Group Blog
 
All Blogs
 
พสกนิกรชาวไทยปลื้มปิติและถวายการต้อนรับ แด่..สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสประมุขชาวคริสต์โรมันคาทอลิก

        blog KU-ABC "พสกนิกรชาวไทยปลื้มปิติและถวายการต้อนรับ
             แด่.. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสประมุขชาวคริสต์โรมันคาทอลิก "

        
                                                                        เตือนใจ เจริญพงษ์

พสกนิกรชาวไทย ทุกเชื้อชาติ ศาสนา
ต่างปลื้มปิติ และ พร้อมใจกันถวายการต้อนรับ
แด่...
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสประมุขของชาวคริสต์โรมันคาทอลิก
   " Viva IL Papa ด้วยรัก และศรัทธา "

ในวโรกาสจะเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทย ตามคำเชิญของรัฐบาลไทย
และสภาประมุขแห่งบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย
ระหว่าง วันที่ 20-23 พฤศจิกายน ศกนี้



การเสด็จของพระองค์ครั้งนี้ มีชื่ออย่างเป็นทางการ
ว่า APOSTOLIC JOURNEY OF HIS HOLINESS FRANCIS TO THAILAND

ซึ่งการเสด็จมาเยือนเมืองไทยครั้งนี้เป็นเหมือนกับ
การที่ “พ่อเดินทางมาเยี่ยมลูก ๆ”
............................................................................................................................

แม้ว่าประเทศไทยมีชาวคริสต์โรมันคาทอลิก จำนวน 388,468 คน
เขตศาสนปกครอง (มิสซัง) 11 เขต ประกอบด้วย
พระสงฆ์ นักบวช 848 รูป มีวัด 526 แห่ง ก็ตาม
แต่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก กับ เมืองไทย
มีความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นมายาวนาน
นับตั้งแต่ สมัยกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่จะมีการสถาปนา “มิสซังสยาม”
เมื่อปี พ.ศ. 2212
............................................................................................................................

กว่า 500 ปี มาแล้วที่คริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก
ได้ก่อกำเนิดในประเทศไทย ซึ่งปรากฏหลักฐานว่า
มิสชันนารีคณะโดมินิกันเข้าสู่ประเทศไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1511
ก่อนที่คริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกจะหยั่งรากอย่างมั่นคง
เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ ที่ 9 ทรงสถาปนา “มิสซังสยาม”
หรือ Apostolic Vicariate of Siam เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2212
ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของศาสนจักรคาทอลิกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
............................................................................................................................

นอกจากการเผยแพร่ศาสนาแล้ว
มิสชันนารี และ คริสตชนคาทอลิกได้นำวิทยาการจากตะวันตก
เข้ามาช่วยพัฒนาประเทศไทย ในด้านต่าง ๆ
อีกทั้งยังประกอบกิจเมตตาสาธารณกุศล
แก่ประชาชนโดยทั่วไป สังเกตจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์
จะพบความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ระหว่างการเผยแพร่ศาสนาคริสต์
กับความเจริญทางการศึกษา และการแพทย์-สาธารณสุข
............................................................................................................................

เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2527 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2
เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะ
จากวันนั้นถึงวันนี้ ที่คริสตชนคาทอลิก รอคอยจะได้รับเสด็จ
สมเด็จพระสันตะปาปา กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรอบ 35 ปี
............................................................................................................................

ความสัมพันธ์เมื่อครั้งประวัติศาสตร์ ของไทย-สำนักวาติกัน
ปรากฎชัดเจนว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2440
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ รัชกาลที่ 5
ได้เสด็จไปทรงเข้าเฝ้า สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13
ต่อมา รัชกาลที่ 7 และ สมเด็จพระบรมราชินีก็เสด็จไปเข้าเฝ้าด้วยเช่นกัน
สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 11 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2477
และครั้งล่าสุด รัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ
ได้เสด็จไปเข้าเฝ้านักบุญยอห์น ที่ 22 พระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2503



พระศาสนจักรคาทอลิก ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Catholic Church
หรือ คนไทยจะรู้จักกันดีใน ชื่อ " โรมันคาทอลิก "
ภาษาอังกฤษ คือ Roman Catholic Church
เป็นคริสตจักรขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีศาสนิกชนนับถือมากกว่าพันล้านคน
มีพระสันตะปาปา เป็นประมุขของศาสนา โดยมีหน้าที่หลัก
ได้แก่ การแสดงข่าวดีของพระเยซู , โปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ ,
ปฏิบัติกิจเมตตา
............................................................................................................................

ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกาย Roman Church จะเรียกตนเองว่า คริสตัง
Roman Catholic เป็นสถาบันทางศาสนาที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก
อีกทั้ง ยังมีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของอารยธรรมตะวันตก
Roman Catholic มีคำสอนอันแน่วแน่ คือ Roman Catholic
เป็นคริสตจักรอันแท้จริง
............................................................................................................................

เพียงสถาบันเดียว ซึ่งก่อตั้งจากพระเยซูแท้ๆ 
ซึ่งมีมุขนายก เป็นผู้สืบทอดมาจากอัครทูตของพระองค์
อีกทั้ง ยังมีพระสันตะปาปา ซึ่งสืบตำแหน่งมาจาก Saint Peter
โดย ชาว Catholic ถือว่าตนเองเป็นคริสตจักรของแท้ดั้งเดิม
มุ่งเน้นไปที่การสอนอย่างถูกต้อง มีความศรัทธา
และศีลธรรมอย่างไม่มีข้อผิดพลาด
............................................................................................................................

นอกจากนี้ ศาสนจักรยังมุ่งเน้น ไปที่ความสำคัญของพิธีบูชาขอบพระคุณ ,
สอนว่า ขนมปัง และ เหล้าองุ่น เมื่อเสกแล้ว จะเปลี่ยนเป็นพระมังสะ
และ พระโลหิตจริงของพระเยซู อีกทั้งยังให้ความสำคัญ
แก่พระ The Blessed Virgin Mary เป็นพิเศษ มีความเชื่อว่า
พระแม่ได้รับเกียรติ ให้ขึ้นสวรรค์หลังจากมรณกรรม
............................................................................................................................

โดยชื่อของ Roman Catholic ได้มาจากประเพณี
ซึ่งตั้งกรุง Rome เป็นจุดรวมของคริสต์ศาสนา
อีกทั้งยังเป็นที่อยู่ของ สำนักของสันตะปาปา
โดยดำรงตำแหน่งเป็นสังฆราชแห่งกรุงโรม
รวมทั้งเป็นหัวหน้าใหญ่ของสังฆราชทั่วโลก
ทำให้กลายเป็นหัวหน้าของคริสต์ศาสนนิกชน
Roman Catholic ทั่วโลกอีกด้วย
............................................................................................................................

ส่วนคำว่า Catholic แปลว่า Universal
เปรียบได้ดั่ง กับศาสนา ซึ่งเป็นสากลสำหรับทุกคนจากทุกเชื้อชาติ ,
ทุกชั้นในสังคม คริสต์ศาสนนิกชน Roman Catholic
จะไม่ถือว่าตัวเองเป็นนิกาย แต่ยึดถือว่าตัวเองเป็นคริสต์ศาสนา
ของจริงผู้ซึ่งสืบทอดมาจากอัครสาวก
รวมทั้งถือว่าเป็นศาสนจักรของพระเยซูอันแท้จริง
............................................................................................................................


การปกครองของศาสนจักรคาทอลิก
Roman Catholic มีการวางกฎ ระเบียบ ในเรื่องของการบริหาร
ทั้งของศาสนจักร และ วินัยของสงฆ์ อย่างเข้มงวด ในการบริหาร
มีผู้นำสูงสุด ได้แก่ สันตะปาปา หรือ Pope ผู้ประจำการแห่งกรุงโรม
ตำแหน่งรองลงมา คือ Cardinals เปรียบได้กับผู้ช่วยของสันตะปาปา
Cardinals ถูกคัดเลือกอย่างเข้มงวดมาจากประเทศต่าง
เพื่อเดินทางมาทำหน้าที่บริหารโดยตรง ณ Vatican
............................................................................................................................


ขอนำพระราชประวัติของพระสันตะปาปาฟรังซิส
พระประมุขศาสนจักรโรมันคาทอลิก ลำดับที่ 266

และพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ทรงเป็นพระสันตะปาปาลำดับที่ 266



มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ แบร์โกลิโอ
ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2479
ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
............................................................................................................................

ด้านการศึกษา
ทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาเคมี
จากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส และประกาศนียบัตรสาขาวิชาปรัชญา
จาก Colegio Maximo San Jose ทรงเป็นอาจารย์วิชาวรรณกรรมและจิตวิทยา
ที่ Colegio de la Inmaculada และ Colegiodel Salvador
นอกจากนั้น ทรงศึกษาวิชาเทววิทยา (theology)
และดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ทางเทววิทยา
ที่มหาวิทยาลัย Facultades de Filosofia y Teologiade San Miguel
............................................................................................................................

ด้านศาสนา
พระองค์ทรงเข้าศึกษาในสามเณราลัย
และได้ปฏิญาณตนเป็นนักบวชคณะแห่งพระเยซูเจ้า (เยสุอิต)
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1958 ต่อมาทรงบวชเป็นพระสงฆ์
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1969 สำหรับตำแหน่งสำคัญทางศาสนา
ก่อนได้รับเลือกขึ้นเป็นพระสันตะปาปา พระองค์ทรงได้รับแต่งตั้ง
จากนักบุญยอห์นปอล ที่ 2 พระสันตะปาปาให้ดำรงตำแหน่งอาร์ชบิชอปแห่ง
เขตศาสนปกครองกรุงบัวโนสไอเรส ต่อมาได้รับการสถาปนาสมณศักดิ์
ขึ้นเป็นพระคาร์ดินัลเมื่อปี ค.ศ. 2001
............................................................................................................................

ระหว่างที่ทรงดำรงตำแหน่งอาร์ชบิชอปแห่งกรุงบัวโนสไอเรส นั้น
พระองค์ทรงดำรงชีวิตแบบสมถะ เช่น มักเดินทางโดยใช้รถประจำทาง
หรือ รถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อไปปฏิบัติศาสนกิจ และ เยี่ยมเยียนคนยากจน
ทรงประทับอยู่ในห้องชุดเรียบง่าย ทำอาหารด้วยพระองค์เอง
ชาวบัวโนสไอเรสโดยทั่วไป รู้จักพระองค์ในนาม “คุณพ่อฮอร์เก้”
............................................................................................................................


ต่อมาหลังจากที่ สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16
ทรงสละสมณศักดิ์เมื่อ พ.ศ. 2556
พระองค์ทรงได้รับเลือกตั้งจากคณะพระคาร์ดินัล
ในการประชุม “คอนเคล็ฟ (conclave)”
ให้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาสืบแทนนักบุญเปโตร
หรือ เซนต์ปีเตอร์เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2013
............................................................................................................................


เมื่อทรงตอบรับตำแหน่ง " พระสันตะปาปา "
พระองค์ทรงเลือกใช้พระนามว่า “Franciscus” ในภาษาละติน
หรือ “Francis” ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมาจากนามของนักบุญฟรังซิส
แห่งอัสซีซี ผู้ก่อตั้งคณะนักบวชฟรังซิสกัน ผู้ถือความยากจน
สนใจ และ เอาใจใส่ผู้ด้อยโอกาส ส่งเสริมสันติภาพ และรักษ์สิ่งแวดล้อม
ถือเป็นการเยือนประเทศไทยในรอบกว่า 40 ปี
...........................................................................................................................

ผู้คนทั่วโลกประทับใจพระราชจริยวัตรอันงดงามของพระองค์ ดังนี้
............................................................................................................................

1.
สมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส ทรงเคยมีพระดำรัสว่า
พฤติกรรมการอนาจารเด็ก เปรียบเสมือนโรคเรื้อนที่ลุกลาม
ไปทั่วนิกายโรมันคาทอลิก พระองค์ประกาศการเผชิญหน้า
กับปัญหาการทำอนาจารเด็กของเหล่านักบวช
ด้วยมาตรการเด็ดขาด ทรงออกกฎหมายศาสนจักร (canon law) ใหม่
ให้ปลดหัวหน้าบาทหลวง (บิชอป) ออกจากความเป็นพระ
หากปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตูล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

อ้างอิง
https://www.catholicnewsagency.com/.../pope-francis-changes-c...
............................................................................................................................


2. ในเดือนเมษายน  ปี ค.ศ. 2019 สมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส
ได้ทรงแหวกธรรมเนียมของสำนักวาติกัน ด้วยการก้มพระวรกายลงจูบยังเท้า
ของผู้นำการเมืองในซูดานใต้ ขณะที่ทั้งสองมาเข้าเฝ้าที่พระราชวังพระสันตปาปา
ในนครรัฐวาติกัน สร้างความตะลึงให้กับคนทั้งโลก

“ ข้าพเจ้าขอในฐานะพี่น้อง จงรักษาสันติภาพ ข้าพเจ้าขอร้องจากใจ “
 อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น พระองค์ทรงเคยก้มลงล้างเท้าและจุมพิตเท้าของผู้ป่วยโรคเอดส์ โดยไม่ถือพระองค์

อ้างอิง
https://www. reuters.com/…/pope-feet-of-south-sudan-l…

............................................................................................................................


3. ทรงเปิดให้คนยากไร้และคนจรจัดในกรุงโรมใช้บริการซักผ้าฟรี
โดยมีเครื่องซักผ้าอัตโนมัติ ตู้อบผ้า และผงซักฟอกให้บริการสัปดาห์ละ 4 วัน
ภายในโรงพยาบาลเก่าใกล้กับสำนักวาติกัน

อ้างอิง
https://www.independent.co.uk/…/pope-francis-free-launderet…

............................................................................................................................

 
 4.
แบรนด์รถยนต์หรูสัญชาติอิตาลี “ลัมโบร์กีนี”
เคยถวายรถยนต์ลัมโบร์กีนี อูราคาน รุ่นพิเศษ ตัวรถถังเป็นขาวคาดด้วยแถบสีทอง
คล้ายกับธงประจำนครวาติกัน ให้แก่ สมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส
แต่พระองค์ทรงตัดสินใจนำรถคันดังกล่าว ออกประมูลเพื่อการกุศล
ซึ่งถูกประมูลไปในราคา 809,375 ยูโร หรือประมาณ 30 ล้านบาท

อ้างอิง
https://cruxnow.com/…/popes-white-lamborghini-up-for-raff…/

............................................................................................................................

 
5. ทรงกล่าวประนามอุตสาหกรรม การผลิตอาวุธว่า
เป็น “อุตสาหกรรมบาป” และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้
ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าเป็นชาวคริสต์อีกต่อไป

อ้างอิง
https://www.theguardian.com/.../pope-francis-says-those-in-we...

............................................................................................................................


6. ปี ค.ศ. 2016 ทรงฉลองวันพระราชสมภพอายุครบรอบ 80 ปี
ด้วยการรับประทานอาหารเช้า กับ คนไร้บ้าน จำนวน 8 คน
ภายในสำนักวาติกัน นอกจากนั้น ยังได้มอบเค้กวันเกิดแจกจ่าย
ไปยังคนยากจนและคนไร้บ้านในกรุงโรม กว่า 1,500 ชิ้น

อ้างอิง
https://catholicherald.co.uk/.../pope-frasis-eats-with-home.../

...........................................................................................................................


7. ปี ค.ศ. 2019 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
ทรงเสด็จเยือนกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)
ในการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อเยี่ยมเยีนยชาวคริสต์ในดินแดนแห่งอิสลาม
และสร้างสันติระหว่างศาสนา

อ้างอิง
https://www.bbc.com/news/world-middle-east-47106204
............................................................................................................................


8. โป๊ปฟรานซิส เคยเปรียบเทียบการทำแท้งว่า เหมือนการจ้างฆ่าคน
เนื่องจากการทำแท้งเป็นการกำจัดใครบางคน และกำจัดมนุษย์คนหนึ่ง
ก็เหมือนการใช้วิธีจ้างมือสังหารเพื่อแก้ปัญหา

อ้างอิง
้https://www.nytimes.com/.../eur.../pope-abortion-sick-fetus.html
..........................................................................................................................


9. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้ออกมาคัดค้านโทษประหารชิวิต
ในคุกทุกกรณี โดยถือเป็นการเปลี่ยนคำสอนของศาสนาคริสต์นิการคอทอลิก
ซึ่งก่อนหน้านี้ในคำสอนได้ระบุว่า โทษประหารชีวิตอาจนำมาใข้ได้ในบางกรณี
และอาจเป็นวิธีการที่ดีในการปกป้องความดี

อ้างอิง

https://www.bbc.com/news/world-eurpe-45042130
............................................................................................................................


 ประโยคที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสตรัสซ้ำบ่อยๆ

คือ “จงอย่าเหน็ดเหนื่อยที่จะเป็นผู้เมตตา”
ไม่เพียงแสดงถึงพระเมตตา พระองค์ยังทรงเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตเรียบง่าย สมถะ
### และทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่ได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลแแห่งปี ค.ศ.2013 โดยนิตยสารไทม์
............................................................................................................................

จาริกเพื่อสันติภาพ-เสวนาระหว่างศาสนา
............................................................................................................................


สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสเสด็จเยือนไทยครั้งนี้
เป็นการเสด็จเยือน ตามคำเชิญของรัฐบาลไทย
และ สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย
ซึ่งสำหรับพระองค์แล้ว นี่คือ การจาริกเพื่อสันติภาพ
ดังคำกล่าว ในการแถลงประกาศ ครั้งแรกที่ว่า

..........................................................................................................................

“ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงมีความโสมนัสยิ่ง
ที่การเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยครั้งนี้
เป็นการจาริกเพื่อสันติภาพ และเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนา
พระองค์จะประกอบพิธีมิสซาแบบสาธารณะ 2 ครั้ง คือ
สำหรับบรรดาคริสตชนคาทอลิกทั่วประเทศ และ
อีกครั้งเป็นพิเศษสำหรับบรรดาเยาวชน”

............................................................................................................................


 อ.ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย ที่ปรึกษาสมณสภาสื่อสารสังคม สำนักวาติกัน
.........................................................................................................................


กล่าวถึง การที่สมเด็จพระสันตะปาปาเสด็จเยือนที่ต่าง ๆ ว่า
พระองค์ผู้เป็นประมุข ในฐานะบิดา ต้องการจะไปเยี่ยมลูก ๆ ของพระองค์
ถึงแม้พระองค์อายุมาก และสุขภาพไม่สมบูรณ์ แต่พระองค์ปรารถนาจะไปเยี่ยมเยียน
คริสตชน และประชากรทั่วโลก เพื่อจะนำสันติ ความรัก ความปรารถนาดี
ไปมอบให้
............................................................................................................................

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงให้ความสำคัญกับสันติภาพมาก
และพระองค์ทรงเน้นย้ำเสมอว่า เราทุกคนควรเสียสละตนเองเพื่อช่วยเหลือ
ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ไม่มีการกระทำใดที่เป็นการเสื่อมเสียเกียรติ และ ศักดิ์ศรี
หากการทำนั้นสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ให้รอดพ้นจากความเจ็บปวดได้
ดังที่ อ.ชัยณรงค์ยกตัวอย่างเหตุการณ์
............................................................................................................................

ที่พระองค์พยายามสร้างสันติภาพ เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีซูดานใต้
เข้าเฝ้าพระองค์ ที่วาติกัน พระองค์ทรงก้มลงจูบเท้าของเขา
แล้วพูดว่า “โปรดช่วยกันสร้างสันติเถิด”

............................................................................................................................

อนึ่ง การเยือนไทยครั้งนี้ไปรษณีย์ไทยได้จัดสร้างแสตมป์ชุดพิเศษ
“โป๊ปฟรังซิสเยือนไทย” ขึ้น

โดย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมมือกับ
สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย
จัดทำคอลเลกชันแสตมป์ชุดพิเศษในรูปแบบของแสตมป์ส่วนตัว (iStamp)
เพื่อเป็นที่ระลึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
พระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก และพระประมุขแห่ง นครรัฐวาติกัน
เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 20 – 23 พฤศจิกายน 2019

...................................................................................................


สำหรับแสตมป์ประกอบด้วยภาพหลักของการเสด็จเยือนฯ
และภาพ “โป๊ปฟรานซิส” จากเอกสารเผยแพร่ทางการบนแสตมป์ 4 ดวง
พร้อมคิวอาร์โค้ดสแกนชม MV “ให้รักเป็นสะพาน” ของเหล่าบรรดาศิลปิน
ดารา นักร้อง ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
..........................................................................................................................


นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยกำหนดจัดนิทรรศการแสตมป์ชุดพิเศษ
นำเสนอเส้นทางจาริกเพื่อสันติสุขของ “โป๊ปฟรังซิส”
ในการเสด็จไปเยือนประเทศต่างๆ ตลอด 7 ปี รวม 50 ประเทศ
ระหว่างปี 2556 – 2562 ผ่านดวงแสตมป์ที่ระลึกของแต่ละประเทศ
รวมถึงพระประวัติโดย สังเขป ณ พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรสามเสนใน สะพานควาย
ในช่วงของการเสด็จเยือนฯ พร้อมจำหน่ายซีดีให้ “รักเป็นสะพาน”
ที่ระลึกภายในนิทรรศการดังกล่าวในราคาแผ่นละ 99 บาท
โดยส่วนหนึ่งของรายได้มอบให้แก่สภาประมุขบาทหลวงฯ สำหรับสาธารณประโยชน์ต่อไป
............................................................................................................................

หมายกำหนดการการเยือนไทยครั้งนี้ของพระองค์  คือ

ในวันที่ 19 พฤศจิกายน เวลา 19.00 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 ดอนเมือง
ในวันที่ 20 พฤศจิกายน เวลา 12.30 น. ซึ่งจะมีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ
ณ ท่าอากาศยาน จากนั้นเสด็จไปที่สถานเอกอัครสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย
ซึ่งเป็นสถานที่ประทับตลอดการเยือนประเทศไทย

.
สำหรับศาสนกิจเสด็จเยือนไทยของพระองค์ มีดังนี้
วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน
09.00 น. ทรงร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ บริเวณลานด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล
จากนั้นทรงพบนายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล ข้าราชการคณะทูตานุทูต
และทรงปราศรัยภายในตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
10.00 น. เสด็จเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร)
ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
11.15 น. เสด็จโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์เพื่อประทานโอวาท
แก่บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลคาทอลิก 4
โรงพยาบาล จากนั้นเสด็จอวยพรผู้ป่วยผู้สูงอายุ ภายในอาคารร้อยปีบารมีบุญ
โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ จากนั้นเสด็จกลับไปเสวยพระกระยาหารกลางวัน
ณ สถานเอกอัครสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย
16.55 น. เสด็จเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
18.00 น. เสด็จทำพิธีบูชาขอบพระคุณ หรือพิธีมิสซา โดยสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเทศน์
ณ สนามศุภชลาศัย
............................................................................................................................

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน
10.00 น. ทรงพบกับคณะบาทหลวงนักบวช นักพรต สามเณร ผู้ฝึกหัด ครูคำสอน
และทรงปราศรัย ภายในวัดคาทอลิกนักบุญเปโตร อ.สามพราน จ.นครปฐม
11.00 น. ทรงพบบรรดาบิชอปของไทยและบิชอปของสหพันธ์สภาบิชอปแห่งเอเชีย (FABC)
และทรงปราศรัย ณ สักการสถานบุญราศีนิโคลาสบุญเกิด กฤษบำรุง
11.50 น. ทรงพบคณะนักบวชเยสุอิตในประเทศไทยภายในห้องด้านหลังสักการสถานบุญราศี
นิโคลาสบุญเกิด กฤษบำรุง จากนั้นเสด็จกลับไปเสวยพระกระยาหารกลางวัน
ณ สถานเอกอัครสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย
15.20 น. ทรงพบผู้นำคริสตชนนิกายต่าง ๆ ผู้นับถือศาสนาอื่น ๆ ในประเทศไทย
บรรดาผู้นำสถาบันการศึกษา คณาจารย์ นิสิตนักศึกษา พร้อมทั้งทรงปราศรัย
ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
17.00 น. เสด็จทำพิธีบูชาขอบพระคุณสำหรับเยาวชน โดยสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเทศน์
ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก
............................................................................................................................

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน
09.15 น. พิธีการอำลาส่งเสด็จ ณ ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6
กองบัญชาการกองทัพอากาศ อาคาร 2 ดอนเมือง
09.30 น. เครื่องบินพระที่นั่งออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครมุ่งสู่กรุงโตเกียว
17.40 น. เสด็จถึงท่าอากาศยานกรุงโตเกียว-ฮาเนดะ มีพิธีการต้อนรับ ณ ท่าอากาศยาน
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก วิกิพีเดีย
............................................................................................................................

เตือนใจ เจริญพงษ์ กรรมการชมรมวิชาการนิสิตเก่า มก.
ผู้ post เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2562
มี ดร.ประมุข เพ็ญสุต KU 33 เป็นประธาน
( KU ALUMNI BRAIN CLUB ) KU-ABC “

 


Create Date : 19 พฤศจิกายน 2562
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2562 11:33:11 น. 0 comments
Counter : 1113 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณปลาทองสยองเมือง


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 5498498
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชมรมวิชาการนิสิตเก่า มก.
( KU ALUMNI BRAIN CLUB ) KU-ABC
…เกิดจากการรวมตัวของเพื่อนๆ KU 33 ส่วนหนึ่ง
มีองค์ประกอบดังนี้
ก. ดร.วิทูรย์ สิมะโชคดี เป็นที่ปรึกษา
ข. นายเชิดศักดิ์ วงษ์กมลชุณห์ เป็นที่ปรึกษา
1. ดร.ประมุข เพ็ญสุต ประธาน
2. ศ.ดร.จริงแท้ ศิริพานิชย์ กรรมการ
3. นายชัยวุธ ชัยพันธ์ กรรมการ
4. พลตรีไชยสิทธิ์ ตันตยกุล กรรมการ
5. นางเตือนใจ เจริญพงษ์ กรรมการ
6. นางนงลักษณ์ ติรศรีวัฒน์ กรรมการ
7. อาจารย์นิตยา ทับทิมทัย กรรมการ
8. ดร. ปกรณ์ อุ่นประเสริฐ กรรมการ
9. อาจารย์ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา กรรมการ
10. นางพัจนา ปัญจมรัศม กรรมการ
11. ดร.รัตนาภรณ์ ธรรมโกศล กรรมการ
12. นายสินชัย สวัสดิชัย กรรมการ
13. นางสุชีลา ธีรภรณ์ กรรมการ
14. นางสุพรรณี จันทโรจน์ กรรมการ
15. นายอดิศักดิ์ จงจิระศิริ กรรมการ
16. นางสาวอรทัย เอื้อตระกูล กรรมการ
17. รศ.ดร.อรพิน เกิดชูชื่น กรรมการ
18. นางอภิญญา รุจิธารณวงศ์ กรรมการ
เพื่อขับเคลื่อนเจตนารมย์ในการรวบรวมสาระความรู้ /ผลงานวิชาการด้านต่างๆของนิสิตเก่ามาเผยแพร่และแบ่งปันแก่สาธารณชน เมื่อ 2 กันยายน 2562 โดยนางเตือนใจ เจริญพงษ์ กรรมการชมรมเป็นผู้นำเสนอ post ทาง bloggang ของพันทิป หวังอย่างยิ่งว่าเนื้อหาของ blog คงให้ประโยชน์แก่สังคมคะ





Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5498498's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.