: จุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งที่ 4 :
: จุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งที่ 4 :
พฤศจิกายน 2562
แม่ไปโรงพยาบาลตามนัดเพื่อฉีดยา แต่พอตอนบ่ายมีอาการเพลียอย่างเห็นได้ชัด หมอจึงสั่งให้แอดมิดทันที เพราะมีอาการความดันต่ำ และหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ สามทุ่ม...หมอโทรมาแจ้งว่าแม่ต้องเข้าห้อง ICU (ผู้ป่วยวิกฤต) มีภาวะเสี่ยงต่อหัวใจล้มเหลว หรือหัวใจวายเพราะมีน้ำท่วมปอด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแบบสอดท่อ ไม่สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง เพราะมีอาการเหนื่อยหอบรุนแรง แม่มีกำลังใจดี มีสติตลอดเวลา แม้จะพูดไม่ได้เนื่องจากต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เราสื่อสารกันผ่านการเขียน การยกมือและการพยักหน้า หมอแจ้งให้ทราบว่าแม่มีอาการน้ำท่วมปอด และ ลิ้นหัวใจถูกทำลายจากการติดเชื้อ ยังไงก็ต้องทำการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนลิ้นหัวใจโดยด่วน
หมอนัดผ่าตัดวันที่ 27 พฤศจิกายน ช่วงเวลาบ่าย 4 โมง และอยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลจนถึงวันที่ 12 ธันวาคม 2562 จึงได้ออกจากโรงพยาบาล
เมื่อย้อนมองกลับไป ทุกเวลานาทีมัน คือ “การตัดสินใจ” โดยมีเดิมพัน คือ ชีวิตของแม่ ผมไม่เคยรู้สึกเสียดายเงินค่ารักษาตัวจำนวนมหาศาลนั้นเลย แม่มักจะบ่นว่าเสียดาย ทำงานมาทั้งชีวิต เหมือนเอาเงินให้โรงพยาบาลไปจนหมด แต่ผมกลับมองเห็นว่าเราโชคดีต่างหาก ที่ทำงานจนมีเงินเก็บมากพอจะรักษาชีวิตของแม่ไว้ได้
การป่วยครั้งนี้เกินเลยไปจากที่คาดคิด จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ จากเรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องวิกฤต ได้คุยกับแม่ว่า เอาเข้าจริง “ชีวิต” ที่ว่าเป็นของเรา ก็ไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริงเลย ช่วงขณะป่วย เป็นหรือตายหาใช่อยู่ที่ตัวเรา แต่อยู่ที่กระบวนการรักษา ยา เครื่องมือแพทย์ แพทย์ที่รักษา ตัวเราทำได้เพียงรักษากำลังใจ รักษาพลังชีวิต ให้ความร่วมมือในการรักษาเท่านั้นเอง “อะไรก็เกิดขึ้นได้” และ ชีวิตนั้นเพียงพริบตาเดียวจริง ๆ
หลังจากนั้นผมรู้สึกว่าแม่เข้าใจชีวิตมากขึ้น ปล่อยวางมากขึ้น เห็นความสำคัญของสุขภาพ และ “ทำใจ” ได้เร็วขึ้นเวลาเกิดปัญหาต่าง ๆ
ผมเคยบอกภรรยาและน้องสาวว่า หากผมเกิดอาการป่วยหนัก อย่าได้ยื้อชีวิต ให้ปล่อยผมจากไป อย่าสอดท่อ อย่าต่อสายระโยงระยาง แต่สุดท้ายผมจึงได้รู้ว่า การมีชีวิตอยู่ของเรา บางครั้งก็ต้องเข้าใจความหวังของคนที่ยังอยู่ด้วย แม้เหลือเปอร์เซ็นต์เดียว ทุกคนก็อยากลุ้นปาฏิหาริย์ อยากทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อจะได้ไม่มีอะไรมาติดค้างในใจ
พอแก่ตัวลง อาการป่วย โรคภัยไข้เจ็บก็ถามหาเป็นธรรมดา อย่าว่าแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ตัวผมเองตอนนี้แค่ยกของหนักโดยไม่ระวัง ก็อาจปวดหลังไปเป็นเดือน พออายุเข้าหลัก 40 ความดันสูงถามหา เบาหวานก็มายืนรอปริ่ม ๆ จนหมอเตือน จากที่เคยคิดว่าตัวเอง เหล้าก็ไม่ดื่ม บุหรี่ก็ไม่สูบ ไม่เครียด ไม่เที่ยวกลางคืน สุดท้ายพอวัยถึง ร่างกายก็ทรุดโทรมลงทันที“อย่าใช้ชีวิตโดยประมาท”จึงเป็นประโยคเตือนใจที่ดีอย่างยิ่ง มันทำให้เราไม่ประมาทในการใช้ชีวิต ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรเคร่งครัดจนอึดอัดในการทำให้ชีวิตเป็นปกติธรรมดา อยู่กับโรคแบบเพื่อน ป่วยก็รักษา ป้องกันได้ก็ดูแลไว้ก่อน อะไรจะเกิดก็เกิด เกิดแล้วเป็นอย่างไรก็รับมือ
ยิ่งเติบโตขึ้นข่าวที่รับรู้กลายเป็นข่าวคนรอบตัวทยอยจากไปเรื่อย ๆ จากคนรู้จักห่าง ๆ กลายเป็นคนใกล้ชิด กลายเป็นญาติพี่น้อง“ความป่วยไข้” เป็นครูอีกคนที่เหมือนจะใจร้าย ให้บทเรียนก่อนแล้วค่อยสอน แต่ถ้าเราย้อนมองกลับไปดูให้ดี ก็จะพบว่า “สุขภาพ” ที่เรามี มันคือ ผลของการใช้ชีวิตก่อนหน้านั้นของเรานั่นเอง
Create Date : 02 สิงหาคม 2565 |
Last Update : 2 สิงหาคม 2565 5:26:38 น. |
|
25 comments
|
Counter : 674 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณปัญญา Dh, คุณtanjira, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณmultiple, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณhaiku, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณnonnoiGiwGiw, คุณกิ่งฟ้า, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณmcayenne94, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณNENE77, คุณสองแผ่นดิน, คุณThe Kop Civil, คุณnewyorknurse, คุณไวน์กับสายน้ำ |
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:7:06:34 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:7:36:49 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:8:27:19 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:8:51:31 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:13:06:23 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:16:05:22 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:19:56:42 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:20:46:44 น. |
|
|
|
โดย: NENE77 วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:22:52:48 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:23:20:58 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:23:33:29 น. |
|
|
|
| |