มีนาคม 2566
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
2 มีนาคม 2566

: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - เราอยู่อย่างไร เราตายอย่างนั้น :


: เราอยู่อย่างไร เราตายอย่างนั้น :

เขียน - Pema Chodron
แปล - สดใส ขันติวรพงศ์








ขณะเขียนหนังสือเล่มนี้ Pema Chodron มีอายุ 85 ปี
ท่านได้นำสิ่งที่เรียนรู้และศึกษาในเรื่อง ‘บาร์โด’ มาเรียบเรียงและเขียนขึ้นใหม่
เมื่อเริ่มตระหนักว่าความตายนั้นอยู่ใกล้ตัวเข้ามาเรื่อย ๆ
คนที่ท่านรู้จักเริ่มล้มหายตายจากไปทีละคน ๆ


‘บาร์โด’ คือ แนวคิดและความเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดตามหลักพุทธสายธิเบต
ว่าด้วยช่วงเวลาหลังจากมนุษย์สิ้นลม จะมีช่วงเวลา ‘ก่อนเกิดหลังตาย’
ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต

การอ่านเนื้อหาและคำอธิบายของบาร์โด
ทำให้ผมนึกถึงคำสอนของท่านพุทธทาสที่ว่า


‘ตายก่อนตาย’

‘ความตาย’ มักถูกทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัว หดหู่ เศร้าโศก
เป็นคำอัปมงคลที่ไม่ควรหยิบมาพูดถึง
แต่แท้จริงแล้ว ทุกคนต่างต้องตาย
เราไม่อาจหลบหนีความตายได้เลย
ความตายเกิดขึ้นโดยไม่เลือกเพศ วัย อายุ สถานะทางสังคม
ความรวย ความจน ความโง่ ความฉลาด ความดี ความเลว ฯลฯ

ตายก็คือตาย
เมื่อความตายเดินทางมาถึงประตูชีวิต
เราต่างไม่มีทางเลือก นอกจากการยอมรับความจริง

บาร์โด คือ แนวทางคำสอนเพื่อทำให้เราเข้าใจขั้นตอนของความตาย
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นขณะใกล้ตาย หรือแม้กระทั่งช่วงที่หมดสิ้นลมหายใจไปแล้ว
มนุษย์จะมีลักษณะอย่างไร

จะต้องทำอย่างไรจึงจะให้จิตหรือความคิดของเรา
นำทางไปสู่ภพภูมิที่ดี จากภพภูมิหลังความตายซึ่งมีหลายระดับ
ทั้งนรกภูมิ เปรตภูมิ มนุษย์ภูมิ ไปจนถึงเทพภูมิ

มายาภาพของชั้นนรกสวรรค์
อาจเป็นเพียงวิธีการอธิบายลักษณะของจิตก่อนแตกดับเพื่อให้เข้าใจง่าย
จิตสุดท้ายจึงสำคัญมาก จนอาจกล่าวได้ว่า

“จิตสุดท้าย คือ ตัวกำหนดภพภูมิ” ในแนวคิดของการเวียนว่ายตายเกิด

การใช้ชีวิตอย่างหมกมุ่นมัวเมาอยู่ในกามกิเลส หลงรูป ขลุกอยู่กับอวิชชา
ย่อมนำพาให้จิตสุดท้ายเมามัวอยู่ในตัณหา ราคะ โลภ โกรธ หลง
ทั้งหมดทำให้ ‘ใจไม่สงบ จิตวุ่นวาย’
ซึ่งนั่นอาจทำให้วาระสุดท้ายของชีวิตเต็มไปด้วยความทุรนทุราย เจ็บปวด
โกรธแค้น อาฆาตมาดร้าย กระเสือกกระสน ดิ้นรน ดื้อรั้น
ไม่อยากจากไป หรือจากไปโดยมีห่วงหวงอาลัยอาวรณ์เต็มไปหมดในความรู้สึก

เช่นเดียวกัน หากช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่
เราใช้ลมหายใจไปอย่างดี มีความสุข เปี่ยมศีลธรรม ไม่เห็นแก่ตัว เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
เมตตาการุณทุกสรรพสัตว์ รู้จักฝึกฝนตนเองให้พร้อมรับมือกับความตายอยู่เสมอ
ความตายในวาระสุดท้ายของชีวิต ย่อมสงบ งาม และง่ายอย่างที่ควรจะเป็น

การทำความเข้าใจใน
‘บาร์โด’ จึงต้องฝึกฝนตนด้วย ‘การปฏิบัติธรรม’

‘การปฏิบัติธรรม’ ซึ่งมิได้หมายถึงการนั่งภาวนาหลับตาทำสมาธิ
หรือการพิจารณาคำสอนซ้ำไปซ้ำมาเพียงเพื่อจดจำคำสอนให้ขึ้นใจ
แต่ต้องนำความเข้าใจที่ได้รับจากการฝึกฝนตนไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

หลักใหญ่ใจความของการรู้และเข้าใจ
คือ การรู้ในต้นเหตุแห่งทุกข์ และการหาวิธีที่จะพ้นไปจากทุกข์นั้นให้ได้
เพราะหนึ่งในทุกข์ที่น่าหวั่นกลัวที่สุดของมนุษย์ คือ ‘ความตาย’

ความก้าวหน้าของการปฏิบัติธรรม
คือ การรู้ขั้นตอนและกระบวนการของการเกิดและการตาย
การสิ้นสุดและการเริ่มต้นใหม่
รู้เพื่ออะไร ? --- ก็เพื่อจะได้เตรียมรับมือกับความตายอย่างมีสติ

เมื่อรับมือกับความตายอย่างมีสติ
ความตายนั้นจะกลายเป็นเพียง
‘สิ่งหนึ่ง’
ซึ่งพร้อมเกิดขึ้นกับตัวเราและคนที่เรารักได้เสมอ
ไม่ว่าจะในที่ใดที่หนึ่ง เวลาใดเวลาหนึ่ง

การรู้ว่าเราจะต้องตายแน่ ๆ
ไม่ได้เป็นการทำให้หมดอาลัยตายอยากในการใช้ชีวิต
แต่กลับช่วยทำให้รู้ว่าเราควรใช้ชีวิตให้ดีที่สุด
เพราะที่สุดแล้วทุกคนก็ต้องตาย
ก่อนตายทำไมไม่ใช้ชีวิตให้ดี มีความสุข
ใช้ชีวิตเพื่อก่อเกิดประโยชน์กับตนเองและผู้อื่นให้มากที่สุด
ในฐานะเพื่อนมนุษย์และสัตว์โลกซึ่งได้รับความตายอย่างเท่าเทียมกัน

ตายก่อนตาย คือ ตายจากความหลงผิด ตายจากการไม่ยอมรับความจริง
ตายจากการทุกข์ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ในเรื่องเดิม ตายจากการยึดติดในตัวตน

เราอยู่อย่างไร เราตายอย่างนั้น
เราตายอย่างไร มันก็บ่งบอกชีวิตก่อนหน้านั้นที่เราใช้

หลายคนอาจไม่สนใจธรรมะ คิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ตายเป็นตาย ตายก็ช่าง --- หลายคนคงคิดอย่างนั้น
ซึ่งก็ไม่ได้ผิดบาปอะไร

เพียงแต่การรู้ธรรมะบางข้อเอาไว้ก่อน
ก็ไม่ต่างจากการมีคู่มือที่ดี คอยบอกสอนวิธีรับมือกับสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น
ทำให้รู้ขั้นตอนที่จะเกิดขึ้น เพื่อรับมือกับมันอย่างดีที่สุด

แม้เราจะตายเหมือนกันหมดทุกคน
แต่การตายโดยมีอะไรให้เชื่อมั่น
กับการตายอย่างเคว้างคว้างสับสน
ก็ย่อมนำไปสู่ความแตกต่างในจุดสุดท้ายของชีวิต

ท้ายที่สุด
เราจะมองเห็นตัวเองอย่างชัดเจนขึ้น
เมื่อตระหนักว่าความตายไม่ได้อยู่ห่างจากชีวิตของเราเลย
การใช้ชีวิตไม่เพียงเกิดขึ้นเพื่อ กิน นอน สืบพันธุ์ แล้วตาย
ทำงาน หาเงิน ใช้เงิน แล้วตาย

ก่อนความตายมาเยือน
เราจึงควรค้นพบ ‘คุณค่าและความหมาย’ ที่แท้จริงของชีวิต
ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด ก่อนหมดเวลา
และต้องคืนร่างนี้ไป

เราอยู่อย่างไร เราตายอย่างนั้น
ตายแล้วจะไปที่ใด ?
ใครอยากเกิด ก็ต้องเวียนว่าย
ใครอยากตาย ก็ต้องกลับมาเกิด

มีเพียงการไม่เกิด ไม่ตายเท่านั้น
ที่จะดับสิ้นตัวตน พ้นทุกข์ตลอดกาล
นิพพาน --- ที่จะนำพ้นการเวียนว่ายตายเกิด
ตลอดไป


































Create Date : 02 มีนาคม 2566
Last Update : 2 มีนาคม 2566 4:53:42 น. 17 comments
Counter : 1178 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณเริงฤดีนะ, คุณtanjira, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณอุ้มสี, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณRain_sk, คุณnonnoiGiwGiw, คุณThe Kop Civil, คุณปัญญา Dh, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณทนายอ้วน, คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณSweet_pills, คุณกิ่งฟ้า, คุณnewyorknurse


 
มั่นใจได้แน่นอนว่าวันนี้มาก่อนคุณธัญแน่ๆ
ใครๆ ก็ต้องตาย แต่ทุกคนก็กลัวที่จะตายอยู่ดี
ว่าแต่เมื่อไหร่ลุงนั่นจะตายไปจากการเมืองเสียที



โดย: หอมกร วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:5:27:10 น.  

 
555
เกิดการแย่งกันเจิมบล็อกคุณก๋าซะแล้ว..

ปกติ..บล็อกup ใหม่ทั่วๆไป
จะเป็นพี่ไวน์..
คุณโอเล่ฯ..
ที่เข้ามาเจิม..

แต่บล็อกคุณก๋า..มีFC ประจำ..

ชื่นใจๆ..

เตรียมตัวตาย..มีสติ
Ready to die.
ให้ข้อคิดที่น่าปฎิบัติยิ่งนัก



ก่อนความตายมาเยือน
เราจึงควรค้นพบ ‘คุณค่าและความหมาย’ ที่แท้จริงของชีวิต
ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด ก่อนหมดเวลา
และต้องคืนร่างนี้ไป

เป็นจริง..จริง
สาธุ



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:5:56:20 น.  

 
สวัสดีค่ะก๋า

เมื่อคืนอ่านบล็อกก๋าแล้วก็นอน
คิดถึงคำว่า มาทำไม ?
ก็ไปทวนคำถามเพื่อหาคำตอบนะคะ

หลายคนคงอยากจะเป็นลูกศิษย์ก๋านะคะ
แต่ลูกศิษย์ในที่นี้ของพี่หมายถึง คนที่ได้อ่านงานของก๋า
คนที่ต้องการถามคำถามต่างๆเพื่อหาคำตอบที่ตัวเองหาไม่เจอนั่นแหละค่ะ
หนึงในนั้นก็มีพี่รวมอยู่ด้วย
ก๋าคืออาจารย์ในการใช้ชีวิต ในการคิด ในการกระทำ ในการดำเนินชีวิต ของใครหลายๆคนค่ะ

อ่านอยู่อย่างไร ตายอย่างนั้น ทำให้พี่คิดถึงน้าผู้ชายค่ะ
น้าผู้ชายบอกก่อนเสียว่า น้าพร้อมที่จะไปแล้วเพราะน้าได้ทำทุกอย่างที่อยากทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
น้าผู้ชายนี่สร้างแต่กรรมดีเลยค่ะ เป็นคนที่น่านับถือมากๆคนนึงเลยค่ะ

จริงๆพี่เองก็ไม่กลัวนะคะความตาย แต่ขอแค่อย่าให้เราต้องทรมานก่อนที่เราจะตายเลย
แต่เมื่อถึงเวลานั้นเราก็พร้อมอีกนั่นแหละค่ะ เพราะกรรมที่เราทำจะกำหนดเราเองนะคะ


วันนี้คุณหอมกรมาตัดหน้าไปแล้ว 555

ก๋า มาดาม หมิงหมิง มีความสุขมากๆ รักษาสุขภาพนะคะ


โดย: tanjira วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:7:19:41 น.  

 
เผชิญสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น บางครั้งไม่อยากเผชิญเลย

แต่เลี่ยงไม่ได้ เช่นบิลมาจ่อที่ทิ้งไว้ที่หน้าประตูบ้าน

ค่าไฟที่แสนโหด


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:7:53:21 น.  

 
พี่อุ้มชอบตรงบรรทัดนี้จัง

ก่อนความตายมาเยือน
เราจึงควรค้นพบ
‘คุณค่าและความหมาย’
ที่แท้จริงของชีวิต
ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด
ก่อนหมดเวลา
และต้องคืนร่างนี้ไป

ใช่เลย


โดย: อุ้มสี วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:8:52:14 น.  

 
วันนี้อ่านบทความแนะนำหนังสือพี่ก๋า แล้วรู้สึกใจสงบค่ะ
อาจเพราะได้ฉุกคิดในคำสอน "ตายก่อนตาย" อันนี้ดีเลยค่ะ
ตายอย่างมีสติ

เมื่อคืนดูหงส์ ครึ่งหลังนี่เริ่มอึดอัดค่ะ รอลูกแรกไม่ยิงศักที
จนต้องให้กองหลังอย่างพี่ใหญ่ มาเบิกร่องให้กองหน้าเรา 5555
น้องวินเล่นดีนะคะ ป่วนกองหลังดี เสียได้ลูกที่ยิงได้ไม่ได้ประตู
วันอาทิตย์เปิดบ้านรับผี สู้กันต่อค่ะ

สวัสดียามสายค่ะ พี่ก๋า


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:10:04:30 น.  

 
เคยอ่านเรื่องแนวๆ นี้มาเกี่ยวกับแนวคิดที่ว่า่ จิตสุดท้ายกำหนดภูมิ เขาเลยพยายามให้คนสงบ และนึกถึงสิ่งดีๆ ก่อนจะตายลง ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตั้งอยู่และดับไป


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:10:38:38 น.  

 
อ่านเล่มวันนี้ที่คุณก๋ารีวิว แล้วรู้สึกปลงไปได้เยอะเลยครับ ความจริง เล่มก่อน ๆ ก็ทำให้ผมจิตสงบกว่าเดิมไปแล้วด้วยนะครับ
เมื่อคืนผมนอนไวสี่ทุ่มครึ่ง ตื่นตอนตีห้าครึ่งครับ อดดูลิเวอร์พูลเลย มาดูผลตอนเช้าค่อยโล่งใจหน่อยนะครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:10:57:42 น.  

 
สวัสดีครับคุณก๋า

วันนี้มาอ่านข้อคิดธรรมะครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:11:46:34 น.  

 
สวัสดี ตอนบ่าย ๆ จ้ะ น้องก๋า

หนังสือที่แนะนำวันนี้ " เราอยู่อย่างไร เราตายอย่างนั้น" เป็น
เรื่องที่น่าสนใจเนาะ และคิดว่า เนื้อหา มันก็ตรงกับชื่อเรื่อง ไม่ต้อง
ตีความเลยเนาะ
ที่เธอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือแปลชุดนี้ ได้ความรู้ดี
เนาะ ถึงแม้ว่า เรายังไม่เคยตาย เราไม่รู้เหตุการณ์ในตอนนั้น ๆ
ก็ตาม แต่หากว่า มีนักปราชญ์ นักคิดได้เขียนบรรยายไว้ มันก็เหมือนเราได้แนวทางเตรียมตัวตามนั้น ก็ดีกว่าไม่รู้แนวทางเลยเนาะ
ครูชอบข้อความนี้ จ้ะ
"ตายก่อนตาย คือ ตายจากความหลงผิด ตายจากการไม่
ยอมรับความจริงตายจากการทุกข์ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ในเรื่องเดิม ตายจากการยึดติดในตัวตน" ข้อความนี้ ก็ไม่ต้องคิดหรือตีความเลย
เพราะมันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ถ้าในขณะที่เรายังมีลมหายใจ
อยู่ เราปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เวลาจะต้องจากโลกนี้ไป เราก็จะไม่
ต้องกังวลกับสิ่งที่ไม่ดีที่ได้ทำไปตอนมีชีวิตอยู่ นั่นเอง เนาะ
ที่จริง ครูว่า "ความตายไม่น่ากลัวหรอก เพียงแต่ว่า เราไม่
สามารถรู้ว่า เราจะตายในลักษณะใด เจ็บป่วยนาน หรือ ตายอย่าง
กระทันหัน อิอิ ดังนั้น เวลาสวดมนต์ไหว้พระ ทำบุญ สิ่งที่ครูขอ
ก็คือ ถ้าถึงเวลาที่จะต้องไปจากโลกนี้ ก็ขอให้ไปอย่างไม่ทรมาน
ไปง่าย ๆ ไม่ทนทุกข์ทรมาน จ้ะ แต่ทุกคนก็ไม่สามารถรู้ชะตาชีวิต
ของตนได้ล่วงหน้าเนาะ จึงต้องปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตอนที่ยังมี
ลมหายใจอยู่เป็นดีที่สุด เนาะ

โหวดหมวด แนะนำหนังสือ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:15:09:55 น.  

 
ทุกสิ่งย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา รัฐบาลไทยก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:17:14:19 น.  

 
ตายจากการทุกข์ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ในเรื่องเดิมๆ....
จะบอกว่าการเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ น่าสงสารมากจริงๆค่ะ

ความจริงตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้
บางทีก็คิดว่า จะกดดันตัวเองไปมากมายทำไมเหมือนกันค่ะพี่


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:17:46:32 น.  

 
30คน เยอะมากเลยค่ะพี่ น่ากลัวมากกกก


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:20:44:40 น.  

 
สวัสดีตอนค่ำๆครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:21:01:55 น.  

 
หนังสือน่าสนใจครับ
พร้อมรับมือกับความตายอยู่เสมอ ทำพินัยกรรมให้เรียบร้อย จะได้ไปแบบไม่มีห่วง
ตายก่อนตาย เตรียมตัวให้พร้อมที่จะจากไป
บางคนชราจะลงโลงแล้ว ยังไม่ยอมวางมือ จะเอาที่หามาทั้งหมดไปด้วย



โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 2 มีนาคม 2566 เวลา:22:50:57 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องก๋า พี่กิ่งมาดึกทุกวัน พยายามจะไม่ดึกแต่ก็ดึกทุกที
วันนี้มาอ่านเรื่อง " เราอยู่อย่างไร เราตายอย่างนั้น " ของ Pema Chodron ทำให้หวนคิดถึงตัวเรา ทุกวันนี้รอบๆตัวพี่กิ่งมีแต่ข่าวความตาย เดี๋ยวบ้านโน้นตาย ยังไม่ทันเผา บ้านนี้ตายอีกแล้ว ล้วนแต่เป็นผู้สูงอายุท้้งสิ้น ทำให้อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่า แล้วเราจะอยู่อีกนานเท่าไรนะ เราจะเหลือเวลาของเราเท่าไร คิดแล้วก็ต้องคิดเตรียมตัวก่อนตายไว้เลย เพราะความตายเป็นเรื่องใกล้ตัวเรานิดเดียวจริงๆค่ะ
ฉะนั้นหนังสือเราอยู่อย่างไร เราตายอย่างนั้นล้วนให้ข้อคิดที่ดีกับตัวเราเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่เราจะตายนะคะ

โหวต Book Blog

หลับฝันดีค่ะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 3 มีนาคม 2566 เวลา:0:13:21 น.  

 
วาระสุดท้ายของชีวิตหากเป็นไปในทางที่สงบ ไม่เจ็บปวดทั้งกายและใจ
เท่านี้ความปรารถนาก็ลุล่วงแล้วค่ะคุณก๋า

ขอบคุณมากคุณก๋ามากนะคะสำหรับบทความดีๆและหนังสือดีๆค่ะ

ฝันดีคืนนี้นะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 3 มีนาคม 2566 เวลา:0:46:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]