|
||||||
แปลเพลง - 7 Years - Lukas Graham - เพลงที่สะท้อนถามความหมายชีวิตคุณ ตอนนี้คุณอยู่ที่จุดไหนบนแผนที่ชีวิตของคุณครับ? สิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้ว่ายังมีคนเข้ามาอ่านบล๊อกนี้คือจำนวนเค้าเตอร์ที่นับว่าเปิดอ่านกี่ครั้งครับ (กับคอมเม้นต์ที่นานมากๆถึงจะมีสักครั้ง) ถึงแม้รู้ว่ามีคนอ่านน้อยมากๆ หรือสิ่งที่ทำอยู่มันไม่มีคุณค่ากับผู้อ่านแต่ก็ยังจะทำต่อไป หากต้องการสนับสนุนผลงาน ขอเชิญติดตามได้ที่ Blockdit นะครับ คุยกันหน่อย ทักทายกันบ้างก็ดีครับ https://www.blockdit.com/superficiallynot จะค่อยๆทยอยนำผลงานเดิมขึ้นไปและลงผลงานใหม่สลับกันไปครับ
วันนี้มีรีเควสให้แปลเพลงนี้ครับ 7 Years จาก Lukas Graham ผมเพิ่งเคยรู้จักศิลปินและเพลงนี้ครับ แต่พอได้ฟังแล้วก็สนใจเพลงนี้ขึ้นมาทันทีครับเพราะทั้งเนื้อหาและทำนองของเพลงโดยสรุปนั้นเป็นคำถามเชิงปรัชญาชีวิตที่กระตุ้นเตือนให้เราดูชีวิตตัวเองแล้วหาคำตอบของตัวเอง โดยมีสิ่งที่พ่อแม่เคยบอกไว้เป็นแรงบันดาลใจในการคิดครับ เหมือนกับว่าเค้าได้มองเห็นแนวโน้มของชีวิตตัวเองในอนาคตผ่านชีวิตในปัจจุบันของพ่อแม่ และสิ่งที่คิดได้จะเป็นคำตอบที่จะผลักดันชีวิตให้ก้าวต่อไปในทิศทางชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สวัสดีครับ หายไปนานมากๆ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับชีวิตครับ ก็ยังคงใช้เวลาเกือบทั้งหมดของชีวิตในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงนี้ และเพลงนี้ช่างเป็นเพลงที่ดีเหลือเกินที่ได้แปลในช่วงที่ชีวิตเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
7 Years - Lukas Graham
Source: Lukas Graham Official Youtube Channel
Once I was 7 years old My mama told me, "Go make yourself some friends, or you'll be lonely." Once I was 7 years old
It was a big, big world, but we thought we were bigger Pushing each other to the limits, we were learning quicker By 11,smoking herb and drinking burning liquor Never rich, so we were out to make that steady figure
Once I was 11 years old My daddy told me, "Go get yourself a wife, or you'll be lonely." Once I was 11 years old
I always had that dream, like my daddy before me So I started writing songs, I started writing stories Something about that glory, just always seemed to bore me 'Cause only those I really love will ever really know me
Once I was 20 years old My story got told Before the morning sun,when life was lonely Once I was 20 years old
I only see my goals, I don't believe in failure 'Cause I know the smallest voices, they can make it major I got my boys with me, at least those in favor And if we don't meet before I leave, I hope I'll see you later
Once I was 20 years old My story got told I was writing about everything I saw before me Once I was 20 years old
Soon we'll be 30 years old Our songs have been sold We've traveled around the world, and we're still roaming Soon we'll be 30 years old
I'm still learning about life My woman brought children for me So I can sing them all my songs And I can tell them stories Most of my boys are with me Some are still out seeking glory And some I had to leave behind My brother, I'm still sorry
Soon I'll be 60 years old My daddy got 61 Remember life, and then your life becomes a better one I made a man so happy when I wrote a letter once I hope my children come and visit once or twice a month
Soon I'll be 60 years old Will I think the world is cold, or will I have a lot of children who can warm me. Soon I'll be 60 years old
Soon I'll be 60 years old Will I think the world is cold, or will I have a lot of children who can warm me. Soon I'll be 60 years old
Once I was 7 years old My mama told me, "Go make yourself some friends, or you'll be lonely." Once I was 7 years old
Once I was 7 years old
เจ็ดขวบ
ครั้งนึงตอนที่ชั้นอายุเจ็ดขวบ แม่บอกกับชั้นว่า "หาเพื่อนไว้นะ ไม่งั้นต่อไปลูกจะต้องเหงา" นั่นคือตอนที่ชั้นอายุเจ็ดขวบ
โลกนี้ใหญ่มากๆ แต่ตอนนั้นเราพากันคิดว่าตัวเองใหญ่กว่า ต่างผลักดันกันและกันให้ถึงขีดจำกัด ซึ่งทำให้เราเรียนรู้ได้เร็วขึ้น พออายุสิบเอ็ดก็หัดดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ไม่เคยมีเงินเยอะ เราเลยต้องออกไปหารายได้ที่มั่นคง
ในตอนอายุสิบเอ็ด พ่อบอกกับชั้นว่า "ลูกต้องมีเมียนะ ไม่งั้นต่อไปลูกจะต้องเหงา" นั่นคือตอนที่ชั้นอายุสิบเอ็ด
และชั้นก็มีความฝันนั้น เหมือนกับที่พ่อของชั้นเคยฝัน ชั้นจึงเริ่มแต่งเพลง เริ่มเขียนเรื่องราว ชั้นมักจะเบื่อเรื่องที่เกี่ยวกับความรุ่งเรือง เพราะมีเฉพาะกลุ่มคนที่ชั้นรักจริงๆเท่านั้นถึงจะรู้จักชั้นจริงๆ
ครั้งนึงตอนชั้นอายุยี่สิบ เรื่องราวของชั้นก็ถูกถ่ายทอดออกไป เป็นช่วงก่อนที่ชีวิตชั้นจะดีขึ้น ช่วงที่ชีวิตยังเปลี่ยวเหงา นั่นคือตอนที่ชั้นอายุยี่สิบ
ชั้นมองเห็นแต่เพียงเป้าหมายและไม่เชื่อเรื่องความล้มเหลว เพราะชั้นรู้ว่าแม้แต่เสียงที่เล็กที่สุดก็สามารถโดดเด่นขึ้นมาได้ ชั้นมีเพื่อนๆอยู่ข้างกาย อย่างน้อยก็เพื่อการนี้ และหากเราไม่ได้เจอกันก่อนที่ชั้นจะไป ก็หวังว่าจะได้พบกันใหม่
ครั้งนึงตอนชั้นอายุยี่สิบ เรื่องราวของชั้นถูกถ่ายทอดออกไป เรื่องราวที่ชั้นเขียนจากทุกๆสิ่งที่ชั้นได้เคยพบมา นั่นคือตอนที่ชั้นอายุยี่สิบ
อีกไม่นานเราจะอายุสามสิบ เพลงของเราขายได้แล้ว เราได้เดินทางรอบโลก และเราก็ยังคงเดินทางอยู่ นั่นคืออีกไม่นานในตอนที่เราอายุสามสิบ
ชั้นยังคงเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิต ชั้นจะมีภรรยาและมีลูก ชั้นจะได้ร้องเพลงและเล่าเรื่องราวของชั้นให้พวกเค้าฟัง เพื่อนๆก็ยังคงอยู่กับชั้น มีบ้างบางคนที่ยังออกไปตามหาความฝัน และมีบางคนที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง เพื่อนเอย ชั้นยังคงเสียใจอยู่
และอีกไม่นานชั้นคงจะอายุหกสิบ ขณะนี้พ่อชั้นอายุหกสิบเอ็ดแล้ว ชีวิตเธอจะดีขึ้นหากเธอจดจำช่วงเวลาในชีวิตได้ ชั้นทำให้ผู้ชายคนนึงมีความสุขมากเพียงแค่ได้รับจดหมายจากชั้นนานๆครั้ง ชั้นหวังว่าลูกๆของชั้นคงทำได้ดีกว่า ด้วยการมาเยี่ยมชั้นครั้งสองครั้งต่อเดือน
อีกไม่นานชั้นก็จะอายุหกสิบ ถึงตอนนั้นชั้นจะคิดว่าโลกมันโหดร้ายเย็นชารึเปล่านะ? หรือว่าชั้นจะมีลูกหลานมากมากมายคอยทำให้ชั้นรู้สึกอบอุ่น ในตอนที่ชั้นอายุหกสิบ
อีกไม่นานชั้นจะต้องอายุหกสิบแล้ว ถึงตอนนั้นชั้นจะคิดว่าโลกมันโหดร้ายเย็นชารึเปล่านะ? หรือว่าชั้นจะมีลูกหลานมากมากมายมาทำให้ชั้นรู้สึกอบอุ่นได้ ในตอนที่ชั้นอายุหกสิบ?
ครั้งนึงตอนที่ชั้นอายุเจ็ดขวบ แม่บอกกับชั้นว่า "หาเพื่อนไว้นะ ไม่งั้นต่อไปลูกจะต้องเหงา" ในตอนที่ชั้นอายุเจ็ดขวบ
ครั้งนึงชั้นอายุเจ็ดขวบ
อรรถาธิบาย
อ่านบทแปลแล้วรู้สึกถึงความเป็นปรัชญาของเพลงและเกิดคำถามกับตัวเองขึ้นบ้างรึเปล่าครับ? เพลงนี้เป็นการระลึกถึงตัวเองในช่วงชีวิตต่างๆ ซึ่งบางช่วงชีวิตนั้นมีอะไรที่ต้องพูดถึงหลายอย่าง แต่ด้วยทำนองของเพลงที่จำกัดต่อเรื่องที่ต้องการเล่าจึงต้องตัดช่วงเวลาเดียวกันออกเป็นหลายๆ verse ครับ เพลงนี้ไม่มีศัพท์ยากเลยแม้แต่คำเดียว ดังนั้นมีเพียงความหมายเพิ่มเติมจากคำธรรมดาๆที่ไม่ธรรมดาในจุดสำคัญๆที่ต้องอธิบายครับ
มีคำถามชีวิตอะไรเกิดขึ้นกับคุณหลังจากอ่านบทแปลและคำอธิบายเหล่านี้บ้างรึเปล่าครับ? เพลงนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เรารู้ว่าชีวิตของคนเราคือการเดินทางจากประสบการณ์นึงไปยังอีกประสบการณ์นึงครับ หากเราแบ่งชีวิตเป็นช่วงเวลาแบบนี้ เราอาจจะมองเห็นชีวิตตัวเองชัดขึ้นและถามกับตัวเองได้ว่า หากเรายังใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป ชีวิตในช่วงเวลาเหล่านั้นของเราจะเป็นยังไง? และเรายังอยากให้เป็นแบบนั้นอยู่มั้ย? ถ้าไม่อยากให้เป็นแบบนั้น แล้วเราอยากให้มันเป็นแบบไหน? แล้วเราต้องทำอะไรเพิ่มเพื่อให้มันเป็นไปได้อย่างที่เราหวังเอาไว้? ซึ่งสุดท้ายแล้วเราจะได้คำตอบสำหรับตัวเองครับ คำตอบที่จะผลักดันชีวิตให้ก้าวต่อไปในทิศทางชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นจะเป็นการสร้างคุณค่าความหมายของชีวิตเราต่อไปครับ
Happy thinking ครับ :)
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต mambymam Home & Garden Blog ดู Blog สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog หอมกร Movie Blog ดู Blog AppleWi Beauty Blog ดู Blog Close To Heaven Food Blog ดู Blog เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog pantawan Health Blog ดู Blog คนบ้านป่า Pet Blog ดู Blog Karz Music Blog ดู Blog ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น โหวตไว้ก่อนค่ะ น่าจะอ่านกันยาว ;) นานๆมาทีนึง อ่านกันจุใจเลยค่ะ อ่านแล้วก็ติดอยู่นิดนึงค่ะ แบบมันปิ๊งขึ้นมาหนะ ทำไมพ่อถึงต้อง 61 และเค้าพูดถึงตัวเองในตอนที่ 60 คะ มันน่าจะมีอะไรหน่อยๆมั๊ยคะพี่ ช่วงเวลาที่ห่างกันหนึ่งปี สะท้อนถึงความรู้สึกผิดต่อพ่อรึป่าว (I made a man so happy when I wrote a letter once) ถึงพ่อลูกไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่ แต่เค้าเองก็อยากให้ลูกหลานของเค้าให้เวลาเค้ามากกว่า เมื่อตอนที่เค้าอายุ 60 (I hope my children come and visit once or twice a month) นี่ถ้าปล่อยให้เลย 60 ไปและตัวเอง 61 ละก้อ มันอาจจะเป็นเหมือนพ่อของเค้าตอนนี้ก็ได้นะ เดาว่าเค้าเป็นลูกคนเดียวค่ะ เลยต้องหาเพื่อน ลูกคนเดียวก็งี้ละ โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 30 เมษายน 2559 เวลา:0:21:31 น.
แวะมาเยี่ยมค่ะ
ไว้มาอ่านตอนกลางวันนะคะ Karz Music Blog รักษาสุขภาพด้วย พี่ก็ได้แต่เตือนคนอื่น ตัวเองสุขภาพไม่เคยดี โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2559 เวลา:22:15:00 น.
ขอบคุณนะคะ คุณต้น
ส่วนมากพี่นั่งสมาธิเพียงเพื่อกำหนดใจให้สงบและ สวดมนต์ภาวนาเท่านั้น ช่วงนี้สมาธิจริงๆเข้าไม่ถึง แล้วค่ะ หูส่วนกลางไม่ดีแล้ว ทำให้เวียนหัวง่าย ถึงขนาดบ้านหมุน ต้องกินยาให้อาการนี้สงบไปก่อน พี่กลับมาอ่านด้วยค่ะ เป็นการแปลและให้อรรถาธิบาย ในหลายๆเรื่องเป็นอย่างดี คุณต้นน่าจะได้ทำบ่อยๆ เป็นวิทยาทานนะคะ ขอบคุณมากค่ะ โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2559 เวลา:9:36:49 น.
ขอคำอ่านได้มั้ยครับ
โดย: vong IP: 115.87.126.175 วันที่: 8 สิงหาคม 2559 เวลา:18:38:06 น.
ชอบการแปลมากค่ะ เพลงทำให้เราระลึกอะไรได้หลายๆอย่าง เป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตได้ดี
โดย: fangfd IP: 180.183.20.184 วันที่: 3 กันยายน 2559 เวลา:13:22:27 น.
อยากได้คำอ่านค่ะ
โดย: มด สากล IP: 188.165.240.145 วันที่: 10 กันยายน 2559 เวลา:20:18:32 น.
ชอบเพลงนี้มากครับ
โดย: oat IP: 118.175.21.43 วันที่: 26 กันยายน 2559 เวลา:15:32:47 น.
เป็นการใส่ความหมายและการแสดงความคิดได้ดีเยี่ยมค่ะ ขอชื่นชมนะค่ะ
โดย: แตงโม IP: 202.60.204.167 วันที่: 8 กันยายน 2560 เวลา:13:11:57 น.
ขอบคุณมากนะคะ 🙏 สำหรับสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้
โดย: น้ำตาล IP: 110.168.53.253 วันที่: 28 ธันวาคม 2564 เวลา:0:08:32 น.
อ่านจนจบแล้งก็คือ สะเทือนใจแปลกๆเลย ขอบคุณที่แปลและวิเคราะห์มาให้อ่านนะคะ.
โดย: Enen IP: 110.169.129.160 วันที่: 29 เมษายน 2565 เวลา:20:22:47 น.
ดีมากๆครับ
โดย: ชวนชม IP: 171.97.249.154 วันที่: 17 สิงหาคม 2566 เวลา:22:54:52 น.
|
Karz
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 126 คน [?] สงวนลิขสิทธิ์ Group Blog All Blog
Friends Blog
|
|||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
โหวตให้เลยค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Max Bulliboo Literature Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Travel Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
ก้นกะลา Music Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog
อุ้มสี About Weblog ดู Blog
ช่างอาร์ต Literature Blog ดู Blog
monkey(thai) Travel Blog ดู Blog
Karz Music Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น