สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงบ้านเสาแดง ส่งเสริมปลูกมะคาเดเมียนัท


นายพลากร สุวรรณรัฐ องค์มนตรี พร้อมด้วยหม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์ เลขาธิการ กปร. นายจรูญ อิ่มเอิ่มสิน ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักพระราชวัง หม่อมราชวงศ์เศรษฐวัฒน์ จักรพันธุ์ ผู้อำนวยการกองโครงการสัมพันธ์ สำนักราชเลขาธิการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปมอบเครื่องนุ่งห่มกันหนาวและสิ่งของพระราชทานให้แก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงาน สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงบ้านเสาแดง อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ เมื่อวันก่อน

การนี้คณะได้เยี่ยมชมชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรในโครงการฯ และองคมนตรี ได้ไปร่วมกิจกรรมการบำรุงดินใส่ปุ๋ยต้นมะคาเดเมียนัทที่เคยปลูกไว้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา พร้อมมอบต้นกล้าพันธุ์มะคาเดเมียนัท ให้ราษฎรนำไปปลูกขยายผลในพื้นที่ของตนเอง

มะคาเดเมีย เป็นพืชอุตสาหกรรมที่ตลาดโลกมีความต้องการในปริมาณสูง สามารถปลูกทดแทนป่า มีอายุการให้ผลผลิตยาวนาน เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศออสเตรเลีย ต่อมา ได้ปลูกแพร่หลายทั่วโลก รวมทั้ง ประเทศไทย กรมวิชาการเกษตร ได้เริ่มศึกษาและวิจัยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 จนได้พันธุ์ดีแนะนำสำหรับเกษตรกร เช่น พันธุ์เชียงใหม่ 400 ซึ่งเป็นพันธุ์เบา ออกดอกดก ใช้ปลูกร่วมกับพันธุ์อื่น ๆ เพื่อช่วยผสมเกสรได้เป็นอย่างดี

พันธุ์เชียงใหม่ 400 เป็นพันธุ์ที่มีทรงต้นตั้งตรง พุ่มเล็ก ออกดอกเร็วหรืออายุเบา อายุเก็บเกี่ยวสั้น เปลือกของผลบาง เปอร์เซ็นต์เกรด 1 เนื้อใน 34-42% เปอร์เซ็นต์ลอยน้ำ 93-100% น้ำหนักเนื้อใน 1.5-2.7 กรัม จำนวนเมล็ด 175-190 เมล็ดต่อกิโลกรัม เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่อากาศเย็นในที่สูงระดับ 400 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไปการส่งเสริมในพื้นที่เจ้าหน้าที่ได้เน้นให้เกษตรกรปลูกที่ระยะ 8 x 10 เมตร และปลูกพืชแซมระหว่างแถวช่วง 10 ปีแรก ขนาดหลุม75x75x75 เซนติเมตร หรือ 1x1x1 เมตร ขึ้นกับความอุดมสมบูรณ์ของดิน รองก้นหลุมด้วยหินฟอสเฟตหลุมละ 1-2 กก. ร่วมกับปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยหมัก

แนะนำให้น้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยในระยะติดผล และผลกำลังพัฒนางดการให้น้ำ และให้ตัดแต่งกิ่งระยะแรกที่เริ่มปลูกคือ6-12 เดือนแรก เพื่อบังคับให้มีกิ่งหรือต้นประธานเพียง 1 กิ่ง เมื่อกิ่งประธานสูงเกิน 80-100 ซม. และยังไม่แตกกิ่งข้างก็เด็ดยอดกิ่งประธานออก เพื่อให้กิ่งข้างแตกอย่างน้อย 2 - 3 กิ่ง และเลือกกิ่งตั้งตรงเพื่อใช้เป็นกิ่งประธานต่อไป หลังติดผลจะตัดเฉพาะกิ่งที่เป็นโรคและแน่นเกินไป

การปลูกบนที่สูง มะคาเดเมีย จะออกดอกช่วง พ.ย.-ธ.ค. และ ก.ค.-ส.ค. อายุตั้งแต่ดอกบานถึงแก่ประมาณ 6 - 9 เดือน ขึ้นกับสถานที่ปลูก มะคาเดเมียเมื่อแก่ จะร่วงลงพื้น หลังเก็บผลต้องรีบกะเทาะเปลือกเขียวข้างนอกออก เพราะถ้าผลกองรวมซ้อนกันมาก ๆ จะเกิดความร้อนทำให้เนื้อในคุณภาพไม่ดี การเก็บเมล็ดหลังกะเทาะเปลือกนอกต้องผึ่งในที่ที่มีลมพัดผ่านสะดวกหรือวางบนตะแกรงเป็นชั้น ๆ เพื่อลดความชื้นก่อนเข้าตู้อบเพื่อกะเทาะเปลือกแข็ง
ในพื้นที่ที่ส่งเสริมการปลูกพบว่า หลังปลูก 4-5 ปี จะเริ่มให้ผลผลิตโดยในปีแรกให้ผลผลิตประมาณ 1-3 กก./ต้น และเพิ่มขึ้นทุกปี จนอายุ 10 ปีขึ้นไป ก็จะให้ผลผลิต 20-30 กก./ต้น เมื่ออายุ 20 ปี ขึ้นไปให้ผลผลิต 40-60 กก./ต้น

เป็นต้นไม้ที่สามารถมีอายุได้ไม่น้อยกว่า 50 ปี สำหรับการขายผลผลิตนั้นสามารถขายในรูปเมล็ดทั้งกะลา ที่ความชื้นประมาณ 10-15% หรือกะเทาะกะลาออกและขายเนื้อในดิบ ที่ความชื้นประมาณ 1.5–3% จะได้ราคาดี.



Create Date : 08 มกราคม 2558
Last Update : 8 มกราคม 2558 8:49:39 น. 0 comments
Counter : 642 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 1556306
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]










เครื่องปั่นไฟ เครื่องพ่นยา
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1556306's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.