สิงหาคม 2565
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
2 สิงหาคม 2565

: จุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งที่ 4 :



: จุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งที่ 4 :









พฤศจิกายน 2562

แม่ไปโรงพยาบาลตามนัดเพื่อฉีดยา แต่พอตอนบ่ายมีอาการเพลียอย่างเห็นได้ชัด
หมอจึงสั่งให้แอดมิดทันที เพราะมีอาการความดันต่ำ และหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
สามทุ่ม...หมอโทรมาแจ้งว่าแม่ต้องเข้าห้อง ICU (ผู้ป่วยวิกฤต)
มีภาวะเสี่ยงต่อหัวใจล้มเหลว หรือหัวใจวายเพราะมีน้ำท่วมปอด
ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแบบสอดท่อ ไม่สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง
เพราะมีอาการเหนื่อยหอบรุนแรง
แม่มีกำลังใจดี มีสติตลอดเวลา แม้จะพูดไม่ได้เนื่องจากต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
เราสื่อสารกันผ่านการเขียน การยกมือและการพยักหน้า
หมอแจ้งให้ทราบว่าแม่มีอาการน้ำท่วมปอด และ ลิ้นหัวใจถูกทำลายจากการติดเชื้อ
ยังไงก็ต้องทำการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนลิ้นหัวใจโดยด่วน

หมอนัดผ่าตัดวันที่ 27 พฤศจิกายน ช่วงเวลาบ่าย 4 โมง
และอยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลจนถึงวันที่ 12 ธันวาคม 2562
จึงได้ออกจากโรงพยาบาล



เมื่อย้อนมองกลับไป
ทุกเวลานาทีมัน คือ “การตัดสินใจ”
โดยมีเดิมพัน คือ ชีวิตของแม่
ผมไม่เคยรู้สึกเสียดายเงินค่ารักษาตัวจำนวนมหาศาลนั้นเลย
แม่มักจะบ่นว่าเสียดาย ทำงานมาทั้งชีวิต
เหมือนเอาเงินให้โรงพยาบาลไปจนหมด
แต่ผมกลับมองเห็นว่าเราโชคดีต่างหาก
ที่ทำงานจนมีเงินเก็บมากพอจะรักษาชีวิตของแม่ไว้ได้

การป่วยครั้งนี้เกินเลยไปจากที่คาดคิด
จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ จากเรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องวิกฤต
ได้คุยกับแม่ว่า เอาเข้าจริง “ชีวิต” ที่ว่าเป็นของเรา
ก็ไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริงเลย ช่วงขณะป่วย เป็นหรือตายหาใช่อยู่ที่ตัวเรา
แต่อยู่ที่กระบวนการรักษา ยา เครื่องมือแพทย์ แพทย์ที่รักษา
ตัวเราทำได้เพียงรักษากำลังใจ รักษาพลังชีวิต ให้ความร่วมมือในการรักษาเท่านั้นเอง
“อะไรก็เกิดขึ้นได้” และ ชีวิตนั้นเพียงพริบตาเดียวจริง ๆ



หลังจากนั้นผมรู้สึกว่าแม่เข้าใจชีวิตมากขึ้น
ปล่อยวางมากขึ้น เห็นความสำคัญของสุขภาพ
และ “ทำใจ” ได้เร็วขึ้นเวลาเกิดปัญหาต่าง ๆ

ผมเคยบอกภรรยาและน้องสาวว่า
หากผมเกิดอาการป่วยหนัก อย่าได้ยื้อชีวิต
ให้ปล่อยผมจากไป อย่าสอดท่อ อย่าต่อสายระโยงระยาง
แต่สุดท้ายผมจึงได้รู้ว่า การมีชีวิตอยู่ของเรา
บางครั้งก็ต้องเข้าใจความหวังของคนที่ยังอยู่ด้วย
แม้เหลือเปอร์เซ็นต์เดียว ทุกคนก็อยากลุ้นปาฏิหาริย์
อยากทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
เพื่อจะได้ไม่มีอะไรมาติดค้างในใจ

พอแก่ตัวลง
อาการป่วย โรคภัยไข้เจ็บก็ถามหาเป็นธรรมดา
อย่าว่าแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายาย
ตัวผมเองตอนนี้แค่ยกของหนักโดยไม่ระวัง
ก็อาจปวดหลังไปเป็นเดือน
พออายุเข้าหลัก 40
ความดันสูงถามหา เบาหวานก็มายืนรอปริ่ม ๆ จนหมอเตือน
จากที่เคยคิดว่าตัวเอง เหล้าก็ไม่ดื่ม บุหรี่ก็ไม่สูบ ไม่เครียด ไม่เที่ยวกลางคืน
สุดท้ายพอวัยถึง ร่างกายก็ทรุดโทรมลงทันที


“อย่าใช้ชีวิตโดยประมาท”
จึงเป็นประโยคเตือนใจที่ดีอย่างยิ่ง
มันทำให้เราไม่ประมาทในการใช้ชีวิต
ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรเคร่งครัดจนอึดอัดในการทำให้ชีวิตเป็นปกติธรรมดา
อยู่กับโรคแบบเพื่อน ป่วยก็รักษา ป้องกันได้ก็ดูแลไว้ก่อน
อะไรจะเกิดก็เกิด เกิดแล้วเป็นอย่างไรก็รับมือ

ยิ่งเติบโตขึ้นข่าวที่รับรู้กลายเป็นข่าวคนรอบตัวทยอยจากไปเรื่อย ๆ
จากคนรู้จักห่าง ๆ กลายเป็นคนใกล้ชิด กลายเป็นญาติพี่น้อง


“ความป่วยไข้” เป็นครูอีกคนที่เหมือนจะใจร้าย
ให้บทเรียนก่อนแล้วค่อยสอน
แต่ถ้าเราย้อนมองกลับไปดูให้ดี
ก็จะพบว่า “สุขภาพ” ที่เรามี
มันคือ ผลของการใช้ชีวิตก่อนหน้านั้นของเรานั่นเอง



















 



Create Date : 02 สิงหาคม 2565
Last Update : 2 สิงหาคม 2565 5:26:38 น. 25 comments
Counter : 674 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณปัญญา Dh, คุณtanjira, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณmultiple, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณhaiku, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณnonnoiGiwGiw, คุณกิ่งฟ้า, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณmcayenne94, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณNENE77, คุณสองแผ่นดิน, คุณThe Kop Civil, คุณnewyorknurse, คุณไวน์กับสายน้ำ


 
สวัสดียามเช้าครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:7:06:34 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะก๋า


ในชีวิตของเรา ต้องมีหลายๆครั้งในการตัดสินใจทำอะไรที่ยิ่งใหญ่
ไม่เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง ก็เปลี่ยนแปลงชีวิตคนสำคัญของเรานะคะก๋า

พี่ก็เจอกับเหตุการณ์นี้มา 2 ครั้ง ครั้งแรกคือย่า
ครั้งที่2 ก็น้าผช ที่ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ

พี่เองก็คิดเหมือนก๋า ถ้าถึงเวลานึงอย่ายื้อชีวิตพี่ไว้เลย
เพราะสุดท้ายมันทรมานกันทั้ง2 ฝ่ายค่ะ
เมื่อจะไปก็ต้องไปแหละ ....

แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำอะไรแบบนี้อีก พี่เองก็ไม่รู้ว่าจะยังไงค่ะ
เพราะเราไม่สามารถตัดสินใจเองได้คนเดียว
ก็คงต้องดูภาพตรงหน้าในเวลานั้นแหละค่ะ

ในเวลานี้เราก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก็พอ ดูแลให้ดีที่สุดนะคะ
เมื่อถึงเวลานึงเราไม่ต้องมานั่งเสียใจกับวันที่ผ่านมา

การเจ็บป่วย เป็นอะไรที่ทรมาน เพราะแบบนี้เราต้องดูแลตัวเองให้มากๆ
จะได้ไม่เป็นภาระให้ลูกหรือพ่อแม่พี่น้องเรานะคะ


.......

น่าเสียดายร้านเดิมนะคะ
แต่วันนึงเมื่อถึงเวลาต้องปล่อยมือไปก็ต้องปล่อยนะคะ
เหมือนพี่สมัยก่อนเคยอยู่ในตลาด แล้วต้องย้ายเข้ากทม.
ก็ต้องปล่อยไป ทั้งๆที่คิดว่าเราจะซื้อตรงนี้ไว้ในอนาคต
แต่เมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยนเราก็ต้องยอมเปลี่ยนและปล่อยนะคะ

ความเจริญมาเร็ว เดี๊ยวนี้แถวบ้านพี่เจริญมากจนพี่คิดว่า
อย่ามาเจริญเยอะ เพราะจะไม่เหลือวิถีชีวิตเดิมๆ
แค่เจริญในแถบใกล้ๆพอ ดีที่แถวบ้านพี่เป็นบ้านเดี่ยวมีพื้นที่
ก็ยังคงสภาพเดิมๆไว้ได้ค่ะ

ก๋า มาดาม หมิงหมิง มีความสุข รักษาสุขภาพนะคะ




โดย: tanjira วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:7:36:49 น.  

 
คุณก๋าเล่าเหมือนทุกอย่างยังอยู่ในความทรงจำจนถึงวันนี้เลย



โดย: หอมกร วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:8:27:19 น.  

 
โรคหัวใจ ค่ารักษาผ่าตัดแพงมากนะครับ
เริ่มต้น หลักแสน อาจไปจบที่หลักล้านได้เลยละครับ

แต่คุณก๋ายังดีที่เข้าถึงการรักษาได้เร็ว
ใน กทม รพ.รัฐ อ.เต๊ะ เคยถามคิวผ่าตัดโรคหัวใจว่า
มีซักกี่คิว หมอบอก แค่ 400 คิว เอ้งงง รอไหวมั้ยจ๊ะ

ทุกวันนี้ ญาติพี่น้อง เจ็บป่วยหนัก ไม่ว่าใครก็อยากจะรักษาเต็มที
แม้ความหวังจะริบหรี่ก็ตามนะครับ เพราะถ้าปล่อยนี่
ก็เป็นเรื่องที่ทำใจลำบากจริงๆ

พอเริ่มเป็น สว.นี่ เช้าตื่นมา ถ้ายังหายใจคล่อง ไม่ปวดตรงนู้น เจ็บตรงนี้ ก็ดีใจมากแล้วละครับ

เงินทองก็เป็นของจำเป็น เอาไว่ต่ออายุ ได้ระดับนึงครับ

ปล.เบาหวานสมัยก่อนว่า เป็นโรคของเศรษฐีครับ
คุณก๋า บอก ข้าควรจะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย 555



โดย: multiple วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:8:51:31 น.  

 
คิดเหมือนคุณก๋าเลยค่ะ ถ้าเกิดอะไรแบบนี้มาอย่ายื้อปล่อยเราไปเลยจะดีที่สุด


โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:9:26:26 น.  

 
สวัสดีค่ะ


โดย: นาฬิกาสีชมพู วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:11:22:15 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องก๋า วันนี้ลำปางฝนตกตลอดตกๆหยุดๆค่ะ
อ่นถึงตอนคุณแม่น้องก๋าเข้าโรงบาล แม่พี่กิ่งตอนนั้น 87 แล้ว หน้าร้อนอากาศมากแม่กินน้ำเยอะมากเพราะร้อนผลน้ำท่วมปอดและแม่เป็นหัวใจโตด้วยแม่อึดอัดปวดหน้าอกรีบพาแม่ไปโรงบาลหมอแอดมิทและบอกแม่หายใจเองไม่ได้ต้องเจาะคอพี่กิ่งสงสารแม่มากแม่คงทรมานออกมาแม่พูดไม่ได้แต่เขียนว่าเอาออกพี่กิ่งปลอบใจแม่บอกเดี๋ยวก้อเอาออกแล้วถ้าแม่หายใจเองได้แต่แม่ก็จากไปทำให้พี่กิ่งโกรธแค้นหมอว่าทำไมคนป่วยอายุตั้ง 87 แล้วต้องเจาะคอคนไข้จะรับได้อย่างไร สาบานไว้เลยว่าถ้าพี่ป่วยหรือใครป่วยอีกจะห้ามเลยเจาะคอ
แต่ตอนนี้มาทราบว่าคุณแม่น้องก๋าก็หายทั้งๆที่เจาะคอ ฉะนั้นคุณแม่พี่ท่านคงถึงเวลาแล้วพี่คงไม่โทษหมอแล้วค่ะ

อายุมากความเจ็บไข้ได้ป่วยถามหาเป็นธรรมดาจริงๆค่ะน้องก๋า ถึงเวลาของเราก็ต้องทำใจจากไปอย่างสงบนะคะ

โหวต Diarest ค่ะ


โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:13:06:23 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า..

เรื่องคุณพ่อคุณแม่ต้องมาก่อนอยู่แล้ว..

ทำทุกวิธีทางคะ..เข้าใจเลยคะ..

ยินดีด้วยที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาได้.

บุญรักษา พระคุ้มครองคะ..



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:13:19:53 น.  

 
สวัสดีครับคุุณก๋า

ชอบที่ว่า
สุขภาพที่เรามีคือผลของการใช้ชีวิตก่อนหน้านั้น
เดี๋ยวนี้เห็นเด็กรุ่นใหม่เก่งหลายด้านเลย
ทำให้บางทีก็แว้บคิดเข้ามาว่า
โห ตอนเด็กเราน่าจะเล่นกีฬา เราน่าจะฝึกภาษา
ทำโน้นทำนี่ให้เป็นทักษะติดตัวมากขึ้น
ตอนอายุมากก็ทำบางอย่างได้
แต่ประสิทธิภาพมันลดลง

ผมเองเรื่องโรคภัยน่าจะมาสายกระดูกและข้อนี่แหละ
เมื่อก่อนยกของหนักไม่ระวัง
นั่งทำงานไม่นึกจะพัก ฯลฯ
ปัจจุบันก็ดูแลและระวังเรื่องพวกนี้มากขึ้น

พูดถึงเรื่องสุขภาพ
ผมชอบฟังรายการ Healthy time FM99
ตอน6-7โมงเช้า จ. ถึง ศ.ครับ

เป็นกำลังใจให้คุณก๋าในทุกๆ เรื่องนะครับ


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:13:35:51 น.  

 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะครับ


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:13:36:26 น.  

 
ผมคิดเหมือนพี่ก๋าครับ ว่า โชคดีที่เราทำงานมาจนมีเงินเพียงพอที่จะรักษาชีวิตของคนที่เรารัก เพราะการเจ็บป่วยบางทีก็บอกไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ แบบคุณแม่พี่ก๋าครับ จากเรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่เลย ถ้ามีเงินไม่เพียงพอ คงต้องคิด ต้องรออะไรอีกหลายอย่าง ผมเชื่อว่า ใครจะบอกว่าเงินไม่สำคัญ เงินซื้อชีวิตไม่ได้ ไม่จริงครับ ทำไมเงินจะซื้อชีวิตไม่ได้ในเมื่อเงินสามารถซื้อ "โอกาส" ในการรักษาเต็มความสามารถได้

อย่างตอนที่หลานติดโควิด เงินนี่แหละครับที่ทำให้หลานได้เข้ารับการรักษา เพราะ รพ เรียกเงินมัดจำจำนวนหนึ่ง วางเงินถึงจะได้รักษา ผมได้ยินมาเยอะ ไม่คิดว่าจะเจอจริงๆ ผมโอนเลยตรงนั้น เอาไปเลย ขอแค่หลานได้ถึงมือหมอ ตอนไป รพ แรก ผมจ่ายเงินสดซื้อยาฟาวิให้หลานเลยจาก รพ ซื้อแพงมากๆ แต่ผมไม่ติดเลย ตอนหาโมลนูพิราเวียร์ให้คุณพ่อ ผมก็ใช้เงินเหมือนกันให้จากไม่มียา กลายเป็น มียา แล้วมาถึงมือเรา

พี่ก๋าเข้มแข็งมากครับ ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับผม ผมก็เซมาก คงใช้ชีวิตไม่ได้เลยช่วงนั้น
แถมพี่ก๋ายังพูดซะคิดเลยครับ ที่บอกว่า ไม่กินเหล้าไม่สูบบุรี่ ออกกำลังกาย แต่พอถึงวัยร่างกายก็ทรุดโทรมลง โรคมันก็มาเอง
ผมเป็นคนนึงที่มั่นใจในสุขภาพร่างกายมากครับว่าร่างกายดีมาก แต่ต้องกลับมาคิดต้องระวังแล้ว

พี่ก๋ารักาาสุขภาพด้วยครับ ความดันคุมอาหารออกกำลังกาย ควบคุมได้ เบาหวานคุมอาหารช่วยได้มากเลยครับ แต่ใด ๆ คือกรรมพันธุ์ด้วย ของฝากจากบุพการีนี่เป้นปัจจัยหลัก ๆ เลยครับ


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:13:50:21 น.  

 
สุดยอดครับพี่ก๋า นี่แหละความพร้อมที่เรามี
พี่ก๋าเลือกทำสิ่งที่ถูกและ 2 ล้านนั้นคุ้มค่ามากครับ

คุมอาหารช่วยได้เยอะจริงๆ ครับ ช่วยหลายๆ เรื่อง คือก็ยังกินได้ แค่ปริมาณเหมาะสม มื้อนีกินแบบนี้แล้ว มื้อหน้าก็เลี่ยงๆ ไป ชีวิตก็ยังมีความสุข สุขภาพก็ดี ตัวเลขสวยงามแบบพี่ก๋าแบบนี้ วินัยสำคัญมากครับ

เอาจริงๆ ผมไม่ใช่คนดื่มเท่าไหร่นะครับ ไม่ได้ดื่มเก่งด้วย
บุหรี่ก็ไม่สูบ น่าจะพอเข้าสมาคมพ่อบ้านตัวอย่างได้ไหมครับ อิอิ


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:14:55:34 น.  

 
ไม่มีเงินเอาชีวิตไว้ไม่อยู่จริงๆ ครับ ทุกวันนี้ผมก็คิดนะว่าเราทุ่มเททำงานเพื่ออะไร สุดท้ายร่างกายพัง เงินก็ไม่ได้ แต่ไม่ทำก็อยุ่ไม่ได้ ประเทศนี้มันอะไรกันกฎหมายแรงงานมันคืออะไร

เรื่องดื่มผมก็ไม่ดื่มนะ บุหรี่ก็ไม่สูบ เหล้าไม่ได้ทำให้คนเมาหรอก แต่คนมันอยากจะเมาจากเหล้าต่างหาก "เมาปะล่ะ" ผมได้ยินคำนี้บ่อยมาก ถ้าดื่มผมไม่ดื่มจนเมาหรอกนะ มันทรมาน


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:16:05:22 น.  

 
คนที่เป็นที่รักเจ็บป่วยมันปวดใจจริงๆ ถึงแม้จะบอกว่าไม่ต้องยื้อ แต่ใจของลูกนี่แหละที่เจ็บปวดยิ่งกว่า ต่างฝ่ายต่างรัก แต่เป็นรักที่อาจมองไม่เห็น

อายุมากร่างกายฟื้นตัวลำบาก น้ำหนักขึ้นก็ลดยากต่างจากสมัยหนุ่มๆ ที่กินทั้งวันแค่เดินนิดหน่อยน้ำหนักยังไงก็ไม่ขึ้น อายุมากขึ้นทำแบบนั้นน้ำหนักขึ้นพรวดๆ เลย


สุดยอดจริงๆ ที่ทำให้การว๊ากหายไปได้ แต่เชื้อร้ายแบบนี้กำจัดยาก อาจมีการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ก็ได้ โดยอ้างทำเนียบที่มีงาม จากความคิดเห็นของคุณกะว่าก๋า น่าตกใจมากที่อาจารย์เห็นดีเห้นงามกับการรับน้องที่ไร้สาระ และหาประโยชน์มิได้


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:16:33:16 น.  

 
สุขภาพสำคัญที่สุดจริงๆ นะครับ ดูแลตัวเองเพื่อดูแลคนรอบตัวด้วย

ถ้าถึงวันนั้นของผม ผมก็อยากไปแบบไม่ทรมานมาก


โดย: สมาชิกหมายเลข 7147732 วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:17:07:51 น.  

 
ทักทายค่ะ ไม่ได้เข้า BG นานมาก
เวลาหายไปกับการฟังเทศน์ออนไลน์
แทบจะมีให้ฟังทั้งวัน บางรายการมีเชคชื่อด้วย
เมื่อวานเปิดดูช่วงหัวค่ำ ไม่เห็นบลอกคุณก๋า

ความไม่โรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ
บางครั้งค่ารักษาพยาบาลก็โหดร้ายเกินไป
เย็น ไม่เคยซื้อหุ้นโรงพยาบาลอะไรสักอย่าง
ไม่เคยเห็นว่าถ้าเราจะมั่งมีจากกำไรจากความป่วยไข้ของคนแล้ว
มันจะเป็นเรื่องดีงาม สำหรับเย็นเองยามป่วยไข้ยังไม่เคยใช้บริการ รพ เอกชนสักครั้ง สองปีก่อนที่นอน รพ.รัฐบาลนั้น
เตียงคนไข้และญาติผู้ป่วยแข็งราวไม้กระดาน
เตียงญาติทั้งแข็งและแคบ กว้างประมาณ 50 ซม.
เย็นก็ยังไม่เคยเห็นเตียงที่ไหนขนาดนี้ ก็รัฐบาลนี่นา
แค่มีเตียงห้องส่วนตัวให้เข้าพัก ก็วิเศษกว่านอนห้องรวมมากมาย
อย่าได้ปริปากให้มากความ จะถูกเครื่องหมายพาดไว้ที่ศีรษะ

เรื่องความเจ็บป่วยก็ปลงค่ะ ทุกคนต้องเดินไปสู่ความตาย
ขอแค่มีสติก่อนตาย ตายไม่ทรมาน และอย่าให้คนมารบกวน
ขอตายสงบก็พอ แต่ทุกอย่างบางครั้งก็เลือกไม่ได้

"แต่ถ้าเราย้อนมองกลับไปดูให้ดี
ก็จะพบว่า “สุขภาพ” ที่เรามี
มันคือ ผลของการใช้ชีวิตก่อนหน้านั้นของเรานั่นเอง"

ข้อความของคุณก๋า มันถูกต้องไม่เพียงแต่สุขภาพ
ทุกอย่างที่เราเป็นเรามี เราคิด เราอยู่ ฯลฯ ก็คือการส่อแสดง
ผลของการใช้ชีวิต ความคิดจิตวิญญาณทั้งหมดของเรา
ก่อนหน้านั้นนั่นเองค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:19:56:42 น.  

 
เพิ่งเข้าบลอกตัวเอง เห็นว่าคุณก๋ามาทักทายเมื่อเช้า
เย็นน่าจะมีเจโต ไม่ได้ดูบลอกนานมากจริงๆ และวันนี้ไม่มีไลฟ์เทศน์ให้ฟังตอนหัวค่ำก็เลยว่าง ตรงดิ่งเข้าบลอกคุณก๋า ตอบเสร็จ
แล้วก็นั่งทำงานนั่นนี่ ลองเปิดบลอกตัวเองถึงเห็นเม้นท์คุณก๋า

มาดามและหลานหมิงหมิงเป็นแล้วหายแล้ว
รอบนี้ คนเป็นอาการไม่มาก ส่วนเย็นมีหลายโรค
อยากได้ยา โมลนูพิราเวียร์ ทั้งที่ยาในรพ รัฐ เอกชนก็มี
แต่ก็ไม่สามารถได้ยานั้นมาได้ ได้แค่ ฟลาวิพิลาเวียร์
ไม่เหมือนท่าน รมต สธ
ก็ไม่ทราบท่านได้หลักเกณฑ์จ่ายยาขั้นพิเศษอะไรถึงได้ยานี้

เย็นและเพื่อนหมอทุกคนก็ไม่สามารถได้ยานี้
พวกเราก็ควักกระเป๋าจ่ายเอง ซื้อจากตลาดมืด
ก็ไม่ทราบมาจากไหน แค่มียาก็พอไม่ต้องถามกันมาก

ยาจากขวดละ 1,500 เย็นต้องซื้อถึง 2,800บาท
ก็ยังดีกว่าไม่ได้ยา ซื้อมาแจกลูกหลานญาติมิตรสนิท สิบกว่าขวด
ติดโรคกันเกือบหมดทั้งตระกูล กินกันแทบทุกคน ก็ไม่มีใครเสียชีวิต

ส่วนยาที่เคยซื้อเก็บไว้ให้คุณแม่ ก็ไม่เก็บแล้วเอาแจกให้คนอื่น
ถ้าคุณแม่ อายุ 80 มีหลายโรค ไม่ได้ยาโมลนูละก้อ
คงยอมไม่ได้แล้วค่ะ

ผ่านมา เกือบสองเดือนแล้ว
ทุกวันนี้ เย็นยังมีอาการไอแทบทุกวัน
ต้องกิน Nac long จึงจะไม่ไอ ซึ่งหาซื้อยากมาก
ได้มา 20 เม็ดจากเชียงใหม่ จังหวัดอื่นหาไม่มี
คุณก๋า รักษาสุขภาพ
ระวังอย่าเข้าใกล้ใครใส่ผ้าปิดปากปิดจมูกไว้ดีสุดแล้วค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:20:46:44 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

เมื่อคืน ดึกมาก เลยโหวดอย่างเดียว เมื่อวานถึงจะได้นอนชด
เชยเพราะตื่นเช้าหาหมอตามนัด แต่ก็ไม่อิ่ม ง่วงมาก อิอิ เลยโหวด
อย่างเดียว
จุดเปลี่ยนของชีวิตตอน3 ตอนพี่ชายเสียอย่างกระทันหัน เฮ้อ!
มันก็เป็นจุดให้ฉุกคิดได้ว่า ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนเลย จากคนที่แข็งแรง เป็นแค่ไข้หวัด จะมาเสียชีวิต เพราะติดเชื้อ พี่เขาคงทำบุญมา
เท่านั้น เนาะ อีกอย่างเขาบอกว่า คนไปก่อนเป็นคนมีบุญ ไม่เจ็บนานอย่างพี่ชาย ครูก็ว่าจริงนะ ต้องมีบุญถึงได้ไปอย่างไม่ทรมาน
เดี๋ยวนี้ทำบุญไหว้พระ ครูก็ขออย่างเดียว ถึงเวลาที่จะต้องไป ก็ขอ
ให้ไปอย่างง่ายดาย ไม่ทุกข์ทรมาน ไม่เดือดร้อนคนอื่น ด้วย
จุดเปลี่ยนครั้งที่ 4 ของบล็อกวันนี้ เป็นเรื่องของแม่ที่ป่วย
อย่างกระทันหัน ต้องเปลี่ยนลิ้นหัวใจ เรียกว่า เป็นจุดวิกฤตของชีวิต
ต้องตั้งสติให้ดี เพื่อแก้ไขเหตุการณ์วิกฤตนั้น ๆ ได้อย่างดี จ้ะ
เหตุการณ์ครั้งนี้ คงได้ข้อคิดในเรื่องการเตรียมตัว เตรียมใจ
รับสภาพของชีวิตซึ่งจะเกิดวิกฤตอะไรขึ้น อันไม่อาจคาดเดาได้
นอกจากการเตรียมพร้อม การมีเงินเก็บสะสมไว้ ยามฉุกเฉิน และ
เงินเป็นปัจจัยที่จำเป็นในบางครั้ง หมดแล้ว สุขภาพดี เราสามารถ
หาใหม่ได้อีก อย่าเสียดาย เป็นอันขาด จ้ะ

โหวดหมวด บันทึกประสบการณ์ชีวิต


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:21:13:28 น.  

 
คุณก๋าครับ

เค้าว่าถ้านั่งทำงาน 45นาทีให้พักที แล้วทอดสายตามองไปไกลๆ กระพริบตาบ่อยๆ ตอนพัก แล้วดื่มน้ำจิบน้ำเรื่อยๆ ครับ
เท่าที่เห็นก็ไม่ยาก แต่เอาจริงมักลืมอยู่เรื่อยเลยครับ ^^

แล้วก็ตอนหยุดพัก ให้นอนคว่ำตัวแล้วยกช่วงอกขึ้น
ท่านี้ช่วยเซฟกระดูกสันหลังได้ทางหนึ่งนะครับ
แต่ไม่ได้ปุบปับ ต้องสม่ำเสมอและเป็นประจำ


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:21:17:24 น.  

 
โรคภัยไข้เจ็บ ยากจะหลีกเลี่ยงค่ะ
ยิ่งเป็นคนที่เรารักคงต้องยื้อใหถึงที่สุดไว้ก่อน

หนูเป็นมาแต่เด็กค่ะ สามว้นดีสี่วันไข้
เพราะป่วยบ่อย เลยขาดโอกาสดีๆในชีวิตไปหลายอย่าง
ทุกวันนี้เป็นความดันอยู่เหมือนกันค่ะ เบาหวานไม่มี
แต่ไขมันปริ่มเพดานแล้ว หมอเติอนแล้ว
ก็มีอาการนั่นนี่ให้ไม่สบายตัวไปแต่ละวัน
ได้แต่รักษาตามอาการไปแต่ละวัน
การหาหมอบ่อย กลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันไปแล้วค่ะ




โดย: NENE77 วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:22:52:48 น.  

 
เห็นด้วยเลยจ้า
และทุกนาทีมีค่าเป็นอย่างยิ่ง


โดย: อุ้มสี วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:23:20:58 น.  

 
พออายุเริ่มเยอะขึ้น สุขภาพนั้นสำคัญจริง ๆ นะครับ ผมไขมัน ความดันมาครบเลยครับ พอคุมอาหาร ออกกำลังกาย ค่าพวกนี้ก็ลดลงมาปกติ วันนี้ผมไปเจาะเลือด ครบ 3 เดือน ไขมันเกินมาอีกละครับ เป็นเพราะผมกินไปเยอะ กินไม่เลือก กินแต่ของอร่อย ออกกำลังหนักก็เอาไม่อยุ่ครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:23:32:42 น.  

 
เวลาป่วยหนัก ทุกคนต่างขอพร ปาฏิหาริย์ บนบานศาลกล่าว
ส่วนผม เรื่องเจ็บป่วย ยังไม่เคยได้คุยกับญาติๆครับ
ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุข ไม่ประมาท

ตั้งแต่่ช่วงค่ำๆ ฝนตกพรำๆหยุดๆตกๆจนถึงเวลานี้ครับ




โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:23:33:29 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องก๋า
จริงคะ พี่เห็นด้วยกับที่น้องเขียนค่่ะ
พีเองก็ไม่ต้องการสายยางต่างๆ
ไม่ต้องการยื้อให้อยู่แบบไม่รู้ตัว
>>>

"“อย่าใช้ชีวิตโดยประมาท”
จึงเป็นประโยคเตือนใจที่ดีอย่างยิ่ง
มันทำให้เราไม่ประมาทในการใช้ชีวิต
ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรเคร่งครัดจนอึดอัดในการทำให้ชีวิตเป็นปกติธรรมดา
อยู่กับโรคแบบเพื่อน ป่วยก็รักษา ป้องกันได้ก็ดูแลไว้ก่อน
อะไรจะเกิดก็เกิด เกิดแล้วเป็นอย่างไรก็รับมือ


โดย: newyorknurse วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:4:53:08 น.  

 
ผ่านพ้นมาได้ ดีมากเลยครับ พวกเราคงต้องต่อสู้ต่อ มากหรือน้อยก็ต้องสู้ครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 3 สิงหาคม 2565 เวลา:5:09:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]