สิงหาคม 2565
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
3 สิงหาคม 2565

: จุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งที่ 5 :


: จุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งที่ 5 :








ผมทำร้านเครื่องหนังกับพ่อมานานกว่า 25 ปี
พอเรียนจบจากลาดกระบัง ตั้งใจว่าจะเป็นสถาปนิกสัก 1 ปีเพื่อหาประสบการณ์
จากนั้นจะไปสมัครเป็นอาจารย์ที่สถาบันเดิมซึ่งเคยเรียน
ผมอยากเป็นครูมาตลอดชีวิต เป็นวิชาชีพที่ผมศรัทธาที่สุด
แต่พอทำงานได้หนึ่งเดือนที่สำนักงานสถาปนิก
พ่อก็เรียกผมเข้าไปคุยและบอกว่า

“มึงไปลาออก แล้วมาช่วยป๊าหน่อย ป๊าจะเปิดร้านเครื่องหนัง”

ผมใช้เวลาเรียนถาปัตย์ 7 ปี เป็นสถาปนิกได้เพียง 1 เดือน
ก็ต้องไปขอลาออก เพื่อทำงานซึ่งผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีความถนัดเลย

วันที่ผมไปแจ้งลาออกกับเจ้าของ
ท่านตกใจและถามว่ามีปัญหาอะไรในการทำงานหรือเปล่า
ผมจึงเล่าให้ท่านฟังว่าพ่อกำลังจะเปิดร้านเครื่องหนังและไม่มีใครช่วยงาน
ผมเลยต้องลาออกเพื่อไปช่วยงานของครอบครัว
มันเป็น “หน้าที่” ซึ่งผมคิดว่าตัวเองต้องทำในฐานะลูก
ผมยังจำคำพูดของท่านได้ดีที่ท่านบอกว่า

“พี่เชื่อว่าคุณจะประสบความสำเร็จในการทำงานอย่างแน่นอน”




หลังจากนั้นผมก็เริ่มต้นทำงานที่ร้าน “นิวบุญครองเครื่องหนัง”
ด้วยความรู้ทางธุรกิจเป็นศูนย์ เริ่มต้นทุกอย่างจากความไม่รู้
ค่อย ๆ เรียนรู้ สะสมประสบการณ์
เราผ่านช่วงวิกฤตหนักหนามาหลายครั้งหลายคราว
เคยมีหนี้จำนวนมากที่ต้องใช้เวลานานนับสิบปีกว่าจะจ่ายชำระหมด
เคยเจอเหตุการณ์ประท้วงทางการเมือง ภัยธรรมชาติ สงครามระหว่างประเทศ
หรือเหตุการณ์ช็อกโลกอย่าง 911 โรคซาร์ส และสึนามิ
แต่จะแย่ยังไงเราก็ผ่านมันมาได้ตลอด
ชะงักงันสักระยะ ก็หาทางกลับออกมาจากปัญหาได้เสมอ



จนมาเจอ “โควิด” ในช่วงปลายปี 2562
จีนพบผู้ป่วยหลายรายมีความเชื่อมโยงกับตลาดขนาดใหญ่
ซึ่งจำหน่ายอาหารทะเลและสัตว์ป่าที่เมืองอู่ฮั่น
ตอนนั้นผมยังนั่งคุยกับไกด์และเจ้าของทัวร์อยู่เลยว่า
อย่างมากก็ไม่เกิน 3 เดือนก็จบ โรคอะไรก็รักษาหายทั้งนั้น
ไม่น่าเชื่อว่าจนวันนี้ (สิงหาคม 2565)
โควิดก็ยังอยู่กับเราและไม่จากไปไหน แถมยังกลายพันธุ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ธุรกิจท่องเที่ยวที่ผมทำอยู่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงตั้งแต่เริ่มมีการปิดเมือง ปิดประเทศ
ผมได้แต่อดทน รอคอย ด้วยความหวัง
“เดี๋ยวมันก็ดี”
“เดี๋ยวก็กลับมาเปิดร้านได้อีก”
แต่ยิ่งรอ ยิ่งนานวัน โอกาสยิ่งริบหรี่ลงไปเรื่อย ๆ
และในที่สุด...ก็ถึงวันที่เราต้องตัดสินใจว่าจะ “หยุด”



แม้ผมจะรู้สึกเสมอว่าผมคงไม่ทำร้านไปตลอดชีวิตแน่ ๆ
ถึงวันหนึ่งผมคงเลิก และไปทำอะไรที่ผมอยากทำจริง ๆ
แต่พอมันเกิดขึ้นในชีวิตเวลานี้ก็อดไม่ได้ที่จะ “ใจหาย”

การเปลี่ยนแปลงในรอบนี้
สอนผมให้รู้ซึ้งถึง “ความไม่แน่นอน” ในชีวิต
ใช่ --- มันไม่มีอะไรแน่นอนจริง ๆ
และเราต้องรับมือกับมันให้ได้
ไม่ว่ามันจะจบลงอย่างไร

เกือบสามปีที่อยู่กับโควิด
ผมใช้เวลาทบทวนความคิดตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
และเริ่มมองหาเส้นทางใหม่ที่จะต้องเดินต่อไป
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
โดยไม่สนใจหรอกว่าเราจะอยากเปลี่ยนแปลงไปกับมันหรือไม่
สุดท้ายสิ่งที่เราต้องทำคือ “ยอมรับความจริง” และ “ใช้ชีวิต” ต่อไป



ผมเขียนบันทึกชุดนี้ขึ้นมา
เพื่อตรวจทานความคิดของตัวเอง
เมื่อมาถึงบทสรุป เราต้องตอบตัวเองได้ด้วย
ว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไร
โดยไม่ต้องไปเสียใจกับทุกสิ่งที่เคยได้ทำมา

นิวบุญครองเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมมาอย่างยาวนาน
เรากิน นอน ทำงาน และ เติบโตอยู่ที่นี่มานานกว่า 27 ปี
บัดนี้เมื่อมันถึงวันที่ต้องจบ เราก็ต้องจาก
และเหลือไว้เพียง “ความทรงจำ” ที่ครั้งหนึ่งเคยมีร่วมกันมา



ผมเก็บของในห้อง ทยอยเก็บของในร้าน
เดินถ่ายภาพเก็บไว้ในหลายมุม
บอกลาศาลตายายเจ้าที่ และศาลพระพรหมหน้าบ้าน
พูดคุยกับคนในบ้านเรื่องการย้ายบ้านในครั้งนี้

อีกไม่กี่วันเราจะย้ายไปอยู่ที่บ้านอีกหลัง
ส่วนเรื่องธุรกิจไว้ค่อยตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเอายังไงต่อ

ผมนึกถึงคำพูดของเจ้านายเก่าอีกครั้ง

“พี่เชื่อว่าคุณจะประสบความสำเร็จในการทำงานอย่างแน่นอน”



27 ปีที่ “นิวบุญครอง เครื่องหนัง”
ผมคงพอบอกตัวเองได้ว่านี่เป็น “ความสำเร็จหนึ่งในชีวิต”
เพราะเราทำงานอย่างตั้งใจ ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพของตัวเอง
มีคนมากมายที่รักเราทั้งไกด์ คนขับรถ และเจ้าของทัวร์
มีลูกน้องที่เคยร่วมทำงานกันมาอย่างยาวนาน
มีคนพูดถึงเราในแง่บวก มีสิ่งดีดีที่เราเคยทำไว้

ผมรู้สึก
“ขอบคุณ” ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
ผมไม่ได้เสียใจอะไรเลย
ไม่ได้เสียดายด้วยที่เราเคยเกือบได้เป็นเจ้าของที่ดินแห่งนี้
แต่สุดท้ายเมื่อไม่สามารถซื้อขึ้นมาเป็นของตัวเอง
ผมก็ยอมรับความจริงได้ง่ายมาก
ว่ามันคงไม่ใช่ของเรา เราเลยไม่ได้ครอบครอง

และจากนี้...
ผมก็คงต้องเตรียมตัวเริ่มต้นใหม่
กับชีวิตใหม่...ที่ไม่ได้อยู่ที่เดิม



























 



Create Date : 03 สิงหาคม 2565
Last Update : 3 สิงหาคม 2565 7:09:47 น. 33 comments
Counter : 1393 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtanjira, คุณtuk-tuk@korat, คุณmultiple, คุณปัญญา Dh, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณmariabamboo, คุณอุ้มสี, คุณเริงฤดีนะ, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณหอมกร, คุณnonnoiGiwGiw, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณทนายอ้วน, คุณThe Kop Civil, คุณกิ่งฟ้า, คุณสองแผ่นดิน, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณSweet_pills, คุณhaiku, คุณnewyorknurse, คุณร่มไม้เย็น


 
สวัสดียามเช้าค่ะก๋า

พี่เข้าใจเลยค่ะว่าการที่เราต้องหยุดทำสิ่งที่เราเคยทำมารู้สึกใจหาย
ร้านที่เคยคิดว่าเราจะซื้อแต่แล้วก็ไม่ได้ซื้อ อารมณ์มีเสียดาย
แต่นั่นก็เพราะมันไม่ใช่ของเรา อย่างก๋าบอกค่ะ

พี่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่เมื่อตอนตามไปดูแลน้องป่านที่กทม.
และอีกครั้งคือการกลับมายืนที่เดิมในที่ที่คุ้นเคยนั่นคือบ้านอีกครั้ง

เราคิดว่า อย่างเราอยู่ตรงไหนก็ได้เราปรับตัวเองได้นะคะ
อาจใช่เวลา อาจจะคิดเสียใจบางสิ่ง แต่ทุกสิ่งที่ไม่ใช่ของเรามันก็คือไม่ใช่นะคะ

พี่ขอให้ก๋าประสบความสำเร็จไม่ว่าจะทำกิจการใดๆค่ะ
ก๋าเป็นคนใส่ใจในรายละเอียดที่ตัวเองทำ พี่เชื่อว่าสำเร็จในทุกสิ่งแน่นอนค่ะ

โควิดมันทำลายล้างทุกอย่างบนโลกจริงๆนะคะ
คนที่มีสายป่านยาว คือคนที่อยู่รอดค่ะ
คนที่มีสติ ประคองสติได้ก็อยู่รอดค่ะ
แต่พี่ก็ยังเชื่อว่าเราจะค่อยๆรับมือกับมันไปค่ะ

ก๋า มาดาม หมิงหมิง มีความสุข รักษาสุขภาพนะคะ


โดย: tanjira วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:7:11:08 น.  

 
สวัสดีเจ้า
พอดีหันในเฟสเลยฟั่งเข้าบล็อกมา
จากก๋านที่พี่ตุ๊กได้หยุดงานก่อนเกษียณหลายปี๋ - เพราะคนไข้หน้อยลงแหละ
บอกหื้อฮู้ว่าชีวิตเรายังมีอีกมากมายหลายแบบ
บอกหื้อฮู้จักขอบเขตของความอยากแบบที่คุณก๋าได้ไปพบที่อินเดีย
บอกหื้อฮู้จักกับคำว่าพอละ
บอกหื้อฮู้ว่าความสุขสงบอยู่ที่ใจ๋เฮาเอง
ขอเป็นกำลังใจ๋หื้อคุณก๋าเริ่มต้นชีวิตรูปแบบใหม่และขอหื้อมีความสุขกับสิ่งใหม่ ๆ เน่อเจ้า



โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:8:06:15 น.  

 
ประสบการณ์ในช่วงชีวิตที่ผ่านไปแล้ว
ทำให้คุณก๋าสู้ชีวิตได้อย่างเข้มข้น
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะคะ

พี่อ่านทุกคำที่คุณก๋าเขียน
ทึ่งมากและขอเป็นกำลังใจ
ให้สู้ชีวิตที่กำลังจะผ่านมาด้วยค่ะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:8:48:06 น.  

 
สวัสดีครับ

ส่งกำลังใจให้คุณก๋าประสบความสำเร็จในกิจการใหม่ที่จะทำด้วยครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:8:49:48 น.  

 
ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจ ขอให้เจอเส้นทางใหม่ที่ดีในเร็ววันนะคะ


โดย: ภัทร IP: 49.228.202.240 วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:8:56:30 น.  

 
เส้นทางชีวิตคุณก๋า นี่น่าจะสลับ กับ อ.เต๊ะ นะครับ
เรียนก็เรียน สถาบันเดียวกัน ที่ไม่เหมือนกันคือ
พอเรียนจบ อ.เต๊ะก็ทำงานสถาปนิกทั้งเอกชนและ ราชการ ไม่เคยคิดจะมาเป็นครูเลย
ทำงานจนอายุ 35 ก็ไปเรียน ป.โท แล้วก็กลับมาเป็นอาจารย์มหาลัยจนถึงปัจจุบันนี่แหละครับ เพื่อนบางคนก็ไปเป็นสจ๊วตมั่ง นักบินบ้าง บางคนไปทำลำโพงขายก็มี แล้วแต่ความชอบ

แต่ไม่ว่าเราจะทำอะไร ขอแค่รักในงานที่เราทำ เราก็จะมีความสุขเสมอนะครับ

ชีวิตคนเราบางทีไม่ต้องใฝ่คว้ามาก
การได้อยู่กับครอบครัวที่เรารัก มีสุขภาพแข็งแรง
ตอบเม้นท์เพื่อนๆ วันละ คน2คน เย้ย555
แค่นี้สำหรับ อ.เต๊ะ ก็พอแล้วละครับ

ปล.ที่ร้านมี ตันก้ามปู เหมือนบ้าน อ.เต๊ะ เลยนะครับนี่
ใบก็ขยันร่วง กวาดไม่ไหวเลยจริงๆ 555



โดย: multiple วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:9:02:46 น.  

 
ส่งกำลังใจนะคะพี่ก๋า

ทุกอย่างบนโลกใบนี้ไม่แน่นอน
และไม่จีรังเสมอไปจริงๆ ค่ะ

เชื่อว่าพี่ก๋าจะเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง
การเปลี่ยนแปลง คือความทรงจำและประสบ
การณ์ที่ดีเสมอค่ะ


โดย: น้องเปิ้น ฝนรินเดือนมิถุนายน IP: 122.155.38.103 วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:9:16:11 น.  

 
ส่งกำลังใจ และขอให้เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดี มั่นคงค่ะพี่


โดย: mariabamboo วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:9:30:56 น.  

 
สวัสดีครับคุณภัทร

ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะครับ





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:9:43:04 น.  

 
สวัสดีครับน้องเปิ้น

ขอบคุณครับ
พี่ก๋ามีอะไรทำทุกวันเลย
ระหว่างเกือบสามปีที่ผ่านมา
และเพราะมัวแต่รอนี่ล่ะครับ
เลยยังไม่ได้เริ่มทำอาชีพใหม่เสียที 555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:9:46:28 น.  

 
ขอบคุณครับแม่โม

อะไรที่เกิดขึ้น
ล้วนดีเสมอครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:9:51:55 น.  

 
มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: me-o IP: 171.4.236.150 วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:10:02:21 น.  

 
เป็นจุดเปลี่ยนจริงๆ เลยจ้า


โดย: อุ้มสี วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:10:04:50 น.  

 
เห็นกิจการแล้วใจหายครับ....

แต่ที่ผ่านมาเห็น เพื่อนหลายคนต้องหยุดกิจการ หรือลดขนาดกิจการลงเยอะ พอเลี้ยง ๆ ประคองไปก่อน

เพื่อนคู่หนึ่งที่เคยชวนให้ผม เขียนประชาสัมพันธ์สินค้าประจำ
ที่บ้านเพื่อนเขาทำเครื่องหนังเหมือนกัน แต่ก็ต้องหยุด.. คนหนึ่ง
หันไปเข้ารับราชการ อีกคนยังเวียนว่ายอยู่ในวงโฆษณาอยู่

เรา ๆ คงต้องรอวันที่จะฟื้นกิจการหรือทำอะไรใหม่ ๆ เอาใจช่วยคุณก๋าครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:10:06:36 น.  

 
โควิดมันเหนือความคาดหมายจริงๆ
สงครามยังมีวันเลิกรา
ฟื้นกลับมาสู่สถานการณ์ปกติได้
แต่กับเชื้อโรคร้ายนี้..
มันทำร้ายลึก...ทั้งระบบ
แถมมีตัวใหม่ๆ..รุกรานเพิ่มเติมมาอีก

หลังจากรอมากว่า 3 ปี
คุณก่าและครอบครัวตัดสินใจที่จะยุติกิจการ
กับร้านที่ทำมากับคุณพ่อ
..จวบจนร้านเป็นประดุจหนุ่มฉกรรจ์

เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต
อีกครั้งหลังเรียนจบ..

ไม่ว่าคุณก๋าจะทำอะไรก็ตามพี่อ้อ ครอบครัวตัว อ.
ตลอดจนเพื่อนๆSocialทั้งหมดทั้งปวง
มีความปรารถนาดี
และส่งกำลังใจ♥️กับก้าวย่างครั้งใหม่นี้


ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
May The Force Be With You.





โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:10:31:50 น.  

 
ขอให้เสร็จเรียบร้อยได้ตามที่กำหนดไว้นะคะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:11:59:26 น.  

 
รุนแรงขนาดต้องปิดกิจการเลยเหรอคุณก๋า
น่าใจหายจังเนอะ ทำอะไรดีหละที่นี้



โดย: หอมกร วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:12:31:49 น.  

 
ผมเข้าใจเลยครับพี่ก๋า การที่ต้องเลือกระหว่าง Duty กับ Passion
พี่ก๋าก็มีทางของพี่ก๋า มีอะไรที่อยากทำ แต่การที่ต้องกลับมาทำหน้าที่ก็ต้องทำ
เหมือนเป็นโชคชะตาอะไรแบบนั้นรึป่าวครับ
จากที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาเลยก็สะสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ

จริงครับ โควิดครั้บงนี้รุนแรงและยาวนานกว่าวิกฤตอื่นๆ ที่ผ่านมา ที่เราเคยเจอ
ไม่มีใครคิดหรอกครับว่ามันจะยืดเยื้อยาวนานขนาดนี้
ทำให้ชีวิตของใครหลายต่อหลายคนเปลี่ยนแปลงไปหมด อาชีพที่ทุกคนคิดว่ามั่นคงและไม่มีทางตกทางก็ตกงาน

เดี๋ยวๆๆ ผมเดจาวูบล๊อกนี้ของพี่ก๋ามากครับ เหมือนเคยนั่งอ่านนั่งเม้นแบบนี้แล้วครั้งนึง

27 ปีในธุรกิจครอบครัว ถือว่าเป็นความสำเร็จหนึ่งในชีวิตจริงๆ ครับ
ผมชอบแนวคิดนี้ของพี่ก๋ามากๆ แสดง เมื่อเราตั้งใจทำอะไร และทุ่มเทกับมันสิ่งนั่นจะคือความสำเร็จอย่างหนึ่งของเรา ไม่มีอะไรน่าเสียดายเลย เมื่อทุกสิ่งเราลงมือทำไปเต็มความสามารถ และเต็มที่ในทุก ๆ วัน
ผมว่าพี่ก๋า ก็ไม่เสียใจครับ เพราะตลอด 27 ปี เต็มที่กับธุรกิจร้านเครื่องหนังนี้แล้ว ภาพร้านจะเป็นความภูมิใจของพี่ก๋าเสมอ

ต้นไม้หน้าร้านใหญ่มากกกกครับ น่าจะอยู่มาก่อนร้านอีก จากกันต้องคิดถึงแน่นอน
ร้านก็น่าอยู่มาก ๆ ครับ


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:13:57:44 น.  

 
ขอตามไปอ่านตอนก่อนหน้าก่องนะคะ


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:14:00:31 น.  

 
เรื่องนี้ทำให้ได้เรียนรู้อย่างคือ โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน บางครั้งเรามีหลายคำพูดอยากพูดออกมาแต่ก็จำต้องอดทนไว้ ผมเชื่อว่าตั้งแต่โควิดมาทุกอย่างมันผิดปกติไปหมด ทุกคน รอบๆ ตัว ผิดปกติไปหมด แม้แต่ตอนนี้ทางผมก็ผิดปกติ

พูดไปมันก็เหมือนเลียแผลใจกัน ปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ชีวิตเราแย่ไปหมด มีเพื่อนคนหนึ่งที่ผมรู้จัก ตอนแรกเขาไม่ได้อยากกลับไทยเท่าไหร่ แต่เพื่อนๆ แววกันว่า กลับมาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติเถอะ จนเขาก็กลับมา มันก็ผ่านมานานแล้วแต่คำพูดหนึ่งที่พวกเราไม่ลืมกันเลยก็คือ "กูไม่น่ากลับมาประเทศนี้เลย"

ชีวิตเราจะเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ได้จากอะไรบ้าง อ่านหนังสือ อย่างเดียวคงไม่พอ คุยกับคนที่มีประสบการณ์สิ อันนี้แหละเราได้เรียนรู้เยอะ จากประการณ์การพูดคุยกับผู้คน ประเทศไทยเราถนัดการคั้นหัวกะทิทิ้งมากกว่าที่คิดเสียอีก


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:15:10:13 น.  

 
วันที่ 24 นี่ถึงพ้นไป ก็รักษาการจนกว่าจะมีคนใหม่อยู่ดีคุณก๋า



โดย: หอมกร วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:15:57:24 น.  

 
25 ปี มันก็คือ 1/4 ของศตวรรษเลย ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ ความรู้สึกที่ต้องจากลา มันไม่ใช่แค่สถานที่แต่มันรวมไปถึงผู้คน บรรยากาศต่างๆ ด้วย

ประเทศนี้ดูสิ้นหวังมาก ไม่แปลกใจที่ข่าวอาชญากรรมจะพุ่ง ข่าวฆ่าตัวตายไม่เว้นแต่ละวัน


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:16:16:57 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

วิกฤตครั้งนี้ หนักเอาการถึงกับต้องปิดกิจการที่ทำมาถึงยี่สิบกว่าปี
ก็ต้องมีความผูกพัน เสียดาย อันเป็นธรรมดาของปุถุชน ถึงจะไม่ได้
รักหรือตั้งใจจะประกอบอาชีพนี้ก็ตาม แต่การได้ร่วมกันก่อตั้งร้านนี้มานาน ย่อมต้องรู้สึกเสียดาย อาลัย แน่นอน
เรื่องราวชีวิตของเธอคล้ายกับชีวิตของครูเช่นกัน พ่อครูเปิด
โรงงานทำน้ำหวานมายี่สิบกว่าปี ก็ต้องปิดกิจการลง เพราะไม่มีใคร
ดำเนินการต่อ รับช่วงต่อ แต่ของครู พ่อปิดกิจการไปเพราะพ่อเริ่ม
ป่วยและครูเองก็ต้องไปเรียนที่ บางแสน พี่น้องก็ไม่มีใครดำเนินการ
อาชีพครูจึงไม่ต้องถูกให้ออกมาช่วยงานที่บ้าน แต่ถึงจะดำเนินกิจการค้าต่อ พ่อก็ไม่บังคับครูอยู่แล้ว ครูจึงโชคดีกว่าเธอ คือ ได้เลือกอาชีพที่ครูชอบ และดำเนินอาชีพนี้จนเกษียณ ที่น่าเสียดาย คือ พ่อจากไปก่อนที่จะเห็นความสำเร็จของครูหลังจากที่ครูเรียนอยู่ปีหนึ่งเท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่ครูเสียใจที่สุดเรื่องหนึ่งของครูที่ไม่มีโอกาสได้ตอบแทน เลี้ยงดูพ่อให้สุขสบายเลย เฮ้อ !
ครูเชื่อว่า ด้วยความสามารถของก๋า ด้วยมีความรู้ในหลาย ๆ
เรื่อง หลาย ๆ ด้าน ด้วยวัยที่ยังไม่มากนัก น่าจะได้เลือกอาชีพที่
ตัวเองรัก คือ อาชีพครูได้นะ สมัครเป็นอาจารย์ได้ และครูคิดว่า
เธอจะเป็นครูที่ดีได้อย่างแน่นอน

โหวดหมวด บันทึกประฃสบการณ์ชีวิต


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:17:58:33 น.  

 
ชีวิตคือการเรียนรู้ ไม่ว่าเราจะได้ จะเสีย จะสุข จะทุกข์ สมหวังผิดหวัง ฯ ถ้าเหตุการณ์นั้น ทำให้จิตวิญญาณเราได้ข้อคิดได้เรียนรู้ อย่างซาบซึ้งถึงใจแล้ว มันก็หาค่าไม่ได้กับความยาวนานของวัฏฏะของเรา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เห็นเป็นธรรมดา ยอมรับมันได้จากใจ โดยไม่ทุกข์ โศกเศร้า คร่ำครวญ ก็คุ้มค่าแล้วค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:18:08:23 น.  

 
คุณก๋าลองเอาเครื่องหนังมาไลฟ์สดขายดีไหมครับ ขายออนไลน์ ผมเห็นหลายๆ คนขายหลายๆ อย่างทางออนไลน์ ทาง Tiktok

คุณก๋าสาามารถทำงาน ทำอาชีพได้หลายๆ อย่างเลยนะครับ รับวาดภาพ รับถ่ายรูป เขียนหนังสือ หรือจะกลับไปทำงานสถาปนิกก็ได้

ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณก๋านะครับ คุณเป็นคนมีความสามารถมากๆ คุณสามารถทำอาชีพได้หลายอาชีพนะครับ ว่าแต่คุณสนใจอยากเป็นนายกไหมครับ


โดย: สมาชิกหมายเลข 7147732 วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:18:12:12 น.  

 
คุณก๋าเชื่อมั๊ยว่าบอลไม่เคยได้ทำอะไรที่อยากทำเลยครับ


เริ่มจากอยากเรียนศิลป์ - ภาษา แต่พ่อให้เรียนวิทยฺ

เอ็นท์ครั้งแรกเรียนวิทยาศาสตร์ วิชาที่เป็นไม้เบื่อไม้เมามาตลอด 3 ปี ที่เรียนมัธยมปลาย


จะเอ็นท์ครั้งที่ 2 จะเลือกคณะที่อยากเข้าพ่อก็ให้แม่มาขอว่าให้เลือก นิติ อันดับนึงนะ พ่ออยากให้เรียน สุดท้ายก็เรียนนิติสมความตั้งใจพ่อ แล้วไปต่อโทนิติอีกตะหาก


กลับมาเมืองไทยก็ทำงานกฎหมายไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าตัวเองชอบหรือเปล่า แต่ไหนๆก็เสียเงินเรียนมาแล้ว ฮ่าๆๆๆ


ถ้าถามว่าบอลชอบอะไร ตอนนี้บอลลืมไปแล้วครับว่าตอนเด็กๆอยากเป็นอะไร


ที่ผ่านมาชีวิตก็ดีมากนะครับ ไม่ใช่ไม่ดี เลยเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกเสียดาย หรือต้องเรียกร้องอะไร ออกจะรู้สึกว่าต้องขอบคุณพ่อมากๆ ที่วางแผนอนาคตมาให้ได้ขนาดนี้ครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:20:59:40 น.  

 
ขอบคุณนะครับ สำหรับกำลังใจให้บล็อก - วัดวรโพธิ์ อยุธยา ครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:20:59:53 น.  

 
โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนจริง ๆ ครับ ใครจะคิดว่าโควิดจะทำลายล้างเศรษฐกิจไปทั่วโลกแบบนี้นะครับ
เห็นร้านคุณก๋าแล้วใจหายเหมือนกันนะครับ ยิ่งรูปถ่ายโทนนี้ด้วยครับ
เมื่อปีที่แล้วตอนผมไปวิ่งที่บางแสน ไปนั่งกินข้าวที่ร้านคุณยายคนนึง แกให้เยอะมาก ๆ ครับ เยอะผิดปกติ ตอนจ่ายตังค์ ผมก็เลยถามแกว่าทำไมให้เยอะจัง แกบอกว่าดีใจมาก ๆ ที่คนมากินที่ร้าน หลังจากปิดมาหลายเดือนเลย


โดย: The Kop Civil วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:21:13:03 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องก๋า อ่านแล้วรู้สึกใจหายแทนน้องก๋าเลยค่ะ เสียดายมาก ร้านที่เราสร้างมาเป็นเวลาหลายปีต้องมาหยุดลงและปิดไปในที่สุด โควิดเป็นตัวทำลายล้างโลกจริงๆค่ะเดือดร้อนกันไปทั่ว
พี่กิ่งเชื่อว่าน้องก๋าต้องเจอเสนทางใหม่ที่เจริญรุงเรืองนะคะ

โหวต Diarist นะคะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:21:57:42 น.  

 
ผมก็ทำตามคำพูดของพ่อ ให้รับราชการ ก็ทำมาจนทุกวันนี้
ได้เรียนเพิ่ม ได้ปริญญาอีก 2 ใบ
อยากเปลี่ยนอาชีพ ก็มีคนทักท้วงว่าเราไปทำงานสายนั้นไม่ได้หรอก เพราะเราเถรตรง ตงฉิน
อยากไปเป็นทนาย ก็เกรงว่า จะช่วยผู้บริสุทธิ์ได้ไหม

ชีวิตคือการต่อสู้ สู้กับทุกอย่าง(ที่ถูกหลักธรรม)จนกว่าจะชนะ
ล้มแล้วก็ยืนขึ้นใหม่

วันนี้ ช่วงค่ำ ฝนตกพรำๆ










โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:23:17:29 น.  

 
ใจหายค่ะ
แต่สิ่งดีๆในเส้นทางใหม่ ในที่ที่เป็นของเราจริงๆ
อาจกำลังรอคุณก๋าอยู่นะคะ

เมื่อวานไม่ได้เข้าบล็อก จะย้อนอ่านจุดเปลี่ยนที่ 4 ด้วยค่ะ
ฝันดีนะคะคุณก๋า


โดย: Sweet_pills วันที่: 4 สิงหาคม 2565 เวลา:0:12:33 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องก๋า

มาส่งกำลังใจค่ะ และอวยพรให้น้องก๋ามีความสำเร็จในสิ่งที่จะทำนะคะ

พี่เองไปนิวยอร์ก ทำงานพอมีเงินบ้าง ลงทุนเปิดปัั้มน้ำมันกับเพื่อน
และขาดทุนขาดทุน สภาพการเงินของครอบครัว ติดหนี้ธนาคารประมาณ3 หมื่นเหรียญ ดอกเบี้ย 13% และพี่เพิ่งคลอดลูกคนที่สองคลอดก่อนกำหนดด้วยต้องอยู่รพ หลายเดือน กลับบ้านก้ต้องดูแลหลายเดือน กลับไปทำงานไม่ได้ หนี้ก็ต้องจ่ายแถมยังไม่หมดนะ เกิดคุณสามีไปเซ็นต์รับรองให้นศ เกษตรที่มาเรียนต่อ อยากได้รถ และไม่ผ่อน หนีไปทั้งคนและรถ เราต้องรับผิดชอบ​(ทำไม่เซ้นต์ให้หรือ ก็เพราะเขามีเพื่อนสนิทที่มีบุญคุณกับเราช่วยเลีัยงลูกคนโต เพราะอยู่นี่ไม่มีญาติจะช่วย เขามาขอร้อง เพราะปฎิเสธไม่ได้ หนี่บุญคุณ) และรายได้เราก็ไม่มี เงินเก็บนิดหน่อยพอค่าใช้จ่ายค่าอาหาร แม้แต่ค่าน้ำค่าไฟยังไม่มีเลย ตกลงต้องขอยืมเพื่อนสามคน ซี่งไม่คิดว่าจะได้ คนไม่ให้ยืมเงินกันง่ายๆหรอก พี่เองตอนนี้ก็คิดว่าไม่ให้ใครยืมเงินและไม่เซ็นต์ค้ำประกันใครอีกเลย อาจจะช่วยให้เงินใช้ แต่ไม่ให้ยืมมากๆ พี่ขอยืมเพื่อนสามคน สัญญาว่าจะคืนเงินให้เมื่อพี่กลับไปทำงานได้ พี่หยุดงานอีกสองเดือน แล้วก็เขียนเช็ค OD ดอกเบี่ย 12% กับธนาคาร คืนเพื่อนและเรากลับไปเป็นหนี่ธนาคาร ผ่อนแบบน้อยๆก่อน
พี่กลับไปทำงานสองแห่ง วันละ 16 ชม หาเงินมาใช้หนี่กว่าจะเข้าที่
เป็นเวลาเกือบสี่ปี ตอนนั้นทำงานมีสองแห่งแทบทุกวัน และหยุดเดือนละวันเท่านั้นเอง

พี่เล่ามาให้น้องก๋ามีกำลังใจ เราล้ม แต่ก็ลุกได้
ตราบใดที่เราสู้ ครอบคร้วคือกำลังใจของเรา



โดย: newyorknurse วันที่: 4 สิงหาคม 2565 เวลา:1:39:10 น.  

 
เวเลซมาจากบล๊อก โยก-ย้าย ของพ่อก๋าค่ะ
เลยไล่อ่านดูว่า พ่อก๋าจะโยกย้ายของไปไหน

โควิดนี่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนจริงๆค่ะ
ถึงจะไม่อยากเปลี่ยนก็ตาม

เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: VELEZ วันที่: 2 กันยายน 2565 เวลา:11:48:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]