู่
ครูบาอาจารย์อาจทิ้งรอยทางไว้ให้
แต่หากไม่คิดจะออกก้าวเดินก้าวแรก
ย่อมไม่มีการเดินทาง










ชีวิตของคนทุกคน
เหมือนการเดินทางที่เริ่มต้นจากศูนย์
เพื่อไปสู่ศูนย์
เพื่อไปสู่สุญญตา


สุญญตา ไม่ได้แปลว่า ไม่มีตัวตน

แต่หมายความว่า เราได้เข้าใจและรู้ซึ้งแล้วว่า
ที่สุดแล้ว ทั้งกาย ความรู้สึก ความทรงจำ และทุกสิ่งที่เรามี
มันเกิดขึ้นจาก “จิต” หรือ “ความคิด” ที่สร้างทำขึ้น

“ตัวตน” ที่มี --- มีเพียงชั่วคราว
ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่
จะเป็นคนดี หรือ คนเลว
เป็นคนรวย หรือจน
เป็นอะไรก็ตาม
สุดท้ายแล้วเมื่อถึงจุดหนึ่ง
“ตัวตน” นั้นก็จบลง
เพื่อไปเริ่มต้นใหม่กับตัวตนใหม่
เพียงแต่เราได้นำ “จิต” ที่สั่งสมความเคยชินนั้น
นำติดตัวไปด้วย

เหมือนคอมพิวเตอร์ที่เปลี่ยนรูปลักษณ์
แต่ใช้ฮาร์ดดิสก์อันเดิม....




...................................





จะพ้นไปจากกรรมได้
คงไม่ใช่ด้วยการรู้ว่าเราเคยเป็นใคร เคยทำอะไรไว้
หรือการไปคาดเดา คาดคิดล่วงหน้า
ว่าอยากจะไปเกิดเป็นนั่นเป็นนี่

“กรรม” เกิดจาก “การกระทำ”

ใครทำ ?
ก็เราทำด้วยตัวเองทั้งนั้น

จะแก้ไขกรรม
ใครทำ ?

ก็ต้องเราทำ

ทำอย่างไร ?
จะแก้กรรมได้อย่างไร ?

ต้องแก้ไขที่ความคิด
แก้ไขที่คำพูด
แก้ไขที่การกระทำ

ต้องลงมือทำในวินาทีนี้ ทำเดี๋ยวนี้ !!!
ทำให้มันถูกต้อง ถูกทาง ถูกธรรม
อะไรไม่ดีอย่าทำ
ถ้าทำได้ จะแก้กรรมเก่าได้อย่างแน่นอน




..................................





“บุญสูงสุด”
ไม่ใช่การสร้างวัดหรือวิหารหมื่นล้าน
ไม่ใช่การบริจาคทานจนหมดตัว
ไม่ใช่การปฏิบัติธรรมกลางป่าลึก

แต่ “บุญสูงสุด” คือ การรู้ “พุทธจิต” แห่งตน
รู้ถึงสภาวะ “เดิมแท้” ของตน
ซึ่งมีสภาวธรรมเดียวกันกับ “ธรรมชาติ” ผู้สร้างเราและทุกสิ่งขึ้นมา

ปฏิบัติตนให้เหมือนธรรมชาติ
ใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ
จากลาร่างเดิมนี้กลับสู่ธรรมชาติ

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น
ที่จะหลุดพ้นจากกรรมเก่า กรรมปัจจุบันและกรรมใหม่ทั้งปวง






































Create Date : 04 ตุลาคม 2557
Last Update : 4 ตุลาคม 2557 6:20:41 น. 22 comments
Counter : 1811 Pageviews.  

 

สวัสดีค่ะน้องก๋า

newyorknurse


โดย: newyorknurse วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:6:50:45 น.  

 
images by free.in.th
ระลึกถึงเสมอค่ะคุณก๋า


โดย: เกศสุริยง วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:7:48:25 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องก๋าพี่กิ่งห่างหายจากบล็อกไปซะหลายวันค่ะ แหะ แหะ มาชมภาพสวยมากๆค่ะ คนเราเกิดมามีกรรมมาแต่กำเนิดจริงๆค่ะน้องก๋า ถ้าเราเพียรทำความดีทำบุญกุศลมากๆกรรมอาจจะห่างๆไปบ้างนะคะ

โหวตให้ข้อคิดดีๆค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
pantawan Health Blog ดู Blog
กาปอมซ่า Literature Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

มีความสุขวันเสาร์ค่ะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:8:08:22 น.  

 
คุณมัดใจสงสัยเหมือนผมเลยละครับ การสั่งสมไปยังปลายทางผมไม่ติดใจ แต่สงสัยว่าคนเราเริ่มต้นขึ้นมาไม่ท่ากันเพราะชาติที่แล้วทำไว้ไม่เท่ากัน แล้วชาติก่อนนั้น หรือก่อนๆๆๆนั้นไปอีกล่ะ แล้วแรกสุดของเรามันเท่ากันมาตั้งแต่แรกหรือเปล่า ถ้าเท่ากันแล้วอะไรเป็นเหตุดลให้แต่ละคนมีปลายทางที่แตกต่างกัน อะไรดลให้คนที่เริ่มจาก 0 ทำดีจนเขามีแต้ม +1 อะไรเป็นเหตุให้คนที่เริ่มจาก 0 ทำชั่วจนเขามีแต้ม -1 และติดไปชาติต่อๆไป ถ้าเราถูกสร้างให้จิตใจไม่เหมือนกันหรือมีเหตุดลที่แตกต่างกันแล้วก็แสดงว่าทุกคนไม่ได้รับความเท่าเทียมโดยธรรมชาติตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ถ้าแบบนั้น การลงโทษคนที่แต้มสะสมติดลบจะเป็นธรรมหรือไม่ บลาๆๆๆ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตกครับ

สุดท้ายก็คิดได้แค่ว่าเราอาจไม่ได้เริ่มจาก 0 ทุกคน แต่จุดเริ่มต้นที่อยู่ไกลไม่สิ้นสุดเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น และไม่เข้าใจ


โดย: ชีริว วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:8:43:33 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะพี่ก๋า

ตอนนี้ชีวิตหนูเดินมาถึงครึ่งทางแล้วค่ะ

แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่หนูจะไปให้ถึงค่ะ


โดย: ลอยละล่อง บล็อกแกงค์ วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:9:10:01 น.  

 
สวัสดีครับคุณก๋า

จัดหนัก จัดเต็มขนาดนี้

ทั้งเรื่อง ทั้งรูป ครบเครื่อง

อ.เต๊ะ คงปล่อยคุณก๋า ลอยนวลไปเฉยๆ ไม่ได้แล้วละครับ

ต้องโหวตซะให้เข็ดนะครับ 555

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
AppleWi Beauty Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog




โดย: multiple วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:9:10:01 น.  

 
แวะมาทักทายครับ

ไปทำบุญมาเอาบุญมาฝาก


โดย: อัสติสะ วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:9:50:06 น.  

 





สวัสดีค่ะ คุณก๋า ..


หลังไมค์ นะคะ ..











โดย: foreverlovemom วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:10:50:41 น.  

 

มีความสุขมากมากนะคะ


โดย: white in the dark วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:11:06:13 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า

เราเชื่อเรื่องกรรมเก่าค่ะ คิดว่าแต่ละคนไม่ได้เริ่มต้นจากศูยน์ อยู่ที่ว่าชาติที่แล้วทำความดีหรือชั่ว ถ้าทำดี ชาตินี้ก็จะเกิดมาสบาย หน้าตาสวยงาม ถือได้ว่ามีกำไรกว่าคนอื่น แต่ถึงจะเกิดมาติดลบ ถ้าหมั่นทำความดีไว้ ชีวิตก็จะมีสิ่งดี ๆ เข้ามาแน่ ๆ

ขอบคุณสำหรับข้อคิดดี ๆ นะคะ โหวตให้ค่า


โดย: haiku วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:12:03:58 น.  

 
กำลังคิดว่า.. โลกคงน่าอยู่น้อยลงแหง..
ถ้าเราจำได้หมดว่าชาติที่ผ่านมาเราทำอะไรมาบ้าง
คิดดูว่าแค่ชาตินี้ ชาติเดียว สิ่งที่ทำผ่านไปแล้ว สะสมยาวนาน
ยังสร้างปมก่อเหตุให้ความคิดวนเวียนหมกมุ่นมากมายแล้ว

คงเหมือนที่พระท่านว่าไว้
ถ้ายังไม่รู้จักเจริญสติ
ชีวิตคงวนอยู่กับความวุ่นวายไม่รู้จบ..

ชีวิตหนอนยังห่างไปจุดนั้นอีกหลายปีแสงเลยค่ะพี่


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:14:00:04 น.  

 
ผมมานั่งคิดว่าเรารู้ว่าอดีตชาติก่อนเป็นอย่างไร แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อตอนนี้ ณ ปัจจุบันเราลำบากอยู่ สู้ทำวันนี้ต่อไปจะดีกว่า รู้เรื่องที่ไม่จำเป็นต้องรู้ สมมติต่อให้เรารู้ว่าชาติก่อนเราทำอะไร เป็นอะไร (รู้ถูกต้อง 100%) แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ทำวันนี้แหละสำคัญ ไม่ใช่วันนี้ตอนนี้ วินาทีนี้เลย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:15:58:51 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องก๋า

มาแอ่วเชียงใหม่กลับที่พักมืดทุกวันไม่มีเวลาเข้าบล็อกเลย

เมื่อวานเพื่อนพาไปนั่งเรือล่องแม่ปิงตอนกลางคืนนักท่อง

เที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนจีนหนุ่มสาวคนรุ่นป้าก้มีแต่กลุ่มป้านั่น

แหละจ๊ะ กลับที่พักมืดเลยวันนี้ก็ออกไปทั้งวันเพิ่งกลับมา

มื้อกลางวันไปทานสลัดร้านโอ้กับจู๊คนเยอะมากเห็นคนนั่ง

คอยกันพอดีเพื่อนฉลาดให้ลูกสาวไปสั่งคอยไว้ก่อน

เชียงใหม่เดี๋ยวนี้รถเยอะมากเหมือน กทมเลยพรุ่งนี้กลับแต่

เช้าคงถึงบ้านค่ำค่อยกลับไปโหวตให้ค่ะ




โดย: พรไม้หอม IP: 118.172.151.129 วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:18:42:11 น.  

 
สวัสดีค่ำๆค่่าพี่ก๋า
ฟ้าหนีเข้าป่าก่อนนะ อาจไม่ได้เข้าบล็อกแวะมาทัก :)


โดย: กาบริเอล (ลืม log in) IP: 171.99.45.196 วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:18:55:37 น.  

 
กลางวันมาอ่านมาเม้นท์ทีแล้ว ใช้มือถือต่อแทน
แอร์การ์ด..เข้าโน๊ตบุค เม้นท์ยาวไปนิด หมุนติ้ว ๆ
หลุดเลยครับ 555

เลยกลับมาเม้นท์ต่อ

กรรมดี กับกรรมไม่ดี มีติดตัวติดกับ จิต ของผู้นั้น
นานเท่านาน... ผมเชือเหมือนกับ พระอาจารย์หลาย
ท่านสอนไว้

กรรมไม่ดี บางทีไม่ต้องรอชาติหน้า บางทีวันเดียว
ก็เจอยังมีเลยครับ

บางคนคิดว่าเป็นไปได้ไง กว่าคนจะตายอายุตั้งเยอะ
จริงแล้ว ชาติ แต่ละชาติ เวลาไม่เท่ากัน

บางคนไปเกิดเป็นเต่า ก็นาน... เกิดเป็นแมงเม่าก็
ไม่นาน ถ้าเกิดเป็นยุง ไม่เกิน 7 วันมังครับ

ถ้าไปเกิดเป็นสุนัข นานหน่อย แต่กว่าจะได้กินอาหาร
ถูกราดด้วยน้ำร้อน ถูกคนเตะ.... ถ้าเจอมีเจ้าของก็
ดีหน่อย กินอาหารเม็ด 555

คนถ้าจิตใจไม่ดี มันจะสะสมไว้ติดตัวนานแสนนาน
พระอาจารย์หลายท่านบอกว่า มันเกาะติดไปชาติ
หน้าด้วย... รวมทั้งกรรมไม่ดี ต้องชดใช้ แก่กรรม
ไม่ได้

ส่วนระลึกชาติ ส่วนใหญ่จะระลึกได้ตอนอายุยังน้อย
โตมาก็ลืม

คนที่ทำสมาธิได้บ่อย จนเกิด วสี หรือชำนาญจะ
มีโอกาศ เข้าไปถึง ฌาน สู่ ญาน ขั้นสูง รู้เรื่อง
ในอดีตชาติ หรือรู้ล่วงหน้า... ผมก็เชื่อเช่นนั้น

ส่วนใหญ่จะเป็นพระภิกษุผู้ใหญ่ อยู่สายปฏิบัติ
มากกว่า รับนิมนต์ มีกรรมวิธีมาก อุ๊บ..เผลอ
พูดไปแล้ว ไปละครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:19:16:09 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ก๋า

นู๋ก็อยากจะรู้ว่าชาติที่แล้วเป็นอะไรนะคะ
คิด ๆ ดู รู้แล้วจะได้อะไร ทำชาตินี้ให้ดีที่สุดดีกว่า
ก็เลยไม่ได้ถาม หรือหาหมอดูแล้วค่ะ
นี่ไม่ได้ดูดวงมาจะสิบห้าปีแล้วมั๊งคะ


โดย: ปรัซซี่ วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:20:33:50 น.  

 
ในความเชื่อของผมก็ยังคิดว่าชีวิตนี้เราเริ่มต้นด้วยกรรมเก่าครับ เราจึงต้องทำกรรมใหม่ที่ดีเพื่อชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นครับผม


โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:20:46:38 น.  

 
ทักทายยามค่ำค่ะคุณก๋า




โดย: mambymam วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:21:06:45 น.  

 
แวะมาตอนดึก คาดว่าบ้านนี้หลับไปแล้วคับ


โดย: mariabamboo วันที่: 4 ตุลาคม 2557 เวลา:22:36:32 น.  

 
วันนี้ต้องค่อยๆอ่านช้าๆค่ะ
จิต สร้าง ตัวตน
พี่เปรียบเทียบกับ ฮาร์ดดิสก์ ชัดเจนดี
นึกได้อีกอย่างนึงค่ะพี่ก๋า
ฟอร์แม็ท ทิ้งซะ จะได้เป็นศูนย์ค่ะ



โหวตข้อคิดให้ค่ะ


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 5 ตุลาคม 2557 เวลา:0:01:10 น.  

 
ภาพสวยค่ะ

พินิจพิศดูแต่ละส่วน งามมาก...




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 5 ตุลาคม 2557 เวลา:7:26:50 น.  

 
ภาพสวยมากๆๆเลยพี่ก๋า
คำถามยากนะคะ พี่ก๋าตอบได้เก่งค่ะ เข้าใจเปรียบ ฮาร์ดดิส /คอมพิวเตอร์ มันเข้าใจได้ชัดง่ายดีค่ะ


โดย: saaikaew IP: 110.170.246.14 วันที่: 6 ตุลาคม 2557 เวลา:14:29:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]