เคสที่หนึ่ง ในสวนผมจะเต็มไปด้วยแมงมุม ไม่ว่าจะไปทางไหนก็เจอแต่แมงมุม(บางทีถางๆหญ้าอยู่โดนแมงมุมกัดก็มี) เจ้าแมงมุมหลากหลายเผ่าพันธุ์จะกระจายกันอยู่ทั้งตามยอดหญ้า ลำต้น คลอดจนถึงปลายยอดไม้  โดยจะคอยชักใยดักกินแมลงที่มารบกวนพืชที่เราปลูก ทำให้ประชากรแมลงศัตรูพืชลดลงไปไม่น้อย

แมงมุมขักใย

เคสที่สอง ต้นไม้ไหนมีมดแดงเยอะ แมลงศัตรูพืชอย่างเช่น หนอนชนิดต่างๆก็จะน้อยเพราะมดแดง จัดการคาบกลับรังหมด ทำให้เราไม่ต้องมานั่งฉีดยาไล่แมลงอะไรทั้งสิ้น..แต่จะ เด็ดสะระตี่นิดนึงตอนเก็บผลผลิตนะครับ 55

เคสที่สาม มีช่วงนึงที่มีมดดำชอบคาบเพลี้ยมาไว้ตามต้นฝรั่ง ลูกฝรั่ง และ ต้นถั่วฝักยาวเป็นจำนวนมาก ..ที่มันคาบเพลี้ยมาปล่อยเพราะมันต้องการดูดเลี้ยงจากเพลี้ย(เพลี้ยก็ดูดสารอาหารจากพืชอีกทีนึง)

ช่วงนั้นผมก็ไม่ว่าง เลยไม่ได้ฉีดสมุนไพรอะไรไล่่มันเลย… ปรากฏว่าสักพัก จำนวนเพลี้ย และมดดำ ได้เบาบางลงไป และมีมด ตัวสีดำเหมือนกันแตตัว่ใหญ่กว่าเข้ามาแทน ผมไม่แน่ใจว่าเป็นมดอะไรเหมือนกัน แต่จากการสังเกตสันนิษฐานว่า มดดำตัวใหญ่มาห้ำหั่นมดดำตัวเล็กที่เป็นตัวการคาบเพลี้ยมาปล่อย

มดดำตัวใหญ่ ก็จะคอยกินหนอนและแมลงเล็กๆด้วยครับ ดังรูปเป็นมดดำที่กำลังปลุกปล้ำลากหนอนกลับไปที่รัง (รังมดอยู่ในดิน เมื่อมดย่อยสลายอาหารที่คาบไปไว้ในรัง ก็ทำให้ดินมีธาตุอาหารเพิ่มขึ้นอีกทางนึง)

สรุป เคสที่สามนี้ผมสามารถแก้ปัญหา มดดำคาบเพลี้ยมาปล่อย ได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ไม่ยุ่งกับมัน ปล่อยมันไปตามเป็นตามธรรมชาติ นั่นแหละถึงเป็นที่มา ของชื่อที่ว่า “เกษตรกรรมธรรมชาติ”

เคสที่สี่ บริเวณสวนผมอุดมไปด้วยสัตว์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก(ครึ่งบกครึ่งน้ำ) อย่างพวก กบ เขียด อึ่งอ่าง คางคก  สัตว์เหล่านี้แหละที่คอยทำหน้าที่ควบคุมแมลงชนิดต่างๆไม่ให้มีมากจนเกินไป พวกคางคกก็จะคอยกระด๊อกกระแด๊กกินแมลงตามผิวดิน ส่วนพวกเขียดก็จะสกิลสูงหน่อยสามารถปีนป่ายไม่กินแมลงบนต้นไม้ได้ ..ถ้าอยากให้มีสัตว์เหล่านี้เยอะๆต้องรักษาคุณภาพของน้ำให้ดี อย่ามีสารเคมีเจือบนครับ

เคสที่ห้า สัตว์จำพวกเลื้อยคลานขนาดเล็กก็มีประโยชน์ เช่น จิ้งจก กิ้งก่า จะคอยควบคุมแมลงในจุดที่อยู่สูง ส่วนจิ้งเหลนก็จะคอยควบคุมแมลงด้านภาคพื้น โดยจะคอยกินมดด้วย จิ้งเหลนถือเป็นผู้คุมประชากรมดที่มีประสิทธิมากครับ

ที่มา //www.penthaifarm.com/insect/